แผนซ้อนแผน

    แผนซ้อนแผน
    วันนี้ผมตื่นนอนตั่งแต่ไก่โห่  ขยี้ตาปรับรับแสงตะวันตอนเช้า  ขี้ตาแห้งกรังสีเหลืองอ่อนหลุดติดตรงนิ้วชี้
    เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียง  หกโมงสิบห้า  หกโมงสิบห้า!!!  นึกกระหยิ่มในใจ วันนี้ตื่นเช้าได้เหมือนกันแฮะเรา  ไม่รู้สึกว่าง่วงเลย  ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผมตื่นเช้าก็เป็น รู้สึกภูมิใจยิ่งนัก
    ความจริงผมไม่เคยจะตื่นได้ด้วยตัวเองเลย  อย่างพูดถึงนาฬิกาปลุก มันจะเป็นการดูถูกผมอย่างยิ่ง  เพราะอะไรนะหรือ  แฮ่ม...จะบอกให้ก็ได้ว่าว่าสำหรับผม ไอ้เจ้านาฬิกาปลุกที่เรียงรายอยู่เต็มห้องนอนไม่เคยสามารถปลุกผมจากภวังค์ได้เลย  
    มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถปลุกผม ฉุกกระชากลากดึงผมออกจากความฝันได้  สิ่งนั้นก็คือ...คุณแม่ของผมเอง   เหอๆๆๆ.....แต่วันนี้เสียใจด้วยครับคุณแม่ที่รัก
    ผมรีบลุกพรวดพราดออกจากเตียง  รีบลงไปข้างล่างเพื่อแสดงความยินดีกับตัวเองที่วันนี้ตื่นแต่เช้า และจะลงไปอวดอ้างสิ่งมหัศจรรย์กับคุณแม่ที่รักยิ่ง
    ที่ผ่านมาทุกวันตอนเช้าคุณแม่จะพยายามแงะประตูเข้ามาปลุกผมให้ไปโรงเรียน และผมก็พยายามทำทุกวิถีทางไม่ให้แม่เข้ามาในห้องผมในตอนเช้า
    ก็ผมอยากนอนต่อนี้ครับ  คนง่วงเป็นยังไงทุกคนก็น่าจะรู้กันดี
    ครั้งแรกๆ ผมนอนไม่ล็อคห้องหรอก แต่ไม่ไหวครับตอนเช้าแม่ชอบบุกเข้ามาอยู่เรื่อย  บุกมาจู่โจมผมทุกเช้า เสียงแม่อย่างกับหวอเตือนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง  ผมต้องยอมหลับตาตื่นทุกครั้งไป...เฮ้อ  ผมง่วงจริงๆนะ
    ครั้งรองๆลงมา ผมเริ่มล็อคห้องก่อนนอน  คิดว่าแม่จะไม่สามารถเข้ามาได้ในตอนเช้า แต่มันก็ใช้ได้ในช่วงแรกๆ  แม้ตะโกนเรียกผมอยู่ตรงหน้าห้อง ยังพอทนได้   ยังพอทนได้... เ    พราะแม่ไม่สามารถใช้กำลังฉุดร่างกายผมออกจากเตียงที่แสนอบอุ่นได้
    แต่มันก็ใช้ได้แค่ช่วงหนึ่ง  คืนหนึ่งผมล็อคห้องนอนเหมือนเดิม คิดว่ายังไงพรุ่งนี้แม่ก็เข้ามาไม่ได้  ผมลืมบอกไปว่ากุญแจห้อง  ผมเอาไปซ่อนเรียบร้อยแล้วและไม่มีทางที่คุณแม่จะหาเจอ  หลับสบายไปอีกคืน  แต่สิ่งที่ผมไม่คาดฝันก็มาถึงจนได้
    ตอนนั้นผมกำลังหลับสบาย  ฝันดีด้วย  แต่แล้วก็มีบางอย่าง มีเสียงบางอย่างดังอยู่ข้างๆเตียง  เสียงคุ้นๆแฮะ   หลับตาคิดว่าคุณแม่มาปลุกอีกและ  แต่ผมก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไรเพราะยังไงคุณแม่ก็เข้ามาในห้องไม่ได้  แต่ผมชะล่าใจไป  นอกจากเสียงคุณแม่แล้วผมรู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆมาดึงมือผม  ความรู้สึกที่ผมเหินห่างมานาน  สักพักผมเผยอเปลือกตา  เห็นเงารางๆ  ขี้ตายังเกาะก้อนอยู่เต็มสองตา  ผมขยี้ตาสองสามที  ชัดเลยครับ  ชัดเจน คุณแม่ผมเองกำลังดึงมือปลุกลากผมอยู่  เข้ามาได้ยังไงผมเอะใจ  ถามงัวเงียๆคุณแม่เข้ามาได้ยังไง  เอากุญแจมาจากไหน  คุณแม่ไม่ตอบอะไร บอกให้ผมรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน  
