วันที่ต้องเรียน(พิเศษ)
วันนี้ผมเลิกเรียนช้ากว่าปกติ ธรรมดาบ่ายสามโมงผมก็เลิกเรียนแล้ว แต่วันนี้ผมต้องทนนั่งเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนอีกกว่าหนึ่งชั่วโมง ปวดหัวสมองแทบจะระเบิด จะให้มีสมาธิเรียนได้อย่างไรละ ใจผมมันลอยไปอยู่ที่สนามฟุตบอลแล้ว นั่งตาละห้อยตรงหน้าต่างห้องเรียน เพื่อนๆกำลังเตะฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ผมได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะต้องทนเรียนพิเศษไปอีกนานเท่าไหร่ นี่เพิ่งวันแรกนะเนี้ย ถ้าเป็นอย่างนี้อีกสักเดือน ผมตายแน่ๆ
หันซ้ายหันขวามองเพื่อนๆในห้อง ว่าจะหาเพื่อนคุยซักหน่อย ไม่มีคนคุยกับผมเลย ทุกคนเอาแต่หน้าดำคร่ำเครียดกับการสอนของคุณครู มือก็จดอะไรยุกยิกๆ ไม่รู้ ผมได้แต่ถอนหายใจ เมื่อไหร่จะหมดชั่วโมงสักที ดูเวลาตรงผนังหน้าห้องทำให้ความเซ็งทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีก ตอนนี้สามโมงห้าสิบ เลิกเรียนพิเศษก็สี่โมงครึ่ง
เฮ้ออออออออออ......... ผมปล่อยลมหายใจร่ายยาว นานจัง เอามือทั้งสองข้างขึ้นมาตั้งรับน้ำหนักหัวตรงคาง ชีวิตวัยรุ่นของผมกำลังจะหมดไป
คุณครูขีดเขียนอะไรบนกระดานไม่รู้ตั้งมากมาย นักเรียนคนอื่นต่างพยายามจดตาม แต่ผม ผมพยายามหาโอกาสหนีออกไปจากห้องนี้ ทำยังไงดี ยิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเพื่อนกำลังสนุกสนานกันอยู่ อาการอยากหนีออกจากห้องเรียนพิเศษก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว
ทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี
คิดออกแล้ว ผมยกมือเรียกคุณครู คุณครูหยุดเขียนบนกระดาษ ผมบอกไปว่าผมปวดฉิ่งฉ่อง อยากเข้าห้องน้ำมากอั้นไม่อยู่แล้ว คุณครูเดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะ จ้องหน้าผมเขม็ง ผมได้แต่ทำตาละห้อย เค้นความน่าสงสารออกมาให้มากที่สุด
ไปสิจ๊ะ เดี๋ยวครูเดินไปด้วย ปวดมากไหม... เพื่อนในห้องหัวเราะกันเกรียว ผมหันซ้ายหันขวาทำหน้างงงง มีอะไรหรือ ผมอยากเข้าห้องน้ำผิดด้วยหรือ
ผมบอกคุณครูว่าไม่เป็นไรครับผมไปคนเดียวได้ไม่ต้องเป็นห่วง
คุณครูบอกว่าไม่ให้ผมไปคนเดียว
ผมบอกว่าคุณครูว่าไปคนเดียวได้...
