จุดสูงสุด
เมื่อเช้าเพื่อนผมชวนไปเที่ยวทะเล บอกว่าจะไปเสม็ด สนใจอยากไปหรือเปล่า สนใจสิครับผมบอกแต่มันก็ติดปัญหาบางอย่างที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปดี
อย่างแรกเพื่อนผมไปกันเป็นคู่ สองคนสองคู่ ไอ้ผมก็ตัวคนเดียว...กลัวว่าไปแล้วจะไปขัดจังหวะสวีทของพวกมัน อีกอย่างก็คือมันฉุกละหุกมากเกินไป ผมข่อนข่างจะตั้งตัวไม่ทัน ธรรมดาเวลาผมจะไปเที่ยวผักผ่อนต่างจังหวัดไม่ว่าจะไปที่ไหนผมมักรู้ตัวล่วงหน้าประมาณหนึ่งอาทิตย์เป็นอย่างต่ำเพื่อการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมอะไรหลายๆอย่าง แต่ครั้งนี้ผมรู้ตัวล่วงหน้าไม่ถึงหนึ่งวัน นัดวันนี้ไปเสม็ดพรุ่งนี้ ตายสิครับอย่างนี้ผมคงไม่พร้อมแน่ๆ ที่สำคัญแม้ว่าครั้งนี้ผมอยากจะไปเสม็ดแค่ไหน แต่ผมไม่ค่อยมีใจเท่าไหร่ ไม่มีกะจิตกะใจจะไปนะครับว่าอย่างนั้นก็ได้
ผมไม่เคยไปเสม็ดครับ เคยเห็นแต่ในรูป ทะเลสวยมาก หาดทรายสวย น้ำทะเลก็น่าเล่น
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมโทรไปหาเพื่อนสมัยเรียนว่าจะโทรไปถามสารทุกสุขดิบ พอได้คุยถามว่าอยู่ที่ไหน เพื่อนบอกว่าอยู่ที่เสม็ด ผมละตกใจนิดๆ ไปอยู่ได้ไง ไปทำอะไรกัน เพื่อนบอกว่าไปเที่ยวพักผ่อนนะสิถามมาได้ ผมละรู้สึกอิจฉาในใจเล็กๆ ผมถามว่าเสม็ดเป็นอย่างไรบ้าง ยังสวยเหมือนในรูปหรือเปล่า เพื่อนบอกว่าธรรมชาติยังดีเหมือนเดิมยังไม่ถูกทำลายเท่าไหร่ ยังสวยเหมือนเดิม
ไอ้คำว่ายังสวยเหมือนเดิมนี่แหละครับทำให้ความอิจฉาเพิ่มทวีคูณขึ้นอีกหลายเท่า เพื่อนผมเคยไปสองสามครั้งแต่ผมไม่มีโอกาสได้ไปเลยสักครั้ง
ผมเป็นคนที่มีนิสัยชอบท่องเที่ยว ชอบพบปะธรรมชาติ ผมว่าประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งมาก ผมมีโอกาสได้ไปไม่กี่แห่ง ยังมีอีกหลายที่มากที่ผมอยากจะไปสัมผัสแต่ยังไม่ได้ไป ก็ได้แต่คิดละครับ
ตอนที่เพื่อนชวนไปเสม็ดบอกผมตอนเช้า ผมไม่ได้ให้คำตอบไปตรงๆหรอกครับ แต่บอกว่าขอเวลาคิดดูก่อนแล้วจะโทรไปบอก ขอเวลาคิดดูก่อนผมก็ไม่รู้ว่าผมจะใช้เวลาคิดดูก่อนมากมายสักเท่าไหร่ เพื่อนบอกว่าให้เวลาคิดถึงตีสี่เพราะตีสี่จะไปขึ้นรถที่เอกมัย ยังไงก็ให้ผมตัดสินใจเร็วๆด้วย
ผมใช้เวลาคิดดูก่อนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดโน้นคิดนี่ ไปยังไง ไปนอนที่ไหน ไปกี่วัน กลับวันไหนอะไรประมาณนั้น
ในเรื่องที่พักนั้นเพื่อนบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะจองห้องพักไว้แล้ว ไปถึงตอนเช้าก็เข้าพักได้เลยมีที่นอนพร้อม แบบว่าไปสบายๆ แต่ในเรื่องที่ผมคิดว่าไม่สบายเรื่องหนึ่งก็คือ เวลานี่แหละครับ เพราะว่าไปสองวันหนึ่งคืนออกเช้าวันเสาร์กลับเย็นวันอาทิตย์
สองวันหนึ่งคืนผมคิดในใจ จะเหนื่อยไหมเนี่ย นั้งรถก็เหนื่อยแล้วยังต้องเก็บแรงไว้ไปเที่ยวด้วยภายในระยะเวลาที่กำหนดคือสองวันหนึ่งคืน อีกทั้งเช้าวันจันทร์ยังต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานประจำอีก
