ความคิดเห็นที่ 1 เออ ผมเรียนมาทางสายช่าง  จะให้ชี้แนะเรื่องวิจักษ์วิจารณ์วรรณคดีคงมะค่อยถนัด ก็ขอพูดตามความเข้าใจและด้วยภาษาในแบบผมนะครับ ถ้าผมเข้าใจผิดตรงไหนก็ขอให้ีพี่น้องมาช่วยกันแก้นะครับ เราจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและหรือแง่คิดที่น่าสนใจนะครับ ครับชื่อกาพย์ห่อโคลงก็บอกความหมายในตัวมันเองอยู่แล้วว่าประกอบด้วยกาพย์และโคลง โดยที่กาพย์นั้นหมายถึงกาพย์ยานี๑๑ และโคลงก็หมายถึงโคลงสี่สุภาพ ก่อนอื่น ขอทบทวนฉันทลักษณ์ก่อนดังนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 04:45:10 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กาพย์ยานี๑๑ ที่มา: เว็บไซต์สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย http://www.thaipoet.org/poemkwab5.html จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โคลงสี่สุภาพ ที่มา: เว็บไซต์สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย http://www.thaipoet.org/poemkwab5.html จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หากเรานำกาพย์ห่อโคลงมาค้นหาหน่วยย่อยที่สุดที่ยังคงความเป็นกาพย์ห่อโคลงอยู่ เราก็จะพบคู่ของกาพย์และโคลงซึ่งขอเรียกว่าธาตุมูล (element) ของกาพย์ห่อโคลง ธาตุมูลดังกล่าวอาจอยู่ในลักษะที่เขียนกาพย์นำโคลง (ดังแสดงในต้นกระทู้) หรือโคลงนำกาพย์ (ดังจะแสดงในตอนต่อๆไป) ลักษณะสำคัญของกาพย์ห่อโคลงคือคู่กาพย์โคลงนั้นต้องมีเนื้อความเดียวกันหรืออย่างน้อยก็ต้องเหมือนกันในระดับหนึ่ง กรณีที่ห็นได้ชัดคือการมีคำในวรรคแรกของกาพย์และบาทแรกของโคลงเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ดังแสดงแล้วในตัวอย่างต้นกระทู้ ครับและเมื่อเรานำธาตุมูลมาต่ออนุกรมกัน เราก็จะเห็นลักษณะที่กาพย์ไปห่อโคลง โดยกาพย์จะดูประหนึ่งขนมปังแซนวิชที่ประกบใส้ซึ่งเป็นโคลงฉะนั้น เื่พื่อให้เห็นภาพพจน์ เราจะมาดูตัวย่างในแต่ละแบบดังต่อไปนี้ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 04:58:12 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แบบที่๑ กาพย์นำโคลง ตัวอย่างที่ ๑.๑ กาพย์นำโคลงแบบหนึ่งธาตุมูล กลิ่นแก้ว เหล็กละมุน โชยกรุ่นหอมกลิ่นแก้ว.......แม่ผ่านแผ่วจุมพิตมา ฝากพระพายพัดพา...........พจิว้าพี่กลับคืน โชยกรุ่นหอมกลิ่นแก้ว ..กระจายมา คือแผ่วจุมพิตา ...แต่แม่ เรียมฝากพระพายพา .พจีกลับ คืนเฮย บ่อาจหลับฤดีแช่ . ..โชกน้ำตาพราว แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 04:37:57 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตัวอย่างที่ ๑.๒ กาพย์นำโคลงแบบหลายธาตุมูล กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก (คัดมาบางส่วน) พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ไม้แก้วกลิ่นแก้วกราย......หอมบวายวังเวงใจ ทุกข์ลืมปลื้มอาไลย........ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมหา ฯ ไม้แก้วแก้วพี่เยื้อง..........หอมสไบ หอมกลิ่นหอมชวยไป......ทั่วแคว้น ทุกข์ลืมปลื้มอาไลย........ลานกลิ่น กลกลิ่นนางน้องแหม้น.....แต่เที่ยวแลหา ฯ   ไม้เกดคิดเกศนาง...........เมื่อสะสางเกล้าผมมวย กลิ่นรื่นชื่นหอมรวย.........ว่ากลิ่นเจ้าเปล่าใจหาย ฯ ไม้เกดคนึงเกศเจ้า..........สดสลวย ถือเสนียดสางผมมวย......เกศแก้ กลิ่นรื่นชื่นหอมรวย.........ดีหลาก ว่ากลิ่นเจ้าเปล่าแท้.........รุ่มร้อนใจหาย ฯ   มะกรูดสองแถวทาง........คิดมะกรูดนางสางสะผม แก้เกล้าเจ้าผึ่งลม...........กลิ่นขจรจายเรียมสบายใจ ฯ ต้นมะกรูดสองเถื่อนถ้อง........แถวพนม มะกรูดเหมือนนางสะผม.........พ่างเพี้ยง แก้เกล้าเจ้าผึ่งลม.................รวยระรื่น ขจรสุคนธ์กลิ่นเกลี้ยง............รื่นล้ำเรียมสบาย ฯ   ต้นน้ำดอกไม้เทศ............กลิ่นวิเศษนึกเหมือนน้ำ ดอกไม้ย้อมดอกคำ.........รำชมภูดูห่มงาม ฯ น้ำดอกไม้เทศแท้...........เปรียบปาน น้ำกลิ่นเมืองเทศปาน.......กลิ่นเกล้า สมรอดดอกคำจาน.........ขันคู่ รื่นร่ำชมภูผ้า.................ห่มเจ้าหอมงาม ฯ   การเกดเพศผิวเนื้อ..........ดูเหลืองเรื่อเยื่อใยทอง หอมกล้าการเกดปอง.......เปรียบกลิ่นเจ้าเศร้าอับอาย ฯ การเกดผิวผ่องเนื้อ.........รังรอง เหลืองเนื้อเยื่อใยทอง.....ห่อนเศร้า หอมกล้าการเกดปอง......ปูนเปรียบ กรายรอต่อตมูกเจ้า........พ่ายแพ้อับอาย ฯ     ต้นกรายเหมือนนางกราย........เดินหิ้วชายหมายตาคม น้องนาฏผาดผายสม..............พี่รักเจ้าเท่าตัวเรียม ฯ ต้นกรายคิดย่างเยื้อง..............เอวกลม เดินหิ้วชายตาคม...................เลื่องหล้า น้อยนาฏผาดผายสม..............ทิพรูป พี่นี่รักแต่เจ้า........................เท่าด้วยตัวเรียม ฯ ที่มา : เว็บไซต์ว่ายเวิ้งวรรณศิลป์ของพี่หมอโมโน http://www.geocities.com/thailiterature/nrts4.htm จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แบบที่๒ โคลงนำกาพย์ ตัวอย่างที่ ๒. ๑ โคลงนำกาพย์แบบหนึ่งธาตุมูล บางสะพาน เหล็กละมุน บางสะพานเสน่ห์ล้ำ ย้ำคนึง หวนเหล็กก่ำคราดึง รีดร้อน จาระบีกลิ่นอวลถึง ..ทุกหย่อม แรกใส่ยูนิฟอร์มซ่อน ..เบ่งข้าเอ็นจิเนียร์ บางสะพานหวานค่าล้ำ ..หวนเหล็กก่ำครารีดดึง จาระบีกลิ่นอวลหึ่ง เคยแอบซึ้งชุดโรงงาน จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวอย่างที่ ๒.๒ โคลงนำกาพย์แบบหลายธาตุมูล นิราศแล้วจะจากแก้ว.... ไปไหนดี (นะ) พี่หมอวฤก ๑ ๏ เรียมลาฤๅลับร้าง..........................ล่วงเลย ลืมคู่เคียงเขนย................................แนบเคล้า หลายวันหวั่นทรามเชย...................ชาชืด เฉยห่างเรียมว้างเศร้า.....................ว่าสิ้นสูญสมร ๚ ๏ เรียมลาฤๅลับร้าง.........................ลืมคู่ข้างเคียงเขนย หลายวันหวั่นทรามเชย...................เฉยชืดรักหักหายคลาย ๚ ๒ ๏ เรียมเหินเรียมห่างเจ้า.................จากกัน วิโยคใจโศกศัลย์............................ซบไห้ โหยครวญป่วนจาบัลย์...................จำบ่าย...........หน้านอ หันพักตร์หักจิตไหม้......................หม่นไว้วเนจร ๚ ๏ เรียมเหินเรียมห่างเจ้า................ใจเรียมเหงาเศร้าโศกศัลย์ ไห้หวนป่วนจาบัลย์.......................หันหน้าไปใจรัญจวน ๚ ๓ ๏ พิกุลเพียงกลิ่นแก้ม....................แกมสุคนธ์ เรียมคิดจิตฉงน...........................ชะงักยั้ง ฤๅแก้มแจ่มนวลปน.......................เป็นกลิ่น.........พิกุลเฮย หอมกลิ่นมิผิดครั้ง.......................พี่เคล้าครองถนอม ๚ ๏ พิกุลเพียงกลิ่นแก้ม....................กลิ่นแกมแซมชวนฉงน ฤๅแก้มแจ่มนวลปน......................สุคนธ์เคล้าเย้ายวนใจ ๚ ๔ ๏ คูนค้อมน้อมช่อช้อง.................ช้อยไกว เหลืองผ่องเพียงอุไร....................รุ่งแพร้ว ลมพัดสะบัดใบ...........................โบกกวัด ใบแกว่งกวักเรียมแล้ว...................เรียกย้อนเยียไฉน ๚ ๏ คูนค้อมน้อมช่อช้อง..................เหลืองดั่งทองผ่องแผ้วใส ลมพัดสะบัดใบ...........................ไกวกวักย้อนจรกลับฤๅ ๚ ๕ ๏ จึงจรขอนแก่นคล้อย.................ครรไล จิตล่องลอยเลื่อนไหล....................ล่วงพ้น กายพรากจากเจ้าไกล....................เกินกู่ ใจอยู่ใกล้ใช่ด้น............................ดุ่มด้วยเดินหนี ๚ ๏ จึงจรขอนแก่นคล้อย.................ใจเรียมลอยปล่อยล่องไหล กายพรากจากเจ้าไกล....................ใกล้แต่จิตสนิทนวล ๚ ๖ ๏ ท่าพระขอพระผู้.....................พูนฤทธิ์ อวยพระพรประสิทธิ์..................ประสาทให้ หายหมองบ่ต้องติด....................ตรมหม่น ภัยพ่ายบ่กรายใกล้......................ก่ายข้องหมองศรี ๚ ๏ ท่าพระขอพระผู้....................พิสุทธิ์ดูชูประสิทธิ์ ความหมองบ่ต้องติด..................ผิดภัยพ่ายอย่าหมายกราย ๚ ที่มา : อาศรมชาวโคลง ๓๙ ๏๏๏ ”เก็บแก้วเพรงกาล” ดูแลโดยพี่คัมภีร์โบราณ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W1475516/W1475516.html จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แบบที่๓ โคลงเบิกนำและตามด้วยกาพย์ไ่ม่จำกัดจำนวน กวีนิพนธ์ที่ใช้ฉันทลักษณ์สองแบบคือโคลงสี่สุภาพและกาพย์ยานี๑๑ ร่วมกัน ก็ถือว่าเป็นกาพย์ห่อโคลงเช่นกัน งานในลักษณะนี้จะใช้โคลงเป็นบทเกริ่นเปิดเรื่องและจะอธิบายความต่อด้วยกาพย์ไ่ม่จำกัดจำนวน ตัวย่างที่พบมากก็ได้แก่บทเห่เรือเป็นต้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ ๓.๑ บทเห่เรือ (คัดมาบางส่วน) พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ปางเสด็จประเวศด้าว........ชลาไลย ทรงรัตนพิมานไชย.........กิ่งแก้ว พรั่งพร้อมพวกพลไกร.....แหนแห่ เรือกระบวรต้นแพร้ว.......เพริศพริ้งพายทอง ฯ     พระเสด็จโดยแดนชล..................ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย................พายอ่อนหยับจับงามงอน นาวาแน่นเป็นขนัด......................ล้วนรูปสัตว์แสนยากร เรือริ้วทิวธงสลอน.......................สาครลั่นครั่นครื้นฟอง เรือครุฑยุดนาคหิ้ว......................ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง.................ร้องโห่เห่โอ้เห่มา สรมุขมุขสี่ด้าน...........................เพียงพิมานผ่านเมฆา ม่านกรองทองรจนา.....................หลังคาแดงแย่งมังกร สมรรถไชยไกรกาบแก้ว...............แสงแวววับจับสาคร เรียบเรียงเคียงคู่จร......................ดังร่อนฟ้ามาแดนดิน สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย..................งอนชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์...............ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม เรือไชยไวว่องวิ่ง........................รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม เสียงเส้าเร้าระดม.......................ห่มท้ายเยิ่นเดิรคู่กัน มูลเห่่่่คชสีห์ที่ผาดแผ่น................ดูดังเปนเห็นขบขัน ราชสีห์ที่ยืนยัน..........................คั่นสองคู่ดูยิ่งยง เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ.........................แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง เพียงม้าอาชาทรง.......................องค์พระพายผายผันผยอง เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน......................โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง ดูยิ่งสิงห์ลำพอง.........................เปนแถวท่องล่องตามกัน นาคาหน้าดังเปน........................ดูขะเม่นเห็นขบขัน มังกรถอนพายพัน......................ทันแข่งหน้าวาสุกรี เลียงผาง่าเท้าโผน......................เพียงโจนไปในวารี นาวาหน้าอินทรีย์........................มีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม ดนตรีมี่อึงอล............................ก้องกาหลพลแห่โหม โห่ฮึกครึกครื้นโครม....................โสมนัสชื่นรื่นเริงพล กรีฑาหมู่นาเวศ..........................จากนคเรศโดยสาชล เหิมหื่นชื่นกมล...........................ยลมัจฉาสารพันมี   ฯ ที่มา : เว็บไซต์ว่ายเวิ้งวรรณศิลป์ของพี่หมอโมโน http://www.geocities.com/thailiterature/jfk1.htm แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 04:31:14 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตัวอย่างที่ ๓.๒ บทเห่เรื่องกากี (คัดมาบางส่วน) พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร สุบรรณแผลงเดชล้ำ............บินบน กางปีกบังสุริยน..................มืดฟ้า ร่อนลงสู่ไพชยนต์...............ปรางค์มาศ เข้านั่งแอบนุชเคล้า.............แนบเนื้อนวลสมร   ฯ     สุบรรณสำแดงฤทธิ์.............ให้มืดมิดปิดอัมพร ร่อนลงตรงบัญชร...............จรสู่น้องแก้วกากี กล่าวรสพจนาท.................สายสุดสวาทเจริญศรี ผินหน้ามาพาที..................พี่คือชายชาญสกา ประสงค์จำนงรัก................จึงลอบลักเข้ามาหา หวังเชิญแก้วกานดา............ไปสู่ฟ้าพิมานจันทร์ เสวยรมย์สมบัติพี่................ในสิมพลีเกษมสันต์ แล้วจะพาเจ้าจรจรัล.............เที่ยวชมชั้นพระเมรุธร พี่จะชี้ชมทรายแก้ว..............