เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมไม่อยากจะเล่า เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอับอายเหลือเกินจะทนจะทานได้ นี่ถ้าไม่ได้เห็นว่าผมได้หายเงียบไปในถนนนานนักหนาจนเกินไปแล้วล่ะก็ เป็นไม่เล่าเด็ด ๆ เอ้าจริง ๆ นะ ไม่เล่าให้ยอมเด็ดเลยจริง ๆ
ไม่นานมานี่ผมมีธุระไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งอยู่ไกลมากจนผมไม่อยากจะขับรถไป เพราะว่าสงสารตัวเองมากกว่าจะสงสารรถ ระยะทางกว่าเจ็ดร้อยกิโลฯ นั้นไม่ใช่เล่น ๆ นะครับ ยิ่งรถที่ใช้อยู่เป็นรถรุ่น เหลือใช้ ด้วยแล้ว กว่าจะขับไปถึงมือข้างที่จับประตูอยู่ไม่ให้มันหลุดนั้นก็คงจะเป็นเหน็บ หรือไม่ก็ต้องจอดข้างทางชั่วโมงละสองครั้งเพื่อเติมน้ำที่หม้อน้ำและเติมน้ำมันที่ถังน้ำมัน หรือไม่(อีกที)ก็ไปไม่ถึง เพราะมันไม่ยอมจะไป จอดแอ้งแม้งรอช่างมาลากเข้าอู่ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านที่แท้จริงของมัน(เพราะไปอยู่บ่อยเหลือเกิน) จะทำให้ไปทำธุระไม่ได้เสียเปล่า ๆ
ผมจึงตัดสินใจขึ้นรถไฟครับ ตีตั๋วนอนไปซะด้วย เขาเรียกว่าชั้นดีหนึ่งประเภทหนึ่งเลยหนา ค่าตั๋วหลายร้อยอยู่ แต่ก็ถือว่าคุ้มหากจะเทียบกับค่าน้ำมันถ้าผมจะขับรถไปเอง แถมยังได้นอนอย่างสบายอีกต่างหาก ผมเคยขึ้นมาครั้งนานหลายปีแล้ว ยังติดอกติดอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้
เมื่อไปถึงสถานีวัวลำพองแล้ว ก็เห็นรถไฟขบวนที่ผมต้องอาศัยมันไปจอดยิ้มเผล่รอผมอยู่แล้ว จัดแจงเลือกที่นั่งตามที่ระบุไว้ที่ตั๋ว และเก็บข้าวเก็บของเรียบร้อย ก็เดินลงมาหาอะไรดื่มเล่น ๆ ตอนนั้นประมาณหกโมงกว่า ๆ เห็นจะได้ ผู้คนมากมายเดินไปเดินมา บ้างลงจากรถขบวนหนึ่ง บ้างก็กำลังจะเดินขึ้นรถอีกขบวนหนึ่ง แต่สิ่งที่ผมสนใจตอนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่า ร้านขายเบียร์
เอิ๊กส์..แค่นึกก็เปรี้ยวปาก ในที่สุดก็หาเจอจนได้ ซื้อตุนมาไว้นิดหน่อย เพราะมากกว่านั้นจะเป็นภาระต่อการถือจนเกินไป ผมเดินแบกเบียร์สิบกระป๋องนั้นขึ้นรถไฟ ผู้โดยสารหลายคนหันมามองผมเป็นตาเดียว ด้วยความเขินผมเลยต้องเดินช้า ๆ กะว่าจะให้คนอื่นเขาเปรี้ยวปากอย่างผมบ้าง แต่แล้วก็ต้องสะดุดกึก เพราะมีชายคนหนึ่งเรียกผมไว้
น้อง เบียร์ป๋อง
