ขุมทรัพย์โปโป้ปิ้วสุดขอบฟ้า(กระทู้นี้ก็น่าจะจบ(ได้)แร้วววววว)

    ทุกคนต้องยักแย่ยักยันลุกขึ้นกันอีกครั้ง เพื่อทำการช่วยเหลือเพื่อนของตัวเองให้ฟื้นคืนสติ นพวุฒินั้นจับศีรษะของพลนิดาให้นอนราบลงกับพื้น ใบหน้าของเธอซีดเผือด เหงื่อกาฬไหลเต็มราวกับเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ ๆ ลมหายใจยังรวยริน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกดังเช่นคนหมดสติ ทั้งหมดได้แต่มุงดูโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกว่านั้น

    “ยังงี้ต้องเป่าปาก..” ภณชัยเสนอขึ้นมา
    “เฮ่ย..ไม่ใช่คนตกน้ำนี่หว่า..แล้วก็ยังหายใจอยู่เนี่ย..” ราเมษฐ์แย้งขึ้น
    “งั้นต้องขันชะเนาะ..กันพิษเข้าหัวใจ..” เขายังพยายามเสนอ
    หลายคนอยากหัวเราะ..แต่ไม่อยู่ในอารมณ์นั้น..ทุกคนกลัวว่าพลนิดาจะตายไปจริง ๆ
    “ฉันว่าเธอสลบไปเพราะฤทธิยา ถ้าตอนนี้เรามีน้ำให้เธอกิน ฉันว่าน่าจะดีขึ้น..” อรรถพลให้ความเห็นมาบ้าง
    “จะหาน้ำจากไหน? มีแต่ทองและก็แบงก์ แล้วก็ศพกองเป็นจิ้งจกตายซากอยู่เนี่ย..” ราเมษฐ์บ่นเสียงดัง
    “เราต้องหาให้ได้..” นพวุฒิพูดพลางแล้วผลุดลุกขึ้น ทำท่าจะเปิดประตูไปอีกครั้ง
    “เฮ้ย..จะทำอะไร..พวกแมงมุมยักษ์มันรอจะรับประทานเราอยู่ข้างนอกนั่น นี่ฉันยังกลัวเลยว่ามันจะเข้ามาได้ทางไหนได้อีกหรือเปล่า..”  ราเมษฐ์พูดไปหันซ้ายหันขวาไปด้วยความระแวงเจ้าแมงกระหายเลือดที่แม้ขณะนี้ก็ยังตะกายโบกี้อยู่แกรกกราก
    “ฉันจะต้องไปเอาน้ำ..ฉันรู้ว่าจะไปหาได้ที่ไหน”
    “อย่าทำเป็นพระเอก..ถ้าเธอออกไปเมื่อไรเธอก็ตาย..” อรรถพรพูดเสียงเข้ม สายตาที่มองมายังเขานั้นดุดันน่ากลัว
    “แล้วเราจะปล่อยให้พลนิดาตายไปอย่างนี้น่ะเหรอ..”
    “รู้ได้ไงว่าเธอจะตาย..ฉันได้ยินว่าเธอถูกวางยาไม่ใช่เหรอ..นี่อาจจะเป็นอาการของคนที่ยากำลังหมดฤทธิก็ได้ ว่าแต่พวกเราเหอะ แต่ละคนเลือดซกกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าไอ้พวกแมงมุมบ้านั่นจะมีพิษหรือเปล่า เรามาช่วยกันทำบาดแผลให้เลือดหยุดก่อนดีกว่า..อย่างน้อยเราก็ทำได้ดีที่สุดเท่านี้..”

    นพวุฒิจำต้องจำยอม..คำพูดที่เหมือนผู้ใหญ่ของอรรถพรทำให้เขาคิดได้ แม้ว่าเขาจะสามารถออกไปหาน้ำมาให้เธอได้ แต่ใครล่ะจำตอบได้ว่าถ้าเธอได้รับน้ำแล้วเธอจะฟื้น ที่สำคัญตอนนี้เธอสลบไสลไม่ได้สติ เธอจะกินน้ำเข้าไปทางไหน??

    ที่หลังเท้าทั้งคู่ของแต่ละคน มีบาดแผลกันมากบ้างน้อยบ้าง ลึกบ้างตื้นบ้าง ราเมษฐ์ลงทุนถอดเสื้อของตัวเองฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วแบ่งให้เพื่อนพันเอาไว้เพื่อห้ามเลือด..พักเดียวทุกคนก็จัดการบาดแผลของตนเองเสร็จ

    “หวังว่าในโรคนี้คงไม่มีโรคแมงมุมบ้าเหมือนโรคพิษสุนัขบ้านะ..” ภณชัยเอ่ยขึ้น
    “เธออย่าหวังเลย..ในเมื่อโลกนี้ยังมีแมงมุมยักษ์ได้ ทำไมถึงจะมีโรคแมงมุมบ้าไม่ได้..” อรรถพลพูดในลำคอ เธอทำแผลของตัวเองเสร็จแล้วและกำลังหันไปทำให้กับพลนิดาที่นอนนิ่งอยู่
    “พูดให้กำลังใจกันเสียจิ้ง..ว่าแต่ว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป ครูคนนั้นที่เรายังไม่ได้รู้จักแม้แต่ชื่อของเขาก็ตายไปแล้ว..แต่แทนที่เราจะออกไปจากถ้ำนี้ได้กลับมาติดอยู่กับไอ้ฝูงแมงมุมบ้านั่น..เมื่อไรมันจะไป แล้วเมื่อไรเราถึงจะออกไปได้..” ราเมษฐ์เป็นคนตั้งคำถาม

