W2636144 =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 31 ความลับที่อยู่ใต้ดิน [นิยาย]

ความคิดเห็นที่ 1

เวลาห้าวันแม้ไม่รวดเร็วนัก แต่ก็ไม่ถือว่ายาวนาน และแล้ววันประลองคัดเลือกผู้นำหอห้ากระบี่หรืออักนัยคือ เจ้ายุทธภพ ก็มาถึง

ชาวยุทธต่างหลั่งไหลเข้ามาชมดูอย่างเนืองแน่น ราวกับฝูงมดตอมน้ำหวาน ผู้คนมากหน้าหลายตายิ่งกว่าการประลองทุกรอบที่ผ่านมา เหตุผลย่อมมิใช่มาเพื่อชมความงามของเหวินเหม่ยชิง หรือชมสุดยอดการประลองยุทธแห่งยุคเท่านั้น

หากเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือผู้ชนะการประลองครั้งนี้จะเป็นผู้นำชาวยุทธตงง้วนไปตราบสิ้นชีวิตของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะตัวกำหนดชะตาของชาวยุทธทุกคนไปอีกนานนับสิบปี หรือบางทีอาจนานกว่านั้น

ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ชาวยุทธทั้งหลายล้วนมิอาจไม่มา ต่อให้มันติดภารกิจสำคัญอันใด ก็จำยอมต้องปล่อยวางลงเสีย

ผลการประลองในครั้งนี้ยิ่งยากจะคาดเดา เมื่อพิจารณาผู้เข้าประลองซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวทั้งคู่

ฝ่ายแรกได้แก่จื่ออิงเจ้าสำนักบู๊ตึ้งผู้สืบทอดของเตียหงีเจ้ายุทธภพรุ่นก่อน ความประพฤติที่ผ่านมาของเขาอยู่ในกรอบระเบียบดีงามมาโดยตลอด ฝีมือก็จัดว่ายอดเยี่ยมเหนือกว่าศิษย์บู๊ตึ้งทั้งปวง จะมีข้อติอยู่สองประการก็คือ ประการแรกเขาไม่สามารถคลี่คลายคดีลอบสังหารเจ้าสำนักคนเก่าผู้เป็นอาจารย์ลงได้ ทั้งยังปล่อยให้เกิดคดีฆาตกรรมแทรกซ้อนขึ้นมาอีกในเวลาไล่เรี่ยกัน จุดนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยและไร้ประสบการณ์ของเขา

ประการที่สองพลังฝีมือของเขานั้นก็ดูจะอ่อนด้อยกว่าเจ้าสำนักที่เหลืออีกสี่สำนักของหอห้ากระบี่ แต่ประการหลังนี้รู้สึกเจ้าตัวจะสามารถแก้ไขให้พ้นผ่านไปได้อย่างสวยงาม ในประลองครั้งนี้ปรากฏว่าจื่ออิงสามารถพัฒนาตนเองอย่างรวดเร็วโดยการฝึกฝนสุดยอดวิชากระบี่สัณฐานที่สามแห่งบู๊ตึ้ง และแสดงความเป็นสุภาพบุรุษให้คนทั่วไปนับถือหลายครั้งจนเป็นที่กล่าวขวัญกันว่าคนผู้นี้มีคุณสมบัติเป็นผู้นำยุทธภพมิได้ด้อยกว่าเตียหงีเลย

ฝ่ายที่สองคือเหวินเหม่ยชิง ซึ่งแม้จะมาจากสำนักหันซานที่เป็นสำนักที่มีอำนาจอิทธิพลด้อยที่สุดในบรรดาห้าสำนักของหอห้ากระบี่ หากแต่เป็นอัจฉริยะในรอบร้อยปีของสำนัก กล่าวคือนางมีฝีมือเหนือกว่าแม้ชีกล้วยไม้ขาวอาจารย์ของตนเองและยังคิดค้นเพลงกระบี่ไตรลักษณ์ท่าไม้ตายเฉพาะตัวอันร้ายกาจขึ้น