งามพรายแพร้วเชิงสิงขร แม่น้ำสีทันดร.....................สิงขรกั้นเป็นกันกง จะพาชมพิทยาธร................ฝูงกินนรแลเหมหงส์ เหล่าสัตว์ตระกูลวงศ์.............อยู่ในดงเขาสัตตภัณฑ์ จะได้ชมนารีผล...................งามสกลดังแสร้งสรรค์ อยู่ยอดเขาอัสสกรรณ...........ฝูงคนธรรพ์มาชมเชย จะพาไปไกรลาส..................เฝ้าเบื้องบาทพระสยม ดูเทพมาบังคม.....................จับระบำรำผาลา เทพบุตรตีวงซ้าย..................สาวสวรรค์ย้ายมาฝ่ายขวา แทรกเปลี่ยนเวียนไปมา.........กรคว้าไขว่ไล่พัลวัน อย่าอาไลยมนุษย์เลย...........ไปชมเชยพิมานสวรรค์ ว่าพลางทางติดพัน................ผันจุมพิตชิดชมนาง   ฯ ที่มา : เว็บไซต์ว่ายเวิ้งวรรณศิลป์ของพี่หมอโมโน http://www.geocities.com/thailiterature/jfk5.htm จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ******************************************************************* รายการอ้างอิงหลัก กําชัย  ทองหล่อ, หลักภาษาไทย , พิมพ์ครั้งที่ ๙,๒๕๓๗. อ้างถึงในเว็บไซต์สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย http://www.thaipoet.org/poemkwab5.html กวีนิพนธ์ของพี่หมอวฤก ในอาศรมชาวโคลง ๓๙ ๏๏๏ ”เก็บแก้วเพรงกาล” ดูแลโดยพี่คัมภีร์โบราณ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W1475516/W1475516.html เว็บไซต์ว่ายเวิ้งวรรณศิลป์ของพี่หมอโมโน http://www.geocities.com/thailiterature/ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 04:40:03 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เออ ไม่มีกติกาอะไรนะครับ ใครใคร่คิดใคร่เขียนอะไรได้ตามสบาย จะเป็นกาพย์ห่อโคลงแบบไหนก็ได้ โคลงเฉยๆก็มะ่ว่ากัน ที่สำคัญมาช่วยเล่นกันเยอะๆนะครับ นี่ผมก็ํ๋ปั่นกระทู้เอาฤกษ์เอาชัยตั้งต้นงานเลยอ่ะ อิอิ อย่่ารอให้กระทู้ลากไปถึงสงกรานต์เด้อ แหะแหะ จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 26 ม.ค. 47 04:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กระดาษขาวแผ่นนี้        ขอเติมสีระบายฝัน เก็บภาพดาวแห่งวัน       มีเธอฉันร่วมฉากงาม กระดาษขาวแผ่นน้อย       คอยฝัน สะบัดปลายพู่กัน              แต่งแต้ม บันทึกภาพตะวัน              แรกส่อง มีพี่น้องยิ้มแย้ม               อยู่ใต้สุริยา โปรดชี้แนะด้วยค่ะ ^__^ จากคุณ : ซอมพอแดง - [ 26 ม.ค. 47 10:57:45 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 แก้วกาพย์ห่อโคลงรุ้ง          เก็จกานท์ฟุ้งเฟื่องอาศรม ชื่นเหล็กละมุนชม               ผมชงเหล้าเข้ายินดี แก้ว   แล้วแก้วเล่าเหล้า       กินจัง กราบ  ภริยาขอกะตัง          ซดเหล้า ห่อ     เหี่ยวเมื่อตอนยัง       ไม่ดื่ม โคลง  คว่ำก้นจ้ำเบ้า            กราบแก้วสุราเสมอ จากคุณ : ม. - [ 26 ม.ค. 47 12:43:45 A:203.146.193.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 โห...ท่านเหล็กละมุนข้อมูลเพียบเลยอ่ะ  สมกะเป็นชาวอาศรมฯรุ่นใหม่เจงๆเลย.... ...เฝ้าเวียนมาหา เพราะว่าคิดถึง ยังเพ้อรำพึง คิดถึงเจงเจง... จากคุณ : กรวี - [ 26 ม.ค. 47 14:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับพี่เหล็กละมุนและคุณกรวี ยังหัวค่ำส่งหนึ่งอนุภาคก่อนครับ กรรมดีเป็นเหตุสุข              กรรมชั่วทุกข์เพลิงแผดเผา ละชั่วหมั่นดีเอา                   น้อมเนาธรรมาพาเย็น           ๏กรรมดีเป็นเหตุให้...........สุขใจ กรรมชั่วดั่งเปลวไฟ.........ทุกข์แท้ ละชั่วหมั่นดีใด..................ดีตอบ น้อมนทบทธรรมแม้..........หนึ่งน้อยสงบจินต์ ๚ จากคุณ : น้ำ(โค๊ก) - [ 26 ม.ค. 47 19:14:26 A:203.145.22.131 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอาของเก่ามาฉายซ้ำดีกว่า งานชุดนี้แต่งสมัยมาเล่นที่ ถนนนักเขียนใหม่ๆ                ยามเย็น ๏ เย็นยามสุริยะคล้อย..............อัสดง สาดส่องแสงอ่อนลง.................ลูบไล้ หมู่นกว่อนกลับพง...................ไพรถิ่น บ่งบอกราตรีใกล้.....................ย่างเข้ามาเยือน ๏ สายันห์ตะวันคล้อย................ยามเลื่อนย้อยเหลี่ยมสิงขร ดวงแดงแสงรอนรอน................อ่อนอ่อนนวลเย้ายวนชม แสดสวยสลวยรับ......................แซมสลับกับสีส้ม เรื่อแดงแสงพร่างพรม..............ห่มผืนฟ้าทาสีทอง ท้องน้ำยามแสงฉาย..................เกิดประกายพร่างพรายผ่อง เป็นเก็จเม็ดเรืองรอง................มองอย่างแสงแห่งเพชรพลอย รินรินกลิ่นบุปผา........................หอมซ่านมาตามลมลอย เหมือนกลิ่นของน้องน้อย............ที่คอยคู่อยู่แสนไกล เรื่อยเรื่อยลมเฉื่อยฉิว.................ยอดหญ้าปลิวพลิ้วใสว เป็นระบำกลางแนวไพร...............ยามแกว่งไกวไปตามกัน หายเหนื่อยจากความล้า...............ผ่อนกายาพาใจฝัน สิ้นแสงแห่งตะวัน........................แสงจันทราสร้างราตรี ๏ สงัดเงียบสงบสิ้น......................แสงสี สิ้นสุดแสงสุรีย์............................ส่องหล้า สรรพสิ่งสู่ราตรี............................สู่สงบ โสมสาดแสงส่องฟ้า.....................เสกสร้างกลางคืน ๚ วันนี้สัมนาเหนื่อยจริงๆ พูดปะกิตกับวิทยากรจนเมื่อยมือเลย ฮ่า ฮ่า แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 21:02:51 จากคุณ : จอมยุทธเมรัย - [ 26 ม.ค. 47 21:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ฟังเสียงจำเรียงแก้ว                    กาพย์เพริศแพร้วพะพราวโคลง ดังคีตประณีตโยง                       แสนสวรรค์ประชันพรหม ฟังเสียงเจรียงจรัสแก้ว                  กาพย์โคลง ขับระบับแจ่มจรรโลง                    เพริศพร้อง ดังคีตประณีตโยง                        เยียรบับ สวรรค์สรรพและพรหมซ้อง            แซ่อื้ออึงประชัน ฯ ...................... สวัสดีครับ ทั่นเหล็กละมุน ขอบคุณที่ยกรูปแบบต่าง ๆ มาให้ศึกษา น่าศึกษาจริง ๆ ครับ ป.ล. ๑ สำหรับกระทู้ที่แล้ว ขอแสดงความชื่นชมบทความของทั่นคนรักโคลง ด้วยครับ ป.ล. ๒ ขอบคุณทั่นจอมยุทธฯ สำหรับบทโคลงของทั่นแมวคราว ขอรับ จากคุณ : พิราบเงิน - [ 26 ม.ค. 47 21:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อาวรณ์ก่อนลาจาก..............โอ้จะพรากจากกันแล้ว ไกลห่างดั่งฟังแหว่ว............สิ้นหนาวแล้วแก้วสั่นคลอน ใจหนึ่งอยากจะตาม............อยากทวงถามสัญญาจร ด้วยใจที่อาวรณ์..................อกสะท้อนวอนอย่าไกล อาวรณ์ถึงพี่เจ้า...........................ดวงใจ วันพรุ่งจักจากไป.......................อื่นแล้ว วันคืนยิ่งกลืนใคร........................ให้ห่าง  นาพ่อ เจ็บจักกลายดับแก้ว.....................หากไม่คืนหวล คงหายหากจากลา..................โอ้น้ำตาพาหลั่งไหล คงห่างลาไปไกล....................จักมาไหมใจคนดี คืนค่ำพร่ำบอกน้อง..................ขอจงตรองอย่าหมองศรี ไปแล้วกลับมามี......................โอ้คนดีพี่ใช่ลวง *เชิญชี้แนะค่ะ   แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 22:56:47 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 22:49:39 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 47 22:44:21 จากคุณ : กรวี - [ 26 ม.ค. 47 22:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 +++ ดอกแก้ว+++ ๏ ฤๅแก้วเลือนกลิ่นแก้ว............รารสแล้วแก้วลืมฉม เคยชื่นกลิ่นรื่นรมย์..................แล้วแก้วหน่ายอายแก้มนาง ฯ ๏ ฤๅแก้วเลือนกลิ่นแก้ว............กลายฉม เชยกลิ่นใช่แก้วดม..................ดั่งกี้ เคยชื่นกลิ่นรื่นรมย์..................เลปน์เสพ แก้วหน่ายอายกลิ่นลี้................หลบแก้มแก้วไฉน ฯ ๏ กลีบกรองนวลผ่องเนื้อ..........ผิวผ่องเหลือเอื้อรัญจวน เพียงพิศพ่างชิดชวน................ยวนอยากใกล้ใคร่ครองเคียง ฯ ๏ กลีบกรองนวลผ่องเนื้อ............เพียงนวล ผิวผ่องพารัญจวน......................จิตร้อน เพียงพิศพ่างชิดชวน..................เชยชื่น อยากอยู่คู่ฉะอ้อน.....................ออดน้องประคองเคียง ฯ ๏ ชมแก้วฤๅใช่แก้ว...................เพียงแผ่วแผ้วแก้วกลับเผย แก้วต่างอย่างเรียมเคย..............เชยสุคันธ์ครั้งวันวาน ฯ ๏ ชมแก้วฤๅใช่แก้ว..................กอดเชย เพียงแผ่วดอกแก้วเผย..............ผิดน้อง แก้วต่างอย่างเรียมเคย..............สุคันธ์ชื่น สุคนธ์ใช่นาสิกต้อง...................แต่ครั้งเพรงกาล ฯ ๏ กลิ่นแก้มแช่มชื่นเร้า..............เริงรื่นเฝ้าเคล้าคลอสม แก้วไหนไม่นิยม......................นิยตอย่างนางแก้วเรียม ๚ ๏ กลิ่นแก้มแช่มชื่นเร้า..............เริงรมย์ เรียมอยู่ชูชิดสม......................สู่เจ้า แก้วไหนไม่นิยม.....................นิยตอย่าง แก้วหนึ่งนี้พี่เฝ้า.....................ใฝ่เคล้าครองถนอม ๚ะ ๒๖ มกราคม ๒๕๔๗ ======================================================= สวัสดีครับน้องเหล็กละมุน และสหายอาศรมฯ ช่างเป็นจังหวะที่เหมาะเสียนี่กระไร ที่เมื่อ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา วฤกกลับบ้านศรีสะเกษ เพื่อไปเฝ้าไข้มามี้ ซึ่งต้องเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว ได้ถ่ายรูปดอกไม้ไว้ มี "ดอกแก้ว" และ "ราตรี" เป็นตัวอย่าง หมายใจว่าจะเขียนกาพย์ห่อโคลงเกี่ยวกับดอกไม้ทั้งสอง เหมือนกับที่เขียนกาพย์ห่อโคลงชุด "ช้างกระ" ที่ลงในอาศรมภาค ๘๒ / ๗๖ และช้างแดง ที่ไม่ได้ลงไว้ เพราะกลัวกาพย์ห่อโคลงจะเฝือไป วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดียิ่งที่วฤกจะนำกาพย์กาพย์ห่อโคลงชุด "ดอกแก้ว" มาร่วมกระทู้ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 47 08:07:09 ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : วฤก (วฤก) - [ 26 ม.ค. 47 22:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แง ๆๆ ดอกแก้วไม่มาด้วย ลองลดขนาด file ดูครับ จากคุณ : วฤก - [ 26 ม.ค. 47 23:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โอมเอยจะเอ่ยอ้าง                  ว่าอกร้างเมื่อห่างขวัญ กี่คืนหรือกี่วัน                         จะชื่นชมจะสมปอง โอมเอยเอื้อนเอ่ยอ้าง              โดยนัย คืนวันและวารวัย                     ห่างเจ้า อกร้างเมื่อห่างไกล                  คู่สุข ปลอบปลุกว่าสักเช้า                ชื่นชู้สู่สม ภาพและคำ โดย ..วาวา.. แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 00:58:46 จากคุณ : ..วาวา.. - [ 27 ม.ค. 47 00:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พายพัดยะเยือกกาย...........ดุ จะ หมายสะกดนิ่ง ให้หยุดละเลือนสิ่ง............รตนั้นมลายหาย เมื่อพระพายโบกพริ้ว................ประทะกาย เยี่ยงดั่งว่าจะหมาย.....................สะกดข้า ให้หยุดนิ่งคิดคลาย......................จากรัก ทุกสิ่งที่เคยล้า.................................จักได้มลายหาย วันนี้สะดุ้งตื่นขึ้นช่วงเช้าราวตี 4 ตานั้นดั่งว่ามีแสงประภาสว่างไสว จึ่งได้เร่งเข้ามาเพื่อเบิกตาเบิกหัวใจ ไม่รอช้าทันใดเข้าร่วมขานกานท์กวี จากคุณ : นัวเนียร์แสนซน - [ 27 ม.ค. 47 05:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณซอมพอแดงแต่งได้เพราะมากเลยครับ อ่านแล้วนึกถึงเพลงนี้อะครับ http://jintonix.com/demo.php?id=01 ..หนึ่งฝัน ที่ฉันนั้นมี ใช้คืนวัน ผ่านกับเธอ เพื่ออยู่ดู ตะวันลับฟ้าข้างเคียงกัน อ้อมแขน ฉันพร้อมประคอง เมื่อต้องเดิน ฝ่าหมอกควัน และ (เพียง) รับรู้ว่า หนึ่งจริง ในใจที่มี คือรักเธอ . กระดาษขาวแผ่นน้อย จะค่อยๆแต้มแต่งสี วาดรุ้งคุ้งนที ..ที่เคยนั่งฟังเสียงรัก กระดาษขาวแผ่นนี้ ..แต้มฝัน ระบัดปลายพู่กัน ..นุ่มช้า ร่วมก่อโลกเธอฉัน พิสุทธิ์ ไม่เร่งรุดให้ล้า ..เนิบช้ามั่นคง จากคุณ : mildsteel - [ 27 ม.ค. 47 06:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 25 วันหลังนี้คงต้องรบกวนให้คุณ ม ช่วยชงเหล้าให้หน่อยนะครับ ว่าแต่มะรู้ว่าจะขออนุญาตภรรยาออกมาได้อ๊ะเปล่าอ่ะ อิอิ แก้วกาพย์นิมิตรุ้ง ...สฤษฎ์ฟุ้งสุคันธ์หอม สลายรติตรอม และนอบน้อมต่อเีมียรัก แก้วกาพย์นิมิตรุ้ง ให้เมีย แลกกับเหล้าหรือเบียร์ ก็ได้ กึ่มแล้วไม่มีเพลีย ใดดอก ไม่หลับคร่อกฟ่อกให้ ..