แต่เพื่อนผมก็อยากไปกันอยู่แล้วเพราะว่าไปกันเป็นคู่นี่ ส่วนผมตัวคนเดียว...คู่เคียงเตียงหมอนอะไรก็ไม่มีกับเขา ไม่รู้ว่าไปแล้วจะต้องวางตัวอย่างไร
เอ่อ...ที่จริงผมก็มีคนที่จะให้ไปด้วยนะ แต่ทำไมผมไม่คิดจะชวนก็ไม่ทราบ จะว่าเบื่อก็ได้ จะว่าไม่อยากให้ไปด้วยก็ได้ หรือบางทีผมอยากไปคนเดียว ผมยังคงเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปทำให้คนเปลี่ยนไป คำพูดนี้จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ มันใช้ได้กับเฉพาะบางคนเท่านั้นแหละ รวมไปถึงผมด้วย
ผมมีความผูกพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง เรารู้จักกันมานานมากแล้ว ผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่เวลาที่ผ่านไปทุกขณะทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่าง และทำให้ ผมเปลี่ยนไป ผมเองก็ไม่เคยรู้สึกตัวหรอกว่าตัวเองเปลี่ยนไปแบบไหนอย่างไร จนกระทั้งเพื่อนๆ และเธอคนนั้นบอกผม
ความรู้สึกที่เปลี่ยน ความจริงมากมายที่ผมไม่เคยรู้ ทั้งๆเป็นพฤติกรรมของตัวผมเอง
เสียงบอกกล่าวจากรอบข้างทำให้ผมได้รู้ซึ้งถึงความเปลี่ยนไปของตัวเอง ผมอาจจะไม่เคยพูด ไม่เคยแสดงออกอย่างชัดเจน บางสิ่งบางอย่างผมเก็บกักไว้ในใจ ในทุกท่าทีที่แสดงออกของผม
แต่ภาษากาย คำพูดบางคำ การแสดงออกที่เป็นธรรมชาติ อย่างไม่เป็นธรรมชาติของผม มันก็พอที่จะบอกเป็นนัยๆให้คนอื่นได้รับรู้ว่าผมกำลังดำเนินชีวิตไปในทิศทางไหน
ผมรู้จักกับเธอคนนั้นเป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่เคยสนใจ สำหรับผมตอนนี้เวลาเป็นเพียงส่วนประกอบในการตอบคำถามของเธอว่า เราคบกันนานแค่ไหนแล้ว รู้จักกันวันที่เท่าไหร่ ที่ไหน ผมจำได้ไหมก็แค่นั้นเองจริงๆ
ผมพบกับเธอที่ร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง วันนั้นผมไม่ได้ต้องการเสื้อใส่สักตัวหรอก แต่ผมเดินผ่านแล้วเกิดสะดุดตาเธอ หัวใจพองโต ลมหายใจกระจุกแน่นอยู่ที่ลำคอ ความใคร่อยากรู้จัก อยากพูดคุยประดังเข้ามาจนทะลักหัวสมอง
แต่วันนั้นผมก็ยังไม่กล้าพอที่จะเข้าไปพูดคุยกับเธอ ผมได้แต่เดินโฉบไปโฉบมาหน้าร้าน และอีกอย่างผมคิดว่าคงไม่สะดวกที่จะเข้าไปตอนนี้เพราะว่า วันนั้นที่ร้านของเธอมีลูกค้าเยอะมาก ผมเห็นว่าจังหวะไม่ค่อยดีเลยถอยฉากกลับมาก่อน
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้าเตรียมความพร้อมทุกอย่าง เสื้อกับกางเกงตัวเก่ง ทรงผมจัดเป็นระเบียบ สภาพร่างกายทุกส่วนของผมต้องดูดีที่สุด ไปถึงที่ร้านของเธอ ขณะนั้นลูกค้าไม่ค่อยเยอะมา ร้านของเธอขายเสื้อผ้าผู้หญิง ผมก็ไม่ใช้ผู้หญิงซะด้วย อีกทั้งเสื้อผ้าผู้ชายในร้านเธอก็ไม่มีเลยสักตัวเดียว จะทำยังไงดีละผมคิดแผนการในใจ
