สวัสดีค่ะ ทุกคน..หนูยีคิดถึงถนนนักเขียนจังเลยหลังจากที่ไม่ได้เข้ามานานเกือบ 2-3 เดือนได้มั้ง.. เนื่องด้วยติดภารกิจ และติดป่าอยู่ แต่ตอนนี้ก็ออกมาได้แล้ว..และก็มีอะไรเยอะแยะ ระหว่างที่ติดป่า เก็บมาเล่าให้อ่านกันด้วยค่ะ แต่เนื่องด้วยว่า ร้างลาการเขียนไปนาน เลยต้องมาเคาะคีย์บอร์ดใหม่ เพราะรู้สึกว่า..ที่เขียนๆนี่ มันติดๆไงก็ไม่รู้
ตอนนี้มีเรื่องเล่าตั้งหลายเรื่องค่ะ จนไม่รู้จะเล่าจะเขียนเรื่องไหนก่อนดี เรื่องตอนเข้าป่าก็อยากเขียน เรื่องเมื่อตอนงานวันเกิดก็อย่างเล่า คิดไปคิดมา 1 อาทิตย์ผ่านไปก็ยังไม่มีโอกาสได้มาเขียนสักที จนในที่สุด วันนี้ก็ทนไม่ไหวค่ะ มันร้อน ร้อนนิ้วร้อนมือจนต้องจัดการกะตัวเอง มาขยับนิ้วบ่นแป้นคีย์บอร์ด
เรื่องมันมีอยู่ว่า
..
............................................
....................................
............................
....................
.............
.......
..
วันศุกร์ ตอนเย็น
สวัสดีค่ะหม่าม้า กลับมาแล้วค่า
ดีลูก กลับมาแล้วหรือ กินไรมาหรือยัง หม่าม้าถามขึ้นหลังจากที่หนูยีมายืนอยู่ข้างๆ
ยังค่ะ แต่ยียังไม่หิวเลย ไว้ก่อนนะคะ
ได้ๆ อ๋อ แม่มีเรื่องจะบอกน่ะ ช่วงนี้ห้ามมานอนห้องแม่นะ แม่จะผอม เพราะจะออกกำลังกายอยู่ในห้อง จะตีลังกา ยกมือยกขา ห้ามมานอนห้องแม่ละ" หม่าม้าพูดพร้อมทั้งยกมือทำท่าประกอบไปด้วย
ตอนนั้นหนูยีออกจะสงสัยอยู่นิดๆค่ะ ว่า คุณแม่จะออกกำลังกายเต้นอะไรจนใช้พื้นเยอะขนาดห้ามลูกๆเข้าไปนอนด้วยเลยหรือ แล้วห้องของหม่าม้ามีพื้นที่เท่ากับห้องของน้องชายหนูยีรวมกัน 2 ห้องเลยค่ะ และเมื่อ 2เดือนก่อนตอนที่ป่ะป๊าของหนูยีไม่อยู่ไปเยี่ยมญาติกำหนดกลับยังไม่แน่นอน หม่าม้าก็เกณฑ์ลูกๆ ทั้งหลายให้มานอนห้องเดียวกันกับหม่าม้า เพราะเหตุผลว่า..ประหยัดไฟ(แต่เหตุผลจริงๆหนูยีรู้ว่า หม่าม้านอนคนเดียวเหงาแหงๆ) แต่คราวนี้กลับไม่ให้นอนด้วย
แต่หนูยีและก็น้องชายไม่คิดอะไรค่ะ คิดว่าหม่าม้าอยากออกกำลังกายเป็นการส่วนตัวเฉยๆ เลยไม่ใส่ใจอะไรมาก หม่าม้าไม่ให้นอนห้องเดียวกะหม่าม้า หนูยีไปนอนห้องเก่าหนูยีก็ได้
.
