เรื่องที่...ไม่เข้าใจ

    เรื่องที่...ไม่เข้าใจ
    วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งในรอบปีที่ผมตื่นเช้า  แง้มมองพระอาทิตย์ตรงขอบบานหน้าต่าง แสงสีส้มช่างงามตาจริงๆ   พอสะบัดก้นลุกจากเตียงได้ผมก็รีบวิ่งลงไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันทันที  ตื่นเต้นครับวันนี้  หัวใจมันเต้นเร้าจนแทบทะลักออกมานอกหน้าอก
    วันนี้เป็นวันอาทิตย์  วันหยุดที่แสนพิเศษสำหรับผม  มันต่างจากวันหยุดอื่นๆยังไงหรือครับ   คือว่าวันนี้คุณพ่อจะมารับผมไปเที่ยว  ไม่ได้เจอคุณพ่อมาหลายสัปดาห์แล้วแหละ   คุณพ่อไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับบ้านสักเท่าไหร่  คุณแม่บอกว่าคุณพ่อต้องไปทำงานต่างประเทศไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน เฮ้ออออ..... ก็จริงอย่างที่แม่บอก  นานน๊านนนน...คุณพ่อถึงจะกลับมาหาผม
    ผมแต่งตัวรอคุณพ่อตั่งแต่เจ็ดโมงเช้า  ชะเง้อคอรออยู่หน้าบ้าน เจ็ดโมงสิบ เจ็ดโมงสิบห้า  เจ็ดโมงยี่สิบ ทำไมคุณพ่อมาช้าจังนะ  เดินไปเกาะรั่วส่องตรงถนนไม่มีรถสักคันขับโฉบมาเลย  เอ๊ะๆ คันนั้นใช่หรือเปล่า มาแล้ว ต้องใช้รถคุณพ่อแน่ๆเลย  ขับเข้ามาใกล้แล้ว  
    ....แล้วก็ขับผ่านไป  ไม่ใช่แฮะ  เมื่อไหร่คุณพ่อจะมาสักทีนะ
    ละจากลูกกรงรั้วเดินกลับเข้าบ้านเหลือบดูนาฬิกา เจ็ดโมงสีสิบห้า  ช้าจังเมื่อไหร่จะมาสักที  ผมรอนานแล้วนะครับคุณพ่อ  ได้แต่นั่งละเหี่ยใจ คอตกตรงโชฟาห้องนั่งเล่น  ไม่มีกะจิตกะใจดูการ์ตูนเลยเช้านี้  
    ได้ยินเสียงกุกกักๆในครัว    ตอนนี้คุณแม่กำลังทำอะไรอยู่นะ  เดินเข้าไปแซวเล่นหน่อยดีกว่า   แต่ว่าพอกำลังจะลุกก็สลายความคิด ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวเผื่อคุณพ่อมาจะวิ่งไปรับไม่ทัน  ชะโงกหน้าดูหน้าบ้านอีกครั้ง เมื่อไหร่คุณพ่อจะมาสักที
    ...นานจังคุณพ่อ...
    คุณแม่ลั่นเสียงจากครัวถามว่าผมจะทานข้าวเช้าหรือเปล่า  ผมไม่ตอบได้นิ่งเงียบ  ไม่รู้จะตอบอะไรดี  หิวหรือเปล่านะผมก็ยังไม่รู้ตัวเอง  ร่างกายมันหนักๆ เบาๆ พิกลๆ ยังไงก็ไม่รู้   รู้สึกเพียงอย่างเดียวว่าจิตใจผมจดจ่ออยู่กับการรอคอยคุณพ่อเท่านั้น
    ...อยากเจอคุณพ่อเร็วๆจัง...