แม่ข้องขุ่นเคือง จากคุณ : mildsteel - [ 27 ม.ค. 47 06:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หวัดดีน้ำโค้กนะครับ ขอบคุณสำหรับกระสุนนำร่องครับ คราวหน้านี้ระดมยิงมาหลายๆอนุภาคเลยนะครับ แ้ล้วจะรออ่านนะครับ สัตว์โลกเดินตามกรรม ..ดีชั่วทำจักคืนมา ธรรมะจะรักษา ..ผู้ประพฤติให้สุขเย็น สัตว์โลกย่อมเคลื่อนคล้อย ..ตามกรรม ดีก่อย่อมหนุนนำ ..สุขให้ ความเลวชั่ว:-) ..ระงับเถิด ลูกเอย หาประโยชน์บ่มิได้ กลับให้เจ็บตัว อิอิมะแรงไปนะ  เขียนโคลงนี้พาให้นึกถึงภาษิตประจำ รร. หนึ่งที่บอกทำนอง อย่าทำตนเป็นคนรกโลก อืม  ฟังแล้วจุกดี จากคุณ : mildsteel - [ 27 ม.ค. 47 06:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เออขอทักทายก่อนแล้วเดี๋ยวกลอนตามมาีนะครับ อ่านกลอนกรวีพร้อมดูรูปแ้ล้วเศร้าซึ้งใช่หยอก จากไปแล้วยังงัยก็ต้องกลับมาสิ แต่จะเหมือนเดิมรึเปล่านี้มะรู้นะ อิอิ วันหลังขอแบบโคลงหนึ่งบทสลับกาพย์หนึ่งบทหน่อยดิครับ แต่อารมณ์กลอนนี้แจ๋วดีอยู่แล้วอ่ะ เออพี่จอมยุทธเก่งเหมือนผมเลย พูดทีไรเมื่อยมือทุกที วันหลังว่าจะไปเรียนภาษามือละ  สนใจไหมครับ เออโคลงของพิราบเงินนี้ไฮโซมากเลย ว่าแต่เยียรบ่งเยียรบับ นี้แปลว่าไรหรอครับ ผมเป็นพวกรู้น้อย (แต่พูดมากอ่ะ) อิอิ ดีใจที่เห็นเซียนกาพย์ห่อโคลงอย่างพี่หมอฤกมาครับ ขออนุญาตยกกลอนพี่หมอมาเป็นตัวอย่างตามที่เห็นตอนต้นกระทู้นะครับ เออ ว่าแต่ดอกแก้วกับดอกราตรีนี้เป็นดอกไม้ีที่ผมชอบมากเลย มะต้องสวยหลากสีัสัน แค่ขาวงามอย่างเรียบง่ายก็พอแล้ว และกลิ่นที่จรุงมาในความมืดมิดเีนี่ย ผมว่ามันก่อกระตุ้นความรู้สึกและจินตนาการมากเลย จะรออ่านดอกราตรีต่อนะครับ แปลกนะ บางทีคนเรารอคอยก็เพียงเพื่อรอคอยเ่่ท่านั้นเอง ชอบประโยคนี้มากเลย ผมติดตามงานวาวาอยู่เรื่อยๆนะครับ แต่มะค่อยได้โพสต์อ่ะ กลอนเพราะและรูปก็สวย (กว่ากลอนนิดหน่อย)  อิอิ แซวเล่นนะครับ เห็นบอกเพิ่งไปเชียงขงเีชียงของนี่ครับ มะรู้่ว่าถ้าผมโบกรถไปนี้จะได้รึเปล่าอ่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 06:27:48 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 06:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ทั่นเหล็กละมุน - ๒๗ คำว่า "เยียรบับ"  ศัพท์นี้ เผอิญติดมาจากหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งกำลังอ่านอยู่ คือโคลงพระราชพิธีทวาทศมาศ พระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ อ่านไปติ๊กไป เพราะเห็นว่าแปลกดี กะว่าจะมาเปิดพจนก. แต่ไม่ทันได้เปิด และไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้ พอมาแต่งในอาศรมฯ ศัพท์นี้ก็ผุดขึ้นมา และคิดว่า น่าจะหมายถึง การทำรบับ (ระบับ) แบบแผน ประมาณนี้ และน่าจะพอกล้อมแกล้มได้ และเสียงดี ก็เลยโอเคเบตง นะครับ จริง ๆ แล้ว ไม่รู้ความหมายที่แท้จริง หรอกครับ (พิราบฯมั่ว แหะ ๆ) แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองค้นดูดีกว่า ก็ได้ผลมาดังนี้ ครับ ๑. ค้น :  เยียรบับ คำ :  เยียรบับ /เสียง :  เยีย-ระ-บับ/คำตั้ง :  เยียรบับ/ชนิด :  น. นิยาม :  ผ้าซึ่งทอด้วยทองแล่งกับไหม แต่มีไหมน้อยกว่า, ส้ารบับ ก็ว่า. //คิดว่าอันนี้ไม่น่าเกี่ยวกับโคลงที่แต่ง ๒. ค้น :  เยีย คำ :  เยีย ๒/เสียง :  เยีย/คำตั้ง :  เยีย ๒/ชนิด :  ก./ที่ใช้ :  ถิ่น นิยาม :  ทำ.                                                                            //คิดว่าอันนี้พอได้บ้าง คำ :  เยีย ๔/เสียง :  เยีย/คำตั้ง :  เยีย ๔/ชนิด :  ว. นิยาม :  งามยิ่ง, งามเพริศพริ้ง, เยียรยง.                                       //อันนี้น่าจะช่วยแก้ต่างให้ได้   ๓. ค้น :  ระบับ คำ :  ระบับ/เสียง :  ระ-บับ/คำตั้ง :  ระบับ/ชนิด :  น.                      //อันนี้ก็น่าจะช่วยแก้ต่างให้ได้ นิยาม :  แบบ, ฉบับ. สรุป - พิราบฯใช้ ว่า เยียรบับ (เยียระบับ) ในความหมาย เยีย-งามยิ่ง + ระบับ-แบบ, ฉบับ //รอดตัวไป แหะ ๆ จากคุณ : พิราบเงิน - [ 27 ม.ค. 47 08:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เดินดินกินหญ้าเพื่อ                   ประทังกาย เก็บกรวดหินดินทราย                ต่างเพื่อน ใบไม้ที่เรียงราย                       กลาดเกลื่อน คือบทบันทึกเอื้อน                    ปราชญ์เอื้อโอยทาน เดินดินกินหญ้าหยัด                  กุมกำหัตถ์กรวดหินทราย ใบไม้ที่เรียงราย                       คือบทปราชญ์เอื้อโอยทาน ฯ ป.ล. โคลงไฮโซ แต่คนแต่งไส้โซ แหะ ๆ จากคุณ : พิราบเงิน - [ 27 ม.ค. 47 08:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พายุถะถั่งโถม.....................พรูพรั่งโจมโหมกระหน่ำ เสี้ยนหนามปลิวแตะตำ.......จักขืนค้ำย้ำจุดยืน พายุใหญ่ยากต้าน................หนักหนา หลากเรื่องกระหน่ำมา..........กระแทกซ้ำ หนามแหลมลิ่วปลิวคา.........คอยทิ่ม จักมั่นแม้อาจช้ำ...................ขอย้ำจุดยืน สวัสดีค่ะ คุณเหล็กละมุน  และ ชาวอาศรมฯ ทุกท่าน ขออนุญาตแจมด้วยคนนะคะ   และ...รอฟังคำชี้แนะจากท่านๆด้วยใจจดจ่อค่ะ จากคุณ : มัชฌิมา - [ 27 ม.ค. 47 12:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถึงคุณกรวี อาวรณ์ถึงพี่เจ้า...........................ดวงใจ วันพรุ่งจักจากไป........................อื่นแล้ว วันคืนยิ่งกลืนใคร........................ให้ห่าง  นาพ่อ เจ็บจักกลายดับแก้ว.....................หากไม่คืนหวล ...................................................................... อาวรณ์ถึงน้องเจ้า ถวิลเศร้าทุกค่ำเช้า หวนน้องเมื่อแหงนดาว เมื่อลมหนาวมากรายเยือน อาวรณ์ถึงแ่จ่มเจ้า ..ยอดใจ เช้าค่ำร่ำอาลัย กว่าอ้าง คืนแหงนพริบดาวใส หากจิต หม่นแฮ ลมระบัดเร่งอกว้าง ..หวั่นสะท้านสะทกแสน จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 18:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถึงพี่จอมยุทธครับ เย็นยามสุริยะคล้อย..............อัสดง สาดส่องแสงอ่อนลง.................ลูบไล้ หมู่นกว่อนกลับพง...................ไพรถิ่น บ่งบอกราตรีใกล้.....................ย่างเข้ามาเยือน ๏ สายันห์ตะวันคล้อย................ยามเลื่อนย้อยเหลี่ยมสิงขร ดวงแดงแสงรอนรอน................อ่อนอ่อนนวลเย้ายวนชม อ่านแล้วนึกถึงเพลงนี้อ่ะครับ .......................................................................... สัญญาเมื่อสายัณห์........เพียงสิ้นจันทร์สูรย์สาดแสง ค่ารักราคาแพง.............ก็สิ้นลดถูกลบเลือน สัญญาคราบ่ายคล้อย........เคยฝัน รักจักเนิ่นนิรันดร์..............ชั่วฟ้า เพียงจันทร์อ่อนแสงพลัน...สูรย์ส่อง รักกลับลดไร้ค่า...............โอ่บ้าสิ้นดี จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 18:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณพิราบเงินไส้โซนะครับ (อิอิ) ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเยียรบับนี้หมายถึงอะไรได้บ้างอ่ะ เยียรบับพราวทองไหม.......ทอด้วยใจให้แก้วตา ต่างค่าพี่พรรณนา.............ว่าชื่นรักเจ้าโฉมยง เยียรบับแสงขับเน้น.........วาบพราย มอบแม่ต่างจิตหมาย........มั่นเจ้า ไหมทองแล่งสว่างหลาย...มิเท่า รักพี่แจ่มแสงเร้า.............สว่างเรื้องเรืองเหลือ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 19:30:28 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 18:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอชมดอกแก้วกับพี่หมอวฤกด้วยครับ กลิ่นแก้มไกลกลิ่นแก้ว.............หน้าแม่แผ้วกว่าแก้วนวล ชื่นรักแม่งามสงวน...................อย่าใจด่วนให้ชายชม กลิ่นแก้มไกลกลิ่นแก้ว....หอมยวน หน้าแ่่ม่ยิ่งผ่องนวล.........แจ่มล้ำ ฝากโฉมมณีสงวน..........ถนอมศักดิ์ สตรีเฮย อย่าด่วนให้ชายกล้ำ.......ชิดชื่นรื่นชม ปล. กลิ่นแก้มไกลแก้ว นี้ลอกมาจาก กลิ่นแก้มไกลบัว ในพระลออ่ะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 19:52:04 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 19:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แหะๆ เอาของเก่า มากองไว้ด้วยครับ ... กรายกรายกลีบกลิ่นแก้ว หอมชื่นแผ่วโปรยพระพาย กอกลุ่มคลุมสยาย แต่สงบสยบจริง กลิ่นแก้วแผ่วระรื่น ราวกับยืนใกล้ยอดหญิง แก้วเอย .. ข้าฯพักพิง กลิ่นเจ้าแล้วเพราะห่างนวล กรายกรายกลีบกลิ่นแก้ว ................. โปรยโปรย กระชากใจโอยโอย ........................ อ่อนล้า แก้วเอ๋ย..ข้าฯโรยโรย ..................... แต่ชื่น ฝากกลิ่นแก้วผ่านฟ้า ....................... ผ่านหล้าผ่านฝัน ..นะ ... ... แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 19:04:08 จากคุณ : แงะ.. - [ 27 ม.ค. 47 19:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถึงวาวาครับ ปลอบปลุกว่าสักเช้า                ชื่นชู้สู่สม ......................................................................... ปลอบปลุกว่าสักเช้า.......จะไม่หนาวในอ้อมแขน คือหวังเพื่อทดแทน........ความแร้นแค้นแห่งวันนี้ ปลอบปลุกว่าสักเช้า......อุ่นกาย ในอกอ้อมอุ่นสบาย......โอบป้อง คือหวังเพื่อทอดสาย.....ชีพสืบ เพื่อคืบผ่านวันข้อง........ขัดแร้นแค้นเคือง แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 19:10:33 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 19:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 วันนี้สะดุ้งตื่นขึ้นช่วงเช้าราวตี 4 ตานั้นดั่งว่ามีแสงประภาสว่างไสว จึ่งได้เร่งเข้ามาเพื่อเบิกตาเบิกหัวใจ ไม่รอช้าทันใดเข้าร่วมขานกานท์กวี ตอนแรกนึกว่าพี่นัวเนียร์ครีเอตฉันทลักษณ์ใหม่ กะเรียกว่ากลอนสิบเอ็ด ทางเลือกใหม่แทนกลอนแปด เล็งไปเล็งมา อ๋อ เป็นกาพย์ซ่อนกลบทแบ่งวรรคนี้เอง อิอิ แซวเล่นนะครับ วันนี้สะดุ้งตื่น .ขึ้นช่วงเช้าราวตี 4 ตานั้นดั่งว่ามี .แสงประภาสว่างไสว จึ่งได้เร่งเข้ามา เพื่อเบิกตาเบิกหัวใจ ไม่รอช้าทันใด .เข้าร่วมขานกานท์กวี วันนี้สะดุ้งตื่น ด้วยเมื่อคืนนอบหลับฝัน งูเลื้อยรัดพัลวัน ฉกตรงนั้นกัดตรงนี้ วันนี้สะดุ้งตื่น .. .กลัวงู เลื้อยรัดขบกัดขู่ .. ฟู่ให้ กี่ตัวไม่ทันดู .ให้แน่ ได้แต่หวาดเสียวไส้ ซู่ตั้งชูขน เออผมแต่งมาหลายบทแล้วอ่ะ  บทนี้เลยมึนๆมั่วๆอ่ะ มะว่ากันนะครับ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 19:50:33 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 19:33:59 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 19:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หวัดดีคุณมัชฌิมานะครับ อ่านโคลงมัชฌิมาแล้วให้อารมณ์เดินฝ่าพายุมากเลย มีอะไรมาทิ่มด้วยนี่ยิ่งให้ภาพชัดเข้าไปอีกอ่ะ พายุใหญ่ยากต้าน................หนักหนา หลากเรื่องกระหน่ำมา..........กระแทกซ้ำ หนามแหลมลิ่วปลิวคา.........คอยทิ่ม จักมั่นแม้อาจช้ำ...................ขอย้ำจุดยืน ขอย้ำจุดยืน เอ ผมว่าตรงขอนี่น่าเป็นเสียงเอกนะ  จะลองเปลี่ยนดูก็ได้นะ อาทิเช่น จักมั่นไม่หวั่นช้ำ...................หยัดย้ำจุดยืน หรือ จักมั่นแม้นเจ็บช้ำ...................จักย้ำจุดยืน ลองเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้นะครับ ฟรีสไตล์อ่ะ พายุใหญ่ยากต้าน................หนักหนา พัดว่อนปลิวหลังคา .หลุดแ้ล้ว น้ำล่องท่อนซุงมา .กระแทกอีก ไม่อาจหลบหลีกแคล้ว ...คลาดพ้นอุทกภัย พายุใหญ่ยากต้าน .หลังคาบ้านปลิวหลุดลอย ต้องไปเข้าคิวคอย ขึ้นทะเบียนเป็นคนจน อิอิ ผมแต่งไปเรื่อยแล้วอ่ะ  หวัดดีอีกรอบนะครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 47 02:49:22 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 27 ม.ค. 47 19:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลมหนาวที่จากลา................พาน้ำตาให้หลั่งไหล เจ็บช้ำระกำใน.....................โอ้คนไกลใยจากจร ลมหนาวพาให้ห้วง-.........................ฤทัย เต็มปรี่ล้นทรวงใน...........................ดับดิ้น ความหวังพังลงไป...........................ไม่กลับ   ใจเปี่ยมรักแท้สิ้น..............................หมดแล้วลมปราณ จากคุณ : กรวี - [ 27 ม.