นอกจากนั้นหลังจากการประลองกับหัวหลินไต้ซือในรอบแรก เหวินเหม่ยชิงก็มีวิทยายุทธรุดหน้าขึ้นมากจนกระทั่งสามารถเอาชนะหลิวหยงเคอประมุขสำนักหัวซานอย่างขาวสะอาดพร้อมทั้งยังพัฒนาท่าไม้ตายใหม่คือ ‘ฝ่ามือธรรมเดียว’ ซึ่งนับเป็นท่าไม้ตายที่ร้ายกาจรุนแรงที่สุดของสำนักหันซานตั้งแต่ก่อตั้งมา

เมื่อนำคุณสมบัติทั้งหมดมารวมกับความงดงามดุจเทพธิดาไร้ตำหนิของนางที่ถือกันว่าเป็นหญิงงามที่สุดในบู๊ลิ้มปัจจุบันแล้ว เหวินเหม่ยชิงก็จัดเป็นผู้ที่เหล่าบุรุษทั้งปวงพร้อมใจสนับสนุนให้เป็นผู้นำโดยไม่อิดออดหรือขมวดคิ้วนิ่วหน้า

คนทั้งสองหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี หนึ่งร้ายกาจ หนึ่งแข็งกล้า ใครจะเป็นผู้ชนะในงานประลองครั้งนี้? ใครจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของยุทธภพกันแน่? ทุกคนต่างชมดูอย่างใจจดใจจ่อ

วันนี้จื่ออิงแต่งกายในชุดนักพรตเต็มยศ ถือกระบี่เล่มเดียวกับที่เตียหงีเคยใช้เอาชนะหลวงจีนหัวหลินในศึกชิงเจ้ายุทธครั้งที่แล้ว เขาทำการเซ่นสรวงฟ้าดินมาอย่างดี ก้าวขึ้นเวทีพร้อมเสียงโห่ร้องจากศิษย์ในสำนักอย่างล้นหลาม

เหวินเหม่ยชิงกลับอยู่ในชุดผ้าแพรรัดกุมธรรมดา ห้าวันมานี้แม้อาการบาดเจ็บของนางจะทุเลาลงหลายส่วน แต่ยังไม่อยู่ในขั้นที่จะใช้พลังวัตรอย่างเต็มที่ นางกำยาฟื้นพลังของไต้ซือหัวหลินไว้แน่น ตั้งใจจะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับยาเม็ดนี้

ศิษย์สำนักหันซานมิได้ส่งเสียงสนับสนุนนาง แต่ความเป็นห่วงเป็นใยนั้นย่อมปรากฏได้จากแววตาที่ต่างคนต่างมองเจ้าสำนักตนดุจเอาใจช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้

จื่ออิงเห็นเหวินเหม่ยชิงยังไม่ทุเลาดังคาดคำนวณไว้ก็ลอบปิติในใจ คิดว่าอย่างไรเสียครั้งนี้ตำแหน่งผู้นำหอห้ากระบี่คงมิพ้นไปจากตนเป็นแน่ จึงจงใจคิดอ่อนข้อให้อีกฝ่ายเพื่อสร้างความรู้สึกที่ดี หวังพิชิตใจนางในอนาคต

มันวาดภาพตนเองขึ้นนั่งบัลลังก์สูงสุด โดยมีหญิงงามเคียงข้างจนเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ กระทั่งตุลาการเที่ยงธรรมประกาศว่า “เริ่มการประลองได้!" นั่นแหละจึงค่อยรู้สึกตัว

