เธอนึกยังไงกัน?!

    วันพุธ

    ฉันนั่งทำงานอยู่คนเดียว
    เสียงเพลงที่เปิดคลอขณะทำงานดังเบา ๆ เป็นเพื่อนฉัน สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  

    ...กริ๊งง!! กริ๊งง!!...
    ฉันหรี่เสียงเพลงนั่นลง เหลือบไปมองนาฬิกา มันบอกเวลาสามทุ่มพอดี
    ก่อนจะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์

    “ฮัลโหล”
    “ฮัลโหล ของสาย เจิน ครับ” เอ?! เสียงคุ้น ๆ ตอนแรกนึกว่าคุณแม่โทรมาเสียอีก
    “เอ้อ... พูดอยู่”
    “เอ้อ... เจินเหรอ คือว่า วันศุกร์เนี้ยเราจะไปโรงเรียนแกอะ” สำเนียง น้ำเสียง การพูด
    ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด สรรพนามก็ยังไม่ได้เปลี่ยน เหมือนที่แต่ก่อนเคยเรียกกัน

    “คือ เราต้องไปแข่งขันคณิตศาสตร์ที่อัปสรอะ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็จ้อต่อซะแล้ว
    “เหรอ... ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย ...เอ? วันศุกร์มันมีงานอะไรว้าา??” นั่นสิ...
    มันไม่ได้มีงานอะไรที่โรงเรียนเลยนี่ แล้วเธอจะมาแข่งอะไร ทำไม?

    “ไม่รู้เรื่องเลยเหรอ?” เธอทักมา อ้าว... ก็ฉันไม่เห็นทราบข่าวคราวอะไรเลย ให้รู้เรื่องได้ไง
    “อื้อ... ไม่รู้ ไว้ไปดูบอร์ดที่หน้าห้องคณิตศาสตร์ละกัน”
    “เอ้อ ลืมไป พาฟาง ศรันพร มาด้วยนะ เราอยากเห็นหน้า ไม่ได้เจอมันตั้งนาน” อะโธ่...
    ที่แท้ โทรมาบอกให้เราพาเพื่อนเก่า ไปหานี่เอง ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนี่เนอะ!

    “เออ ๆ เดี๋ยวบอกมันให้” ฉันรับคำไป อยากเห็นหน้าตอนที่เพื่อนของฉันใส่แว่นเหมือนกัน
    นี่ถ้าฉันบอกเพื่อน ๆ ว่า ‘เขา’ จะมาแข่งขันคณิตที่โรงเรียนเรา คงแซว กันใหญ่ ก็ฉัน กับเขา
    เคยถูกล้อด้วยกันทั้งคู่ ว่าเป็น แฟน กัน... แต่ใช่ที่ไหนเล่า!? ก็แค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น

    วันศุกร์

    “เออ วันนี้ ไอ้ปังมันมาโรงเรียนเราแหละ” ฉันบอกกับเพื่อน ๆ เมื่อถึงโรงเรียน
    แต่ละคนทำหน้าตื่นเต้น... บ้างก็ยังไม่เชื่อ ถามว่า จริงเหรอ?? จริงอะ?? จริงรึเปล่า?
    โธ่ ก็ฉันจะไปโกหกพวกเธอทำไมก๊านนน... เห่อกันจริงเชียว ก็แค่เพื่อนฉันคนนึง เท่านั้นเอง

    พอตกบ่าย รถของหลาย ๆ โรงเรียนต่างแล่นเข้ามาจอดในบริเวณสนาม ฉันว่า... โรงเรียนอยู่ใกล้
    กันแค่นี้ เขาคงไม่เปลืองน้ำมันขับรถตู้ มาส่งถึงโรงเรียนหรอกน่า เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง
    พอเลิกเรียนปุ๊บ ฉันก็ยังไม่ได้พบเขา ขณะที่กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลกับเพื่อน ๆ อยู่
    เห็นนักเรียนโรงเรียนอื่นต่างทยอยกันออกจากโรงเรียนแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเสื้อพละสีเขียวเข้ม
    สักคน ฉันว่า เขาคงกลับไปแล้วล่ะ

