ฉันชื่อปลาส้ม...(ต่อจากกระทู้ข้างล่างนู้นค่ะ)

    วันนั้นเป็นวันเกิดของฉัน
    ถูกแล้ว..6 มกราคม ของทุกปี
    อายุของฉันก็จะเคลื่อนไปข้างหน้าปีหนึ่ง
    มันเป็นวันพิเศษ..เป็นวันพิเศษมาก ๆ
    มากจนฉันลืม
    แต่แฟนฉันไม่ลืม
    "แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะ.."
    "แล้ววันนี้ไหว้คุณแม่รึยัง?"
    "อ้าว..รู้ไหมวันนี้เป็นวันที่แม่เจ็บมาก.."
    "เป็นวันที่ท่านกลัวที่สุด เป็นวันที่สำคัญที่สุดของชีวิตของท่าน.."
    "นะ..ไปไหว้คุณแม่ บอกขอบคุณท่าน.."
    "อ้าว..ลืม..เธอยังไม่ได้กลับบ้านนี่นะ..งั้นโทร.ไปก็ได้.."
    "น่าน..ยังงั้น..ทำยังงี้ถึงจะน่ารัก.."
    "เอาล่ะ งั้นฝันดีนะ..บาย.."
    แค่นี้แหละ..ที่เขาให้กับฉันในวันเกิดเมื่อวานนี้
    วันนี้ทั้งวันฉันนั่งซึม ซึมไปพร้อม ๆ กับนั่งเรียน
    เพื่อน ๆ ที่รู้วันเกิด บ้างก็มีของขวัญมาให้ บ้างก็เข้ามาเบิร์ดเดย์เฉย ๆ
    ฉันก็ยิ้มขรึม ๆ รู้สึกขาด ๆ หาย ๆ อย่างไงก็ไม่รู้
    เมื่อวันเกิดปีที่แล้ว
    เขาก็โทร.มายังงี้แหละ ใช้ประโยคคล้าย ๆ กันอย่างงี้แหละ
    แต่วันรุ่งขึ้น ฉันยังได้รับการ์ดจากเขาหนึ่งใบ
    เนี่ย..การ์ดใบนั้นกำลังอยู่ที่มือฉันเนี่ย
    เป็นรูปวิว..มีเป็ดสองตัวสีขาวคอยาวว่ายเคียงกันอยู่ในน้ำ
    น้ำใสแจ๋ว…วิวสวยมาก
    ถัดไปเป็นลูกเป็ดสีเหลือง…ว่ายตามกันเป็นพรวน
    ด้านหลังเขียนข้อความด้วยลายมือที่ห่วยมาก
    “สุขสันต์วันเกิดนะ..
    อย่าสงสัยเลย..ไม่มีอะไรเกี่ยวกับรูปห่านหรอก
    เห็นว่ามันน่ารักดี..ก็แค่นั้น..
    สำคัญตรงที่ว่า..
    รักนะ..
    มีความสุขมาก ๆ
    “เวศน์”….”
    ฉันอ่านอยู่เดี๋ยวนี้
    ฉันก็ยังไม่เห็นว่าจะโรแมนติกตรงไหน
    แต่ทำไมฉันชอบนักก็ไม่รู้…อ่านเป็นสิบ ๆ ร้อย ๆ รอบ
    แปลกเนาะ
    ……….

    ก่อนนอนคืนนั้น
    โทรศัพท์ก็สั่นพั่บ ๆ
    หน้าจอส่องสีฟ้าแว่บ ๆ
    “อาโหล..”
    “ไง..?”
    “ขอโทษ..”
    “เรื่อง?”
    “ปีนี้ไม่ได้เขียนการ์ด แต่ทำอย่างอื่นแทน..เพิ่งเสร็จเนี่ย..”
    “ไร?”
    “แล้วจะส่งให้..”
    “อยากได้เดี๋ยวนี้..”
    “เหวย..จะเอาไปให้ยังไงล่ะ?”
    “กว่าจะถึง..ฉันรอแย่..”
    “ไม่หรอก..พรุ่งนี้เช้าส่ง..วันรุ่งขึ้นก็คงถึง..”
    “ทำไรให้อะ?”
    “ไม่บอก..”
    “บอกหน่อยน่า..”
    “เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น..”
    “หน่อยน่า..”
    “เอ๊ะ..ยัยคนนี้..นอนได้แล้ว..ฝันดีนะ..มีความสุขด้วยล่ะ..บาย..”
    “ครึ่ก”
    …..