เจ้าสำนักบู๊ตึ้งมองเหวินเหม่ยชิงอย่างชั่งใจกล่าวว่า “แม่นางเหวิน การประลองครานี้นับเป็นครั้งที่ข้าพเจ้ายุ่งยากใจที่สุด เหตุผลคิดว่าท่านเองก็คงพอทราบอยู่แก่ใจ เอาเยี่ยงนี้เถอะ ข้าพเจ้าให้ท่านเป็นฝ่ายลงมือก่อน ถือว่าเป็นการแสดงความคารวะจากข้าพเจ้า”

เหวินเหม่ยชิงเห็นท่าทีของฝ่ายตรงข้ามก็มิได้ประมาทชะล่าใจแต่อย่างใด ลอบกลืนยาฟื้นพลังลงไป ชั่วพริบตานางรู้สึกราวกับว่าเลือดลมทั่วร่างพลุ่งพล่านราวกับน้ำที่เดือด พลังวัตรในกายเพิ่มขึ้นเต็มที่ในชั่วพริบตา หญิงสาวยินดียิ่ง หวังว่าจะสามารถรักษาสภาพเช่นนี้ไปได้ตลอด ทว่านางยังคงจำได้ถึงคำกล่าวของหัวหลินไต้ซือที่ว่า สภาพเยี่ยงนี้ของนางจะดำรงอยู่เพียงชั่วคราว เพียงพอให้นางสามารถสำแดงกระบวนท่าได้เพียง ห้ากระบวนท่าเท่านั้น!!!

เหวินเหม่ยชิงจึงไม่กล้าประมาทใช้ออกมาด้วยกระบี่ไตรลักษณ์เป็นกระบวนท่าแรกทันที

แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 47 10:37:24
แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 47 10:24:53

จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 22 ม.ค. 47 16:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3

ท่วงท่าอันคึกคักเข้มแข็งของเหวินเหม่ยชิงทำให้จื่ออิงซึ่งเดิมทีคิดว่าตนเป็นฝ่ายได้เปรียบเต็มที่รู้สึกหลากใจ และในความแตกตื่นนั้นก็ทำให้เขาเผลอลดอาวุธลง ก้าวถอยไปเบื้องหลังหนึ่งก้าวโดยมิทันรู้สึกตัว

ทว่าในการต่อสู้กันระหว่างยอดฝีมือ ช่องว่างหรือข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฝ่ายนั้นต้องสำนึกเสียใจ

จื่ออิงเริ่มสำนึกเสียใจที่ตนดูแคลนฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ดี เหวินเหม่ยชิง เป็นถึงชนชั้นเจ้าสำนัก ทั้งยังเป็นอัจฉริยะที่น้อยครั้งจะพบเจอ ต่อให้เวลาห้าวันมิเพียงพอที่จะทำให้นางฟื้นคืนกำลังภายในได้จนครบสิบส่วน แต่อย่างน้อยซักห้าส่วนก็มิใช่เรื่องลำบากยากเย็นอันใด

และเวลานี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า เจ้าสำนักหันซานสามารถฟื้นพลังภายในมาได้มากกว่าห้าส่วน เมื่อวิถีกระบี่ของเขาถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในการควบคุมของค่ายกลกระบี่ไตรลักษณ์โดยสะดวกง่ายดาย เป็นที่ทราบว่าผู้ใดตกอยู่ใต้การควบคุมนี้ก็เหมือนกับหุ่นที่ถูกชักใย จะให้เคลื่อนไปทางซ้ายหรือขวา ย่อมทำได้สะดวกตามความพอใจ และมีแต่จะต้องถูกทอนกำลังไปเรื่อยๆ สูญสิ้นเรี่ยวแรง พ่ายแพ้ไปในที่สุด

จะมีข้อยกเว้นอยู่ก็เพียง ระดับฝีมือของสองฝ่ายจะต้องห่างไกลกันมากมายนัก อีกทั้งต้องเป็นบุคคลที่มีความสำเร็จในการฝึกจิตยกระดับจิตใจจนปราศจากความลุ่มหลงมัวเมาเช่นเดียวกับ กรณีของหัวหลินไต้ซือ ที่สามารถหลุดรอดจากค่ายกลนี้ได้โดยง่าย

ภายหลังจากการประลองครั้งนั้นพลังฝีมือของเหวินเหม่ยชิงได้พัฒนาฝีมือขึ้นอีกขั้น นางเชื่อว่าจื่ออิงในตอนนี้ย่อมไม่สามารถรอดพ้นจากค่ายกลนี้แน่

และแล้วกระบี่ของนางก็แทงถูกแขนซ้ายฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บแล้ว!