    เข้ามาได้ยังไง  หรือว่าเจอที่ซ่อนกุญแจ ไม่น่าเป็นไปได้ ผมคิดว่าซ่อนในที่ลับสุดยอดแล้วนะ ผมเกาหัวสามสี่ครั้ง ก่อนศิโรราบไปอาบน้ำแต่งตัว  
    ...แต่อย่าบอกคุณแม่นะว่าผมแอบไปหลับในห้องน้ำอีกหนึ่งงีบ
    ...แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าคุณแม่หากุญแจเจอได้ยังไง

    วันนี้ผมรีบกุลีกุจรลงไปข้างล่าง  ห้องนั่งเล่นว่างเปล่าไม่มีใครเลย  ผมเดินเข้าไปในครัว คุณแม่กำลังทำอาหารอยู่  ผมยืนกอดอกพิงประตูห้องครัวอย่างผู้ชนะ
    เห็นไหม แค่นี้ผมก็ทำได้ สายตาแห่งความภูมิใจจับจ้องที่คุณแม่
    คุณแม่หันมามองปลายตา แล้วหันกลับไป ไม่มีอาการใดๆแสดงออกมาเลย
    ทำไม ทำไม ทำไม ผมเริ่มสับสน  หรือว่าเราต้องพูด  พูดยังไงดีให้คุณแม่ได้รู้ตัวว่าวันนี้ลูกชายคนเก่งก็ตื่นเช้าเป็นเหมือนกันน้า  ผมอยากได้คำชมบ้าง เพราะทุกเช้าได้รับแต่คำสอน บทสวดข้างเตียงผมสดับจากคุณแม่ทุกเช้า แต่วันนี้ เหอๆๆๆๆๆๆ.....ต้องชมกันบ้างแล้ว
    ผมแกล้งถามว่า วันนี้คุณแม่ตื่นเช้าเนอะ  ดูสิตอนนี้ก็เวลา  ตอนนี้เวลา(ผมต้องย้ำสองครั้ง) หกโมงเช้ากับอีกยี่สิบนาที  เช้าจริงๆ!!!  แม่ตื่นเช้าจริงๆ....     ตอนนี้เช้าจริงๆ  หกโมงยี่สิบเอง  ยังเช้าอยู่เลย....
    คุณแม่หันมามองผมอีกหนึ่งครั้ง  ยังเฉยครับ คุณแม่ผมยังเฉยอยู่  สองมือของคุณแม่ก็กำลังทำเตรียมกับข้าวอะไรสักอย่าง ผมรุกเข้าใกล้
    คุณแม่ทำอะไรอยู่ครับ  เช้าๆอย่างนี้  คุณแม่ทำอะไรตอนหกโมงยี่สิบ...เอ็ดนาทีครับ  
    คุณแม่หยุดการกิจกรรมส่วนตัว  หันมา  “เป็นอะไรของแก วันนี้ถึงได้ตื่นเช้าได้   จะไปเที่ยวไหน หรือว่าจะมาของตังค์”
    เปล่านิผมไม่ได้ไปไหนซักหน่อย  แค่มาโชว์ว่าวันนี้ผมตื่นเช้า คุณแม่ช่างไม่เข้าใจอะไรเสียเลย
    “ขึ้นไปนอนต่อก็ได้นะ  วันนี้แม่ไม่กวนเวลานอนแกหรอก  ที่วันอาทิตย์ทำเป็นตื่นเช้า วันธรรมดาไปเรียนไม่เคยคิดจะตื่น”  คุณแม่บ่นพึมพัมไปเรื่อย
    อ้าว  วันนี้วันอาทิตย์หรอกเหรอ  ความผิดพลาดเกิดขึ้นในใจ  เฮ้อ...  อุตสาห์ตื่นเช้ากลับเป็นวันอาทิตย์ซะได้  เซ็งหัวใจเลย
    ผมไม่ยอมแพ้ ถึงวันอาทิตย์แต่ผมก็ตื่นเช้านะ เห็นไหมวันนี้ไม่เห็นคุณแม่จะต้องมาแงะผมออกจากเตียงเลย  เห็นไหมละ  ผม   ตื่น  เอง   ได้
    “งั้นตื่นมาก็ดีแล้ว  ช่วยเอาผักไปล้างให้หน่อย เดี๋ยวไม่ทัน” ใช้คนตื่นเช้าซะเลยคุณแม่ผม
    ผมแกล้งทำมือขยี้ตา โชว์ก้อนเหลืองๆให้คุณแม่ดู  รีบขอตัวคุณแม่ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน  เดี๋ยวร่างกายจะไม่สะอาด  แล้วถอยฉากออกจากครัวทันที!!!