ค. 47 21:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถึงคุณแงะครับ ของเก่าเพราะดีครับ แต่เดี๋ยวจะรอฟังของใหม่ด้วยนะครับ กรายกรายกลีบกลิ่นแก้ว ................. โปรยโปรย กระชากใจโอยโอย ........................ อ่อนล้า แก้วเอ๋ย..ข้าฯโรยโรย ..................... แต่ชื่น ฝากกลิ่นแก้วผ่านฟ้า ....................... ผ่านหล้าผ่านฝัน ..นะ กระชากใจโอยโอย .พี่ไห้โหยแม่ไม่ยิน น้ำตาหยดรินริน เมื่อแม่สิ้นสวาทลา กระชากใจเจ็บร้อง โอยโอย แม่ไม่ยินไห้โหย ยิ่งเศร้า น้ำตาหยดรินโรย ร่วงร่วง ครายอดดวงมณีเจ้า .เร่งเร้าเลิกรา .. .. มาแล้วโคลงหนึ่งบทกาพย์หนึ่งบทโดยกรวี อ่านแล้วเศร้าๆซึ้งๆจัง เขียนมาอีกนะครับ จะรออ่านนะ :) ลมหนาวพัดผ่านแล้ว ..เสียงนกแจ้วแว่วขับขาน ไม้ผลิสะพรั่งบาน .ให้ใจชื่นรื่นภิรมย์ ลมหนาวพัดผ่านแล้ว .วิหคเหิร จิบๆเจื้อยแจ้วเพลิน สุขแท้ ไม้เริ่มผลิใบเอิน ..หยอกกลีบ ดอกนา ชื่นสุขจับจิตแล้ ก่อยิ้มเบิกบาน .. เออ พี่รสากับน้องศาลาหายไปไหนอ่ะ รออ่านหัวข้อธรรมในคำกลอนประกอบโลโกดอกบัวอยู่นะครับ อิอิ พี่นิรนามก็มะเห็นมาให้ความรู้น้องๆเลย ฮือๆ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 47 00:06:50 จากคุณ : เหล็กว่างมาก (mildsteel) - [ 28 ม.ค. 47 02:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 41 หอบฝันมาจากฟ้า       หอบดารามาประดับ ดวงตาเฝ้าซึมซับ        ประทับไว้ในดวงใจ หอบฝันมาจากฟ้า        แสนไกล หอบรักมาห่มใจ          แด่น้อง หอบดาวที่สดใส         ประกายส่อง ประดับเต็มหอห้อง       ดั่งได้เดินสวรรค์ จากคุณ : ซอมพอแดง - [ 28 ม.ค. 47 08:57:22 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 หิมะโปรยนอกห้อง .ฟ่องลอย เห็นแม่มณีกลอย .วิ่งเล่น แพรขาวห่มพื้นพลอย .จารบาท หิมะ่ร่วงก็เลือนเร้น ..หมดแล้วร่องรอย หิมะโปรยนอกห้อง .ขาวนวลฟ่องค่อยล่องลอย ฝันเห็นแม่แก้วกลอย .ออกมาเล่นอยู่ด้วยกัน หิมะขาวล่องลิ่ว ..ค่อยร่วงปลิวแนบพื้นพลัน แพรขาวแผ่แ่่่ผ่นอนันต์....นี่แดนสันต์หรืออาลัย เดินฝ่าฝนหิมะ . นวลนุ่มละเีลียดละไม ฝ่าพรมขาวก้าวไป .เหลือทิ้งไว้แค่ร่องรอย วันไหนหิมะตกนี้มะเป็นอันทำงาน บอกจะออกไปถ่ายรูปเพื่อนฝรั่งมันหัวเราะกันใหญ่เลยอ่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 47 17:24:25 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 28 ม.ค. 47 17:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จะจุดธูปอีกกี่ดอก หรือจะกริ๊งกร๊างมาอีกกี่รอบ ก็มิมีโคลงมาวางจ้า จากคุณ : รสา รสา - [ 28 ม.ค. 47 19:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับทุกท่าน....โคลงเป็นสื่อรักณ.สถานแห่งนี้ ขอบคุณทั่นพี่เหล็กละมุมมากที่เป็นเจ้าบ้านอันอบอุ่น ๑ ๏เพียรเอาคำกาพย์กล่อม            ห่อโคลงล้อมรักสดใส กี่ยามกี่โมงใย                           มิรู้ได้แสนรวดเร็ว ๚ ๏เพียรเอาคำกาพย์ล้อม             ห่อโคลง ใจผ่านกี่ยามโมง                      สุขได้ เรียงเร้าร่ายร่ำโรง                    ระเรื่อย บางบ่รับคำไซร้                       ใฝ่ย้ำจนเย็น ๚ ๒ ๏ตะวันแดงดิ่งน้ำ                      ยามเย็นค่ำเธอและฉัน นั่งสนทนากัน                          คำจำนรรจ์สุขหัวใจ ๏ตะวันแดงดื่มน้ำ                     ยามเย็น กลางสระสาดแดงเป็น               ฉากพร้อง พักแพร้วแผ่วใจเพ็ญ                 ลงนั่ง  เพื่อนเฮย คำพูดคำจาส้อง                       สนุกไซร้ให้กัน  ๚ ๓                                                     ๏ตะวันดั่นแหล่งหล้า                สุดแผ่นฟ้าอ่อนล้าแสง คล้อยบ่งคงแสดแดง                หลับโรยแรงดับสู่ดิน ๏ตะวันดั่นแหล่งหล้า                โรยแรง คล้อยบ่งคงแสดแดง                ดับด้าว เหล่าสิงห์สัตว์จัดแจง                คืนถิ่น กายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยร้าว          หลับแล้วลืมวัน ๚ จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 28 ม.ค. 47 20:28:52 A:203.145.22.235 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 ปลูกรักเดียว ๏อาทิตย์จางจากหล้า                หัวใจข้าหม่นหมองเหงา อัสดงดั่งคลุมเงา                     พี่ใฝ่เฝ้ากลับคืนเคียง ๏อาทิตย์จางจากหล้า           อัสดงแผ่ว ใจค่ำหม่นหมองแวว             ห่างเจ้า รอฟ้ารุ่งสางแล้ว                 มุ่งสู่ แม่นา คอยค่อยคลาอยู่เย้า            ร่วมห้องหอเคียง....๚ ๏คลารุ่งสางไก่แก้ว             ขันใส หอมอุ่นข้าวกลุ่นไอ             กลิ่นคลุ้ง ฟ้าวันใหม่อำไพ                  อิ่มอาบ   กระฉับกระเฉงฟุ้ง               ตื่นเต้นอรุณเยือน....๚ ๏หวังปลูกรักปลูกไว้           รักเดียว ฟ้ามืดฟ้าหม่นเทียว             หม่นเกล้า นานวันมากแล้วเชียว          ไป่สุข ปลูกรักเรรวนเคล้า             อย่าสู้ปลูกเลย....๚ จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 28 ม.ค. 47 22:48:07 A:203.145.22.235 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 อืมไ่ม่รู้สิ ยิ่งอ่านงานของซอมพอแดงยิ่งรู้สึกว่าเพราะมากๆเลย หอบรักมาห่มฟ้า .มาแต้มทาเป็นสายรุ้ง หอบรักหอมจรุง ..มาร่ำฟุ้งอบกายเธอ หอบรักมาห่มฟ้า ....ให้ใส มาวาดรุ้งไสว . ..แต่งแต้ม หอบหอมรักจากไกล .แดนถิ่น มาประทินแม่แช่ม ให้ชื่นรื่นหอม จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 28 ม.ค. 47 23:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จะจุดธูปอีกกี่ดอก หรือจะกริ๊งกร๊างมาอีกกี่รอบ ก็มิมีโคลงมาวางจ้า รสา รสา ................................................................... แง่ะ จ๋อยเลย พี่รสาแวะมาคุยก็ได้นะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมแต่งให้ดูก่อน แล้วค่อยๆลองแต่งดูนะครับ จุดธูปกี่ดอกแล้ว .บูชา พระพุทธธรรมสังฆา ..รัตน์พึ่ง มิเท่าปฏิับัติภาวนา .ครองสติ รู้เท่าจิตหลงขึ้ง ..โลภแล้วสงบเย็น จุดธูปกี่ดอกแล้ว ..... ใช่จักแคล้วปลอดทุกข์เข็ญ เอกมรรคแห่งความเย็น ..คือเพียรฝึกสติเอย ปล. เอกมรรค = เอกมรรโค นี้เป็นคำในตอนเปิดนำของมหาสติปัฏฐานสูตร (?) ที่มีบทเกริ่นทำนองว่า นี้เป็นทางไปอันเอก (เอกมคฺโค) เพื่อความบริสุทธิ์พิเศษแห่งสัตว์ทั้งหลาย .. แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 47 23:29:21 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 28 ม.ค. 47 23:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณน้ำโค้กนะครับ ว่าแต่ โห ระดมมาเป็นชุด คนตอบนี้้อ้วกได้นะเนี่ย ฝีมือโคลงน้ำโค้กนี้เี่ยี่ยมมากเลยครับ เขียนมาให้ชมบ่อยๆนะครับ เพียรจารกานท์กาพย์กล่อม ร่ำโคลงน้อมสุนทรเรียง แทนค่ารักแต่เพียง จากใจน้อยของคนไกล เพียรจารกาพย์เห่ข้าม .ฟ้าไกล โคลงร่ำ่่คำห่วงใย .แต่พี่ ใจเล็กแต่รักไสว ใหญ่ยิ่ง รักแต่กาลก่อนกี้ .ตราบนี้คงเดิม ไต่ถามทุกข์สุขโศก วอนลมโกรกโศกจากไป ถามถึงยิ้มละไม .ยังแย้มใสใช่ไหมเธอ ไต่ถามทุกข์สุขแม่ ..เป็นไฉน วานพระพายพัดไกล ..โศกลี้ แย้มยิ้มแม่คงใส รึเปล่า มีเรื่องราวร้อนนี้ บอกพี่จะฟัง ไต่ถามถึงดวงใจ .ยังเก็บไ้ว้ไหมยอดเกลอ หรือว่าแม่พลั้งเผลอ หยิบยื่นให้ใครไปแล้ว ไต่ถามถึงจิตเจ้า เป็นจะใด ยังเก็บไว้ใช่ไหม รักพี่ หรือเจ้าเหวี่ยงขว้างไป ...เสียหมด แล้วเฮย แลยกใจเจ้านี้ .. ..แด่แกล้วชายไหน ไม่ถามมากเกินไป .ขอแค่ให้เธอปลอดแคล้ว ทุกข์โศกใดอย่าแผ้ว .เชื่อรักพี่จักคุ้มเธอ ไม่ถามมากให้แม่ ขุ่นเคือง เชื่อรักจักแผ่เรือง ปกเ้้่้จ้า กรานพระประทานประเทือง .ใจแม่ นะแม่ และไม่นานจะกลับเฝ้า ..กล่อมเจ้าเช่นเคย แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 47 00:03:10 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 28 ม.ค. 47 23:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จุดธูปกี่ดอกแล้ว..............คงคลาดแคล้วเขียนโคลงขำ งานการสุมย่ำค่ำ...............ยากดื่มด่ำกับคำโคลง ขอโทษนะ งานเยอะจริง ๆ จ้า จากคุณ : รสา รสา - [ 29 ม.ค. 47 07:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ...หงษ์แดงแรงร่อนฟ้า................โฉบเฉี่ยวมาฝ่าแรงลม ลืมทุกข์แสนสุขสม......................เพลิดเพลินชมรื่นรมย์ใจ ฯ ...หงษ์แดงแรงร่อนฟ้า................งามสม โฉบเฉี่ยวฝ่าแรงลม.....................สง่าแท้ แสนสุขปราศทุกข์ตรม................สบายปีก-  บินแฮ คงเพลิดเพลินยิ่งแล้................... เพรียกฟ้าผ่าฝน   ฯ ...โรคหวัดอาจเล่นงาน...............หงษ์ห้าวหาญพลันร่วงไป สิ้นฝันอันอำไพ............................เพราะพิษไข้ ฯ หมายชีพหงษ์ ฯ ....โรคหวัด ฯ อาจแพร่เชื้อ...........กระจายไป หงษ์แกร่งกล้าเพียงใด.................ด่าวดิ้น เคยมุ่งมั่นบินไกล.........................นภากาศ ดินกลบทบถมสิ้น-........................ชื่อชั้นสกุลหงษ์ ฯ จากคุณ : จังงัง - [ 29 ม.ค. 47 15:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คนึงระลึกฝัน...............มะลิวัลย์กำจายฟุ้ง ละเมอสะดุ้งผลุง..........ฮะฮะเช้ยจมูกคัน ทุกคืนระลึกเฝ้า.................เพ้อฝัน กรุ่นกลิ่นมะลิวัลย์.............เฟื่องฟุ้ง จมูกสุดแสบคัน................ยิบยิบ ฮะฮัดเช้ยลุกสะดุ้ง.............เพราะแพ้กลิ่นหอม แง้ว แง้ว ไม่มีอะไรทำ เล่นหลุดซะเยยย 55555 จากคุณ : นัวเนียร์แสนซน - [ 29 ม.ค. 47 17:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ค่ำคืนระลึกเฝ้า.......................อุระเร้าคะนึงนวล หทัยสิคร่ำครวญ...................ตะละแม่ ณ แดนไกล ยามนี้มิอาจหลับ...................สุริลับผวาใจ คืนวันจะผ่านไป...................จะมิกลับประหนึ่งนาง ค่ำคืนระลึกเฝ้า.......................ถึงนวล ในอกพี่คร่ำครวญ..................แต่น้อง อยากโอบกอดให้หวล.............คืนกลับ โฉมแม่มิคิดคล้อง.....................รักให้ดั่งเดิม ดวงอาทิตย์ได้ลับ.......................ลาไป ชวนพี่ผวาใจ..............................ยิ่งแล้ วันคืนผ่านเลยไกล......................มิกลับ เจ้าคิดให้พี่แพ้.............................อยู่เหย้าเดียวดาย จากคุณ : นัวเนียร์แสนซน - [ 29 ม.ค. 47 17:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 พี่นัวเนียผมก็น้ำมูกไหลนะครับ  อิอิ ๑จักจามได้บ่อยๆ............ฮะเช้ยย้อยน้ำมูกไหล แพ้นางแพ้หมดใจ........น้ำตาไร้อาบสองแก้ม จักจามบ่อยๆนี้...............จมูกคัน ฮะฮะเช้ยทั้งวัน...............ทู่ซี้ ตื้อนางน่านวลจันทร์......รักพี่   หน่อยนา แพ้พ่ายพรางหลี่กลี้.........พ่นพี้ยาดม เดี๋ยวพี่อย่าลืมทานยาแก้แพ้หนึ่งเม็ดก่อนนอนนะครับ จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 29 ม.ค. 47 19:46:04 A:203.145.23.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 ช่วยจุดธูปด้วยนะครับ ๒จุดธูปกี่ดอกแล้ว..............ประมาณแววว่าสามสิบ แคล้วเขียนโคลงขำจิบ......น้ำชาชิมดื่มด่ำโคลง งานการสุมค่ำครั้น............ขยันขยัน ดื่มด่ำกับคำฉันท์...............สักน้อย จะจุดธูปจำนรรณ์..............ทวยเทพ งานพี่รสาสร้อย..................เสร็จร้อยเร็วไว  ฯ งานหนักอย่าหักโหมมากเกินนะครับ จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 29 ม.ค. 47 20:00:51 A:203.145.23.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่ทราบว่าน้ำโค๊ก สังเกตหรือเปล่า บทกวีของพี่ มิใช่กาพย์ แต่เป็นฉันท์ ชนิด อินทรวิเชียร์ฉันท์ นะครับ แล้วนำมาประกอบกับโคลงน่ะ แหะ ๆๆๆ ... ลองแต่งดูหน่อยปะไรนะเจ้า จากคุณ : นัวเนียร์แสนซน - [ 29 ม.ค. 47 21:49:40 A:203.155.221.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 อ๋อครับอินทรวิเชียร์ฉันท์พี่นัวเนีย......เดี๋ยวเอาใหม่หาดิกก่อนนะครับ อันนี้แจมของน้องซอมพลอ หอบข้าวหอบของหนัก......จนเหงื่อพลั่กย้อยหยดไหล ดวงตาถลนแสนจนใจ .ใครก็ได้ช่วยผมที หอบข้าวของหนักแท้ ....แม่คุณ เหงื่อพลั่กพลากไหลรุน .หยดย้อย ช่วยสักหน่อยแม่คุณ . .บุญใหญ่ เกิดชาติไหนไหนพร้อย .พักตร์พริ้งผ่องเพ็ญ แต่ผมตกเขียนไทยนะครับสะกดผิดประจำจนพี่คัมภีร์ ชมแล้ว จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 29 ม.