ผู้ชมทั้งสนามต่างโห่ร้องเมื่อเห็นจื่ออิงเสียท่าบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว มีแต่หลิวหยงเคอที่ยิ้มน้อยๆเพราะทราบว่านี่เป็นแผนของเจ้าสำนักบู๊ตึ้งที่จะให้ตนเองหลุดจากค่ายกล โดยเสียสละร่างกายแต่น้อยเพื่อหยุดวิถีกระบี่ต่างหาก

ค่ายกลกระบี่ไตรลักษณ์ยึดหลักการหมุนวน ควบคุมกระแสพลังของผู้ที่ตกเข้ามาภายใน ใช้การคาดเดาการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ชิงลงมือจู่โจมสกัดขัดขวาง หากแม้นอีกฝ่ายคิดเคลื่อนกายไปทางขวาง ย่อมพบกับกระบี่ที่ดักรออยู่ก่อนล่วงหน้า และนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมจื่ออิงจึงยอมสังเวยให้กับคมกระบี่ของอีกฝ่ายหนึ่งบาดแผล เพื่อหลุดพ้นจากค่ายกลดังกล่าว

เพราะเมื่อมันยอมที่จะรับพลังกระบี่ของอีกฝ่ายหนึ่งกระบวนท่า เท่ากับสลายเส้นสายใยที่เชื่อมโยงของค่ายกลให้ขาดสะบั้นลงไป! มิสามารถกดดันและควบคุมให้มันติดอยู่ภายในได้อีก!

และมันก็ได้ผล เพลงกระบี่ไตรลักษณ์เมื่อติดตรึงกับแขนซ้ายแล้วก็มิอาจร่ายรำต่อได้จริง ณ จังหวะนั้นจื่ออิงรวบรวมพลังใช้ออกมาด้วยเพลงกระบี่สัณฐานที่สามสวนแทงใส่เหวินเหม่ยชิงทันที

เหวินเหม่ยชิงในเวลานี้มีทางเลือกเพียงสองทาง หนึ่งคือยินยอมให้อีกฝ่ายทิ่มแทงหนึ่งกระบี่ จากนั้นอาศัยพลังที่เหลือทั้งหมดถอนดึงกระบี่แล้ววัดดวงกันว่าฝ่ายใดจะสามารถจู่โจมเผด็จศึกฝ่ายตรงข้ามได้ก่อน

กับอีกทางคือ ยินยอมละทิ้งกระบี่ ถอยหนีออกไปตั้งหลัก ช่วงเวลาคับขันเร่งร้อน ในที่สุดหญิงสาวเลือกวิธีการที่สอง

นางสำแดงกระบวนท่า “นางแอ่นพลิ้วกาย” วิชาตัวเบาขั้นสูงของสำนักตนเป็นกระบวนท่าที่สองเพื่อหลบรอดจากวิกฤตครั้งนี้ นางพลิ้วกายถอยหลังไปเรื่อยๆ ท่วงท่าล้วนแต่แผ่วพลิ้วพลิกแพลง โดยมีจื่ออิงพยายามทิ่มแทงกระบี่เข้าสกัดหนทางถอยของหญิงสาว ทว่าล้วนแล้วแต่สิ้นเปลืองสูญเปล่า ยังมีผู้ใดสามารถสกัดเส้นทางบินของนกนางแอ่นได้? เมื่อมิมีผู้ใดสามารถกระทำ จื่ออิงก็เช่นเดียวกัน

เหวินเหม่ยชิงเมื่อยินยอมละทิ้งกระบี่ แสดงว่ามีวิธีรับมือ ทั้งยังมีความมั่นใจถึงสิบส่วน ว่าจะสามารถหลบรอดจากเพลงกระบี่ของอีกฝ่าย ทว่าหลังจากนั้นนางจะทำเช่นไร ตนเองมีเพียงมือเปล่า อีกฝ่ายกลับใช้กระบี่ที่คมกริบ เช่นนี้มิใช่ตกเป็นเบี้ยล่างหรอกหรือ?