    การรอคอยทำให้ผมผล็อยหลับไปตั่งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ  “รอจนหลับ”  คำๆนี้ผมคุ้นๆหูเหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนนะ  
    ในความฝันมีผมคุณพ่อกับคุณแม่ เราสามคนอยู่ด้วยกันกลางทุ่งหญ้าสีเขียวแห่งหนึ่ง  สายลมอุ่นๆพัดโชยตลอดเวลา  แรงลมเอื่อยพัดเอาปลายผมคุณแม่สยายไปตามแรงลม   ริ้วผมคุณแม่สวยมาก   ผมเดินเข้าไปใกล้ๆคุณแม่ แหงนมองดูเส้นผมที่ละลอยเล่นลม  ผมสีดำขลับเคลื่อนตัวราวเกลียวคลื่นสีดำ  สวยงามจริงๆ
    แหงนคอจนพอเมื่อย  สักพักคุณพ่อก็อุ้มผมขึ้นขี่คอ  ตอนนี้ผมสูงกว่าเดิมหลายเท่าตัวมากนัก   อากาศข้างบนช่างสดชื่นจริงๆ  ผมมองทิวทัศน์สุดปลายตา ทุ่งหญ้าสีเขียว ภูเขาตรงด้านโน้น  ยากที่ผมจะละสายตาไปได้เลย
    ผมชูมือขึ้นไปบนฟ้า  ฝ่ามือของผมละเลียดปุยเมฆสีขาว  ก้อนสำสีบางเบาทำให้ผมรู้สึกเย็นที่มือ  มันค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านมือผมไปช้าๆ ทีละก้อน  ทีละก้อน ถ้าไม่เมื่อยมือซะก่อน  ผมคงยกมันค้างไว้อย่างนั้นนานเท่านาน
    ก้มลงมองคุณแม่ มือของคุณแม่สอดประสานกับมือคุณพ่อแนบแน่น  ตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย  เราทั้งสามคนเดินเล่นกันไปเรื่อยเปื่อยบนทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดตา
    เดินได้สักพักท้องฟ้าที่เคยสดใส เมฆสีขาวจางก็หายลับตาไป  สายลมเริ่มกรรโชกแรง  แรงขึ้นเรื่อยๆจนผมเกือบจะหลุดปลิวไปตามแรงลม  ขณะนี้ทั่วทั้งท้องฟ้ามืดสนิท  บรรยากาศรอบๆอึมครึมแตกต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง  คุณพ่อปล่อยผมลงเดินผมอยู่ระหว่างกลาง  มือผมทั้งสองข้างจับมือคุณพ่อคุณแม่ไว้แน่น
    มองหน้าท่านทั้งสองพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ไม่สามารถเปล่งคำพูดใดๆออกมาได้เลย  คำพูดทุกคำกระจุกอัดอยู่ที่ลำคอ   เกิดอะไรขึ้นความรู้สึกหวาดกลัวเพิ่มพูนขึ้นทุกทีๆ
    ผมกำมือคุณพ่อกับคุณแม่ไว้แน่น  แต่แค่กระพริบตา  มือคุณพ่อแวบหายไป  ผมกำมือตัวเอง  มือที่มีแต่ความว่างเปล่า  คุณพ่อหายไปไหน  ผมกระหวัดตามองรอบตัว  ไม่มีแม้แต่เงาของคุณพ่อเลย  มองหน้าคุณแม่พยายามง้างปากถาม  แต่ทุกคำถามที่ผมกำลังจะถามมันแหลกสลายไปตรงลำคอ   ทำไมผมพูดอะไรไม่ได้เลย  คุณพ่อหายไปไหน
    ลดแขนที่ว่างเปล่าลง ความหวาดกลัวเกาะกินพอกพูนขึ้นทุกขณะ  แต่คุณแม่ก็ยังคงจูงมือผมเดินต่อไปเรื่อยๆ  คุณแม่จะไปที่ไหนกัน  สภาพอากาศน่าขนลุกขนาดนี้ คุณแม่จะพาผมไปที่ไหน  แหงนมองใบหน้าคุณแม่  น้ำใสๆสีขาวพรั่งพรูออกจากดวงตามาราวกับสายฝน
    คุณแม่กำลังพาผมเดินหน้าต่อไป
    คุณแม่กำลังร้องไห้
    คุณแม่ยังคงเดินต่อไป
    ผมเกาะมือคุณแม่ไว้แน่น   น้ำตาสีใสๆเริ่มซึมออกมาจากขอบตาโดยไม่รู้ตัว