    คำถามนี้ทำให้ทุกคนนิ่งงันไป นพวุฒินั้นด้วยเหตุการณ์ที่ประดังเข้ามาจนกระทั่งเขาตั้งตัวแทบไม่ติด ในสมองตอนนี้ถึงกับคิดอะไรไม่ออก เขารู้แต่เพียงว่าตอนนี้เขาและเพื่อน ๆ รอดตายแล้ว แต่จะรอดไปได้นานแค่ไหน ที่สำคัญในขณะนี้เขาเชื่อว่าเพื่อน ๆ ทุกคนกำลังหิวข้าวเหมือนกับเขา เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน

    หันไปมองสำรวจไปทั่วโบกี้นั้นอีกครั้ง..หีบจำนวนมากที่เรียงกันเป็นพรืดชิดข้างฝานั้นยังคงวางอยู่เหมือนเดิม มีบ้างที่เปลี่ยนแปลงไปสองสามหีบที่ราเมษฐ์และภณชัยโกยเอาทองคำแท่งแทนอาวุธซัดเข้าใส่เจ้าแมงมุมพวกนั้น ศพของทหารญี่ปุ่นที่ตายอยู่ในท่าต่าง ๆ กันนั้นก็ยังไม่มีใครไปแตะต้อง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหาอาหารในที่นี้ และยิ่งไปไปไม่ได้เลยทีเดียวที่เขาจะเอาปืนของทหารเหล่านั้นมาใช้..

    หันไปมองเพื่อน ๆ ที่บ้างนั่งบ้างยืนอยู่รอบตัว ภณชัยคลำเท้าป้อย ๆ ด้วยความเจ็บจากบาดแผลที่เท้า ราเมษฐ์ยืนหน้าเป๋อเหลอพิงอยู่กับหีบใบหนึ่งด้วยความอิดโรย ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าเพราะถอดเสื้อไปเป็นผ้าพันแผลเรียบร้อยไปแล้ว เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มีแต่ก้างจริง ๆ สังเกตจากซี่โครงที่โผล่พ้นออกมาจนแทบนับได้ทั่วตัว อรรถพรนั้นเหล่าบัดนี้ผมเผ้าที่ค่อนข้างสั้นนั้นยุ่งเหยิงไปแล้ว..ดวงตากลมโตแต่แข็งกร้าวผิดเด็กนั้นยังคงแสดงถึงการสู้ไม่ถอยอยู่ตลอดเวลา บาดแผลที่หลังเท้าและหน้าแข้งดูจะมากกว่าใคร ๆ ถึงกับมีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลนั้นจนสังเกตเห็นได้ ส่วนตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเพื่อน ๆ สักเท่าไหร่ เด็กชายร่างเล็กสายตาเอียงอย่างเขาจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้??

    แล้วเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น เรี่ยวแรงดูเหมือนจะหดหายไปเสียสิ้น น้ำตาประดังขึ้นมาที่หน่วยตา..แม้จะพยายามกลั้นอย่างไรมันก็ยังมีซึมเล็ดลอดออกมาจนได้ เขาคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงบ้าน จะไม่ใครรู้หรือเปล่าว่าการเข้าค่ายปฐมนิเทศน์ของเขาในครั้งนี้เขาต้องผจญกับอะไรบ้าง

    เขาอยากให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นความฝัน เหมือนกับที่เขาฝันมาแล้วตอนที่สลบไปหลังจากตกจากที่สูงในครั้งนั้น เขาอยากจะหลับตาแล้วลืมขึ้นอีกทีก็พบกับแม่ที่คอยทานข้าวอยู่ที่บ้าน พบกับพ่อที่มักจะเรียกเขาไปลูบหัวลูบหลังอยู่เสมอ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างงั้น

    เสียงแกรกกรากจากด้านนอกเริ่มน้อยลงและเงียบหายไปในที่สุด ดูเหมือนเจ้าพวกแมงมุมเหล่านั้นจะเลิกพยายามที่จะเข้ามา “กิน” พวกเขาแล้ว..ความเงียบเกิดขึ้นจนรู้สึกวังเวง  แสงตะวันที่สอดลอดเข้ามาจากปล่องหรือรูเหนือถ้ำนั้นบัดนี้ก็เริ่มมีแสงที่อ่อนลง หากยิ่งมืดไปกว่านี้ทุกอย่างก็คงเลวร้ายลงไปอีกอย่างช่วยไม่ได้

    ขณะที่นพวุฒิกำลังหมดอาลัยตายอยากอยู่กับตัวเอง ราเมษฐ์ซึ่งยืนพิงหีบใบหนึ่งอยู่นั้นก็ตะโกนขึ้นมาคำหนึ่ง
    ด้วยความตกใจจนเสียงหลง ที่อยู่ ๆ หีบที่เขาพิงอยู่นั้นเกิดมีเสียงร้องขึ้นมาได้

    “เฮ้ย..!!”

    มันเป็นเสียงคล้ายสัญญานเตือนอะไรสักอย่างหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบนั้นมันดังขึ้นจนรู้สึกแสบหู เด็ก ๆ ทุกคนต่างตกอกตกใจไปตาม ๆ กัน

    “เสียงอะไร?”
    “นั่นสิ แล้วอยู่ ๆ มันดังขึ้นได้อย่างไร?”
    “เป็นระเบิดรึเปล่า?”
    “ตายแน่ทีนี้!!”
    “แล้วเราจะทำอย่างไรดี?? จะออกจากที่นี่ไปก็ไม่ได้..”
    “ฯลฯ”
    ………..

    จากคุณ : ปิ๊วปิ้ว - [ 17 ม.ค. 47 17:35:14 A:203.118.64.97 X: ]