ผมเดินเข้าไปในร้านทำทีเลือกเสื้อผ้า เธอเดินเข้าทักทาย ถามไถ่ว่าต้องการอะไร ไม่น่าเชื่อว่าตาผมคงไม่ฝาดไป ผมสบตาเธอ มองดูเธอใกล้ๆ ไม่เหมือนกับเมื่อวานที่ผมเห็นเธอไกลกว่านี้ เธอสวยมา จมูกคม ตาโต ผมสีดำขลับ ผิวพรรมเนียนขาวสะอาดตา แต่ตัวก็ดูดีน่ารักไปหมด หัวใจผมชักพองโตกว่าเดิมแฮะ
ผมสูดลมหายใจเข้าเบาๆหนึ่งครั้งเกรงจะมีพิรุธให้เธอเห็น บอกเธอว่าจะมาหาซื้อของขวัญให้น้องสาว ไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี พอดีเห็นน้องบ่นๆว่าอยากได้เสื้อ เห็นว่าเสื้อร้านนี้สวยเลยลองแวะเข้ามาดู
เธอยิ้มให้ผมหนึ่งครั้ง ใจเกือบละลาย เธอบอกว่าในช่วยเลือกไหมมีแบบมาใหม่ๆเยอะเลย สวยๆทั้งนั้น ผมรับคำเต็มใจอย่างยิ่งครับ
เธอหยิบเสื้อผ้า กางเกงมาให้ผมดูสองสามตัว ผมดูก็ว่าสวยดี แต่น้องผมต้องใส่เสื้อผ้าขนาดไหนเบอร์อะไรละ ผมก็ไม่รู้ซะด้วย เพราะผมไม่มีน้องนะสิ
แล้วน้องคุณรูปร่างเป็นอย่างไร ตัวแค่ไหนละคะ เธอถามผมพอดี
ผมหยุดคิดนิดนึงก่อนตอบไปว่า ก็ตัวประมาณ อืม...ประมาณ ประมาณคุณ คุณ คุณ... ผมย้ำคำนี้สามครั้งเป็นการบอกนัยๆว่าผมจะถามชื่อละนะ
...คะ เธอบอกชื่อของเธอ ชื่อก็น่ารักแฮะผมยิ้มในใจ ผมให้เธอลองเสื้อผ้าให้ดูสองสามชุด ไม่ว่าเธอจะลองชุดไหนก็ดูสวยงามเพลินตาไปหมด ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยใจซะแล้ว เพราะว่าถ้าเธอลองเสื้อผ้าเยอะกว่านี้มีหวังผมต้องซื้อเหมาทั้งร้านแน่ๆ
ผมตัดใจที่ชุดสวยสองชุดจ่ายสตางค์ อ้าวจบแล้วเหรอผมคิดในใจ ทำไงต่อดีได้แต่ชื่อ เบอร์อะไรก็ไม่ได้เลย ยังไงดี
ไม่รอช้าผมเดินเข้าถามเธอว่ามีนามบัตรไหม เพื่อว่าชุดที่ซื้อไปน้องใส่ไม่ได้จะได้มาเปลี่ยน เธอบอกว่าถ้าน้องผมใส่ไม่ได้ก็มาเปลี่ยนที่ร้านได้
ผมคิด มาเปลี่ยนที่ร้านได้ แสดงว่าผมมีโอกาสได้มาอีกใช่ไหมเนี่ย ผมว่าจะมาพรุ่งนี้เลยเพราะน้องผมใส่ไม่ได้หรอก ผมไม่มีน้อง แฮะๆ
แต่เรื่องดีๆก็เกิดขึ้น เธอให้นามบัตรมา เป็นนามบัตรที่ร้าน เธอบอกว่ามีอะไรก็โทรมาได้
สำเร็จ ผมอุทานในใจมือยื่นรับนามบัตร ดีจัง ผมดูข้อความในนามบัตร คิดในใจเดี๋ยวคืนนี้จะโทรหาแล้วกัน
แต่คืนนั้นผมไม่โทรหาเธอหรอกครับ รอไม่ไหว ผมโทรหาเธอตั่งแต่พลบค่ำเลย แกล้งโทรไปบอกว่าชุดที่ซื้อไปน้องผมชอบมาก ชอบมากๆ ผมบอกเธอว่าน้องถามว่ารู้ได้ยังไงว่าน้องชอบชุดนี้ ผมตอบไปคนขายช่วยเลือกให้ ร้านนี้มีแต่เสื้อผ้าสวยๆทั้งนั้นเลยนะ แฮ่ม...ผมหยอดคำหวานไปอีกหยด
ไม่รอช้าผมสรุปดื้อๆว่า ขอชวนเธอไปเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนแล้วกัน และเธอก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังรับคำผมอย่างง่ายดาย
หลังจากผมกับเธอได้กินข้าว ได้พูดคุยกัน ความสนิทสนมของเราก็ทวีความแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว นับวันเรากลายเป็นเงาตามตัวซึ่งกันและกัน วันไหนถ้าผมไม่ได้เห็นหน้าเธอ ไม่ได้คุยกับเธอวันนั้นจะเป็นวันที่ผมกระวนกระวายไม่เป็นอันทำอะไร