    ในก้าวที่กำลังจะเดินต่อไป  ปลายตาเห็นแสงสีขาวเจิดจ้า   ผมกับคุณแม่มุ่งตรงสู่แสงสีขาวสวยงาม  ภาพข้างหน้าเริ่มชัดเจนขึ้นทุกทีๆ  มันเป็นที่ๆสวยงามมาก  คล้ายๆกับทุ่งหญ้าสีเขียวที่พวกเราเพิ่งเดินผ่านมา
    ผมละมือจากคุณแม่รีบเร่งวิ่งสุดชีวิตเข้าไปสู่แสงสีขาว  หวังในใจว่าคุณพ่ออาจจะรออยู่ตรงนั้นก็ได้   แต่ชั่ววูบของเศษเสี้ยววินาทีผมกลับรู้สึกตัวเบาโหวง  ใจหวิวๆ  ภาพที่มองเห็นในขณะนี้มีแต่ความว่างเปล่าสีดำ  
    ผมกำลังร่วงจากที่สูง  ร่างกายกำลังร่วงหล่นทุกขณะ ทุกขณะ สองแขนพยายามหาที่ยึดเกาะ ไม่มีเลย ไม่มีอะไรทีผมจะสามารถเอื้อมมือคว้าได้  ร่างกายแหวกว่ายอยู่ในความว่างเปล่าสีดำ  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ร่างกายจะกระทบก้นเหว  
    ความรู้สึกอ้างว้าง เดียวดาย หวาดกลัว ถาโถมเข้ามามากมาย  ผมเริ่มร้องไห้อีกครั้ง  ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา  เนื่องจากความรู้สึกใด
    “รอจนหลับไปตั้งนานแล้ว”  เสียงคุ้นหูก้องดังในห้วงคำนึง
    “คุณนี่ไม่เคยรักษาเวลาเลยนะ  สงสารลูกดูสิแต่งตัวรอตั้งแต่เช้า แล้วดูคุณกว่าจะมา ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมง  สงสารลูกบ้างไหม”
    “ก็งานผมเยอะ  นี่ก็บอกยกเลิกนัดลูกค้าช่วงบ่ายอีกสองคน”
    “ใช่สิ  งานคุณเยอะตลอด ชีวิตคุณมีแต่งานกับงาน ทำงานจนไม่มีเวลาในฉัน ให้ลูก ไม่มีเวลาให้ครอบครัว”
    “เข้าใจผมบ้าง....สิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพื่อ....”
    “เพื่อตัวคุณเองนะสิ  คุณเคยห่วงฉันบ้างไหม เคยห่วงลูกบ้างไหม”
    “ขอเวลาผมอีกสักหน่อย...แล้วผมจะกลับมาอยู่ที่บ้าน...ขอให้ผมสะสางงานให้เสร็จเรียบร้อยก่อน...”
    “ไม่ต้องหรอกคะ  เก็บเวลาของคุณไว้เถอะ  เวลาที่มีค่าสำหรับคุณ งานที่สำคัญของคุณ  ฉันกับลูกอยู่กันได้”
    “คุณก็....”
    แว่วเสียงในห้วงฝันฉุดผมให้หลุดออกจากความว่างเปล่าสีดำ  ผมสะดุ้งพรวดตื่นขึ้นมา มีหยดน้ำตาซึมๆตรงหางตา  ใช้นิ้วชี้ขยี้ตาสองสามครั้ง คุณพ่อมาแล้ว ผมกระโจนกอดคุณพ่อ ท่อน้ำตาแตกทะลัก  ผมไม่สามารถอธิบายได้ว่าร้องไห้ทำไม  แต่น้ำใสๆมันถูกผลักออกมาจากความรู้สึกภายใน    คุณพ่ออย่าทิ้งผมไปอีกนะ   ผมคิดถึงคุณพ่อ
    ผมกอดคุณพ่อไว้แน่น กางเกงของคุณพ่อเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา  คุณพ่อลูกหัวผมเบาๆด้วยความเอ็นดู  “วันนี้อยากกินอะไร   อยากไปเที่ยวที่ไหนบอกมานะ  เดี๋ยวพ่อจะพาไป”  ประโยคสั้นๆช่างมีความหมายกับผมมากมายนัก
    คุณแม่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้  ผมเช็ดคราบน้ำตา สั่งขี้มูกไปสองที     เริ่มมีรอยยิ้มปรากฎทีมุมปากของคุณพ่อ คุณแม่รวมถึงผมด้วย    วันนี้ผมอยากไปเที่ยวห้างครับคุณพ่อต้องซื้อรถบังคับให้ผมด้วยนะ  แล้วก็พาผมไปกินไอติมด้วย  อ้อนคุณพ่อได้สักพักก็หันไปอ้อนคุณแม่บ้าง   คุณแม่รีบไปแต่งตัวสิครับจะได้รีบออกไปพร้อมกัน  นานๆคุณพ่อจะมาที  แต่งชุดสวยๆเลยนะครับคุณแม่
