@^0^@ เรื่องรักวันรับน้อง ตอนที่ 7 รักเอย...จริงหรือที่ว่าหวาน @^0^@

    @^0^@  เรื่องรักวันรับน้อง  ตอนที่ 7  รักเอย...จริงหรือที่ว่าหวาน @^0^@

    ********

    ระยะทางจากคณะวิศวกรรมศาตร์มายังหอสมุดของมหาวิทยาลัยเป็นเพียงระยะทางใกล้ๆ ใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาที   ทว่าอารมณ์  ความรู้สึกหลากหลายเหลือเกินที่
    ผุดขึ้นในใจของทั้งสอง

      สำหรับแป้งแล้วมันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากอธิบายเสียจริง  ความหวั่นไหว
    กริ่งเกรง อึดอัดระคนกันอยู่ ท่ามกลางความรู้สึกเหล่านี้  แป้งก็ไม่อาจปฏิเสธว่า
    ตัวเองมีความสุขอย่างประหลาด   ความรู้สึกอย่างนี้ไม่เคยเกิดกับผู้ชายคนไหน  
    ยกเว้นคนนี้ คนที่เดินข้างๆ  

      ถามตัวเองว่า   หากเลือกได้ยังอยากจะเดินข้างๆเขาหรือไม่   อยาก!
    แป้งรู้สึกตกใจกับคำตอบที่เกิดขึ้นรวดเร็ว คำตอบที่ได้มาโดยไม่  เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย

      เฮ้อ! จะทำลายความอึดอัดนี้ยังไงดีนะ  สมองแป้งหมุนเร็วคล้ายเครื่องจักรทำงาน
    คิดหาเรื่องที่จะพูดคุยเพื่อกำจัดบรรยากาศเงียบๆที่น่าอึดอัดนี้

    "แป้ง"  

    "พี่วินทร์"
      ด้วยความบังเอิญหรือสาเหตุใดก็ตามทำให้ทั้งสองเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน รวมถึงการหันมามองอีกฝ่ายอย่างพร้อมเพียงกัน  

      แล้วจู่ๆเสียงหัวเราะใสๆของสาวน้อยร่างบางก็ดังขึ้น แต่เพียงไม่นานเสียงเล็กๆนั่น
    ก็ถูกกลบด้วยเสียงของคนตัวโตที่เดินข้างๆ

    "เอ้า! พี่เพิ่งรู้ว่าเราน่ะเส้นตื้น" ชายหนุ่มส่งยิ้มยั่วล้อเลียน

    "แหม! ไม่ให้ขำไงคะ เดินมาด้วยกันเงียบๆ บทจะพูดก็พูดซะพร้อมกันอย่างนั้น"
    แป้งตอบทั้งพยายามกลั้นหัวเราะ

      แล้วคำถามก็ผุดขึ้นมากลางใจ นั่นสิ! เราเส้นตื้นขนาดนี้เชียวเหรอ ความรู้สึกอยากหัวเราะให้ดังก้องฟ้า ให้ใครต่อใครได้ยิน ให้ใครต่อใครได้รู้ ว่าฉันมีความสุขเหลือเกิน

     แปลกจริง! เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่ หล่อนเพิ่งบ่นกะยัยอ้อว่าเหนื่อย แล้วไอ้เจ้าความรู้สึกเหนื่อยนั่นมันหายไปไหนเสียแล้ว   หรือมียาขนานเอกที่ไม่ต้องกิน ไม่ต้องทา
    เพียงแค่ได้สบตา  ได้ยินเสียง ได้เจอะหน้า ได้พูดคุย มันก็หายไปราวกับไม่เคย
    รู้จักความเหน็ดเหนื่อยนั้นเลย แป้งได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเหลือบแลยาขนานเอกที่เดินข้างๆ

      ตายแล้ว! ยัยแป้ง นี่หล่อนคิดอะไรอยู่ แป้งรวบรวมสติ สมาธิ เรียกใจที่กำลังกระเจิดกระเจิงกลับมาอยู่กับตัว

    "แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าใจเราสองคนตรงกัน ถึงได้พูดออกมาพร้อมกัน"
     
      จิตใจที่เรียกกลับคืนมาได้สำเร็จ หากเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากเสียงของคนข้างๆจบลง มันก็ทำท่าจะลอยไปอีกแล้ว

      ไม่เพียงแต่ใจเท่านั้นที่ไม่ยอมเชื่อฟังเจ้าของ  ดวงหน้าขาวอมชมพูสวยได้รูป
    หากบัดนี้มีสีแดงระเรื่อ เจ้าของดวงหน้าเองยังสับสนลังเลกับอาการที่เกิดขึ้น
    เกิดเพราะ 'ใจเราสองคนตรงกัน' หรือเพราะประกายตาวิบวับแพรวพราว
    ที่ถูกส่งมาจากดวงตาคมคู่นั้น คิ้วเข้มที่ยกสูงและยิ้มเหมือนหยอกเย้า

