ขอโทษเถอะ ผมเกลียดเธอ!! ตอนที่2

    มาแล้วตอนที่2.....คาดว่าตอนหน้าจะจบแล้วค่ะทุกท่าน โฮะๆๆๆๆ....

    ขอโทษเถอะ ผมเกลียดเธอ!

    ตอนที่ 2

    เกลียดๆๆๆๆๆ……….

    ผมอยากตะโกนคำนี้ให้ก้องโลกจริงๆ คิดแล้วก็ได้แต่นั่งทอดถอน “เธอ” มาทำงานได้ร่วมเดือน ไม่สิ…..

    1เดือนกับ1สัปดาห์3วัน

    ผมแปลกใจตัวเองนิดๆเหมือนกันที่จำได้แม่น…แต่ก็นั่นแหละ การเกลียดใครมันเป็นความรู้สึกที่รุนแรงนี่ครับ
    และความรู้สึกแบบนี้แหละที่มักจะฝังในความทรงจำของคนเรา…

    เห็นมั้ยครับ ผมเกลียดเธอออกจะตายไป….

    เพราะงั้นผมเลยไม่ละความพยายามที่จะจัดการเธอให้ได้สิน่า…

    “แพร์….เย็นนี้คุณกลับบ้านยังไง”
    ผมถามหลังจากตอนกลางวันเธอปฎิเสธผมเรื่องอาหารกลางวันจนมันเป็นกิจวัตรไปแล้ว

    อันที่จริงถ้ามันไม่เสียฟอร์มผมก็คงยอมรับเหมือนกันว่าผมชักชินๆแล้วสิเนี่ย

    และแน่นอนคำตอบของเธอมันก็ต้องเป็นไอ้ประโยคนี้น่ะ

    “ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ว่าง” เธอตอบก่อนคว้าแฟ้มเอกสารหมุนตัวเดินจากไป…

    ผมยักไหล่อย่างเฉยเมย ก่อนทำงานของผมต่อไป….แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะผมรู้สึกเบื่อๆ….

    มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ผมเพิ่งจะเป็นแต่เป็นค่อนข้างบ่อย….ความเบื่อตัวเอง…

    ผมเหลือบดูนาฬิกาอีกไม่เท่าไรผมก็จะเลิกงานแล้ว…..เอาไว้รอถึงตอนนั้นก่อนค่อยไประบายอารมณ์แล้วกัน

    แต่เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเหมือนกัน….

    และเพราะความไม่รู้หรือเปล่า….ทำให้ผมเผลอมาที่นั่น….

    สนามเด็กเล่นแห่งนั้นที่ผมเห็นแววตาค่นั้นที่มองมาราวกับจะเข้าใจในตัวผม….

    ความคิดของผมสะดุดลงทันที ผมกำลังหวังอะไร?

    หวังว่าคนที่ผมเกลียดจะเข้าใจผมหรือยังไงกัน…….ไม่หรอก ผมเกลียดเธอ!

    งั้นทำไมผมถึงเกลียดเธอ?

    คำถามที่ผมไม่ตั้งใจและไม่เคยคิดถามตัวเองมาก่อนกังวานขึ้นมาในใจผม

    แต่ผมก็ตอบตัวเองได้ว่าผมไม่ชอบดวงตาสีน้ำตาคู่นั้น
    ไม่ชอบแววเฉยเมยในแก้วตาคู่นั้นของเธอ
    ไม่ชอบทีท่าเย็นชามองผมเหมือนไม่มีค่าในสายตาของเธอเลยแม้เพียงนิด…..

    ผัวะ!

    ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมโดยที่ผมคราวนี้ไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวอีกตามเคยเมื่อหัวของผมโหม่งเข้ากับลูกบอลอย่างจังจนความมึนมันจู่โจมผมเสียทนไม่ไหวต้องทรุดลงนั่งกับพื้นยกมือกุมขมับ

    กระทบกระเทือนความหล่อหรือความสามารบนเตียงของผมมั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้….

    ถ้าสมรรถภาพทางเพศของผมเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบนี่

    ผมถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อเงยหน้าแลดูเจ้าพวกตัวต้นเหตุ….เด็กผ้ชายท่าทางมอมแมมมาเก็บลูกบอลมองมาที่ผมพลางยิ้มแหยๆให้
    ก่อนเอ่ยคำขอโทษ

    “แฮะๆๆ ขอโทษทีน้า พอดีมันเผลอน่ะ…”
    เจ้าหนูคนนั้นว่าก่อนวิ่งปรูดหายไปรวมกับกลุ่มเพื่อนและหายไปที่อีกฝั่ง….

    มันทำท่าอย่างกับกลัวว่าผมจะกินมันงั้นแหละ!