คุณครูบอกว่าไม่ให้ไปแล้ว รอเลิกเรียนก่อนแล้วค่อยไป
ผมสงบปากรับคำ คุณครูใจร้าย ผมแขวะในใจ
แล้วจดตามที่ครูเขียนบนกระดานด้วย อย่ามัวแต่นั่งเหม่อ ถ้าไม่จดไม่เสร็จครูไม่ให้กลับบ้าน
คุณครูขู่แกมบังคับกับผม ผมซึ่งกำลังขออนุญาตคุณครูไปฉิ่งฉ่อง แต่คุณครูไม่ให้ไป ผมนึกถ้าปวดจริงๆแล้วคุณครูไม่ให้ไปห้องน้ำ ผมจะฉิ่งฉ่องมันตรงนี้เลย
ผมพยายามเบ่งฉิ่งฉ่อง แต่ทำยังไงก็ดันไม่ขึ้น ฉิ่งฉ่องไม่ออกแสดงว่าตอนนี้ผมปวดไม่จริงละสิ ตายละแล้วคุณครูจะรู้ไหมนะว่าผมโกหก
ผมต้องกลบเกลื่อนสีหน้า แกล้งทำร่างกายกระส่ายกระสับทำให้ดูเหมือนว่าปวดฉิ่งฉ่องจริงๆ ยากเหมือนกันแฮะ แล้วยังต้องจดตัวอักษรมากมายบนกระดานด้วยหรือนี่ แค่เห็นก็ตาลายจะเป็นลมแล้ว ทำยังไงดี เรียนก็ไม่อยากเรียน จดก็ไม่อยากจด อยากออกไปเล่นใจจะขาดอยู่แล้ว
ความตั้งใจของผมยังไม่หมดสิ้น แผนการต่างๆประดังเข้ามาในหัว วิ่งออกไปดื้อๆเลยจะได้หรือเปล่าน้า ถ้าวิ่งออกไปคุณครูจะวิ่งตามออกไปหรือเปล่า แต่ถ้าวิ่งตามออกไปก็คงจะวิ่งไม่ทัน เพราะคุณครูเป็นผู้หญิงแถมใส่กระโปรงด้วย หลอดไฟฉายบนหัวเริ่มส่องสว่าง เอาละวะวิ่งออกไปโทงๆอย่างนี้นี่แหละ
ขณะที่เตรียมออกจากจุดสตาร์ท หลอดไฟบนหัวผมก็กระพริบสัญญาณเตือน ช้าก่อนเพื่อนรัก ถ้าวิ่งออกไปโทงๆอย่างนี้คงจะไม่ดีแน่ เพราะถึงแม้คุณครูจะไล่ไม่ทันแต่ถ้าคุณครูไปฟ้องคุณแม่ละ จะทำอย่างไร ใช่สิ ถ้าคุณครูไปฟ้องคุณแม่ผมตายแน่ๆเลย จำใจต้องเก็บความคิดนี้ลงลิ้นชัก แล้วจะใช้วิธีไหนดี ต้องมีสักทางสิผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก
จะเดินไปบอกคุณครูว่าคุณแม่มารับแล้วก็ไม่ได้ เพราะคุณแม่บอกว่าจะมารับตอนสี่โมงครึ่ง หรือว่าจะลองเสี่ยงดูโกหกไปว่าคุณแม่มารับก่อนเวลา เสี่ยงดีไหมน้า ผมถามหลอดไฟบนหัว ไม่มีแสงสีเหลืองปิ้งออกมาเลย แต่ผมก็อยากจะลองเสี่ยงดู เอาละผมรวบรวมความกล้าเดินไปหาคุณครูที่หน้าห้อง แต่....ช้าก่อน
ก่อนที่ผมจะลุกจากเก้าอี้ แผนการดีๆก็ผุดขึ้นมาในหัว แผนนี้แหละสุดยอด ได้ออกไปจากห้องเรียนหฤโหดนี้ชัวร์ ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอีกครั้ง
ห้องเรียนพิเศษของผมอยู่ชั้นสอง ทำเลดี มุมที่ผมนั่งก็ดี ชะโงกไปนอกหน้าต่างข้างล่างทางเดินก็ไม่มีคนเดินผ่าน เสร็จผมคราวนี้แหละ ผมจะได้ลี้ออกไปซักที
ผมแกล้งโยนหนังสือปากกา ดินสอ ยางลบ กระเป๋าออกนอกหน้าต่าง สัมภาระทุกอย่างที่ผมมีอยู่ โยนทิ้งออกไปให้หมด ถ้าผมโยนตัวเองออกไปได้ผมว่าจะโยนตัวเองออกไปด้วย
ผมตะโกนโหวกเหวกว่าลมพัดหนังสือผมปลิวไปนอกหน้าต่าง ขออนุญาตคุณครูลงไปเก็บหนังสือ ผมผลุนผันวิ่งออกไปโดยที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากคุณครูว่าให้ไปหรือไม่ให้ไป แต่ก็ช้าเกินไป ขณะที่ผมกำลังพุ่งตัวก้าวพ้นประตูห้องคุณครูที่รักยิ่งของผมก็คว้าแขนของผมไว้ทัน