    ได้ผลครับคุณแม่นิ่งเงียบ ไม่สวดมนต์ไล่หลังผมมาเลย
    ผมใช้เวลาไม่นานในการล้างหน้าแปรงฟัน  เช็ดหน้าไปพรางระหว่างเดินไปหาคุณแม่ในครัวอีกครั้ง
    “อาบน้ำหรือยัง” คุณแม่หันหลังยิงคำถาม
    อาบ  อาบ  อาบ ละ......
    “ไม่ต้องมาโกหก  ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้  แล้วช่วยแม่ถือของไปวัด”
    ไปวัด วันอาทิตย์  ตอนเช้า  อาบน้ำ ผมประมวลความคิดในใจ  
    “ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงแม่คีย์สูงขึ้น
    ผมหันหลังกลับ ต้องยอมจำนนไปอาบน้ำ  ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ชอบกดดันผมเหลือเกิน
    ผมใช้วิชานินจาเดินผ่านน้ำอย่างรวดเร็ว  และใช้เวลาอีกสักพัก นั่งเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมใส่  ไม่ต้องรีบครับเดี๋ยวโดนไล่ไปอาบน้ำใหม่อีกรอบ
    เดินลงมาหาคุณแม่ในครัวอีกครั้ง แม่เห็นผมแล้วไล่ขึ้นไปเปลี่ยนชุดใหม่  บ่นอีกชุดว่าไปวัดนะไม่ได้ไปเที่ยว ใส่เสื้อผ้าสีแปร๋นอย่างนี้ได้ยังไง
    ผมก้มมองชุดตัวเอง  ไม่เห็นจะแปร๋นตรงไหนเลยเสื้อสีแดงกางเกงสีฟ้า แค่นี้เอง แม่ไม่เข้าใจวัยรุ่นเลย  
    ขึ้นห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดสีขาว  เข้าไปหาคุณแม่ในครัวอีกรอบ
    “อืม ดีๆๆ ชุดนี้แหละ ไปวัดหัดแต่งตัวให้มันสุภาพหน่อย”  แม่ชมกลายๆ
    ชุดนี้นะดี เสื้อสีขาว กางเกงสีขาว อย่างกับ ก้อนทิชชู่เดินได้  ผมเกาหัวแกรกๆ
    แม่บอกให้ผมช่วยถือถุงกับข้าว   อาหารแห้ง  ของหวานและน้ำ  สองแขนผมตึงเปรี้ย หนักเหมือนกันแฮะ
    ไปถึงวัดแถวบ้านผู้คนมากมายหลั่งไหลกันมารวมตัวกันที่วัด  ผมเพิ่งเคยไปครั้งแรก แปลกตาเล็กน้อย  คุณแม่กับผมนำอาหารไปถวายพระ  ต้องต่อคิวครับ คนเยอะเหลือเกิน  
    หลังจากถวายอาหารเสร็จคุณแม่ก็นั่งฟังธรรมเทศนาในโบสถ์  ส่วนผมนะหรือ ออกมาวิ่งเล่นตรงลานวัด  นั่งฟังไม่ไหวครับ เมื่อยขาเมื่อยมือ  
    ตรงข้างโบสถ์อาหารมากมายที่ผู้คนนำมาถวายถูกวางรวมกันไว้  ผมเดินเข้าไปดูเยอะจนตาลาย  น้ำลายหวานๆเริ่มซึมออกมาตรงโคนลิ้น
    สักพักผู้คนเริ่มทยอยออกมา  ทุกคนพุ่งตรงมาที่โต๊ะอาหาร ตักอาหารใส่ปิ่นโตกันคนละอย่างสองอย่าง  คุณแม่ผมเดินเข้ามาหาบอกว่าอยากกินอะไรก็ไปหยิบเอา  เข้าทางละสิครับ  ผมรีบเดินจ้ำเข้าไปหยิบขนมหวานเป็นอย่างแรก ต้องรีบเดี๋ยวจะหมดซะก่อน