พอถึงขอบเวทีจื่ออิงจะทุ่มเทแทงด้วยท่าสุดท้าย ร่างของเหวินเหม่ยชิงกลับสั่นไหวไปมา ในที่สุดมิอาจเห็นชัดตาว่านางทำประการใด? กลับสามารถหมุนตัวเปลี่ยนมาอยู่เบื้องหลังของเขา สภาวะจู่โจมของจื่ออิงจึงทิ่มแทงเข้าใส่ความว่างเปล่า เกือบที่จะทำให้ตัวมันร่วงหล่นลงจากเวที ดีแต่ว่าสามารถสลายพลังได้หมด มิเช่นนั้นคงต้องแสดงความทุเรศออกมาแล้ว! ทว่าสถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงอีกคราตัวมันกลับกลายเป็นฝ่ายรับทั้งยังถูกปิดกั้นทางหนถอยในกระบวนท่าเดียว นับว่าหมากตานี้ของเหวินเหม่ยชิงร้ายกาจและพิศดารจนยากที่จะคาดเดาจริงๆ

หากตัดสินจากกระบวนท่าที่สองนี้ต้องเรียกว่าเหวินเหม่ยชิงประสบความสำเร็จ ทว่าธรรมดากระบี่สัณฐานที่สามนั้นมีปัจจัยแตกต่างกับวิชากระบี่อื่น กล่าวคือแม้ในยามที่ถูกจำกัดขอบเขตที่สุดก็ยังสามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างรุนแรงที่สุด ดังนั้นจื่ออิงแม้เหมือนเสียท่าจำต้องสลายพลังกระบี่ทั้งหมด ในเวลาชั่วพริบตากลับสามารถเพาะสร้างพลังใหม่วกตัวกระบี่แทงย้อนกลับเข้าใส่เหวินเหม่ยชิงอย่างดุดัน! ทั้งตำแหน่งและแง่มุมที่แทงล้วนแล้วแต่ร้ายกาจ ยากคาดเดานัก!

เหวินเหม่ยชิงเห็นร่างของอีกฝ่ายอยู่ในอาการเซถลายังมิหยุดนิ่ง กลับสามารถวกกระบี่ทิ่มแทงย้อนกลับมา นึกไม่ถึงว่าเพลงกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามจะพลิกแพลงได้ถึงเพียงนี้ ต้องลอบร้องคำ แย่แล้ว! เห็นได้ชัดว่ากระบี่ของจื่ออิงจะต้องบรรลุถึงจุดตายของนางและเอาชนะได้แน่

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จื่ออิงต้องการคือการได้เหวินเหม่ยชิงมาเชยชม หาใช่สังหารนางไม่ ดังนั้นพอเขาแทงกระบี่ได้ระดับหนึ่งก็หยุดลงกลางคันเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองจงใจอ่อนข้อให้กับหญิงสาว