ในเมื่อไม่ติดใจสงสัยอะไร หนูยีก็เปลี่ยนเรื่องพูดคะ
หม่าม้าขา พรุ่งนี้หม่าม้าไปวิ่งตอนเช้าใช่มะคะ หม่าม้าอย่าลืมมาปลุกยีด้วยนะคะ ยีจะไปวิ่งด้วย
อีกแล้ว หม่าม้ามองหน้าหนูยีแล้วพูดด้วยเสียงระอา
ก็เห็นให้แม่ปลุกทุกอาทิตย์นั่นละ ว่าให้ปลุกไปวิ่งด้วย แต่พอแม่ปลุกทีไร ไม่เคยยอมตื่อไปทุกที
แหม.. หม่าม้าก็ ครั้งนี้จริงๆคะ ยีจะตื่นไปวิ่งด้วยแน่ๆ ยีจะลดความอ้วน
อะ ให้มันแน่เถอะ
แล้วหนูยีก็โม้เรื่องตลอดทั้งอาทิตย์ที่อยู่ที่หอให้หม่าม้าฟังว่ามีอะไร น่าตื่นเต้นไปตามเรื่องค่ะ ตอนนั้นก็ยังไม่แปลกใจอยู่ดีว่า ทำไมวันนี้หม่าม้าอารมณ์ดีสุดๆจังเลย
.....................
...................................................
............................................
................................
....................
...........
.....
วันเสาร์
6.00 น.
เสียงเปิดประตูห้องหนูยี พร้อมกับเสียงหม่าม้าถามว่า
ยี จะไปวิ่งกะแม่หรือเปล่า
ม่า.ยย..ค่า.. ตอบไปด้วยเสียงงัวเงียสุดๆ แล้วนอนต่อ
เท่านั้นหม่าม้า(ผู้เป็นแม่ที่รู้ซึ้งถึงนิสัยของลูกดี) ก็ปิดประตูแล้วไปออกกำลังกายกับน้องชายคนเล็กอีกคน ส่วนลูกสาว และลูกชาย(น้องชายหนูยีอีกคน) ก็นอนอย่างสบายอารมณ์ไม่ยอมตื่นนอน จนกระทั้ง มีเสียงเปิดประตูห้องหนูยีเข้ามา พร้อมด้วยเสียงคุ้นหู ดังขึ้น
ยังไม่ยอมตื่นอีกหรือนี่ยี
อืม
เริ่มรู้สึกตัวแล้วค่ะ เสียงคุ้นหู พอลืมตาก็เห็นเงาตะคุ้มดำๆ เป็นร่างที่คุ้นตา แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาอยู่ตรงหน้าหนูยีในห้องหนูยีแบบนี้ได้.. ก็เสียงแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ ยังไม่น่ากลับมานี่หน่า
อืม.. ใครคะ เหมือนป่ะป๊าเลยอะ หนูยีพยายามเพ่งมองร่างที่เป็นเงาตะคุ่มนั้นให้ชัดเจน แต่ก็ด้วยความงัวเงีย บวกกับสายตาที่สั้นถึง 650 มองยังไงก็ไม่ชัดอยู่ดี พอจะควานมือหาแว่นตา เสียงอีกเสียงของน้องชายหนูยีก็ดังขึ้น
นี่เป็นความฝันนะเจ๊ยี
อืม..ที่แท้นี่เป็นความฝันนี่เอง ถึงว่าสิคะว่า ทำไมป่ะป๊าถึงมาอยู่ในบ้านได้ ก็ความจริงแล้วปะป๊าหนูยียังไม่กลับมาบ้านเลยสักหน่อย พอคิดได้แบบนี้แล้ว มือที่ควานหาแว่นก็หยุด แล้วก็ทิ้งตัวลงตอนต่อเลยคะ
ฮะ ฮะ ฮะ แต่เสียงในความฝันไม่ยอมหายไป รู้สึกว่าร่างตะคุ่มๆนั้นจะเดินไปเปิดไฟ ทำให้ห้องหนูยีสว่างขึ้น แสงแยงตาเลยทำให้หนูยีนอนต่อไม่ได้ ลืมตาก็เห็นป่ะป๊าในฝันยังไม่ยอมหายไป แถมข้างๆยังมีน้องชายยืนอยู่ด้วย