    คุณแม่ก็เดินไปตักแกงสองสามอย่างใส่ปิ่นโตกลับบ้าน  
    หยิบขนมเสร็จ ผมเดินเลือกของที่ถูกใจอีกสอง  สาม  สี่  ห้า  หก เจ็ด  จนเต็มสองมือ คุณแม่เดินเข้ามาสะกิดบอกว่าหยิบไปนะกินหมดหรือเปล่า  ผมตอบไม่ได้  จึงจำใจตัด  ห้า สี่ สาม กลับไปวางที่เดิม
    ระหว่างทางเดินกลับบ้านคุณแม่ถามผมว่าสนุกหรือเปล่า
    สนุกครับ ผมตอบเต็มเสียง  สนุกสิทำไมจะไม่สนุก ได้ขนมมากินเยอะเยาะเลย
    “แปลกวันนี้ตื่นเช้าได้เหมือนกันนะเรา”  คุณแม่แอบชมผมกลายๆ
    ผมยิ้มรับอย่างภาคภูมิ  ลูกแม่ก็มีดีเหมือนกันน้า  แต่แวบหนึ่งในใจผมเริ่มตะงิดขึ้นมานิดนึงถึงเรื่องราวที่ผ่านมา  ผมถามคุณแม่ว่าหากุญแจห้องที่ผมซ่อนเจอได้อย่างไร  คุณแม่ยิ้มที่มุมปาก นิ่งเงียบไปสักพัก
    “แล้วซ่อนกุญแจไว้ที่ไหนละ” คุณแม่ถามกลับ
    ผมเงียบสักพักก่อนจะบอกที่ซ่อนลับสุดยอดกับแม่ (ใต้ที่นอนผมเองแหละ)
    “งั้นถึงบ้านหยิบมาให้แม่ด้วย  แล้วทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกละ” แม่เอ็ดเบาๆผสมบ่น
    อ้าว...คุณแม่ไม่รู้ที่ซ่อนกุญแจผมหรอกหรือ แล้วตอนเช้าคุณแม่แอบเข้ามาปลุกผมได้อย่างไรละ  ผมพูดจบคุณแม่หัวเราะเบาๆ
    “แม่เป็นแม่  ลูกเป็นลูก  ไม่มีอะไรที่ลูกทำแล้วแม่แก้ไม่ได้  เรื่องแค่นี้  เล็กน้อย”  คุณแม่เดินยิ้มตลอดทาง
    ผมได้แต่เกาหัว  จนถึงบ้าน คุณแม่ทำได้ยังไง  หรือว่าแอบปีนเข้ามาตรงหน้าต่าง  ใช่แน่ๆ คุณแม่ต้องแอบปีนเข้ามาตรงหน้าต่างแน่ๆ   ผมสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้น  
    วันนี้ต้องล็อคหน้าต่างก่อนนอนด้วยซะแล้ว...


    บทสรุปทิ้งทวน
    ผมหยิบกุญแจออกจากที่ซ่อนลับสุดยอด  ลองไขลุกปิดประตูดู  อ้าว...ทำไมไขไม่ได้ทุกทีก็ไขได้นี่ ทำไมคราวนี้ไขไม่ได้  ผมแปลกใจมาก
    ผมลงเอากุญแจไปให้คุณแม่ บอกคุณแม่ว่ามันไขไม่ได้แล้วไม่รู้เป็นอะไร
    “ยังไงก็ไขไม่ได้หรอก…” คุณแม่หัวเราะในลำคอ
    ผมมึนงง ทำไมไขไม่ได้  ก็เคยไขได้นี่  เสียงทีวีในห้องนั่งเล่นดังขึ้น ช่องเก้าการ์ตูนมาแล้วผมรีบวิ่งไปดู

    ----------------------------------------

    “...อุตสาห์ลงทุนเปลี่ยนลูกบิดประตู    กุญแจดอกเก่าจะไขได้อย่างไร  ลูกหนอลูก…” คุณแม่คนเก่งรำพัน

    จากคุณ : maleesawan@(เรื่อยเปื่อยไปวัน) - [ 16 ม.ค. 47 12:33:02 A:203.146.112.110 X: ]