ค. 47 22:05:47 A:203.145.23.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 ฝากฝันให้เธอเก็บไว้ .......................ณ  ที่ดวงใจ อย่าทิ้งไปนะคนดี เวลาทุกวินาที.....................................ฉันเธอจะมี แต่ความสุขทุกข์จางหาย ความรักนี้ไม่เสื่อมคลาย....................แม้ชีพจะวาย จะรักเธอตลอดไป โอ้เอยโอ้ยอดดวงใจ.........................จงอย่าหวั่นไหว ในรักสองเรานั้นเลย กลอนนี้ท่านใดแต่....................ใดมา? ชายหนึ่งนามจันทรา.................แต่งให้ ทำชอบสิ่งใดมา........................วานบอก? มีซึ่งหนึ่งรักไซร้..........................จึ่งได้มายล ซาบซึ้งหนึ่งคำใน.....................โอ้ดวงใจให้ไหลหลง ไม่อาจจะปลดปลง....................ตรงดวงจิตไม่คิดลืม *นึกว่าตกไทยอยู่คนเดียว  โห.....นำโค๊กตกไทยเหมือนเพ่เรยยยยยยยยยยยยยยย   แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 15:00:30 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 47 22:17:10 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 47 22:13:12 จากคุณ : กรวี - [ 29 ม.ค. 47 22:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 58 มะเป็นไรคับ แค่เห็นชื่อพี่รสามาก็ดีใจแล้ว จุดธูปหอมกลิ่นฟุ้ง ควันลอย อบร่ำห้องพระพลอย จิตนิ่ง หายใจออกเข้าคอย .รู้ทั่ว พร้อมเฮย สงบดื่มด่ำพริ้ง .... .ฤ อาจเือื้อนพรรณนา จุดธูปหอมกลิ่นฟุ้ง อวลจรุงอบห้องพระ กลับสู่ลมปาณะ ....จึงตระหนักความสุขเย็น แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 17:19:58 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 47 23:13:43 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 29 ม.ค. 47 22:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 59 หวัดดีครับคุณจังงัง (ลูกลิงใช่มะ ? :)) เห็นหงษ์แล้วนึกถึงปีศาจอ่ะ ปีศาจแดงแผลงฤทธิ์ .ร่ายเวทย์มิดปิดทวาร หงษ์ไม่อาจร่อนผ่าน ...คงจ่ายอานแล้วงานนี้ ผีแดงแผลงฤทธิ์ป้อง ..ปิดทวาร หงษ์พุ่งเข้าเร็วปาน .แปลบฟ้า มิอาจผ่านอ่วมอาน ..จ่ายหนัก แน่กรู ขอแค่ครึ่งลูกถ้า หวดแล้วมีเฮ  อิอิ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 17:08:22 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 29 ม.ค. 47 22:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เออ นิดนึงครับ ตอนนี้เมืองไทยคงดังไปทั่วโลกแล้ว เห็นนายกออกทีีวีมาถึงที่นี่ นึกว่า AIS ถ่ายทอดสัญญาณนายกพบประชาชนถึงต่างแดน ทีไหนได้ทีวีเขาไปทำสกู๊ปไก่มรณะมาออกข่าวตอนไพรม์ไทม์เลย งามหน้าจริงๆ (มะได้ปากจัดนะครับ) จากคุณ : mildsteel - [ 29 ม.ค. 47 22:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โห พี่นัวเนียร์ร่ายฉันท์มาเลย  ไฮโซจริงๆ (เหมือนพี่ราบเงินเลย อิอิ) ขอลอก format ฉันท์พี่มาลองแต่งหน่อยนะ ว่าแต่พี่พอมีผังฉันทลักษณ์รึเปล่าครับ อาวรณ์หทัยศัลย์ มนะมั่นก็วาบไหว ยามแก้วกระจายไกล อุระไห้เพราะหวนนวล อาวรณ์มนัสเศร้า ..โศกแสน คราสุคันธ์ห่มแดน กระอบหล้า แก้วกลิ่นกระจายแพน ให้เตลิด มนัสนา โอ๋สลดกว่าอ้า ..เ่อ่ยถ้อยร้อยครวญ จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 29 ม.ค. 47 22:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เออเห็นน้ำโค้กช่วยจุดธูป ที่บอกสามสิบนี้จำนวนธูปหรืออายุคนที่จุดเรียกใ้ห้มาอ่ะ อิอิ ขอพักเหนื่อยมะแต่งโคลงหน่อยนะครับ น้ำโค้กกับคุณกรวีนี้แรงดีจริงๆ มีเท่าไหร่นี้ส่งมาให้หมดเลยนะครับ (แต่เจ้าของบ้านขอแว้บไปสลบนิดนึงนะ อิอิ) จากคุณ : mildsteel - [ 29 ม.ค. 47 22:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 63 +++ ราตรี +++ ๏เห็นดาวดาดาษห้อม................แห่จันทร์ชอมย้อมหยาดโสม เหมวรรณผ่องพรรณโลม............โกรมก่องกล้าอ่าอำไพ ฯ ๏ เห็นดาวดาดาษห้อม...............แห่โสม ให้ส่องแสงบรรโลม..................แหล่งหล้า เหมวรรณผ่องพรรณโกรม..........เกลื้อเกลือก.........กันฤๅ แรอร่ามอุไรกล้า......................ก่องพื้นไผท ฯ ๏ ราตรีนี้แต่งแต้ม....................งามแอร่มแจ่มจันทร์ฉาย จนสางสร่างแสงพราย...............หายเหือดไกลให้เกรียมกรม ฯ ๏ ราตรีนี้แต่งด้วย.....................เดือนหงาย งามแอร่มแจ่มจันทร์ฉาย............ฉาบพื้น จนสางสร่างแสงพราย...............พรอดแผ่น........ภพนา มาดับดาลศัพท์สะอื้น................สะอึกโอ้อกตรม ฯ ๏ ชมกลิ่นประทิ่นช้อย...............ชื่นฉมลอยค่อยชวยลม ราตรีพี่ได้ดม...........................ฉมเฉกปรางฤๅต่างกัน ฯ ๏ ชมกลิ่นประทิ่นช้อย...............ชวยลม หอมชื่นชวนดอมดม..................ดอกไม้   ราตรีพี่เชยชม..........................ชื่นกลิ่น เช่นกับปรางร่วมไล้...................เลปน์ด้วยอวยฉม ฯ ๏ ราตรีฤๅแต่งแกล้ง..................กลิ่นแสวงสวาทโหย ให้หมายจิตชื่นโชย...................โรยรื่นกลิ่นหาสิ้นชม ๚ ๏ ราตรีฤๅแต่งแกล้ง.................กลิ่นโปรย ปรุงประทิ่นถวิลโหย.................หัตถ์คว้า ให้หมายจิตชื่นโชย..................ฉมกรุ่น เชยกลิ่นกัลป์กลบหล้า..............เลิกร้างฤๅไฉน ๚ะ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๗ ============================================ สวัสดีครับสหายอาศรมฯ บรรยากาศอาศรมตอนนี้อบอุ่น เพราะเหล็กละมุน เฝ้าอาศรมฯ ได้เข้มแข็งดีแท้ กาพ้มอาจห่างหายไปอีกครา ... มามี้ไม่สบายอีกแล้ว จากคุณ : วฤก - [ 29 ม.ค. 47 23:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 64 Tan' Mildsteel, Someone might want the Thai stocks down as much as possible.  So they can buy very very cheap stocks before selling it at very high quote. Mr. Mill Style ^_^ จากคุณ : Mr. Mill Style - [ 29 ม.ค. 47 23:12:45 A:128.82.217.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 65 แจมพี่นัวเนียครับอินทร์วิเชียรฉันท์และพี่เหล็กละมุน รุ่งแจ้งสิกลิ่นหอม......................มนะน้อมมโนตาม ดอกพราวผลิงดงาม...................มะลิหอมติดฤดี ตักบาตรพระทำบุญ....................อุทิคุณอรุณศรี กลมแก้มปะแป้งที......................สุขะมั่นจะจับจินต์ รุ่งแจ้งกลุ่นกลิ่นเกล้า..................กล่อมไป มะลิผลิหอมอบไอ......................ติดเนื้อ สุขกายสบายใจ.........................กระไรนี่ ตั้งจิตตั้งใจเชื้อ...........................เช่นไม้ดอกงาม ปะแป้งแต่งหน้านี้......................ขาวนวล ตระเตรียมตักบาตรรอวล.............กลิ่นข้าว ถวายแด่พระสงฆ์ควร..................บุญใหญ่ กุศลมั่นใฝ่ใจน้าว.......................นทน้อมในจินต์ เขียนแบบไม่มีความรู้เลยครับใช้โคลนนิ่งเอา ผิดพลาดสิ่งใดขออภัยด้วยครับ จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 29 ม.ค. 47 23:33:59 A:203.145.23.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66                 แมวรำพัน แมวเจ้านั่งเคล้าเคียง....ต่างมองเมียงเวียงเวิ้งกว้าง วาดฝันอันร่วมอ้าง.......เป็นคู่สร้างคู่สมกัน น้องแมวน้อยนั่งเคล้า....คลอกัน สอดส่องมองสีสัน........ระยับกว้าง ต่างเฝ้าต่างพร่ำฝัน.......ตัวใฝ่ เราคู่คือคู่สร้าง............ร่วมสร้างสองเรา + + + + + + + + + + + โอ้กระทู้วิ่งเร็วมากเลย ข้าน้อยตาม บเท่าบทันแล่ว อิ อิ ขอส่งการบ้านท่านเหล็กละมุน เจ้าบ้านผู้ขะหยัน ผู้มีลีลากาพย์โคลงฉันท์พริ้วไหวราวใบไผ่ตัองลม พร้อมฝากใจไปสู่ท่านศาลาไทยด้วย เพราะเรื่องมาจากรูปน่ารัก ๆ ที่ท่านแปะไว้ ในกระทู้ที่แล้ว ๘๓/๘๑ ก็ฝากถามผู้รู้ถึงคำเหล่านี้ด้วยครับ สีสัน สีสรร สีสรรค์ คำไหนกันแน่ที่ควรใช้ หรือใช้ได้หมดแต่ต่างสถานการณ์กัน ขอบคุณครับ                           รมย์ บุริน                         ๒๙ ม.ค. ๔๗ จากคุณ : รบร - [ 30 ม.ค. 47 01:56:17 A:128.82.217.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 67 ...ผีแดงยืนส่งยิ้ม.......................หน้ากรุ้มกริ่มจนซิ้มอาย จับทำน้ำมันพราย...................แล้วเร่ขายคงได้เงิน ฯ ...ผีแดงยืนส่งยิ้ม......................ยวนใจ ถือหอกง้าวหลอกใคร..............ทั่วหน้า มนต์เสกเลขยันต์ใด.................อาจสยบ-  อสูรนอ หมายจับใส่ขวดค้า..................แปะป้ายขายเลย ฯ ..ร่ายกาพย์ห่อโคลงแล้วก็เอาข้าวสารเสกรอบวง ..กันผี(แดง) จากคุณ : จังงัง - [ 30 ม.ค. 47 09:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 68 หอบของไม่หนักเท่า      หอบใจเจ้าสิหนักเหลือ หอบได้ไม่นึกเบื่อ         หากเจ้าเผื่อหัวใจมา หอบของนั่นหนักแท้         พี่ชาย จนไหล่แทบมลาย           ทรุดแล้ว หากรักบ่สลาย                มิเบื่อ ขอหอบรักเจ้าแก้ว           หนักนั้นสู้ตาย ขอหอบรักอีกรอบนะคะ...หอบรักไม่หนักเท่าหอบของ กระมังคะ ท่านน้ำโค๊ก ..อิอิ ท่านเหล็กละมุนละไม ขอบคุณค่ะ ที่บอกว่าโคลงของ ซอมพอฯเพราะ  แหะ ๆ เขินนนนน...ตัวจะลอยแล้ว สวัสดีทุกท่านค่ะ จากคุณ : ซอมพอแดง - [ 30 ม.ค. 47 10:02:59 A:202.129.2.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 69 แหมแหมเจ้าจังงัง............อยากได้ตังค์เลยคิดค้า จักเอาผีแดงมา.........................แปะปิดป้ายแล้วขายเลย โหโหโหดไปแม่.................ความจริงแค่สาปเฉย...เฉย.. ปล่อยไปมันเสบย........................หลอกลวงเย้ยใครต่อใคร เจ้าจังงังจักค้า..............น้ำมัน พรายเอย จะจับผีแดงพลัน...........ข่มไว้ ถ้าคิดอยากเผื่อปัน.......เพื่อนเพื่อน ขายเสร็จแบ่งกันใช้.......จักซึ้งใจจัง(แทงกิ้วค่ะท่านัวเนียร์) ปรยข้าวสารเสกรอบๆจิ  รับรองผี(ดำ)มะมารังควาน5555  มั่วๆอ่ะ  เจ้าของบ้านกลับมากรวีจะโดนเตะอะป่าวนา      ... แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 17:20:55 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 17:10:47 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 15:07:17 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 14:27:30 จากคุณ : กรวี - [ 30 ม.ค. 47 14:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ๏ แก้ว   กรวดบังอาจอ้าง           อัญมณี  งามเวย กาพย์  เถื่อนกลอนถ่อยทวี        ถ่มทิ้ง ห่อ  เปลือกอวดปราชญ์ปรี-       ชาโฉด โคลง  ครอบกะลากลิ้ง               ก่ำแกล้งกวีการ  ๚ ๏ แก้ว   ปราชญ์ปูนเปรียบไท้      ธรณินทร์   เดียวฤๅ กาพย์  ทิพย์กลอนทองริน           ร่ำท้า ห่อ  ผืนโลกรวมดิน                    ฟ้าสู่  สมเอย โคลง  ไพร่ดินเพียงฟ้า                ไพร่ฟ้าเพียงดิน  ๚ มั่วโคลงได้ ๒ บท ห่อกาพย์ไม่ทัน เลยไม่ห่อ เป็นโคลงเปลือยเปล่า ขออภัยท่านพ่อบ้าน mildsteel  ไว้ด้วย ขอลาอาศรมฯไปอีสาน  กลับมาแล้วถ้าหายเงียบไปก็แสดงว่างาน สุมหัว  ปลอดงานเมื่อไรค่อยพบกัน จากคุณ : คัมภีร์โบราณ - [ 30 ม.ค. 47 17:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไก่พ่นพิษหุ้นร่วง ปวงปลาน้อยก็ค่อยตาย ปลาใหญ่จึงเปิดกาย .ซื้อถูกขายได้แพงๆ ไก่พ่นพิษหุ้นดิ่ง ..ลงดิน แผนลึกใครอาจยิน .ทราบได้ ปลาน้อยม่องช้อนกิน .เกลี้ยงหมด ปลาใหญ่เก็บหุ้นไว้ .กะโซ้ยทีหลัง เอ...ชวนคุณ Mill Style ( ลูกพี่ลูกน้องกับ Myle still [mildsteel] ) มาแ่ต่งโคลงดีก่า   ภาษาคาราโอเกะก็ได้นะครับ :) แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 20:28:40 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 19:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เออฟังสำนวนจีนพริ้วไหวของท่านรมย์ มิไยข้าน้อยหวังคิดแปรเปลี่ยนเป็นเซี่ยงเส้าหลง จักได้มีโอกาสภิรมย์แนบอิสตรีในยุคเลียดก๊กได้่อ่ะ อิอิ เจาะเวลากลับครั้ง . ..จิ๋นซี ร้อยหมื่นอิสตรี ปลั่งแท้ หวังเป็นท่านเซี่ยงศรี ฉกรรค์แกร่ง หากมิอาจเจาะกาลแล้ว ..จึ่งร่ำสุราดาย เจาะเวลากลับครั้ง แผ่นดินยังจราจล หากมากสตรีจน หลงคลั่งไคล้ไม่หน่ายเลย เออ ผมบ้าๆบอๆไปแล้วอ่ะ มะว่ากันนะครับ จากคุณ : เหล็กสีกรมจัดกลางหน้า (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 19:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 73 หวัดดีกรวีกับลูกลิงนะครับ เออมีผีดำีแดงเวียนว่ายแถวอาศรมเต็มไปหมด แถมยังมีโปรยข้าวสารเสกอีก ไปโน่น จับผีแดงแปะป้าย .. .