ตอนนั้นหนูยียังไม่แน่ใจว่า
ความฝันหรือความจริง ควานมือหาแว่นตาใหญ่ พอได้แล้ว เห็นอะไรต่ออะไรชัดๆ ก็ทำให้อาการงัวเงียง่วงนอนหายไปแทบจะทันทีคะ
ป่ะป๊า!!! หนูยีเรียกป่ะป๊าไปด้วยความตกใจ ก็ไม่ให้ตกใจได้ไงกันคะ ไม่รู้เรื่องเลยว่าป่ะป๊าจะกลับมาวันนี้ หลังจากที่ไม่ได้เจอป่ะป๊ามานานถึง 2-3 เดือนได้มั้ง
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ป่ะป๊าหัวเราะชอบใจที่เห็นหนูยีตกตะลึง
หนูยีพอประมวลความคิดได้แล้วว่า ..ไม่ใช่ความฝัน ก็รีบลุกจากที่นอนกระโดดกอดป่ะป๊าด้วยความดีใจ ปนประหลาดใจสุดๆ ทันที ระล่ำระลักถามใหญ่ว่าป่ะป๊ากลับมาได้ไงกันคะนี่
แล้วของฝาก ลูกพีชที่หนูยีอยากกินละอยู่ไหน..( แฮะๆ ไม่ใช่เพราะว่าหนูยีตะกละเห็นแต่กินนะคะ ตอนนั้นหนูยีไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก)
ป่ะป๊า กลับมาได้ไงกันคะ กลับมาเองหรือคะ
ใช่แล้ว ป๊ากลับมาเอง
อ๋า..งั้นต้องรีบโทรบอกหม่าม้าก่อนว่าป่ะป๊ากลับมาแล้ว แต่พอจะยกหูโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาหม่าม้า ป่ะป๊าก็ว่า ไม่ต้องหม่าม้ารู้แล้ว
เอ๋
รู้ได้ไงคะ ก็ไหนป่ะป๊าว่า กลับมาเองไง ถึงตอนนี้แล้วหนูยีก็ยังเอ๋ออยู่ดีค่ะว่า หมายความว่าไง จนน้องชายพูดขึ้นมาว่า
รู้แล้ว!!! ที่ไล่ไม่ให้พวกเราเข้ามานอนในห้องแม่ ก็เพราะว่า ป่ะป๊าจะกลับมานี่เอง
แค่นั่นหนูยีก็ถึงบางอ้อ ละค่ะ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ป่ะป๊าหัวเราะชอบใจใหญ่ แล้วเริ่มเอาของฝากมาให้ลูกๆดู แต่หนูยียังติดใจเรื่องนี้ไม่หาย บ่นให้ป่ะป๊าฟังต่อว่า
ป่ะป๊ารู้เปล่าว่า หม่าม้าเจ้าแผนการณ์มากๆเลย เมื่อวานนี้หนูยีบอกหม่าม้าว่า จะไปดูรุ่น-ราคา กล้องดิจิตรอน แล้วจะได้บอกให้ป่ะป๊าดูๆ ให้ถ้าถูกจะได้ซื้อมา ทั้งๆที่หม่าม้าก็รู้อยู่แล้วว่า ถึงไปดูตอนนั้น ป่ะป๊าก็ซื้อให้ไม่ได้อยู่แล้ว แทนที่จะบอกว่า ไม่ต้องไป กลับสนับสนุนให้ไป.. คิดดูจิ ป่ะป๊า..หม่าม้าเนียนมากๆเลยอะ หนูยีบ่นกระปอดประแปดไปตามเรื่องที่มารู้ตัวว่าเสียรู้หม่าม้าเข้าจนได้
ฮ่าๆๆ แล้วไง ไปดูรุ่นไหนมาละ ป่ะป๊ายังหัวเราะชอบใจที่หม่าม้าทำเนียนมากๆ
ก็ไปดูรุ่น
หนูยีก็เริ่มสาธยายให้ป่ะป๊าฟัง ว่ากล้องรุ่นนี้ราคาเท่านี้ มีฟังค์ชั่นแบบไหนบ้าง มีรุ่นไหนบ้างที่เพื่อนหนูยีแนะนำมาอย่างไร พอพูดจบกระบวนการ ป่ะป๊าที่นั่งฟังด้วยความตั้งใจก็ ควักของออกจากกระเป๋ายื่นให้แล้วว่า