    คุณแม่ยิ้มกลายๆ แต่แววตาดูหม่นอย่างไร้สาเหตุ
    “ลูกไปกับคุณพ่อเถอะจ๊ะ  เดี๋ยวแม่ต้องทำงานบ้านอีกตั้งเยอะ แล้วตอนเย็นกลับมาแม่จะทำอาหารอร่อยๆให้ทาน”คุณแม่ตอบเสียงนุ่ม
    อ้าว ทำไมละครับ ทำไมคุณแม่ไม่ไปด้วยกันละ  ไปด้วยกันทั้งสามคนนี่แหละสนุกจะตาย นะคุณแม่นะไปด้วยกัน  งานบ้านเดี๋ยวค่อยกลับมาทำก็ได้  
    คุณแม่เดินเลี่ยงเข้าไปในครัว  ไม่มีคำตอบ หรือว่าผมพูดอะไรไม่ถูกใจคุณแม่ คุณแม่โกรธผมหรือเปล่าที่ยื้อให้คุณแม่ไปเที่ยวด้วยกันทั้งๆที่คุณแม่อยากจะทำความสะอาดบ้าน  แต่ผมอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ไปพร้อมๆกันจริงๆนะ   คงจะมีความสุขเหมือนในฝันแน่ๆเลย
    เดินตามเข้าครัวอ้อนอีกสักนิดคุณแม่อาจจะใจอ่อนยอมไปด้วยกันก็ได้  แต่เดินไปไม่ถึงครัว  คุณพ่อคว้าแขนผมไว้บอกว่ารีบไปกันเถอะ  จะเที่ยงแล้วไปหาข้าวกินกัน  ผมบอกคุณพ่อว่ากินที่บ้านก่อนก็ได้แล้วค่อยออกไป  เดี๋ยวผมจะบอกคุณแม่ให้ทำกับข้าวไว้ให้  คุณพ่อบอกไม่ต้องหรอกเกรงใจคุณแม่  ออกไปกินข้างนอกดีกว่า  มีไอติมอร่อยๆด้วย     ผมคิด  ใจนึงก็อยากกินไอติม อีกใจนึงก็อยากกินข้าวพร้อมกันกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่ได้นั่งโต๊ะกินข้าวพร้อมกันมาตั้งนานแล้ว   อาหารที่คุณแม่ทำก็อร่อยแม้ว่าบางทีจะมีผักเยอะไปหน่อยแต่ผมก็ชอบฝีมือคุณแม่  หรือว่าคุณพ่อเบื่ออาหารที่คุณแม่ทำแล้ว  อาจเป็นไปได้  
    ผมไม่อยากฝืนใจคุณพ่อยอมเดินตามออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน  ก่อนปิดประตูรั้วตะโกนถามคุณแม่ว่าอยากกินอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวผมซื้อมาฝาก  คุณแม่เดินตามออกมาตรงหน้าประตูบ้าน  
    “ไม่ต้องหรอกจ๊ะ  ไปเที่ยวให้สนุกนะ” คุณแม่ตอบพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น
    ผมโบกมือให้คุณแม่แล้วขึ้นรถ คุณพ่อติดเครื่องรถรอได้สักพักแล้ว รถของคุณพ่อค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเรื่อยๆ   คุณแม่เดินตามออกมาส่งที่รั้วบ้าน ผมหันหลังกลับไปมองจนคุณแม่เหลือตัวกระจิ๊ดเดียว

    ผมรู้สึกว่าอยู่ในห้วงฝันอีกครั้ง  บนท้องทุ่งหญ้าสีเขียวคุณพ่อจูงมือผมเดินเล่นบนผืนหญ้า  ลมอุ่นๆประทะบริเวณใบหน้าเป็นระยะ    ผมจับมือคุณพ่อไว้แน่นกลัวว่าคุณพ่อจะแวบหายจากไปอีก  เงยหน้ามองใบหน้าคุณพ่อ  คุณพ่อส่งยิ้มตอบกลับมา  ความสุข ความอบอุ่นไหลแทรกตัวเข้ามาทุกส่วนของร่างกาย  