    แล้วทันใดนั้น เพื่อนที่เล่นวอลเล่ย์บอลคู่กับฉันก็ตะโกนเรียนฉัน
    “เจิน!! ... เจิน!! คนไหนอะปัง?” เท่านั้นล่ะ ฉันหันขวับ นักเรียนกลุ่มหนึ่งในเสื้อพละสีเขียวเข้ม
    มีทั้งนักเรียนหญิงนักเรียนชายคละกันไปกำลังเดินออกจากอาคารอเนกประสงค์อีกฟากหนึ่งโน้น
    แล้วยังจะหันมามองที่ฉันอีก แล้ว... หน้าตายังงั้น อ๊ะ ใช่แน่ ๆ

    เด็กผู้ชายคนนั้นจ้องมาที่ฉันอยู่เกือบหนึ่งนาที ฉันก็ว่า เธอคงจำไม่ได้แน่ ๆ ฉันก็เลยจ้องตอบ
    เผื่อเธอจะจำได้บ้างว่าฉันเคยแสบขนาดไหน นึกยังไงก็ไม่รู้คนก็ออกเยอะแยะ เธอโบกไม้โบกมือ
    ให้ฉัน ก็เลยโบกกลับ เธอเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนข้างหน้า เห็นหันมา อ้อ... นั่นเพื่อนเก่าตั้งแต่ป. 4
    เกือบ 6 ปีเชียวนะที่ไม่ได้พบกัน โบกไม้โบกมือกันแค่นั้น แล้วกลุ่มของเธอก็ทยอยออกจากโรงเรียนไป

    อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ฉันก็ออกจากโรงเรียน ไปนั่งรถกลับบ้าน
    แถว ๆ นั้นเป็นอู่รถประจำทางของหลาย ๆ สาย ฉันขึ้นสาย 10 ระหว่างที่ไปกลับรถ ฉันเห็นรถยูโร สาย 4
    (รถปรับอากาศสีส้ม สาย 4) กำลังจะออกจากอู่ ทั้งสองคันกำลังจะสวนกัน ฉันคงตาดีไปหน่อย ถึงเผอิญ
    ไปเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนเข้า คุ้นตาเหลือเกิน แน่นอน... ก็มันเป็นเธอจริง ๆ นั่นแหละ
    ในใจก็คิดว่า ...เฮ้ย! นั่นมันไอ้ปัง นี่หว่า มันกลับทางนี้ได้ไง บ้านอยู่ตั้งสมุทรสาคร... แต่อีกใจก็บอกว่า
    ...อ้อ สงสัยจะกลับมาบ้านญาติล่ะมั้ง...

    ทันทีที่รถขับสวนทางกัน ฉันเห็นเธอก่อน เพียงชั่ววินาทีที่หน้าต่างสองบานของรถประจำทางจะมาตรงกัน
    เธอก็หันมองมาที่ฉันพอดี เธอดูเหรอหรามาก คงอึ้งไปสักวิ คงไม่คิดว่าจะเห็นฉันล่ะมั้ง รถคันของเธอออก
    ไปก่อน ฉันเลยคิดว่า ...คืนนี้ ถ้าเธอ ออนไลน์ เธอคงจ้ออย่างสนุกแน่ ๆ...

    ระหว่างที่คิด รถประจำทางคันที่ฉันโดยสาร ก็จอดรับผู้โดยสารที่ป้ายก่อนจะถึงทางโค้ง เด็กผู้ชายคนหนึ่ง
    ก้าวขึ้นมาบนรถ ฉันยัง งง ไม่หาย ‘เธอ’ ขึ้นมาบนรถคันนี้ได้อย่างไร? แล้วคนเมื่อตะกี้ที่นั่งรถปรับอากาศ
    คันที่ออกไปก่อนหน้านี้ล่ะ? เธอมีสองร่างหรือไง? โอ้... อะไรกันนี่