ใช่รุ่นนี้หรือเปล่าลูก หนูยีมองตาค้างค่ะ ก็ไอ้กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่หนูยีถูกแนะนำให้ใช้นี่หน่า ไหงป๊าซื้อมาเหมือนรู้เลยอะคะ เห็นแบบนี้แล้วยิ่งเจ็บใจว่า หม่าม้าทำกับหนูยีได้ ไม่น่าหลอกลูกสาวเลย
แล้วหนูยีก็ถามราคากล้องที่ป่ะป๊าซื้อมาค่ะ มานั่งคำนวณกันใหญ่ว่า เจ้ากล้องตัวนี้ป่ะป๊าชื้อมาราคาเท่าไหร่ พอคำนวณเสร็จ โอโฮ้
ถูกกว่าที่หนูยีไปดูมาตั้ง 6000 แน่ะ
หนูยีกับน้องชายดีใจที่ได้ของฝาก เอ้ย..ที่ใจที่ได้เจอป่ะป๊าถามอะไรป่ะป๊ากันใหญ่จนกระทั่งหม่าม้ากับน้องชายคนเล็กกลับมาจากไปออกกำลังกายตอนเช้า หนูยีก็รีบไปหาหม่าม้าทันที่
หม่าม้าอะ ไม่ยอมบอกหนูยีเลยว่าป่ะป๊าจะกลับมาวันนี้
ใช่ๆ แถมเมื่อคืนก็ทำเป็นแกล้งอยู่ในห้อง เปิดเพลงทิ้งไว้แกล้งให้คิดว่าอยู่ แต่พอเคเข้าไปก็ไม่เห็นมีใครอยู่ แล้วพอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้าบ้าน พอเคไปเคาะห้องแม่ ก็ไม่ยอมเปิดอีก น้องชายเข้ามาเป็นฝ่ายสนับสนุนคะ
อ้าว ตอนนั้นเคยังไม่นอนอีกหรือ หนูยีหันไปถามค่ะ
ยัง
แล้วทำไมเคไม่รู้ละว่า ป่ะป๊ากลับมาแล้ว อย่างน้อยก็ต้องไม่ยินเสียงลากกระเป๋าเข้าห้องสิ หนูยีเริ่มเบนเข็มไปถามน้องชายแทน
ก็ตอนนั้นเค ทำงาน(ความจริงคือเล่นเน็ต)อยู่นี่ เลยไม่สนใจ พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะเบี่ยงประเด็นก็กลับไปถามหม่าม้าใหม่
อ้าว..ก็ถ้าแม่บอกไป พวกลูกๆก็ไม่เซอร์ไพรซ์สิ ใช่มะ หม่าม้าพูดไป ยิ้มไปค่ะ แถมยังเป็นรอยยิ้มที่ บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจ และสนุกมากๆ ที่สามารถหลอกคนอื่นได้อย่างที่ไม่มีใครสักคนสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียวว่า..หม่าม้ามีความลับอะไรอยู่
พอหนูยีเห็นรอยยิ้มของหม่าม้าแบบนี้แล้ว
รู้สึกเหมือนเห็นรอยยิ้มของตัวเอง เวลาที่แกล้งหลอกคนอื่นให้ตกหลุมของตัวเองได้ ยังไงไม่รู้
แบบนี้สินะคะ ที่เขาเรียกกันว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (ฮิฮิ)
แต่ถึงหม่าม้าจะเจ้าแผนการณ์อย่างไร หนูยีก็รู้สึกมีความสุขและดีใจมั่กๆเลยคะที่ป่ะป๊ากลับมาบ้านแล้ว..ก็มันคิดถึงนี่คะ
แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 47 16:56:37
แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 47 16:53:25
จากคุณ :
หนูยี
- [
24 ม.ค. 47 16:32:23
]