    แต่ตอนนี้รู้สึกว่าขาดสิ่งสำคัญอะไรบางอย่างไป    ใช่แล้วคุณแม่หายไปไหนผมหันซ้ายหันขวามองหาคุณแม่ ไม่มีเลย ไม่มีแม้เงา  ถามคุณพ่อว่าคุณแม่อยู่ไหนคุณพ่อส่งสายตาเรียบเฉยให้   ผมเริ่มร่ำร้องเรียกหาคุณแม่ ตะโกนอย่างสุดเสียงแต่ไม่มีเสียงออกจากลำคอสักแอะ   คุณแม่หายไปไหน  ดวงตาเริ่มพร่ามัวน้ำใสๆจากสองตาไหลรินออกอาบแก้ม  
    เงยหน้าถามคุณพ่ออีกครั้งแต่ใบหน้าของคุณพ่อเปลี่ยนไป  คุณพ่อหายไปคนที่กำลังจูงมือผมอยู่กลับกลายเป็นคุณแม่  ผมตกใจเล็กน้อย คุณพ่อเปลี่ยนเป็นคุณแม่ได้อย่างไร  ถามคุณแม่ว่ามาตั่งแต่เมื่อไหร่  เมื่อกี้หายไปไหนมาทิ้งให้ผมอยู่กับคุณพ่อสองคน  คุณแม่บอกว่าแม่อยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว  จับมือผมอยู่ตลอด  อ้าวแล้วคุณพ่อละ เมื่อกี้ผมยังเดินจูงมืออยู่กับคุณพ่อเลย  ผมไม่ได้ตาฝาดจริงๆนะ  คุณแม่หัวเราะในลำคอ  ย้ำว่าคุณแม่เดินจูงมือผมอยู่คนเดียว ไม่มีทางเป็นคุณพ่อหรอก   คุณไปทำงานจะพาผมมาเดินเล่นได้อย่างไรละ  
    ผมขยี้ตาสองสามครั้งเป็นไปได้อย่างไร  เมื่อกี้ผมเดินอยู่กับคุณพ่อจริงๆนะ
    ผมเดินอยู่กับคุณพ่อ
    คุณพ่อเดินอยู่กับผม
    ผมเดินอยู่กับคุณพ่อที่กลายเป็นคุณแม่
    คุณพ่อที่กลายเป็นคุณแม่เดินอยู่กับผม
    คุณแม่ที่เดินจูงมือผมเป็นคุณพ่อ
    คุณพ่อเป็นคุณแม่
    คุณแม่เป็นคุณพ่อ
    ผมเริ่มงงๆกับความสับสนของตัวเอง  
    “มาซะเย็นเชียว”   เสียงคุ้นหูก้องดังในห้วงคำนึง
    “พาลูกไปเดินเล่นซะทั่วห้างเลย  งอแงอยากได้โน้นอยากได้นี่ไปหมด”
    “แล้วลูกหลับนานหรือยังละ”
    “ขึ้นรถได้สักแป๊ปก็หลับเลย...คุณขึ้นไปจัดที่นอนให้ลูกหน่อยสิ ผมจะอุ้มแกขึ้นไปนอน”
    “อืมมม....”
    ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก
    “สงสัยลูกจะเพลีย ปล่อยให้นอนสักพัก ถ้าลูกตื่นขึ้นมาก็จับแกอาบน้ำกินข้าวด้วยละ”
    “ไม่ต้องเป็นห่วงฉันกับลูกหรอก ฉันดูแลลูกได้ แม้คุณจะไม่อยู่...”
    “คุณอย่าหาเรื่องทะเลากับผมได้หรือเปล่า  คุณก็รู้ว่าผมต้องทำงานหนัก”
    “ทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว”
    “ไม่เอาแล้วๆ  ผมไม่คุยกับคุณแล้ว  งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน พอดีมีนัดกับลูกค้านิดหน่อย ”
    “แล้วเมื่อไหร่คุณจะกลับมาอยู่บ้านสักที”
    “........”
    ปัง

    เสียงปิดประตูคุณพ่อกับคุณแม่ออกไปแล้ว  ผมเอาผ้าห่มคลุมตั้งแต่เท้าจรดหัว  ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้     ร่างกายขดตัวเป็นก้อนกลม   ลืมตาโพรงใต้ผ้าห่ม ความมืดสนิทว่างเปล่าช่างเหมือนในฝันจริงๆ  ต่างกันตรงเพียงที่ผมไม่ได้ทิ้งตัวตกลงไปจากที่สูงเท่านั้น

    แต่มีบางอย่างทิ้งตัวตกลงสู่พื้นท่ามกลางความมืด

    น้ำตาใสๆสีขาว    ส่องประกายวับวาวเป็นหยาดสาย

    จากคุณ : เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ - [ 22 ม.ค. 47 19:37:51 A:203.146.112.110 X: ]