    เธอเดินมายังที่นั่งของฉัน ยิ้มตลอดทาง สะใจหรือไง? ทำให้ฉัน งงได้ขนาดนี้? พอเธอเห็นว่าที่นั่งคู่ตรงข้าม
    กันว่างอยู่ เธอก็เข้าไปนั่ง แล้วก็หันมาคุยกับฉันตลอดทาง ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามมากมายให้เธอตอบ

    “เฮ้ย ขึ้นมาได้ไงเนี่ย?”
    “ก็ว่าจะไปแม่พระ” เธอเอ่ยถึงชื่อของโรงเรียนเก่า ที่อยู่ใกล้บ้านของฉัน
    “แม่พระ? ไปทำไม?” นั่นสิ เธอจะไปทำไมกัน? เมื่อเดินที่แล้วก็เพิ่งไปงานที่นั่นมา
    “ก็จะไปซื้ออะไรกินแถว ๆ นั้นด้วยน่ะ”
    “อ้าว แล้วไหงตะกี้นั่งสายสี่?” ฉันยังซักไม่เลิก
    “ก็นั่งจะไปตลาดพลู แต่เห็นแกก็เลยขึ้นมาว่าคุยด้วย” นี่เธอจะบ้าหรือไง?! ราคาต่างกันตั้งเยอะ
    แล้วเธอยังขึ้นชื่อว่า งก อีกด้วย ยอมเสีย 12 บาทไปยังจุดหมายที่ตั้งใจ เปลี่ยนมาเสีย เพิ่มอีก 5 บาท
    เพื่อจะคุยกับฉันยังงั้นหรือ? ฉันว่าเธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย คุยกันผ่าน msn ไม่เสียสักกะบาท
    โทรศัพท์ก็แค่ 3 บาท นี่นั่งรถปรับอากาศมาเพียง สี่ป้าย ก็เสียตั้ง 12 บาท ไม่คุ้มกันเลย

    “งั้นนี่ก็ลงซอยอาทิตย์น่ะสิ?” ฉันถาม เธอพยักหน้ารับ ว่า ใช่ จากนั้นเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระกัน
    นักเรียนรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างหลังเบาะเธอน่ะ หันมามองกันใหญ่ ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา คุยไปถึงเรื่อง...


    “ตอนที่แกหันมาอะ จำไม่ได้เลย ผอมลงมากกก” เธอลากเสียง นี่เธอคงเพี้ยนไปอีกแล้วล่ะ เมื่อปลายเดือน
    ที่แล้วก็เพิ่งเจอกันไม่เห็นเธอจะทักยังงี้สักคำ นี่ยังไม่ถึงเดือน เออ... แปลกแฮะ นี่มันอะไรกัน? ฉันก็เป็น
    ของฉันอยู่ยังงี้นิ!

    “เหรอ?”
    “เออดิ เราอะยังลังเลอยู่ ไม่กล้าทัก กลัวหน้าแตก”

    คุยกันไปคุยกันมา เธอก็ลุกขึ้นลงจากรถไปที่ป้ายก่อนหน้าฉัน ปล่อยให้ฉันตอบคำถามด้วยตัวเองต่อไป

    ...นี่เธอนึกยังไง? ถึงมาขึ้นรถคันเดียวกับฉัน?...

    THE END

    ----------------------------------------------------------------

    บันทึกท้ายบันทึก

    เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำค่ะ วันนี้ออนไลน์ไว้ คุยกับนายนี่อยู่
    บอกว่า “เออ ทีมที่ชนะอะ มีคนนึงบอกเราว่า เพื่อนของเขาน่ะชอบเรา”
    ฉันว่า น้องที่เขาบอกว่า ชอบ น่ะ ต้องสายตาไม่ดีแน่ ๆ
    เจ้าตัวเขายังพูดอีกนะคะว่า “ก็คนมันเนื้อหอม ก็ยังงี้อะนะ”
    โอ้... โรคอาเจียนกำเริบ

    แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 47 19:04:55

    แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 47 18:57:05

    จากคุณ : invisible_TJ - [ 24 ม.ค. 47 09:17:58 ]