จะไปไหน คุณครูถามด้วยเสียงสูง
ผมบอกคุณครูว่าจะลงไปเก็บหนังสือ ลมมันพัดหนังสือผมปลิวตกลงไป
ไม่ต้องไป กลับไปนั่งที่เดิม คุณครูดึงผมกลับไปที่โต๊ะ
แต่ว่าหนังสือผม ถ้าผมไม่มีหนังสือ ดินสอ ยางลบ ผมก็เรียนไม่ได้สิครับ คุณครูไม่ฟังคำอธิบายผม แล้วใช้เพื่อนในห้องคนหนึ่งลงไปเก็บสัมภาระให้ผม ทำอย่างนี้ได้ยังไง ของๆผม ผมก็ต้องลงไปเก็บเองสิครับ คุณครูทำอย่างนี้ไม่ถูกต้องนะครับ ผมแย้งด้วยสายตา
สักอึดใจเพื่อนก็นำหนังสือ สมุด ดินสอ ยางลบ รวมถึงกระเป๋ามาให้ผม คุณครูมองผมด้วยสายดุอย่างกับเสืออดนม ก็จริงๆนี่ ตรงที่ผมนั่งลมพัดแรงจะตาย ดูสิขนาดกระเป๋านักเรียนลมยังพัดกระเด็นหล่นลงไปเลย ยังโชดดีนะเนี้ยที่ผมไม่โดนลมพัดตกลงไปด้วย
ความหวังที่จะหลบหนีออกจากห้องเรียนเริ่มเลือนรางลงไปทุกที นี่ผมต้องทนอยู่อย่างนี้ไปจนถึงสี่โมงครึ่งหรือนี่ โอ้พระเจ้า....
ในที่สุด...ผมก็ต้องทนเรียนอยู่จนหมดชั่วโมง เกือบตายน่ะครับ จดมือหงิกเลย คุณแม่นะคุณแม่ให้ผมเรียนพิเศษทำไมนะ รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ชอบ อย่างนี้บังคับกันนี่นา
เอ๊ะ
!!! ผมโดนบังคับหรือนี่ ผมถูกคุณแม่บังคับให้เรียนพิเศษ ผมโดนบังคับ ผมโดนบีบบังคับ แล้วผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาหรือเปล่านะ แล้วเด็กมีปัญหาเขาต้องเป็นกันยังไง เห็นทีผมจะต้องคุยเรื่องนี้กับคุณแม่ซะแล้ว ประเทศไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย ผมจะยอมให้คุณแม่มาบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบไม่ได้
ผมลุกออกจากห้องเรียนพิเศษด้วยความเหนื่อยอ่อน มือทั้งสองข้างชาด้านไร้ความรู้สึก มือข้างขวาก็จดยิกๆ ส่วนมือข้างซ้ายก็ต้องตามลบคำผิด ก็คุณครูเล่นเขียนตัวยึกยือเล็กนิดเดียว ใครจะมองเห็นได้ถนัด
เดินโรยแรงไปหาคุณแม่ที่จุดนัดพบ เห็นคุณแม่ยืนคุยกับคุณครูใจร้ายอยู่ คุยกันเรื่องอะไรนะ เรื่องผมหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ไม่เห็นจะต้องไปกลัวเลย ผมเดินเข้าไปสวัสดีคุณแม่ คุณแม่รับไหว้เขม่นตามองทางผม
แกล้งหลบสายตาคุณแม่หันมองไปทางอื่น คุณครูขอตัวเดินจากไป ตอนนี้เหลือผมกับคุณแม่สองคน คุณแม่เอื้อมมือมาขยี้ที่หัวผม
แสบนักนะเรา เรียนพิเศษวันแรกคุณครูก็มาฟ้องแล้ว เหมือนว่าคุณแม่จะเอ็ดผมกลายๆ
พยายามทำเป็นไม่รู้เรื่องที่คุณแม่พูด แล้วรีบจูงมือคุณแม่ไปทางร้านขายลูกชิ้นปิ้งหน้าโรงเรียน ตอนนี้ท้องผมร้องเพลงแร๊พได้เลยหละ
จากคุณ :
เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ
- [
19 ม.ค. 47 16:35:33
A:203.146.112.110 X:
]