    สองวันของเขา กว่าฉันจะได้ของก็ล่อมาถึงวันที่สี่
    เป็นซีดี..ซีดีที่เขาทำขึ้นมาด้วยตัวเอง
    หมอนี่เก่งคอมพ์ฯ และมีความชอบเป็นพิเศษในเรื่องโปรแกรมเกี่ยวกับเสียง
    ฉันเปิดฟังด้วยเครื่องเล่นส่วนตัว..
    โหย..น้ำตาซึม
    ….

    เป็นการเรียงร้อยเพลงที่มีความหมายดี ๆ พร้อมกับเสียงของเขาที่พูดนำเข้าเพลงคล้ายดีเจ.ที่ฟังทางวิทยุ
    เป็นดีเจ.ที่มีเสียงเหมือนเป็ดเมาเหล้า..
    แต่ฟังที่ไรก็ซึ้งกินใจทุกที…
    “รู้ไหม..ถ้าไม่ใช่ส้มเวศน์ไม่ทำให้หรอก..
    มันยาก..ต้องใช้เวลา..และต้องทำตอนดึก ๆ ให้ทั้งบ้านนอนให้หมดก่อน..”
    อีกท่อนหนึ่ง..
    “เพลงนี้คงแทนอะไรได้มากมาย..
    แต่ก็มากไม่พอเท่าที่เวศน์อยากจะบอก..
    บางอย่าง..พูดไปก็เท่านั้น..
    ไม่พูดเสียดีกว่า..ให้ความรู้สึกของเราค้นหาด้วยตัวของมันเอง..
    เพลงแค่เป็นสื่อ..เป็นแค่สะพาน..
    เพื่อเชื่อมความรู้สึกของเราให้ตรงกันแค่นั้น..
    สำคัญที่เมื่อเพลงจบ..
    เรายังคงรักษาความรู้สึกดี ๆ นั้นไว้ได้ตลอดไปหรือเปล่า..
    กร่อก…แกร๊ง…(เสียงอะไรตกซักอย่างหนึ่ง..หมอนี่ซุ่มซ่ามเสมอ)
    แต่เวศน์สัญญานะ..
    จะรักษาความรู้สึกนี้ตลอดไป..”
    งือ…
    ซึ้งจัง..
    ………

    เดือนหนึ่งประมาณสองสามครั้ง..ที่เราได้พบกัน
    วันที่ได้พบต้องเป็นวันอาทิตย์..หรือไม่ก็เป็นวันหยุด
    เพราะต่างคนต่างเรียน..
    เรียนหนักมาก..
    ขอบ่นหน่อยนะเรื่องนี้..
    จะปฏิรูปกันไปทำไมไม่ทราบ เด็ก ๆ เรียนกันจนตาจะเหล่อยู่แล้ว..
    เรียนไปแล้วทำไรได้? ถามหน่อย..
    ในเมื่อการสมัครงานก็ยังคงต้องใช้เส้นสาย
    ความสัมพันธ์ส่วนตัว..
    และนามสกุลเก๋ ๆ อยู่อย่างทุกวันนี้
    ฮึ?
    ……..

    การพบของเราแต่ละครั้ง..ส่วนใหญ่เวลาจะหมดไปกับการดูหนัง
    แล้วก็ทานข้าว
    จะมีบ้างที่ไปเดินเจเจ..ระบายเหงื่อ
    เขาไม่ค่อยซื้อของ ส่วนฉันไม่ค่อยได้จ่ายตังค์
    เราสองคนแม้ฐานะทางบ้านไม่จน แต่ก็ไม่รวย
    ฉันจะซื้อของเฉพาะที่ชอบ เช่นเสื้อผ้า และของใช้บางอย่าง
    เขาจะตามจ่ายตังค์
    มีแฟนมันดีอย่างงี้นี่เอง..
    ฮ่าฮ่าฮ่า..
    ……..