ลงขวด ขายส่งไว้ทานวด ...ทั่วหล้า หงษ์ดอดคาบไปอวด .ผองเพื่อน ร่อนเสียบได้แล้วจ้า .....หมดท่าปิดทวาร จับผีแดงแปะป้าย ลงขวดขายทั่วดินแดน หงษ์จึงร่อนรำแพน .ไร้คู่แค้นปิดทวาร เออ ผมมะได้หมกมุ่นอยู่แต่แถวๆทวารนะ อุจาดตายเลย อิอิ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 20:39:39 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 20:15:40 จากคุณ : เหล็กขี้ม้าจัดชิดขวา (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 19:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 74 กลอนน้องซอมพลอน่ารักดีแฮะ  น้ำหนักความรักนี้คงหนักอึ้งน่าดูเลยเ้นาะ หอบรักไหล่หลุดแล้ว เ้ข้าเืฝือก แม่ย่างเยื้องราวเกลือก .กลิ้งได้่ คราวหน้าจะขอเลือก .เบาหน่อย ห้าสิบ up ไม่ใกล้ ..เฉียดแล้วหนักจริง หอบรักไหล่หลุดแล้ว ก็แม่แก้วเอาแต่กิน ไหล่หลุดกายพังพิน .ไว้คราวหน้าขอเบาๆ แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 47 02:36:27 จากคุณ : เหล็กใบตองจัดชิดซ้าย (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 19:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เออ โืทษทีครับ ผิดสี เอาใหม่นะ หอบรักไหล่หลุดแล้ว เ้ข้าเืฝือก แม่ย่างเยื้องราวเกลือก .กลิ้งได้่ คราวหน้าจะขอเลือก .เบาหน่อย ห้าสิบ up ไม่ใกล้ ..เฉียดแล้วหนักจริง หอบรักไหล่หลุดแล้ว ก็แม่แก้วเอาแต่กิน ไหล่หลุดกายพังพิน .ไว้คราวหน้าขอเบาๆ แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 47 02:41:47 จากคุณ : เหล็กใบตองจัดชิดซ้าย (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 19:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 76 แก้วกรวดคราผ่านข้าม โกฏปี ก่อทิพย์พริบพรายมณี ค่าล้ำ โคลงกาพย์ผ่านกาลทวี .ค่าเสื่อม มิอาจเลื่อมหยัดค้ำ ..เมื่อไร้ชนยิน แก้วกรวดคราผ่านข้าม หมื่นโมงยามก็พรายแสง โคลงกล่อมกลับสิ้นแรง .ดับสิ้นแสงเมื่อกาลลา โคลงเปลือยพี่คัมนี่วาบหวิวมากเลย เสียดายถ้าได้อ่านแค่ความคิดเห็นเดียวอ่ะ อิอิ จากคุณ : เขียวใต้น้ำอยู่กลางหน้า (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 19:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 77 หลังจากช่วงเพี้ยนๆแล้วก็ขอพาทุกท่านเข้าสู่โมงยามของความหวามไหวนะครับ อืม ยังติดใจกลอนปลูกรักเดียวของน้ำโค้กอยู่เลย คิดได้ไงเนี่ย สหวีตมากๆ ๏หวังปลูกรักปลูกไว้           รักเดียว ฟ้ามืดฟ้าหม่นเทียว             หม่นเกล้า นานวันมากแล้วเชียว          ไป่สุข ปลูกรักเรรวนเคล้า             อย่าสู้ปลูกเลย....๚ ..................... หวังปลูกรักปลูกไว้ .รักเดียว ป้องปกคราลมเพรียว โกรกใกล้ รดน้ำชื่นเกี่ยวเคียว หญ้าออก บังแดดแผดมิให้ หม่นไหม้โรยหมอง หวังปลูกรักปลูกไว้ ..ถนอมใกล้แค่รักเีดียว ป้องลมแดดเกี่ยวเคียว ถางแพรกหญ้ารินน้ำพรม ปลูกรักจากหน่อน้อย ค่อยงาม แผ่่ร่มลอดแสงหวาม อ่อนนุ่ม เพลินพักภิรมย์ยาม ..เหน็ดเหนื่อย มองเฉื่อยลมผ่านพุ่ม.. .สั่นเต้นระบำใบ ปลูกรักจากหน่อน้อย ..จนค่อยค่อยแผ่ร่มใบ หากปลูกรักรวนใจ อย่าปลูกไว้ให้เหนื่อยเลย . แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 21:26:56 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 19:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ปลูกรัก .. เออได้ยินคำนี้ชวนให้คิดถึงหนังสือเล่มหนึ่งในชื่อดังกล่าว ภายในบรรจุกลอนเปล่าไว้อันนึง ชอบมากเลย Night is here. The wind and the rain announce the news that spring is coming. Still I sleep alone, my dream not yet realized. Flower petals falling seem to understand my dreams and aspirations. They touch the ground of spring in perfect silence. ราตรีอยุ่นี่แล้ว ...ลมฝนแว่วเจื้อยแจ้วสาร ห้วงยามดอกไม้บาน .ค่อยคืบคลานผ่านมาถึง ข้ายังนอนเดียวดาย ..กี่ฝันพรายล้อมรัดรึง     มิอาจประลุถึง ...ได้แต่ซึ้งรำพึงพัน กลีบดอกไม้เจ้าร่วง ...ดุจรู้ท่วงทำนองฝัน แผ่วสัมผัสพื้นพลัน สุดเงียบงันยามไม้บาน ที่มา : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2025532/W2025532.html เออ .คอนเซ็บต์โคลงที่เขียน มาจากฉากที่เจ้าชายน้อยตัวเล็กๆคอยรดน้ำต้นกุหลาบต้นหนึ่งของเธออ่ะ เจ้าชายน้อย พากย์ภาษาฝรั่งเศส http://galeb.etf.bg.ac.yu/mp/mp/pp.html พากย์ภาษาอังกฤษ http://www.hunsamo.pe.kr/B612/prince/el/0.html พากย์ภาษาภาษาไทย http://thelittleprince.hypermart.net/ และพากย์เหล็กละมุน http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2105851/W2105851.html จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 20:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เจ้าชายน้อย เหล็กละมุน กาลครั้งหนึ่งในดาวเล็กๆดวงดวงหนึ่งที่ห่างไกลออกไป  ในดาวนั้นมีภูเขาไฟเล็กๆสูงแค่เข่าอยู่สามลูก ดับไปแล้วหนึ่งลูกอีกสองลูกยังไม่ดับดี ในดาวนั้นเจ้าชายอาศัยอยู่กับดอกไม้หลายพันธุ์ที่ส่วนใหญ่มีแต่สีเขียว แต่จู่ๆก็มีเมล็ดพันธุ์ดอกกุหลาบตกลงมาที่ดวงดาวนี้ เธอเบ่งบานขึ้นยามรุ่งเช้า และแปรเปลี่ยนดาวดวงนั้นให้สวยงาม เจ้าชายน้อยเป็นเด็กไม่รู้หรอกว่าในจักรวาลมีสิ่งสวยงามมากน้อยเพียงใด เด็กน้อยอยู่เพียงแต่ในดาวดวงนี้และรู้เพียงแต่ว่าดอกกุหลายนั้นสวย แม้ว่ายิ่งคบกันไปนานก็ยิ่งเห็นว่า ดอกกุหลาบเรื่องมากก็ปานนั้น ขี้บ่น ชอบเอาแต่ใจ  ทุกวันๆ เธอจะมาบ่น ปรึกษา ฟุ้งซ่าน ลังเลและเพ้อฝันอะไรต่ออะไรมากมายให้เจ้าชายน้อยฟัง แต่เจ้าชายน้อยก็คงนั่งอยู่ตรงนั้น คอยฟังเธอทุกครั้งด้วยความตั้งใจ ครั้งแรกดอกกุหลาบบ่นว่าหิวข้าว เจ้าชายน้อยก็ไปหาน้ำมารดให้ ต่อมาเธอบ่นว่าร้อน เจ้าชายน้อยก็ไปหาที่กำบังแดดลมมาให้ ต่อมาเธอบ่นว่าหนาว เธอก็หาครอบแก้วมาป้องกันน้ำค้างตอนกลางคืนให้  เจ้าชายน้อยไม่ใช่คนแข็งแรง แต่ก็คอยเอาใจดอกกุหลาบที่เรื่องมากนั้นอยู่เรื่อยมา  เจ้าชายน้อยคิดว่าดอกกุหลาบนั้นถึงจะขี้บ่นแต่เธอก็เป็นดอกไม้ เธอคิดว่าหนามที่ก้านต้นสี่อันของเธอนั้นเป็นเกราะป้องกันเธออย่างดี  ทั้งที่ในความจริงแล้วมันเป็นเกราะที่แสนบอบบาง จะมีแต่มือที่ทะนุถนอมของเจ้าชายน้อยเท่านั้นที่ต้องถูกแทงทุกครั้งที่เข้าใกล้เธอ แม้จะด้วยความรู้สึกที่ดีเพียงใดก็ตาม วันหนึ่ง มีเหตุให้เจ้าชายน้อยต้องออกเดินทางไปจากดาวเล็กๆดวงนั้น  และเจ้าชายน้อยก็เดินทางมาถึงโลก โลกคือดินแดนที่แสนกว้างใหญ่ มีสิ่งแปลกใหม่กว่าโลกเก่าของเจ้าชายน้อยมากมาย  เมื่อเดินไปๆ เจ้าชายน้อยก็พบกับทุ่งดอกกุหลาบที่มีดอกกุหลาบอยู่ห้าพันดอก  เจ้าชายน้อยตกใจเพราะที่ดาวดวงเดิม เจ้าชายน้อยใช้ชีวิตในวันๆอยู่แต่กับดอกกุหลาบดอกเดียว และหลงคิดไปว่าเธอเป็นสิ่งที่สุดพิเศษ ทั้งๆที่จริงแล้ว เธอสุดแสนธรรมดา มีดอกกุหลาบเหมือนเธอตั้งห้าพันดอกบนโลกนี้  บางดอกเบ่งบานสวยงามกว่าเธอด้วยซ้ำ ในฉับพลันเจ้าชายน้อยก็พบสุนัขจิ้งจอกและเล่าเรื่องกุหลาบให้ฟัง สุนัขจิ้งจอกบอกว่าไม่ใช่หรอก ดอกกุหลาบไม่เหมือนกันทั้งหมดหรอก เธอลองกลับไปที่ทุ่งและลองคิดดูอีกทีซิว่ามันเหมือนกันจริงหรือ เจ้าชายน้อยเดินกลับไปที่ทุ่งดอกกุหลาบ  เด็กน้อยนั่งคิดสักพักแล้วก็พูดกับดอกกุหลาบว่า  เธอทั้งหลายดูสวยก็จริงแต่เธอไม่ได้มีความหมายอะไรเลย  เพราะไม่ใช่เธอที่ฉันคอยรดน้ำให้ เพราะไม่ใช้เธอที่ฉันคอยกำบังแดดลม เพราะไม่ใช่เธอที่ฉันหาครอบแก้วมากันน้ำค้าง เพราะไม่ใช่เธอที่ฉันคอยเฝ้าระวังแมลง เพราะไม่ใช่เธอที่ฉันนั่งอยู่ข้างๆคอยรับฟังเธอบ่น เธอฟุ้งซ่าน หรือแม้กระทั่งในยามที่เธอท้อแท้สับสนและไม่อยากพูดอะไรเลยก็ตาม เธอไม่ใช่สิ่งเหล่านี้สำหรับฉันเลย  กุหลาบทั้งหลาย เธอไม่อาจเป็นเหมือนดอกกุหลาบธรรมดาดอกหนึ่งที่ฉันรู้จักบนดาวที่ฉันจากมา ดอกกุหลาบดอกนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน เพราะเธอเป็นดอกไม้เพียงดอกเดียวที่ฉันเฝ้ารดน้ำ กำบังแดดลม หาครอบแก้วกันน้ำค้าง และคอยรับฟังทุกอย่างจากเธอ  แม้ว่าในทางกลับกันฉันอาจไม่เป็นอะไรสำหรับดอกกุหลาบดอกนั้นเลย สุนัขจิ้งจอกแอบอยู่ข้างหลัง เขาได้ยินสิ่งที่เจ้าชายน้อยพูด สุนัขจิ้งจอกจึงเดินออกมาหาเจ้าชายน้อยก่อนที่จะพูดว่า เด็กน้อย ฉันมีความลับจะบอกเธอ มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่ใครๆมักหลงลืม เธอเชื่อฉันไหมว่า เราจะเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจนก็ด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา (On ne voit bien qu’avec le coeur. L’essentiel est invisible pour les yeux. // Man can see things clearly only with the heart. The essential one is invisible to the eyes.) สุนัขจิ้งจอกพูดต่อไปว่า วันเวลาที่เธอให้กับดอกกุหลาบ ทำให้ดอกกุหลาบมีคุณค่าสำหรับเธอ วันเวลาที่ฉันให้กับดอกกุหลาบ เจ้าชายน้อยพูดซ้ำ สิ่งที่เธอสร้างขึ้นกับดอกกุหลาบ คือความสัมพันธ์ และเธอต้องรักษาสิ่งนั้นไว้ตลอดไป ฉันต้องรักษาสิ่งนั้นไว้ตลอดไป ..เจ้าชายน้อยทวนคำพูดอีกครั้งเพื่อจดจำไว้ในใจ เจ้าชายน้อยเดินทางกลับสู่ดาวดวงเดิม  กลับมาหาดอกกุหลาบที่แสนธรรมดาดอกนั้น แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ในวันนี้มีเจ้าชายจากดาวดวงอื่นมาคอยรดน้ำและพูดคุยกับเธอ เจ้าชายน้อย เธออย่าลืมมารดน้ำ ครอบแก้ว และกำบังแดดลมให้ฉันนะ ดอกกุหลาบพูด แล้วก็อย่าลืมมาฟังฉันบ่น บางทีเผื่อฉันอยากได้อะไรจะได้บอกเธอ เธอพูดต่อ เด็กน้อยไร้เดียงสา ที่มีแต่หัวใจซื่อสัตย์ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันรู้ว่าไม่มีใครดีกับฉันเท่าเธอ แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอ ฉันชอบเจ้าชายอื่นไปนานแล้ว ฉันจะให้เธอทำหน้าที่คนรัก แต่ให้เธอมีตำแหน่งเป็นเพื่อนนะ อ่ะ เพื่อนสนิทก็ได้ เจ้าชายน้อยได้แต่ยิ้ม ในใจหวนคิดถึงเรื่องราวบนโลก “ดอกกุหลาบนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน เพราะเธอเป็นดอกไม้เพียงดอกเดียวที่ฉันเฝ้ารดน้ำ กำบังแดดลม หาครอบแก้วกันน้ำค้าง และคอยรับฟังทุกอย่างจากเธอ” “สิ่งที่เธอสร้างขึ้นกับดอกกุหลาบ คือความสัมพันธ์ และเธอต้องรักษาสิ่งนั้นไว้ตลอดไป ฉันต้องรักษาสิ่งนั้นไว้ตลอดไป ..” เจ้าชายน้อยมองไปที่ดอกกุหลาบ หากมิใช่ด้วยสายตา เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นดอกกุหลาบนั้น เขาเข้าใจในนิสัยใจคอ ความนึกคิด ความฝัน ความหวัง และความเป็นตัวตนของเธออย่างกระจ่างชัด เขาเข้าใจและพร้อมที่จะรับรู้ รับฟัง และเป็นเพื่อนที่เข้าใจเธอตลอดไป ฉันจะเป็นอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ เจ้าชายน้อยตอบจากใจจริง เจ้าชายน้อยเกิดและเติบโตในดวงดาวที่ห่างไกล เขาไม่มีอะไรจริงๆ นอกเสียจากความรักและจริงใจที่มีให้ดอกกุหลาบอย่างเรียบๆ สม่ำเสมอเรื่อยมา สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา เจ้าชายน้อยหวังว่าดอกกุหลาบจะเห็นความซื่อสัตย์และจริงใจของเจ้าชายน้อยด้วยหัวใจเธอเองในสักวัน 25 กุมภาพันธ์ 46 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 20:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอแจมโคลงราตรีของพี่หมอในแบบผมนะครับ ต่อแต่นี้ (ราตรีที่จันทร์ยืนเศร้า) ราตรี ..คลี่ภาพโพ้น . ..หนหลัง ที่ ...หนึ่งเคยสรรค์สัง . กับเพื่อน จันทร์...โปรดกลั่นทิพย์ขลัง ..ชุบชีพ ข้าเฮย เศร้า ..หม่นหมองจุ่งเคลื่อน .จากร้างห่างใจ ราตรีคลี่ภาพโพ้น .. .เคยโดดโจนเล่นน้ำใส คราสร้างสะพานใหม่ .. ..ณ แดนไกลทุัักันดาร แบกไม้เหล็กจนเหนื่อย .. .ค่อยนอนเลื้อยเนิบเนิ่นนาน ตื่นแล้วสดชื่นบาน ... .แว่วเีสียงขานอาหารเย็น ข้าวแข็งน้ำแกงจืด .. ..ยิ้มฝืดฝืดทำหน้าเหม็น หากซัดไม่วายเว้น .. ..คดข้าวเย็นสี่ห้าจาน หนักท้องแล้วได้ที่ .. ..ล้อมวงตีหน้าชื่นบาน เพลินขับร้องเพลงขาน .. ..กีตาร์หวานจังหวะเย็น สุราเริ่ิ่มจ่ายแจก . .. .เมาักันแหลกหลับไม่เป็น หากข้าค่อยหลบเร้น .. ..มาทายทักกับพระจันทร์ จันทร์เอ๋ยอย่ายืนเศร้า .. วันนี้เราล้วนสุขสันต์ พรุ่งนี้ช่างหัวมัน . ยิ้มสิจันทร์อย่างนั้นแล กลับผลอยเกลือกแนบพื้น. น้ำตารื้นถึงดวงแข ความสุขไม่นอนแน่ . .