นี่หากเป็นการประลองกับคนอื่นเหวินเหม่ยชิงคงยอมรับความพ่ายแพ้โดยดุษฎีแล้ว แต่กับการประลองครั้งนี้มีข้อต่างกัน นั่นก็คือนางรู้สึกว่าตนเองตกอยู่ใต้แผนการบางอย่างมาตลอด ทั้งยังคล้ายถูกชักจูงให้ปฏิบัติตามโดยมิรู้สึกตัว กระทั่งเส้นทางในการประลองก็คล้ายจงใจสร้างขึ้นเพื่อใครบางคน เหตุผลเหล่านี้ทำให้หญิงสาวมิอาจทำใจยอมรับได้ จึงฉวยโอกาสที่เจ้าสำนักบู๊ตึ้งไม่แทงกระบึ่ถึงที่สุด ซัดออกด้วยชุด ‘ฝ่ามือไตรลักษณ์’ เป็นกระบวนท่าที่สาม

อาศัยความที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือแรกของเหวินเหม่ยชิงต้องมือขวาของจื่ออิงสั่นระริกจับกระบี่ไม่มั่น ฝ่ามือที่สองนางซัดซ้ำอีกจนกระทั่งกระบี่ของเจ้าสำนักบู๊ตึ้งหลุดมือบ้าง

คราวนี้สถานการณ์กลับพลิกผันมาเข้าข้างนางอย่างชัดเจนเพราะผู้คนต่างทราบดีว่าเดิมทีจื่ออิงนั้นแม้มีพื้นฐานในด้านพลังฝ่ามืออยู่มากก็จริง แต่พลังฝีมือกลับอ่อนด้อยกว่าเจ้าสำนักทั้งสี่อย่างเห็นได้ชัด เป็นเพียงเพราะสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่สัณฐานที่สาม จึงทำให้คนผู้นี้สามารถเทียบเคียงขึ้นมาเสมอกับเจ้าสำนักที่เหลือทั้งสี่ของหอห้ากระบี่ ครานี้เมื่อเสียกระบี่ไป หนทางได้ชัยชนะของมันยิ่งริบหรี่ยิ่งกว่าแสงเทียนที่โดนพายุกระหน่ำ และในชั่วขณะนั้นเขาย่อมมิอาจประยุกต์กระบี่สัณฐานที่สามมาเป็นฝ่ามือสัณฐานที่สามได้ทันแน่นอน

เหวินเหม่ยชิงเหมือนกำชัยชนะไว้ครึ่งหนึ่งแต่นางไม่กล้าประมาท จึงใช้กระบวนท่าที่สี่เป็นกระบวนท่าสกัดจุดอย่างง่ายให้จื่ออิงเคลื่อนไหวมือเท้าได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร

จุดเหล่านี้ความจริงฝีมือระดับจื่ออิงสามารถคลายได้เองไม่ยาก แต่เป้าหมายจริงๆของเหวินเหม่ยชิงย่อมไม่ใช่การสกัดจุดเขาหากแต่เป็นการสร้างโอกาสที่ดีที่สุดในการใช้ฝ่ามือธรรมเดียวต่างหาก

บัดนี้เจ้าสำนักบู๊ตึ้ง แขนซ้ายบาดเจ็บ มือขวาด้านชา สองขาอยู่บนขอบเวที ทั้งยังถูกสกัดจุดเคลื่อนไหวไม่สะดวกให้มีความพะว้าพะวังหน้าหลัง เกิดช่องว่างบริเวณคอหอย หน้าอก ท้องน้อยถึงสามจุดด้วยกัน

เหวินเหม่ยชิงเกร็งพลังเต็มที่ใช้ออกมาด้วยกระบวนท่าสุดท้ายโดยเล็งจุดหน้าอกของจื่ออิงอย่างแม่นยำ

นางซัดฝ่ามือธรรมเดียวออกมาแล้ว!!!

ทั้งหลิวหยงเคอและหลวงจีนหัวหลินต่างลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น บางทีฝ่ามือนี้อาจเป็นตัวชี้ชะตาอนาคตของยุทธภพก็เป็นได้

... ... ...
* แก้ไขคำ ทุเรศ เขียนติดกันโดนเซ็นเซอร์จ้า
แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 47 10:31:49
แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 47 16:53:30
แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 47 16:49:25

จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 22 ม.ค. 47 16:21:59 ]