    มีอยู่คราวหนึ่งเขาอยากซื้อลูกหมา..
    แม่นแหล่ว..หมอนี่ชอบหมามาก..
    จริง ๆ แล้วเขาชอบสัตว์ทุกชนิด..คล้าย ๆ ศิลปินที่มีจิตใจอ่อนโยน
    ทั้งแมว ทั้งนก ทั้งปลา บางครั้งเห็นไปลูบ ๆ คลำ ๆ ตัวกิ้งก่ายักษ์
    ฉันทำตาเขียว..ศิลปินรูปหล่อของฉันถึงได้ยอมปล่อยมือ
    หมาตัวที่เขาอยากซื้อ ไม่ใช่พันธุ์ฝรั่งอะไรหรอก
    หมาขนเกรียน น่าตาบ้องแบ๊วนี่แหละ
    ตัวละห้าร้อย ต่อไปต่อมาเหลือร้อยห้าสิบ
    “สงสารมัน..ถ้าเราไม่ซื้อมันคงถูกปล่อยเป็นหมาข้างถนน..”
    “มันน่ารักตรงไหน?” ฉันถาม
    “ตรงที่มันเป็นหมาไง..”
    ฉันทำตาถลน..
    “ดีนะนี่..ที่ฉันจำได้ว่าเธอไม่เคยชมว่าฉันน่ารัก..”
    เขาหัวเราะ..
    “อย่าเอาคนมาเปรียบกับหมา..จนกว่าหมาจะเดินได้เหมือนคน หรือคนจะเดินได้เหมือนหมา..”
    เราทะเลาะกันหลายคำ กว่าจะหมาน่อยตัวสีน้ำตาลกระดำกระด่างนั้นจะถูกเปลี่ยนเจ้าของ
    ฉันควักเงินจ่ายแทนเขา
    เขามองหน้าเป็นคำถาม
    ฉันขยับปาก..ไม่ทันได้พูดอะไรหรอก
    “ไอ้ตัวนี้หน้ามันเหมือนปลากัด..”
    “แล้ว?”
    “มันก็น่าจะได้ชื่อว่า “ปลาส้ม”..”
    “เป็นที่ระลึกที่เธออุตส่าห์จ่ายตังค์ให้..”
    ตาบ้า!!
    …….

    นั่นคือที่มาของชื่อของฉัน
    ตอนนี้เจ้า “ปลาส้ม” ตัวสี่ขากำลังโตเต็มที่
    และปากเปราะเหลือร้าย
    เขาเคยโทร.มาบ่นให้ฟัง
    “ทำไมมันเหมือนคนซื้อจังวะ???”
    แง่ง…
    ………