พรุ่งนี้อาจสลายเลือน ความหลังครั้งก่อนเก่า คือเรื่องเล่าเฝ้าย้ำเตือน ครั้งหนึ่งหน้าเคยเปื้อน .เปรอะรอยยิ้มกับเพื่อนยา ราตรี ..ครั้งเกลือกพื้น แนบดิน ที่ .ร่ำสุราริน .สุขซ่าน จันทร์ .เจ้าก็ร่วมยิน สนานขับ คีตเฮย เศร้า ..ดับด้วยสะท้าน ..ปากร้องตะเบ็งเพลง เออ ผมเขียนกลอนประกอบเพลงนี้อ่ะครับ http://jintonix.com/demo.php?id=10 เป็นสุดยอดเพลงค่ายสร้างสะพานที่จับใจมาตั้งแต่สมัยเรียนโน่น ไม่รู้ว่าพี่ๆเค้าจะเอามาออกเทปใหม่ ขออนุญาตโปรโมตนิดนึงนะ คือว่ากรี๊ดเพลงนี้มากเลย จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 20:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ๏...ยามพระจันทร์ตระหง่านตระการนภา ณ  รัตติกาลสะคราญผิว่า..............ชม้ายมอง ล้ำพิไลไฉนหทัยสิปอง ประสงค์ศศีฉวีระรอง...................และผ่องพรรณ เด่นวิจิตรสถิตมหรรณพ์กระนั้น ฤ ใจมิควรสิใฝ่สิฝัน.....................ประการใด ด้วยประจักษ์ ณ ชุณหปักข์กระไร เสมือนมโนชสิพิสมัย.....................เสมอมา ๚ ๏...แจ่มจรัสวิลาสวิไลวิภา พิศุทธ์พิเศษพิศาลสง่า...................นิศากาล โอ้พระจันทร์พิจิตรพิสิฐอุทาร วิโรจน์วิลาสินีวิศาล.......................มิคร้านหมาย ดาวพิรามอร่ามกระจัดกระจาย ประจักษ์ประจำกระจ่างประกาย........และฉายแสง ดาวพระจันทร์ตระหง่านนิรันดร์แสดง- ประหนึ่งอนงค์และพี่มิแปลง.............สิเนหา ๚ะ๛ อืมมม ... ตะกี้เห็นแว่บๆ มีการเอาฉันท์ไปห่อโคลง ลูกลิงขอมีหุ้นส่วนหน่อยละกัน แต่ว่าใครจะเอี่ยวด้วยดีหนอ นายเหล็กนิ่มละกัน ..โยนเผือกร้อนๆให้ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 22:30:19 จากคุณ : จังงัง - [ 30 ม.ค. 47 21:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เชื่อหรือไม่?  ใครบางคนอ่านเรื่องเจ้าชายน้อยแล้วร้องไห้.. สงสารความจริงใจ................ที่ให้ไปด้วยใจห่วง เธอกลับคิดคำลวง................ไม่คิดห่วงห้วงใจกัน อยากให้เธอรู้ว่า....................ทุกเวลาใช่พาฝัน หายลับกลับไปพลัน.............ใช่แค่ฝันที่ล่องลอย คำตอบ  คือ  กรวีเองล่ะที่ร้องไห้.... แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 47 00:08:34 จากคุณ : กรวี - [ 30 ม.ค. 47 22:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 83 . ไอ้เรื่องฉันท์ห่อโคลงเนี่ย พี่นัวเนียร์แกต้นคิดนะ ให้แกมาเล่นดีก่า ผมมะสามารถอ่ะ อิอิ เหล็กนิ่มมิกล้ามั่ว ..นระนัวจะเีนียร์แทน ร่ำโคลง ฤ พอแค่น เพราะบ่แม้นพิไลฉันท์ เหล็กนิ่มเพียงพริ้มแค่น ..คำโคลง นระนัวเนียร์จะโยง .พจน์ให้ จารฉันท์ประเจิดขโมง .ฟุ้งครุ ลหุเฮย เหล็กละมุนจะลุ้นให้ .ประสิทธิ์ถ้อยวิไลเรียง โอ้อรุณรตีประภัสสรา มนัสก็สั่นก็หวั่นก็ว้า ..อุราตรม พิศนวลเสน่ห์ละลานภิรมย์ ก็เร่งฤดีเทวษะตรม ..ก็ปานนั้น กรานอมรสฤษฏ์ลิขิตสวรรค์ ประทานพิสุทธิเทพิฉัน ..ถวัลย์ปอง แลดนูจะคู่จะเคียงจะครอง จะปกจะป้องถนอมตระกอง ..ณ ชั่วกาล เออ ลูกลิงส่งฉันท์ห่อโคลงมาเรื่อยๆนะ เดี๋ยวพี่นัวเนียร์แกจะมาเล่นด้วย อิอิ เออผมเชื่อกรวีนะ แบบว่าซึ้งอ่ะ เจ้าชายน้อยซึ้งโคตร .รับประกัน หาอ่านได้เพียงพลัน ..กดเครื่อง เรื่องราวเด็กน้อยผัน ..เที่ยวท่อง ดาวเฮย ค่อยตรึกเรียนหลากเรื่อง ..กระทั่งค่ารักงาม เจ้าชายน้อยซึ้งโคตร ..แม้เริ่มโหดแต่จบงาม คลิ๊กลิ้งค์แล้วอ่านตาม จะเห็นความงามเศร้าเจือ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 47 23:32:50 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 30 ม.ค. 47 22:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขื่นขมขมขื่นบ้าง................เป็นไร ชีวิตและจิตใจ....................ข้านี้ รู้รสชาดหนึ่งใน..................ความรัก ความเจ็บความปวดชี้...........บอกให้เข้าใจ ไม่มีกาพย์ ไม่มีฉันท์ มีแต่โคลง ปวดหัว... จากคุณ : นัวเนียร์แสนซน - [ 30 ม.ค. 47 23:22:27 A:203.155.221.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 ...แสงจันทร์อันผ่องฟ้า..........คงเจิดจ้ากว่ามวลดาว ลอยเด่นเห็นแพรวพราว.........แต่งห้วงหาวคราวราตรี ฯ ...แสงโสมนวลแจ่มฟ้า...........พรรณราย งามกว่ามวลดาวพราย............ร่ายล้อม มั่นคงบ่งความหมาย..............จันทร์กระจ่าง ส่องสว่างกลางคืนพร้อม-........แต่งฟ้านิรันดร ฯ จากคุณ : จังงัง - [ 31 ม.ค. 47 00:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 86 #71 ไก่พ่นพิษหุ้นร่วง ปวงปลาน้อยก็ค่อยตาย ปลาใหญ่จึงเปิดกาย .ซื้อถูกขายได้แพงๆ ไก่พ่นพิษหุ้นดิ่ง ..ลงดิน แผนลึกใครอาจยิน .ทราบได้ ปลาน้อยม่องช้อนกิน .เกลี้ยงหมด ปลาใหญ่เก็บหุ้นไว้ .กะโซ้ยทีหลัง เอ...ชวนคุณ Mill Style ( ลูกพี่ลูกน้องกับ Myle still [mildsteel] ) มาแ่ต่งโคลงดีก่า   ภาษาคาราโอเกะก็ได้นะครับ :) Dai" ley tan' mildsteel ^_^ ร รักหุ้นตุนเรด้าร์     ล่าหาปลาใหญ่อยู่ไหน น้ำอุ่นอยู่หนใด        พายุร้ายอยู่ไหนเอย   เล่นหุ้นรีบเร่งรู้         ให้ดี   ปลาใหญ่สู้หรือหนี     ร รู้   เย็นอุ่นตรวจท่าที      ปลาว่าย สู่แฮ   พายุร้ายเราบสู้         เพราะรู้หลีกเอย                              Mill Style จากคุณ : Mr. Mill Style - [ 31 ม.ค. 47 00:15:21 A:128.82.217.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 87 มากล่าวราตรีสวัสดีทั่นพี่เหล็กละมุมและทุกท่านด้วยนะครับ ๏โคลงในคืนค่ำงาม               ยลเย็นยามคำคร่ำครวญ เทอกออกรัญจวน                 แจ่มจันทร์เพ็ญในใจเรา ๏แก้ว มณีนพเก้า                  น้ำงาม แก้ว เก็บแวววับวาม               ไป่รู้ แก้ว ร้อยเช่นสร้อยยาม           สวมใส่ แก้ว  จึ่งมากคุณสู้                 สิ่งสร้างสรรค์มา ๚ ๏กาบ กล้วยกล้วยกาบใกล้      กล้วยกอ กาบ บ่มีบ่มีตอ                      ต่อกล้วย กาบ เหลือเอามารอ               ลองห่อ กาบ เก็บทำเชือกด้วย             ดั่งรู้มานาน  ๚ ๏ห่อ หุ่มรุมห่อไว้                   รวมกัน ห่อ รักสมานฉันท์                  ห่มเฝ้า ห่อ นวลหล่อหลอมจันทร์         มาฝาก ห่อ หลากล้นฝันเร้า               ระลึกแล้วรักรวม ๚ ๏โคลงเคลงคำคลับคล้าย        เรือโคลง แจวจ่าจ่ำเรือโยง                   คว่ำแล้ว เริ่มแล่นบ่ไหลโลม                เร็วลิ่ว ผิดจากแบบไป่แคล้ว             ไป่แล้เรือลอย ๚ ปล. พี่นัวเนีย....อย่าลืมทานกาพย์แล้วจิบโคลงแก้ปวดหัวด้วยนะครับ ผมยังเขียนผิดพลาดอยู่อีกมากก็ขออภัยทุกท่านด้วยครับ จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 31 ม.ค. 47 00:18:37 A:203.145.23.67 X: ]

ความคิดเห็นที่ 89 แก้ว......หน้าม้าคู่ไท้...................ปิ่นทอง กาพย์....นิทานคติครอง...............คู่แท้ ห่อ........รวมร่วมสื่อสอง..............ศิลปเสก โคลง.....กาพย์เคียงคู่แล้.............เลิศสู้เสมอกัน จากคุณ : ส - [ 31 ม.ค. 47 00:56:57 A:202.133.163.199 X: ]

ความคิดเห็นที่ 90 + + + + + + + + + + + ตอบความเห็นที่ ๗๒ ท่าน"เหล็กละมุน"ครับ + + + + + + + + + + + หุ หุุ ท่านเหล็กละมุนผู้มีลีลาร้อยกรองราว ธารน้ำใสไหลเย็น ข้าน้อยขอตอบแทน รสนิยมอันไม่เหมือนใครของท่านด้วย แก้วกาพย์กอดกะโคลงครับ อุ๊ย..วาบหวิวไปไหมนิ + + + + + + + + + + + อยากย้อนยุคพันปี...เปนเล่าปี่โชคดีมี นางซุนมเหสี..........แม้เพียงชั่วไม่นานนม ข้าน้อยอยากย้อนยุค......เช่นกัน เปนเล่าปี่ชายฝัน............ร่วมรั้ง แม่นางซุ่นผิวพรรณ........ผุดผ่อง แม้ชิดแม่ชั่วครั้ง.............พ่อเคลิ้มบ่คลาย                          รมย์ บุริน                        ๓๐ ม.ค. ๔๗ จากคุณ : รมย์ บุริน - [ 31 ม.ค. 47 01:11:23 A:128.82.217.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 91 ปล ข้าน้อยอยากเล่นเสียงปีปี่ให้ครบในกาพย์ แต่อ่านแล้วเสียงยังไงไม่รู้ เลยต้องงดไป ^_^ รบร จากคุณ : รบร - [ 31 ม.ค. 47 01:17:48 A:128.82.217.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 92 ตามมาห่ออีกรอบต่อจาก #89 หวังว่าเที่ยวนี้คงถูกใจท่าน ปิ่นทอง-แก้วหน้าม้า............เรื่องล้ำค่าพึงสอนใจ โบราณท่านเล่าไว้...............รักยิ่งฟ้าล้ำค่าเหลือ ความรักสุดเลิศล้ำ...............รักทุกคำล้วนจงเชื่อ รักแท้ดุจรสเกลือ................คงความเค็มให้เต็มคำ รักมากยิ่งยิ่งรัก...................ยากจักหักความเจ็บช้ำ รักยิ่งรักย่อมนำ..................แต่ความงามในความดี รักแล้วก็รักอีก....................ไม่หลบหลีกทุกข์ใดมี ดุจแก้วเพชรมณี..................แม้หน้าตาไม่น่ามอง รักดั่งแก้วหน้าม้า..................ย่อมนำพาความสุขครอง เคียงคู่พระปิ่นทอง................ผู้เลิศแท้หาใดปาน นิทานดุจเพชรแก้ว................ซึ่งฉายแววอลังการ พึงอ่านนิยมสาร....................ว่าท่านสอนวอนให้จำ เรื่องราวย้ำสุดยอด.................แลทั้งสอดแทรกคมคำ มากมุขชวนคิดขำ...................อ่านสนุกทุกครัวเรือน สมควรสอนนักเรียน...............ให้พากเพียรอย่าเลอะเลือน แม้รูปไม่งามเหมือน.................แก้วหน้าม้าอย่าท้อใจ เพชรแท้ย่อมฉายแวว...............ส่องเก็จแก้วฉายแสงไป พากเพียรรักเรียนไว้..................ดุจความรักจากนิทาน ส่วนกาพย์ไว้ห่อโคลง...............ช่วยจรรโลงหาใดปาน แต่งกันสนุกสนาน...................สื่อความรักจากนักโคลง จบเรื่องแก้วหน้าม้า...................ซึ่งเลิศฟ้าค่าจรรโลง จิตผู้รู้ค่าโยง............................เกี่ยวคล้องใจให้คู่ครอง สุขไหนฤาจักเท่า.......................อ่านจงเอาสนุกปอง คิดมากต่างมุมมอง....................อาจน่าเบื่อเมื่อเผยใจ จากคุณ : ส - [ 31 ม.ค. 47 01:40:48 A:202.133.163.199 X: ]

ความคิดเห็นที่ 93 เอาใบตองป่าว ท่านเสือ รอให้ห่ออยู่.. หน้ากากเสือห่อแก้วหน้าม้า จากคุณ : จังงัง - [ 31 ม.ค. 47 19:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 94 หินก้อนเดียวดูไปก็ไร้ค่า แต่ถ้าหากรวมมาพันหมื่นก้อน ผนึกประสานด้วยซีเมนต์มิสั่นคลอน หินก็ห่อนล้มลงคงอยู่ยืน หินเพียงแค่หนึ่งก้อน.......................อ่อนแอ ถูกถากถางรักแก..................................เจ็บช้ำ หากเป็นหนึ่งร่วมแล...........................พันผูก ใครมิอาจตอกย้ำ....................................พ่ายแพ้ได้เลย จากคุณ : นัวเนียร์แสนซน - [ 31 ม.ค. 47 20:08:39 A:203.155.221.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 95 เพราะรักจึงทำให้......................ฉันทำได้ทุกทุกสิ่ง ไม่ว่าจะยากยิ่ง...........................ทำทุกสิ่งไว้เพื่อเธอ เพราะรักจึงทำให้......................รู้ไหม จักทำสิ่งใดใด...........................ทำได้ เพราะรักทำหมดใจ...................ฉันทำ ที่ทำทุกสิ่งให้...........................ทำไว้เพื่อเธอ เหอ เหอ เหอ ส่งการบ้านครับผม จากคุณ : ขาจรขอแจม (blue5789) - [ 31 ม.ค. 47 21:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ห้ามท้อแท้แพ้ใจ......................ห้ามร่ำไห้ได้ไหมเจ้า ต้องกล้าแกร่งไม่เศร้า...............ต้องก้าวต่อแม้นชีพสิ้น ห้ามท้อแท้แพ้พ่าย.....................ได้ไหม ห้ามร่ำไห้แพ้ใจ.........................น่ะเจ้า ให้กล้าแกร่งก้าวไป.....................สู้ต่อ แม้นชีพสิ้นต้องเศร้า...................อย่าได้แพ้ใจ เหอ เหอ เหอ ฝากไว้อีกหนึ่งครับผม จากคุณ : ขาจรขอแจมอีกทีนึง (blue5789) - [ 31 ม.ค. 47 22:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 97 o โหโหฉันอ่านแล้ว               ลายตา ศีรษะหมุนจนชา                    สนุกแท้ มาตอนเกือบครบวา-              ระปิด ประชุมเฮย เขียนขีดโคลงกาพย์แล้            เก่งล้ำจริงจริง... o โหโหอิฉันอ่าน                   ซะกระบาลกระหม่อมหมุน วิงเวียนละพ่อคุณ                   คณะเขียนซะมากมาย มาทีก็เืกือบครบ                     ศตจบคำรบหมาย เก้าสิบกะเจ็ดท้าย                    ขณะนี้คะนองเขียน... สวัสดีทั่นเหล็กฯ & ชาวอาศรมค่ะ... ^__^ จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 31 ม.ค. 47 23:46:45 A:67.162.190.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 98 สวัสดีทุกทั่นนะครับ.. เผยใจว่าตอนแรกเพราะมิได้ตั้งใจสังเกต ว่ากระทู้ตั้งว่าอะไรจึงเขียนใจไปเลื้อย... ผลทำให้ทั่นไกลถิ่นหัวหมัน.....เอ้อหัวหมุน ก็ขออภัยไว้ด้วยครับ....อิอิ และก่อนนอนนี้ขอแปะโคลง....การบ้านนะครับ ๏แก้วเกล็ดกลอนกานท์กล่อม    กาพย์กรองล้อมถนอมนวลหวาน สร้อยสุภาษิตตำนาน               ครรโลงโคลงโลกนิติเตือน ๏แก้ว กลกลอนกลั่นกล้า         เกลากาล กาพย์ เก็บเบื้องโบราณ           ร่ายร้อง ห่อ สุภาษิตสอดสาร               สอนจิตร โคลง จักจรรโลงพร้อง            เพริศพริ้งผองชน ๚ ๏แก้ว เก็บกรรณเกล้าศิษย์      โจษจัน กาพย์ ลักษณะแบบบรรณ       ว่าไว้ ห่อ ฮ่อมห่วงหวงกัน                กว่าชีพ  นี้นา โคลง โลกนิติไซร้                  แซ่ซ้องนิรันดร์กาล ๚ ๏แก้ว พระไตรรัตน์น้อม          พนมกร กาพย์ กล่อมกานท์อวยพร      คุรุไท้ ห่อ หัตถ์สัตย์วิ่งวอน              สอนสั่ง โคลง ซึ่งควรค่าไว้                แว่วเวิ้งวงวรรณ ๚ะ๛ ปล.โคลงชุดนี้แก้โดยเปิดดิกจนดึกดื่นเลยนิ.... จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 1 ก.พ. 47 00:51:01 A:203.145.13.31 X: ]