ฮ่าฮ่า..แสดงว่าสภาพของผมคงเหมือนคนขายเบียร์ ด้วยบุคลิกของนักธุรกิจใหญ่ ผมหวีเป๋ปกปิดร่องรอยลานจอดเครื่องบินตรงหน้าผาก สวมแว่นตาปกปิดความหวานและคมกริบของดวงตาไม่ให้ไปบาดหัวใจใครเขาเข้า ริมฝีปากหนาเย้ายวน คอระหงส์นั้นมีเนื้อที่เหลือเพื่อโชว์ลูกกระเดือกเพียงเล็กน้อย ถัดลงมาเป็นไล่กว้างบึกบึนสมชายชาตรี เคยเอาไม้บรรทัดขนาดหนึ่งฟุตวัดได้ยังไม่หมด(บรรทัด) ไม่ต้องพูดล่ะว่ามัดกล้ามที่หน้าอกหน้าใจจะขนาดไหน หากไม่มีเสื้อผ้าปกปิดไว้คงเต็มไปด้วยรอยลิปสติกของสาว ๆ เหมือนในหนังโฆษณาแอ๊กสสสสส์ เสื้อที่สวมใส่ก็ใช่ว่าจะไร้ยี่ห้อ ตัวละเก้าสิบเก้าสองตัวร้อยห้าสิบ ลายสก๊อตสีสวยสดแต่ดูซีดนั้นมองเห็นเด่นแต่ไกล กางเกงยีนส์เนื้อดีผ้าแข็งโป๊กนั้นเล่า ให้เอาเงินมาเป็นพันก็ไม่ขาย เพราะจะไม่เหลืออะไรใส่ อายเขา
ต้องบรรยายถึงรองเท้าไหมนี่???
ชายคนนั้นอายุอานามคงใกล้ผม เขามาพร้อมกับภรรยาของเขาซึ่งกำลังบวมเต็มที่ หลังจากที่ผมแบ่งเบียร์ให้เขากระป๋องหนึ่งแล้วถูกแย่งไปกระป๋องหนึ่ง(เพราะเขาดื่มเร็วกว่าผมมาก) ผมก็รู้ว่าเขาใกล้จะได้ลูกเต็มที ที่เดินทางในวันนี้ก็เพราะจะกลับบ้านเพื่อให้ภรรเมียไปคลอดที่บ้านน่ะแหละ
เราคุยกันอย่างถูกคอ บังเอิญว่าที่นั่งของเราก็ใกล้กันซะด้วย แต่ตอนนี้ขออนุญาตไม่เล่าล่ะว่าคุยอะไร เพราะขี้เกียจนึกคำพูดในเครื่องหมายฟันหนูให้เยิ่นเย้อไป เอาเป็นว่านอกจากคอของผมจะถูกกับเขาจนรู้สึกเจ็บแล้ว ภรรเมียของเขาก็เริ่มที่จะคุยกับผมอย่างสนิทสนมคุ้นเคย
อย่าหาว่าโง้นงี้เลยครับ ผมเป็นคนที่อยู่ใกล้ใครเขามักไม่ค่อยได้ จะมีแต่คนชอบเต็มไปหมด ไม่รู้ไปทำเวรกำเอ๊ยเวรกรรมอะไรไว้
ภรรยาของชายคนนั้นที่ผมรู้ชื่อตอนหลังว่าคุณนิเวศน์ เป็นผู้หญิงที่ไม่ท้องแล้วคงสวยมาก แม้ตอนนี้จะดูบวมเนื่องจากต้องกินยาบำรุงและทานอาหารเผื่อลูกน้อยมากไปหน่อย แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าผิวของหล่อนนั้นนางงามยังอาย เป็นผิวของคนชาวเหนือแต๊ ๆ วงหน้าสดใสเต็มไปด้วยเลือดฝาด นี่ขนาดผมเป็นคนที่ไม่สนใจเมียชาวบ้านเขานะเนี่ยยังอดชื่นชมไม่ได้
นึก ๆ แล้วก็ให้อิจฉาไอ้หนุ่มหน้าจืดคนนั้น หล่อก็ไม่หล่อไหงมีเมียสวยไปได้ คนหล่ออย่างผมทำไมอาภัพหนักหนาก็ไม่รู้สิครับ ผู้หญิงสวย ๆ ไม่มีเข้ามาใกล้สักคน ที่ยอมเข้าใกล้ก็บังคับให้คบเป็นเพื่อนบ้าง ให้เป็นน้องสาวบ้าง ไม่เห็นมีคนสวยคนไหนอยากจะมาเป็นแฟนผมซักคน มันน่าน้อยใจเป็นยิ่งนัก
รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากชานคนแก่หรือถูกเรียกให้เก๋ไก๋ว่าชานชาลามาได้พักใหญ่ ผมกับครอบครัวของคุณนิเวศน์ก็ยังคงคุยกันอย่างออกรส อาจจะเป็นเพราะเบียร์สิบกระป๋องนั่นหรือเปล่าก็ไม่ทราบที่ทำให้พวกเขาหลุดปากเชิญให้ผมไปบ้านเขาในทันทีที่เสร็จธุระ บังเอิญบ้านเขาอยู่ในตัวจังหวัดที่ผมกำลังจะไปทำงานพอดี ผมก็รับปากรับคำหัวเราะฮิฮะกับเขาไปเรื่อย จนกระทั่งรถวิ่งเลยนครสวรรค์มาได้พักเบ้อเริ่ม เหตุการณ์อันหน้าหวาดเสียวก็เกิดขึ้น
โอย..ตายล่ะ..ฉันเจ็บท้องแล้ว..