    ตลอดสองปีเต็ม ๆ ที่เราคบกัน
    เชื่อไหมว่า..เขาจับมือของฉันแค่ครั้งหรือสองครั้งแค่นั้นเอง..
    เขาเป็นสุภาพบุรุษมาก…
    มากจนบางครั้งฉันขัดใจ
    ก็นะ..ใครก็อยากจะให้แฟนจูงมือ
    จนเมื่อเร็ว ๆ นี้
    “กลัวใครจะรู้หรือไงว่ามีแฟนแล้ว?” ฉันทำเสียงงอนใส่
    “ไร?” เขางง
    “เดินซะห่าง..มือก็ไม่จับ..”
    “จับทำไม..โตจนป่านนี้ ยังต้องจูงด้วยรึ?”
    ฉันหยุดกึก..ทำหน้าคว่ำ
    “นี่..มันกลางถนนนะนี่..เดี๋ยวก็รถชนตาย..”
    ฉันยังยืนอยู่จนเขาต้องเข้ามาลากข้ามถนนจนได้
    “ไมไม่ปล่อยให้รถชนตายไปเลย..” ฉันยังงอนต่อ
    “โถ่..ก็ไม่บอกนี่นาว่าจับได้..”
    “เรื่องอย่างนี้ต้องให้บอกด้วยรึ?”
    “ก็..ไม่กล้า..”
    “ทำไมต้องกล้าด้วย ก็แค่จับมือ..”
    “งั้นขอหอมแก้มด้วย..”
    “มะเหงกแน่ะ..”
    “เห็นไหม..”
    “ได้แค่จับมือ..อย่างอื่นห้าม..”
    “ก็ห้ามซะให้หมดเลยซะดีกว่า..จะได้ไม่ต้องเสียความรู้สึก..”
    “เกี่ยวไรกะความรู้สึก?”
    “ไม่รู้อะไรซะแล้ว..เรื่องอย่างว่าน่ะนะ..มันก็เริ่มต้นด้วยการจับมือนี่แหละ..”
    “แล้วไง?”
    “มันก็ไต่ไปที่แขน..ที่หัวไหล่..ซอกคอ..แก้ม..พอถึงปาก..ก็เสร็จแล้ว..”
    “เหรอ..ผู้ชายทุกคนคิดอย่างงั้นเหรอ..”
    “ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่เวศน์เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเป็นอย่างงี้..”
    “งั้นดีแล้ว…ไม่ต้องจับแล้ว..”
    “สายไปแล้ว..”
    “บอกให้ปล่อย..”
    “ไม่..”
    “แน่ะ..”
    “ไม่..”
    ฉันต้องหยุดเดินอีกครั้ง..
    “เอาน่า..เวศน์รับรอง..ถ้ายังไม่ถึงเวลา เวศน์ไม่ไต่แน่..”
    “แน่นะ?”
    “ชัวร์”
    ตั้งแต่วันนั้น เจอกันทีไรเขาก็คว้าหมับที่มือทุกที
    ฉันยอมรับนะ..ว่ารู้สึกอบอุ่น
    อุ่นทั้งใจอุ่นทั้งกาย..อย่างน้อย..ฉันก็มีคนคอยปกป้อง
    คุ้มครอง..อยู่ทั้งคน..
    ฉันคิดแค่นั้นจริง ๆ นะ
    ……

    ก่อนจบวันนี้ มีอยู่เรื่องหนึ่งต้องขอฟ้อง
    ตาเวศน์ริอ่านสูบหรี่!!
    จริง ๆ นะ..ฉันจับได้เพราะได้กลิ่นปาก
    ฉันโกรธจนหูฉี่..แต่ก็พยายามเก็บงำไว้
    เรื่องนี้ฉันรู้ดี..ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ
    พ่อฉันเป็นตัวอย่าง..
    ทุกวันนี้ท่านก็ไอโขลกเขลก..ทั้งที่หยุดบุหรี่ไปหลายปีแล้ว
    พ่อเคยบอกว่า..ที่พ่อติดบุหรี่ ก็เพราะคุณปู่คุณย่านั่นแหละ
    ห้ามท่าน ตีท่าน ท่านเลยต้องแอบไปสูบในห้องน้ำกับเพื่อน
    เวลากลับบ้าน ก็หาใบฝรั่งมาเคี้ยวเพื่อดับกลิ่น
    เลิกเรียนจึงไม่อยากกลับบ้าน นั่งสูบบุหรี่กับเพื่อน
    วันหยุดต้องหาทางออกนอกบ้าน เพื่อไปสูบบุหรี่กับเพื่อน
    อยู่ไป ๆ ขออนุญาตไปเช่าหออยู่ดีกว่า
    จะได้สูบบุหรี่กับเพื่อน..
    พ่อยังเคยบอกว่า..คนสูบบุหรี่..ไม่ใช่เป็นคนชั่ว
    คนสูบบุหรี่ เป็นนายกมาก็หลายคน เป็นประธานบริษัทชื่อดังมาก็หลายราย
    เป็นพลเมืองดีมาก็มากมาย..
    แม้แต่พ่อเอง..ก็เป็นข้าราชการระดับสูง มาจนกระทั่งจะเกษียนอายุอยู่รอมร่อ
    ถ้าวันนั้น..คุณปู่คุณย่าเข้าใจท่าน
    เรียกเข้าไปคุยให้เห็นถึงโทษทัณฑ์..
    ให้เห็นถึงข้อเสียของมัน..และมีวิธีที่ดีกว่าห้ามและลงโทษ
    พ่อคงไม่ติดบุหรี่มาจนแก่..
    ……