      โธ่เอ๊ย! คนทำคงคิดว่าตัวเองเท่ห์ ดูดีนักสิ  เอ! หรือจะเท่ห์ดูดีจริงๆ  ไม่งั้นคงไม่ทำให้หล่อนรู้สึกว่า ระบบต่างๆในร่างกายมันรวนปรวนแปรไปหมดอย่างนี้หรอก

      ลักษณะอาการเขินอายของสาวน้อยตรงหน้า ทำให้วินทร์อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
    เอ! ยัยแก่นนี่ต้องมีใจให้เราบ้างล่ะ ไม่งั้นเป็นเถียงฉอดๆข้างๆคูๆ ไม่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนน้ำท่วมปากอย่างนี้หรอก หรืออาการหน้าแดงนั่น จะไม่ใช่อายอย่างที่คิดแต่เป็นการกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง  

      อย่างไรก็ตามสมองก็สั่งให้ใจเชื่อและเอนเอียงไปยังเหตุผลแรกที่คิดได้
    เมื่อสรุปได้ดังนั้น วินทร์ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้สึกเหมือนหัวใจจะโบกบินออกจากร่าง
    หรือรักครั้งใหม่นี่ จะไม่นำมาซึ่งความเสียใจ ความผิดหวัง เจ็บช้ำทรมาน  อย่างรักครั้งเก่า

      วินทร์มองหน้าสาวน้อยข้างๆซึ่งกำลังยกโทรศัพท์เครื่องจิ๋วแนบหู มีผมคลอเคลียที่
    ใบหน้าสวย ผมยาวสลวยที่ชอบปล่อยสยาย  วันนี้เจ้าตัวรวบเป็นหางม้าอวดลำคอ
    ระหงให้ดูเด่นขึ้นอีก
     
      จะรู้สึกดีกว่านี้อีกเท่าใดหนอ  หากได้เดินคู่กันไปอย่างนี้ทุกวัน

    "พี่ป้องคะ อยู่ที่ไหนคะ"

      ชื่อชายหนุ่มที่แป้งเอ่ยขึ้น ทำให้หัวใจที่พองโตคับอก จนแทบจะทะลุออกมานอกร่างนั้น  บัดนี้ มันแห้งเหี่ยวแฟบลงทันใด ความรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ ความคิดความฝันที่สร้างขึ้นมาเมื่อครู่  บัดนี้ ทลายหายไปอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าน้ำที่ซึมผ่านทราย

      เอ็งสร้างวิมานอีกแล้ว  ไอ้วินทร์! วิมานที่แตะต้องสัมผัสไม่ได้  และที่สำคัญมันไม่เคยมีจริงในโลกใบนี้

    "พี่ป้องอยู่ที่ห้องสมุดพอดีเลยค่ะ ดีเลยแป้งจะได้แนะนำให้รู้จักพี่วินทร์  พี่ป้องเล่นรักบี้ด้วยนะคะ พี่วินทร์อาจจะเคยเจอแล้ว  พี่ป้องเรียนรัฐศาสตร์ปี 4ค่ะ ที่สำคัญพี่ป้องเป็น"

      ยังไม่ที่แป้งจะพูดจบประโยค วินทร์ก็ชิงแทรกขึ้น

    "พอถึงหอสมุดแล้ว พี่จะแยกไปหาหนังสือเลย คงไม่ได้ไปรู้จักกับพี่ป้องของแป้งหรอก"

    แป้งรับรู้ถึงน้ำเสียงที่ห้วนผิดปกติ

    " ได้ค่ะ  แป้งเพียงแค่อยากให้พี่รู้จักกับพี่ป้อง"

    เสียงที่บอกอย่างอ่อยๆ คล้ายผิดหวัง เสียใจ ทำให้วินทร์เสียงอ่อนลง เมื่อหาเหตุมาอธิบาย

    "คือ...พี่รีบน่ะงานยังค้างอยู่เยอะเลย เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทัน"

      ในใจวินทร์รู้สึกเหมือนมีใครสักคนเอาป้ายมาแขวนตีตรา ใจเสาะ  อ่อนแอ
    ไม่ยอมรับความจริง  เถอะ! ใครจะประณามจะว่าอะไรก็ช่าง
    วันนี้เร็วเกินไป เร็วเกินกว่าที่ใจจะรับได้ แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตาม

      เฮ้อ! หนุ่มรัฐศาสตร์ ใจวินทร์นึกถึงคำพูดของพล เมื่อครั้งต้องเสียหน้า
    ให้เพื่อนร่วมคณะเหน็บแนม ด้วยสาวเจ้าที่มันเพียรเฝ้าเช้าเย็น
    หันไปควงกะหนุ่มรัฐศาสตร์แทน 'เอ็งไม่เคยได้ยินเหรอวะ ที่เขาว่า คารมเป็นต่อ
    รูปหล่อเป็นรองน่ะ สาวๆเขาแพ้คารมดีๆ คำหวานๆ มาดคุณชายเป็นธรรมดา
    ไอ้ประเภทห่ามๆเถื่อนๆอย่างเราชาววิดวะเนี่ย  เจ้าหล่อนเก็บไว้เป็นตัวสำรอง'