เป็นเสียงของภรรยาคนสวยของนิเวศน์ หน้าของหล่อนเหยเกผิดรูปไป มือจับท้องที่นูนต่ำลงมาอย่างเห็นได้ชัด
สงสัยจะคลอดแล้วล่ะพี่เวศน์..น้ำเดินแล้วด้วย..
เป็นเสียงกระท่อนกระแท่นที่กระทุ้งเข้ามาในหัวใจของผม อะไรจะรีบร้อนขนาดนั้นวะไอ้หนูน้อย อยู่ ๆ คิดจะออกก็ไม่มีปี่มีขลุ่ยนำหน้าอย่างชาวบ้านเขาบ้างเลย
ผู้คนมุงดูกันเข้ามาเพื่อร่วมเหตุการณ์ และเพื่อร่วมเป็นตัวประกอบในการเล่าเรื่องนี้ของผม มีหลายคนเรียกหาหมอหรือพยาบาล มีบางคนวิ่งไปดึงสัญญานฉุกเฉินให้พขร.หยุดรถ มีบ้างคนส่งเสียงวี๊ดว้ายกระตู้วู้ให้เป็นที่วุ่นวายสับสน ส่วนเจ้าสามีขี้เมาตัวดีนั้นหน้าซีดเผือด หยิบโน้นหยิบนี้จับโน่นจับนี่จนมั่วไป
ผมเองนั้นก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่าคนอื่น แอลกอฮอล์ที่สะสมไว้ประมาณสี่ห้ากระป๋องเริ่มออกฤทธิ์ รู้สึกหน้ามืดเป็นระยะ ๆ จำได้เลา ๆ ว่าให้คุณนิเวศน์ย้ายภรรยาของเขาลงมานั่งกับพื้น เผื่อเด็กจะคลอดออกมาจริง ๆ เด็กจะได้ไม่ตกปุ๊จากที่นั่งลงไปคอหักตายเสียก่อนที่จะได้ร้องอุแว้แรก
แค่หล่อนขยับตัว น้ำสีแดงใสนั้นก็ไหลรินออกมาจากต้นขา เรื่อยลงมาจนถึงพื้น ไหลรินมาจนปลายเท้าของผม
จังหวะเดียวกันนั้นรถไฟก็หยุดกึก ผมซึ่งกำลังตะลึงตึงตึงอยู่กับน้ำสีแดงนั้นจึงไม่ทันระวังตัว ศีรษะจึงถูกเหวี่ยงไปตามแรงกระชากจากการหยุดฉุกเฉินของรถไฟนั้น ฟาดโครมเข้าเต็มที่กับเสาเหล็กที่ค้ำยันหลังคาโบกี้เสียงดังตึง จากนั้นผมก็ยิ้มเผล่ทรุดลงไปนอนสิ้นสติสัมปชัญญะไปในทันที
จากคุณ :
ปิ๊วปิ้วแสนขยัน
- [
22 ม.ค. 47 12:17:31
A:202.57.171.81 X:
]