    แต่มองๆดูแล้วการไม่เข้าใกล้คนแปลกหน้าก็ดีไป…..
    ผมลุกขึ้นปัดฝุ่นก่อนเดินลากเท้าเอื่อยๆไปยังทิศทางที่เจ้าเด็กพวกนั้นวิ่งไป

    ไม่ได้มีเจตนาอะไรหรอก แค่อยากไปดูเท่านั้นเอง…อย่างน้อยก็แก้อาการเบื่อของผมที่ไม่มีอะไรทำ
    จนแม้แต่กีฬาบนเตียงยังน่าเบื่อได้ สำหรับผมในยามนี้

    ชีวิตของผมมันขาดอะไรไปหรือไงหนอ….

    ผมจำได้แต่ว่าวัยเด็กผมไม่ได้เล่นคลุกฝุ่นแบบนี้……คิดๆดู
    ผมคงไม่รู้รสชาติของการเตะอัดบอลแบบที่เจอมาแล้วสองครั้งเลย

    เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วมาตามสายลมแว่วเข้าหูผมก่อนที่ผมจะทันเห็นเจ้าของเสียงเสียอีก….

    ความชำนาญการในการเป็นเสือผู้หญิงทำให้ผมพอจะคาดเดาประมวลผลได้ว่าเจ้าของเสียงต้องเป็นผู้หญิง
    และต้องเป็นคนสวยแน่นอน!

    ความคาดการณ์ของผมมักจะถูกต้องเสมอ เจ้าของเสียงนั้นเป็นคนสวยจริงๆด้วย หล่อนแต่งตัวด้วยเสื้อยืด
    กางเกงยีนส์อย่างง่ายๆมอมแมมไม่แพ้เด็กพวกนั้นเลย… แต่ความงามของเธอก็ยังไม่ลดลง โดยเฉพาะ

    นันย์ตาสีน้ำตาลคู่นั้ตนที่เคยว่างเปล่าเสมอที่ผมเคยเห็น
    บัดนี้มีแต่แววเรงรื่นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง….

    “แพร์….” ผมหลุดเสียงเรียกออกไปทำให้เธอละสายตาจาการเล่นฟุตบอลกับเด็กๆหันมามองผม…..

    ดวงหน้าของเธอมีแววประหลาดใจนิดๆ แต่ผมอยากบอกเธอเสียเหลือเกินว่าผมน่ะประหลาดใจยิ่งกว่าเธออีก

    ผมนึกว่าเธอทำเป็นแต่หน้าเย็นชากับยิ้มเชือดเฉือนใจเสียอีกนะเนี่ย!

    “อ้าว น้า โหม่งบอลไปเลยอยากมาเล่นรึไง” เจ้าเด็กที่ยืนอยู่ข้างๆเบ็ญจภาที่พอผมเลไปก็จำได้ว่า
    เป็นเจ้าขอฝีเท้าอันดีเยี่ยมที่ดูท่านมันจะเห็นหัวผมเป็นประตูหรือไงไม่ทราบ

    เอ….ผมถูกเด็กชวนเล่นบอล?

    ผมนายเทพบดินทร์….ที่ไม่ได้คลุกฝุ่นคลุกดินกับเขาได้แต่ทำตัวเป็นเทวดาไม่สิ..เป็นมารร้ายคอยเหยียบหัวคนและกระท
    ืบซ้ำคนที่มันล้มให้จมธรณีไป…

    เอากันหน่อยเป็นไร!

    แค่ผมลืมไปรึเปล่านี่ว่าผม……

    “นี่คุณ…เป็นผู้ชายภาษาอะไรเล่นบอลแค่นี้ไม่เป็น”
    เบ็ญจภากล่าวว่าผมที่ได้แต่ยืนตาปริบๆหลังเตะบอลลงโคลนให้เด็กๆลงไปเก็บกันแล้ว……

    โธ่ ก็ผมเคยตีแต่กอล์ฟนี่ครับทุกท่าน กี่ฬาที่ผมเล่นเป็นน่ะมันนับอย่างได้เลย
    ถึงแม้ว่าผมจะแข็งแรงพอจะมีเรื่องกับชาวบ้านก็เหอะ….

    แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากโดนว่าฝ่ายเดียวหรอกครับ เลยได้แต่ยักไหล่เถียงเธอไปพลางๆ
    “เอาน่า นิดๆหน่อยๆไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คุณ เดี๋ยวก็เป็น”

    เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนส่งค้อนวงใหญ่มาให้ผม!

    แม่เจ้าโว้ย! ผมตาฝาดหรือเปล่านี่
    วันนี้ผมเห็นแม่เบ็ญจภาคนนี้ทำสีหน้าอย่างอื่นมให้ผมเห็นมาสองหน้าแล้วนะ….

    “เอา…คุณ ดูนะ!”
    หล่อนเรียกพลางรับบอลเปื้อนโคลนพวกนั้นมาเดาะให้ผมดูอย่างคล่องแคล่วจนผมมองตามด้วยความเพลิดเพลินก่อนลูก
    บอลจะถูกส่งต่อมาที่ผมและส่งไปให้คนอื่น

    เห็นมั้น แป็บเดียวอัจฉริยะอย่างผมก็ทำเป็นแล้วของแค่นี้ กระจอก!