ความคิดเห็นที่ 99 ๏ดอกแก้วขาววาวงาม        ตระการนามน่าหลงใหล หอมหวนอบอวลใจ        หอมด้อยกว่าหน้านวลนาง ๏ขาวบริสุทธ์ดอกแก้ว      แววงาม พวงดอกตระการนาม     ผ่องแผ้ว กลีบกรุ่นกลิ่นหอมยาม  พรายพร่าง มานา หอมบ่ปานแก้มแก้ว       ก่องหล้าฤๅเรือน ๚ จากคุณ : น้ำโค๊ก - [ 1 ก.พ. 47 02:16:17 A:203.145.13.31 X: ]

ความคิดเห็นที่ 100 คำใดเคยกล่าวมั่น ..จักมิผันมิแปลงไป รักใดเคยแนบใจ .จะเก็บไว้ไม่เปลี่ยนแปลง คำใดเรียมกล่าวแล้ว มิเลือน รักแจ่มจักคอยเตือน .สัตย์ัตั้ง วันใดแม่แชเชือน ..แค่บอก เรียมนา จะมิรั้งมิยั้ง ปล่อยเจ้าตามทาง สวัสดีครับ ผมเหล็กละมุนมาตอบกระทู้นะครับ :) จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 101 แค่พี่นัวเนียร์เอาโคลงมาแจมก็ดีใจแล้วครับ ฉันท์กาพย์อะไรเนี่ยของแถม มะต้องมีก็ได้ ว่าแต่หายปวดหัวแล้วนะครับ เป็นห่วงครับ :) หินก้อนเดียวไร้ค่า ..หากนำมารวมซีเมนต์ จักยั่งยืนเช้าเย็น ..สู้ลมฝนไม่บ่นเลย หินก้อนเดียวไร้ค่า น้อยแรง มิอาจก่อกำแพง แกร่งได้ หากผนึกร่วมแสดง ..พลังร่วม ปูนเฮย จักมั่นคงแม้ไซร้ ถล่มด้วยลมแรง จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 102 จันทร์แจ่มประดับสรวง ..มณิดวงก็พรายแสง ลมฉิวละลิ่วแรง .ดุจแกล้งกระเซ้าดาว จันทร์แจ่มประดับเวิ้ง ..นภาลัย แต้มแต่งแสงกระจ่างใส .หยาดแก้ว วายุระบัดไกว .กระเซ้าหยอก ดาวเฮย ชวนชื่นส่งโคลงแจ้ว ฝากแพร้วพิไลพรรณ ร้างมือไปนานเลยเขียนติดๆขัดๆ นิดหน่อย หวัดดีจังงังนะครับ จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 103 คุณ Mill Style ใช้เรดาร์เลยหรอ ไฮเทคจริงๆ เรดาร์บอกเผ่นเร้ว ฉลามมา เพิ่งงาบปลาเล็กมา . นิดน้อย ของาบมนุษยา.... ซะหน่อย เนื้ออร่อยแม่ช้อย .มิกล้ารับประกัน เรดาร์บอกเผ่นแล้ว ..โน่นเป็นแถวไ้อ้หลามมา ของาบมนุษยา ..เนื้ออร่อยน่าเคี้ยวกิน อิอิ บ้าๆบอๆ ละมะโหดไปนะ จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ส นี้คือเสือซ่อนหน้ากากรึเปล่าครับ หวัดดีนะครับ ส ..ราญซ่านซาบกาพย์แก้ว .ห่อโคลง หน้า .ชื่นฟุ้งคำขโมง ...ฝากหล้า กาก .พจน์คลี่เงื่อนโปง เปิดโลก จินตน์นา เสือ .แห่งพงวรรณกล้า ระบัดถ้อยร้อยฝัน สราญซ่านกาพย์แก้ว .ร้อยถ้อยแล้วฝากโลกชม เสือแห่งพงวรรณพรม มนตร์ร่ายเวทย์เสกโลกจินตน์ จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ถึงคุณรมย์ครับ เป่ี่ากี่ีปีปี่ี้ปี้ ปี๊มะเป็น เพลงเฮย ค่อยฝึกค่อยเคี่ยวเข็ญ .จึ่งได้ หวานเสนาะซึ้งเย็น ..จับจิต ยิ่งแฮ เพียงแค่ตั้งใจไว้ ฝึกแล้วจะดี เป่าี่ปี่ี่กี่ปีแล้ว . ..ยังไม่แจ้วกังวานหวาน คงต้องฝึกอีกนาน ..กว่าจะซ่านพริ้วหวานเย็น เออ ถ้าเป็นผมคงใช้แต่สีสันถ้าต้องการหมายถึง colour อ่ะครับ สรรนี้น่าจะใช้ในทำนองคัดสรร เลือกสรร ส่วนสรรค์นี้ก็น่าเป็นพวกสร้างสรรค์ อะไรประมาณนี้อ่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น มะัรับประกันนะครับ อิอิ ลองเปิดพจนานุกรมดูก็ได้นะครับ นี่ครับ http://rirs3.royin.go.th/ridictionary/lookup.html 1. ค้น :  สรร คำ :  สรร เสียง :  สัน คำตั้ง :  สรร ชนิด :  ก. ที่ใช้ :   ที่มา :  (ข. สรัล) นิยาม :  เลือก, คัด. ภาพ :   อ้างอิง :   ปรับปรุง :  98/4/2 1. ค้น :  สรรค์ คำ :  สรรค์ เสียง :  สัน คำตั้ง :  สรรค์ ชนิด :  ก. ที่ใช้ :   ที่มา :  (ส. สรฺค ว่า สร้างอย่างพระพรหมสร้างโลก) นิยาม :  สร้างให้มีให้เป็นขึ้น. ภาพ :   อ้างอิง :   ปรับปรุง :  98/4/2 แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 47 04:56:50 จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 106 อันนี้ฝากให้คุณขาจรขอแจมทั้งทีแรกและีอีกทีนึงนะครับ อิอิ หวัดดีนะครับ :) เพราะรักจึงทำให้ หนักแค่ไหนใจสู้ทน ทุกครั้งยิ้มเปื้อนปน น้ำตาขมไม่ถอนใจ เพราะรักพี่จึ่งให้ ทุ่มเท มิหวั่นจิตรวนเร ..หนักสู้ แม้รู้แค่กาลเพ. ..ลาผ่าน แม่จักลืมไม่รู้ ..เปลี่ยนคู่ชายครอง จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เห็นคุณไกลถิ่นเรียกตัวเองว่าอิฉันแบบคนโบราณ จู่ๆก็พลันนึกถึงแม่พลอยอ่ะ น่ารักมากๆ พลอยแก้วแม่กว่าแก้ว ก่องไหน น่าถนอมนุ่มละไม .ยิ่งแล้ว พ่อเปรมจึ่งเอาใจ .มิหยุด จึงร่วมเรียงเคียงมิแคล้ว .คู่แก้วพลอยงาม พลอยแก้วงามกว่าแก้ว กี่เพชรแพร้วมิมีปาน พ่อเปรมจึงชื่นบาน เป็นพ่อบ้านของแม่พลอย จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขอบคุณน้ำโค้กมากนะครับ แรงดีไม่มีตกจริงๆ ชื่นชม ชื่นชม แก้ว กรองพจิได้ กาลลา กาพย์ ชื่นถ้อยพรรณนา... .จากเพื่อน ห่อ .มิตรภาพหนา .แน่นอุ่น โคลง .เหล็กละมุนเื้อื้อน .กราบโอ้ขอบพระคุณ แก้วกรองพจิได้ ..สนานใจจนถึงกาล ขอบคุณทุกถ้อยหวาน ..ที่สร้างสานสืบอาศรม ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้มาร่วมกันสำราญในอาศรมภาคนี้ มาดแม้นกระผมดูแลไ่ม่ถ้วนทั่วหรือกระทำการใดบกพร่อง ก็ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ กระผมก็ขอปิดกระทู้ไว้ ณ ที่นี้ และขอเชื้อเชิญผู้สนใจมาเปิดอาศรมชาวโคลงภาคที่ ๘๕ ต่อนะขอรับ สวัสดีครับ [เย่ เป็นไทแล้วตู :) ] จากคุณ : เหล็กละมุน (mildsteel) - [ 1 ก.พ. 47 04:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 109 จรไกลใจเหงาเหงา                คิดถึงเจ้าอาศรมโคลง สักอึดลมใจโยง                    มายิ้มแย้มทักทายสหาย จรไกลใจเซื่องเศร้า               เหงาเหงา คะนึงคิดอาศรมฯเรา              มิเว้น สักอึดแห่งลมเนา                  แนบร่าง มาส่งทักเช่น                   ก่อนกี้นะสหาย ฯ ติดภาระนิดหน่อย ว่าง แวะ มาแวบ ได้นิดหน่อย ขอรับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 47 14:41:49 จากคุณ : พิราบเงิน - [ 1 ก.พ. 47 08:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 110 +++ ราชาวดี +++ ๏ ชูช่อเชิดชดช้อย................เล่นลมคล้อยลอยล่องเลย ราชาวดีเกย.........................เชยชิดดอกเย้าหยอกกัน ฯ ๏ ชูช่อเชิดชดช้อย................ชวนเชย ฉิวลิ่วลมรำเพย.....................กระเพื่อมล้อ ราชาวดีเกย.........................ก่ายดอก ดังหยอกเย้ากันก้อ.................กริ่มล้อเรียมไฉน ฯ ๏ แลดอกละดอกชิด..............ซ้อนสนิทสนิกสรรค์ ดอกก่ายดอกใกล้กัน.............หยันเหยียดข้าผู้ลาไกล ฯ ๏ แลดอกละดอกซ้อน.............สบกัน แนบสนิทสนิกสรรค์................เสียดเนื้อ ดอกก่ายดอกใกล้กัน..............เกี้ยวเกี่ยว ดอกเหยียดหยันข้าเทื้อ...........ที่ร้างห่างสมร ฯ ๏ อเนจอนาถพ้อ.....................ผกาล้อท้ออดสู อนิษฏ์อนิจดู..........................ดังอยู่ไว้ให้เตือนตน ฯ ๏ อเนจอนาถน้อ....................นี่ตู มาห่างนางอดสู.....................แสบร้อน อนิษฏ์อนิจดู.........................ดังอยู่ ดลสู่ตนสะท้อน......................สะทกโอ้อกเหงา ฯ ๏ เคยเชยเกยก่ายน้อง............สนิทต้องปองรัญจวน เนื้อแนบนิ่มเนื้อนวล................หวนนึกได้ใกล้กว่ากัน ฯ ๏ เคยเชยเกยก่ายน้อง.............นึกหวน กระเส่าเร้ารัญจวน...................จับไล้ เนื้อแนบนิ่มเนื้อนวล................แน่นกว่า ประกับดอกผกาไว้..................ระหว่างช้องช่อเสมือน ฯ ๏ เพียงพลันผันพลัดพ้น...........พรากพี่ด้นพนสถาน เรียมร้างห่างดวงมาน...............นานเหนื่อยแล้วโอ้แก้วใจ ๚ ๏ เพียงพลันผันพลัดพ้น............พรากสถาน พาสู่พงดงดาน........................ดิบแคล้ว เรียมร้างห่างดวงมาน................มาเปลี่ยว เดินเดี่ยวนานเนิ่นแล้ว...............เหนื่อยร้างนางขวัญ ฯ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ==================================== ขอส่งท้ายอาศรมฯ ภาคนี้ด้วยบท "ราชาวดี" ครับผม จากคุณ : วฤก (วฤก) - [ 1 ก.พ. 47 11:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 111 สงสัยพิราบเงินจะรีบมากเลยหลุด มาส่ง ทักเช่น                   ก่อนกี้นะสหาย ฯ จากคุณ : นัวเนียร์แสนซน - [ 1 ก.พ. 47 12:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ชอบ บทกวี และ กาพย์ ของนัวเนียร์จังค่ะ อ่านแล้ว ให้ความรู้สึกดีจัง พยายามต่อไปนะคะ จะเข้ามาอ่านอีกค่ะ จากคุณ : ลูกกวาด - [ 1 ก.พ. 47 15:02:57 A:210.203.175.244 X:210.203.187.40 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ท่านนัวเนยร์มีแรงหนันหนุนแฮะ  ระวัง!อย่าแจกรักจนเพลินละท่าน   เป็นห่วงนา...........อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : กรวี - [ 1 ก.พ. 47 23:54:52 A:203.113.71.168 X: ]

ความคิดเห็นที่ 114 มะมีผู้ใดยอมมาตั้งกระทู้ต่อไปเรยเนี่ย  เดี๋ยวกรวีมาตั้งเองเสียหรอก  รับรองอาศรมฯ ป่วนแน่  อิๆ จากคุณ : กรวี - [ 3 ก.พ. 47 18:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 115 แห้ . . . ถึงคิวนิรนามแล้วมั้ง ประเดี่ยวนิรนามจะตั้งกระทู้ภาคต่อไปและมาลงลิ้งก์ . . . . . ตั้งกระทู้เสร็จแล้วจ้า เชิญไปต่อกันที่ อาศรมชาวโคลง ภาค ๘๕ ๏ ๏ ๏ อะไรก็ได้ ๏ ๏ ๏ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2655018/W2655018.html . . . . . แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 47 17:35:16 จากคุณ : นิรนาม ณ ถนนฯ - [ 4 ก.พ. 47 17:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 116 + + + + + + + + + + + ตอบความเห็นที่ ๒๑ ท่าน"เหล็กละมุน"ครับ ตอบความเห็นที่ ๒๕,๓๐ ท่าน"นิรนาม ณ ถนนฯ "ครับ + + + + + + + + + + + ขอบคุณท่านเหล็กละมุนและท่านนิรนามฯ สำหรับคำนิยมครับ เห็นสยามานุสติ ของมหาปราชญ์แห่งบ้านชาลีฯแล้ว อดใจร่วมแจมไม่ไหว เพราะ จ้อบมากครับ + + + + + + + + + + +               ธ ซื้อเตา โอ้ความเห็นช่างละม้าย...ธ ซื้อเตา มีมากให้ ธ เหมา...........ณ ถิ่นซื้อ ร ชอบเตา ธ บ่เอา.........เราบว่า ท่านบ่ชอบกกลับดื้อ.......คิดซื้อบแปลกกระไร + + + + + + + + + + + กร่อนเสียงกลอนโคลง + + + + + + + + + + + กกลับ ออกเสียง เก่าะกลับ (ลหุ)= ก็กลับ ซึ่งออกเสียงว่า ก้อกลับ (ครุ) บว่า   ออกเสียง เบ่าะว่า (ลหุ)     = บ่ ว่า บ่เอา  ออกเสียง บ่อเอา (ครุ)     = บ่ เอา ร       ออกเสียง ระ   (ลหุ/ครุ)    = เรา ณ      ออกเสียง นะ   (ลหุ/ครุ)   = เรา ธ       ออกเสียง ทะ   (ลหุ/ครุ)   = ท่าน เช่น บาท ๑,  ๓    ธ เปน เสียงลหุ บาท ๒         ธ เปน เสียงครุ + + + + + + + + + + + สรุป + + + + + + + + + + + ก็ ออกเสียงได้ทั้ง เก่าะ (ลหุ) และ ก้อ (ครุ) เราก็เหมือนอยู่คง..........ชีพด้วย ในล้นเกล้าแห่งบ้านมาลีฯ จึงชอบแล้วด้วยฉันทลักษณ์                                                              -รบร + + + + + + + + + + + เพิ่มเติม + + + + + + + + + + + เราบผิดท่านมล้าง ดาบนั้นคืนสนอง                                -ศรีปราชญ์ + + + + + + + + + + +                         รมย์ บุริน ๘ ก.พ. ๔๗ จากคุณ : รมย์ บุริน - [ 9 ก.พ. 47 07:25:13 A:141.152.178.210 X: ]