ชีวิตคนเราก็แปลก เวลาผ่านไปความรักความหวานชื่นที่เคยให้กันกลับลดลงไป แต่ก็ไม่ใช่เธอที่ทำให้ความหวานชื่นของเราลดลง เป็นผมเองที่ทำให้ความหวานของรักลดลง ยิ่งคิดผมก็ยิ่งสงสัย ผมกลายเป็นคนไม่เข้าใจตัวเอง
ความรักของผมตอนนี้เปรียบเสมือนการปีนป่ายภูเขาที่ผมชื่นชอบ จุดเริ่มต้นตรงตีนเขาช่างน่าท้าทายเหลือเกิน อุปสรรคต่างๆที่รอคอยอยู่ข้างหน้า แง่งหิน รอยแตกแยกของก้อนดิน ความเหนื่อยล้าในการต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก
ผมปีนสูงขึ้น สูงขึ้นไปเรื่อยๆไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหงื่อที่ไหลหลั่งทุกหยาดหยดของผมคือความสำเร็จ ความภาคภูมิใจที่ผมได้รับ มันเปรียบเสมือนพลังที่จะขับเคลื่อนให้ผมเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งไปสู่จุดหมายปลายทาง คือยอดเขา
และแล้วความพยายามของผมก็สัมฤทธิ์ผล ผมสามารถปีนป่ายถึงยอดเขาที่ผมหวังไว้สำเร็จ ผมไม่เคยวิตกเลยว่าผมจะต้องใช้นานเวลาเท่าไหร่ แต่เมื่อผมไปถึงยอดเขาแล้วผมมองไปด้านล่าง มองย้อนกลับไป อุปสรรคต่างๆที่ผมฝ่าข้ามมา ต้นไม้ทุกต้น ก่อนหินทุกก้อน เหล่านั้นคือประสบการณ์ที่ผมยากที่จะลืมเลือน
แต่ความดื่มด่ำความสำเร็จก็มีวันสิ้นสุด ความสดชื่นหอมหวานของอากาศบนยอดเขาก็มีวันหมดไป อาการเบื่อหน่ายเริ่มแทรกซึมเข้าในร่างกายของผม ความอ่อนล้าปวดเมื่อยตามร่างกายประดังเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ประดุจคมมีดแหลมคมที่พร้อมจะกราดกรีดทุกชิ้นส่วนของร่างกายของผมให้แยกออกจากกัน
ความพอใจผมอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมยังไม่สามารถตอบตัวเองได้ ผมมองลงไปที่ตีนเขา หมดเวลาแล้วหรือ ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับลงไปแล้ว เส้นทางลงเขาแม้มันจะรวดเร็วและสะดวกสบายกว่าตอนปีนขึ้นนัก แต่ความสนุกความตื่นเต้นเร้าใจมันได้ดับศูนย์ไปแล้ว
ผมมองไปตามทางลงเขาที่ลาดชัน สายตาของผมไม่ได้มองที่ระยะทางที่จะผ่านไปแม้แต่น้อย ผมได้แต่เฝ้ามองตรงตีนเขา ตรงจุดที่ผมเริ่ม ตรงจุดที่ผมนับหนึ่ง จุดแห่งการแสวงหา ความทะเยอะทะยานพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆภูเขาลูกใหม่ที่ผมจะปีนป่ายเริ่มจากจุดนั้น
วันหนึ่งที่ร้านอาหารหลังจากทานอาหารเสร็จเธอถามว่า รู้สึกตัวหรือเปล่าว่าผมเปลี่ยนไป ผมบอกเธอว่าไม่มีอะไรผมยังเหมือนเดิมทุกอย่าง พอผมพูดจบประโยคเธอได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้ไม่หยุด จนคนทั้งร้านหันมาดู ผมได้แต่เอื้อมตัวไปปลอบประโลมเธอเกรงว่าจะเป็นเป้าสายตาคนอื่นมากไปกว่านี้
จากคุณ :
maleesawan@hotmail.com
- [
12 ม.ค. 47 09:59:09
A:203.144.143.250 X:203.118.84.5
]