    “เอ๊ะ..กลิ่นอะไรเหม็น ๆ” ฉันเริ่ม
    “ไร?..ไม่เห็นได้กลิ่น..”
    “กลิ่นเหมือนบุหรี่..”
    “จริงอ้ะ..ที่ไหน?” ทำไก๋
    “ที่ปากของเธอน่ะแหละ..”
    “เฮ้ย..”
    “ไม่ต้องมาเฮ้ย..มีอีกหรือเปล่า..ขอตัวนึง..”
    เขานิ่ง..
    “เอามา..ตัวนึง..หรือเอามาทั้งซองเลยก็ได้..”
    เขาไม่ให้ ฉันเลยต้องแย่งเอามาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
    บังคับให้เขาเอาไฟแช็กมาให้ด้วย
    แล้วจุดสูบต่อหน้าเขาเลย..
    ไอสิ..เหม็นจะตาย
    “ทำไมต้องทำอย่างงี้?”
    “ก็อยากรู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง เธอถึงได้สูบมัน..”
    “แล้วเป็นไง..”
    “ก็ดี..เอามาอีกตัวซิ..”
    “ไอจนหน้าแดงแล้วเนี่ยนะ..”
    “ใช่..ฉันบอกให้เอามา!!” ตอนนี้เสียงฉันเข้มมาก
    เขาไม่ให้
    ฉันไอจนน้ำตาไหล..น้ำมูกน้ำตาออกมาปนกันหมด
    “มันดีอย่างนี้นี่เอง..คนถึงได้ชอบมันนัก..”
    เขามองนิ่งมายังฉัน
    “เธอไม่ให้ก็ไม่เป็นไร..ฉันซื้อเองก็ได้..”
    เขายังมองหน้าฉันอยู่
    “เวลาเจอกันฉันจะได้ไม่เหม็นเธอ เธอจะได้ไม่เหม็นฉันไงล่ะ..คนสูบบุหรี่ด้วยกันเขาไม่เหม็นกันไม่ใช่รึ?”
    “และเวลาเธอป่วยฉันก็ป่วยด้วย เวลาเธอตายฉันก็ตายด้วย..จะได้ไม่ตกเป็นภาระซึ่งกันและกันไงล่ะ..”
    เขาขว้างซองบุหรี่กับไฟแช๊คทิ้ง
    “เธอชนะ..ไปหาที่ล้างหน้าล้างตาซะ..”
    ฉันถอนสะอื้น..เผลอร้องไห้ไปได้ไงก็ไม่รู้
    นับจากวันนั้นมาจนวันนี้..เขาไม่สูบบุหรี่อีกเลย
    อย่างน้อย..ฉันก็ไม่เคยได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขาอีกเลย..
    ……..

    ความรักของฉัน..
    แม้จะเป็นความรักที่ไกลห่าง..นาน ๆ จะได้เจอกันซักที
    แม้จะเป็นความรักที่เพิ่งเริ่มต้น ในวัยที่เพิ่งแรกรุ่น
    แต่ฉันและเขา..นายเวศน์คนนั้นน่ะแหละ..
    ให้สัญญาต่อกันและกันไว้ว่า..จะพยุงให้คงอยู่..
    จะประคองไม่ให้ล้ม
    จะเติมเต็มไม่ให้ขาด
    เพื่อวันนั้น..วันที่เราจะได้สมรัก
    ครองคู่กันตลอดไป..
    …….

    แต่กว่าจะถึงวันนั้น..
    เราสองจะต้องผ่านอะไรอีกบ้างก็สุดรู้
    รู้แต่ว่าที่เราผ่านกันมา..
    มันได้พิสูจน์หัวใจของสองเราแล้วว่า..
    เรารักกันจริง ๆ
    แล้ววันหลังจะมาเล่าให้ฟังค่ะ..
    …….

    จากคุณ : ปลาส้ม - [ 12 ม.ค. 47 23:10:16 A:203.118.67.202 X: ]