    แต่ว่าผมไม่อึดเท่าเด็กพวกนั้น เด็กๆนี่แข็งแรงกันดีชะมัด
    เพราะแป้บเดียวผมก็นั่งหอบแฮ่กๆโบกมือขอเวลาชั่วครวเพราะทั้งเหนื่อยทั้งกระหายน้ำ

    และน้ำก็ถูกส่งมาให้ผมจริงๆ ในอุ้งมือขาวเรียว
    เบ็ญจภายื่นแก้วน้ำพลาสติกให้พลางวางกระติกน้ำและเดินไปนั่งบนม้านั่งที่ไม่ห่างจากผมมากนัก

    ผมรับน้ำนั้นมาดื่มโดยไม่คิดว่ามันอยู่ในแก้วพลาสติกไม่ใช่แก้วไวน์ แก้วแชมเปญทรงหรู

    สำหรับผมน้ำเปล่าเย็นๆแก้วนี้อร่อยกว่ามาก!

    “ค่อยๆดื่มสิคุณ เดี๋ยวสำลักหรือจุกตายหรอก”
    เธอเตือนมาพร้อมรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าที่ผมมองแล้วได้แต่หลุดปากพูดตามใจคิด

    “คุณเวลายิ้มหน้าออกจะดี แต่ทำไมชอบทำหน้าเย็นชา”

    เธอไม่ยักโกรธผม กลับเลิกคิ้วแล้วย้อนถาม
    “คุณเอง…ถ้าไม่ทำแววตาให้น้อยอกน้อยใจ พูดดีๆ ไม่ถากถางคน ไม่ว่าตัวเอง ก็คงดีขึ้นอีกเยอะ”

    คำตอบที่ได้มาทำเอาผมชะงักกึกไป

    แววตาน้อยอกน้อยใจ ว่าตัวเอง?
    เธอพูดเรื่องอะไร

    “คุณเทพบดินทร์ คุณน่ะ อยู่สูงมานานจนลืมไปแล้วมั้งคะว่า ข้างล่างเป็นอย่างไง….”
    เธอเอยเหมือนปรารถมากกว่า แต่ผมก็อยากตอบเธอ

    “อาจจะจริง ผมอยู่สูงมาก แต่ที่สูงของผมมันไม่ได้ใกล้สวรรค์นะแพร์ มันใกล้นรกมากกว่า”

    เธอท้าวเคางมองมาที่ผมก่อนย้อนถามด้วยลูกตาสีน้ำตากลมโตที่เริ่มฉายประกาย
    “คุณคิดว่าอยู่นรกเป็นทุกข์หรือ?”

    “หรือคุณคิดว่าไม่ใช่ล่ะแพร์” แม่สาวตรงหน้าผมเพี้ยนหรือเปล่านี่

    “คุณรู้ไหม เด็กพวกนั้นน่ะ..” หล่อนบุ้ยใบ้ไปยังเหล่าเด็กที่มอมแมมขึ้นทุกทีจากการไล่ตามลูกบอล
    “เขาอยู่ในสลัม อดมื้อกินมื้อ บางวันต้องกินข้าว..น้ำปลาน่ะเหรอ มันแพงไปสำหรับเขาด้วยซ้ำ
    เขาต้องกินข้าวเปล่าๆ หรือบางทีแค่กล้วยลูกเดียวเขาก็อิ่มได้ทั้งวัน….แต่เด็กพวกนนั้น ถ้าคุณลองถาม
    คุณจะรู้ว่าเขามีความสุขท่ามกลางความทุกข์ที่คุณมองเป็นนรก…”

    “สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ…” ผมพึมพำคำที่ได้ยินอย่างผ่านๆหู แต่ตอนนี้มันกลับเด่นชัดขึ้นในความทรงจำ

    “พวกเขารู้ว่าต้องการอะไร…..พวกเขาแค่เล่นสนุกๆไป แค่นั้นเขาก็มีความสุข ผิดกับคุณ….” เธอแลมาที่ผมอีกที
    คราวนี้แววว่างเปล่าเริ่มกลับเข้ามา

    แต่ตอนนี้ผมชักจะเข้าใจความหมายของแววตานั้นขึ้นมาแล้ว…..

    “ถ้าคุณรู้ว่าคุณต้องการอะไร คุณอาจมีความสุข….” เธอบอกผมที่ลุกขึ้นยืนสวมมาดมารร้ายของสังคมอย่างเก่า

    “เบ็ญจภา…แพร์….” ผมเรียกชื่อเธอทำให้เธอต้องช้อนตามองมาที่ผมอย่างกังขา

    “ขอโทษเถอะ เบ็ญจภา ผมเกลียดคุณจริงๆเลยนะ!” ผมพูดจบก็ยิ้มกว้างก่อนเดินสาวเท้ายาวๆกลับไปทางเดิม
    แต่หูของผมแว่วเสียงหัวเราะใสๆของเธอลอยมาตามลม……

    + + + + + +

    แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 47 21:20:17

    จากคุณ : อมราวตี - [ 12 ม.ค. 47 23:30:22 ]