      แล้วนี่ 'รายชื่อตัวสำรอง'ของแป้ง จะมีชื่อเขาอยู่บ้างไหม แล้วคำถามก็ดังขึ้นในใจ เอ็งจะยอมเป็น 'ตัวสำรอง' ล่ะหรือ

      แล้วตาของวินทร์ต้องเบิกกว้าง ภาพของชายที่ชื่อป้องยืนคุยอย่างสนิทสนมกับหญิงสาวอีกคน ท่าทางนั้นใครดูก็รู้ว่ามากกว่าคำว่าเพื่อน ภาพหัวร่อต่อกระซิกของคนคู่นั้นมันผ่านตาลงไปกระแทกใจเขาอย่างแรง

      วินทร์หันไปมองหน้าคนข้างๆ แป้งเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ ยิ้มอย่างที่เขาเคยเห็น
    สดใส ร่าเริง สมวัย ยิ้มทั้งปากทั้งตา หากแป้งเห็นภาพนั้น  ยิ้มอย่างนี้จะยังคงอยู่หรือไม่

      แล้วความสงสาร ความเห็นใจ ความเข้าใจก็ผุดขึ้นมา เขารู้ว่าแป้งจะรู้สึกยังไง
    รู้โดยไม่ต้องมีใครมาบอก  รู้เพราะเหตุการณ์อย่างนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ เคยเกิดกับเขามาก่อน

      ความรู้สึกอยากปกป้องเต็มตื้นขึ้นในใจ เขาควรทำอย่างไรดี เพื่อต่อเวลาให้ความสดใส ร่าเริงนี้ยังคงอยู่ ยิ้มได้อย่างที่ออกมาจากใจ  ไม่ใช่ยิ้มอย่างหน้าชื่นอกตรม

    "แป้ง" เสียงเรียกเบาๆท่าทางกระวนกระวายทำให้แป้งสงสัย

    "คะ  พี่วินทร์เป็นอะไรเหรอคะ"

    "พี่ว่าแป้งอย่าเพิ่งเข้าหอสมุดเลยนะ กลับบ้านดีกว่าไหม นี่ก็ค่ำแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

    อาการกระสับกระส่ายที่เห็น แล้วยังยิ้มฝืนๆนี่อีก  แป้งยิ่งสงสัย ไม่เข้าใจ

    "พี่วินทร์เป็นอะไร นี่ข้ามถนนเราก็ถึงแล้วนะคะ  แป้งเข้าไปเอาหนังสือแป๊บเดียวเองค่ะ อีกอย่างถึงจะมืดแป้งก็กลับบ้านพร้อมพี่ป้องค่ะ  พี่ป้องบอกจะรอหน้าหอสมุดค่ะ"

    "พี่เป็นห่วง" โธ่! ทำไงดีวะ ทำไมมาดื้อตอนนี้ด้วยวะ ยัยแป้งเอ๊ย

    วันนี้พี่วินทร์เป็นอะไรไปนะ พูดอะไรแปลก ทำให้ใจเต้นแรงก็บ่อย

    "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ป้องน่ะเป็น  นั่นไงคะ พี่ป้อง แต่เอ๊ะ!"

      เมื่อเสียงของแป้งขาดหายไป ใจของวินทร์ก็คล้ายหายวูบตามเสียง

      เอาวะ! อะไรจะเกิดก็เกิด เอ็งควรจะดีใจนี่หว่า ต่อไปไอ้คารมเป็นต่อ
    มันก็ใช้ไม่ได้อีกแล้ว โอกาสของเอ็งกำลังจะมาถึง ทำไมไม่คว้าไว้

      ทำไมไม่ดีใจล่ะวะ ใช่! ควรดีใจ แต่ไอ้ความรู้สึกบ้าบอนี่มันก็เกาะกินใจ
    ความรู้สึกที่ไม่อยากเห็นน้ำตาของยัยแก่นนี่ ไม่อยากให้ความแก่นหายไป
    ไม่อยากให้ต้องตกอยู่ในความหม่นหมองเสียใจ  ร้อยคำปลอบโยน พันคำปลอบใจ
    ผ่านเข้ามาในสมอง จะใช้คำไหน  ประโยคไหนดี  แล้วร่าวสูงก็เซตามแรงดึงของคนตัวเล็ก

    " พี่วินทร์คะ นี่พี่ป้องค่ะ พี่ชายแป้งเอง"

    "ครับ" วินทร์พูดออกไปได้เท่านั้น  ความงุนงงยังไม่จากหายไป ได้ยินเพียงเสียงใสๆที่ดังก้องไปมาในหู พี่ชายค่ะ พี่ชายแป้ง  พี่ชายแป้งเองค่ะ  

     

    แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 47 00:10:17

    แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 47 23:47:19

    จากคุณ : อุณากรรณ - [ 12 ม.ค. 47 23:28:24 ]