จ้าวสมุทร ตอนที่ 20 ไซมาความเร็วสูง

    จ้าวสมุทร ตอนที่ 20                       -ไซมาความเร็วสูง-

    ยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกโลดแล่นไปใต้ท้องทะเลที่มืดมิดเป็นเวลาได้สิบนาทีแล้ว อูวดลอยากรู้ว่ายานพาหนะไม่มีชื่อเรียกนี้จะจอดที่ไหน พอ ๆ กับความต้องการที่จะทำลายความเงียบที่ปกคลุมมานานกว่าสิบนาที

    “ฉันไม่เข้าใจ..” อูวดลพูดขึ้นมาลอย ๆ

     “เรื่องอะไร..” มาลาตีขมวดคิ้ว แต่อูวดลรู้ดีว่าเธอต้องรู้

     “แล้วเธอคิดว่าเรื่องอะไรล่ะ..”

     มาลาตีถอนหายใจ  “เรื่องนาคินเหรอ..”

     “ใช่.. ฉันไปทำอะไรให้เขา..” อูวดลตอบอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

     “แต่ฉันเข้าใจเขาดี.. นายไม่ได้ไปทำอะไรตรง ๆ กับเขาหรอก.. แต่มันก็ทางอ้อม..” มาลาตีพูด

     “ตรงไหน.. ฉันเพิ่งจะรู้จักเขาได้แค่อาทิตย์เดียวเอง..” อูวดลขมวดคิ้ว

     “แต่นาคินกลับรู้จักนายเกือบแปดปีแล้วล่ะ..” มาลาตีพูด “อู.. นายฟังฉันนะ.. นายก็รู้ใช่มั๊ย.. ว่าเรื่องของนายน่ะ.. ไม่ธรรมดาเท่าไรนัก.. มีแต่คนสนใจ.. นักรบรัชทายาทอีกคนไปอยู่ที่ไหน.. เขาเป็นอย่างไรบ้าง.. ผู้คนล้วนพูดแต่แบบนี้ตลอดเวลาที่นายขึ้นไปอยู่บนพื้น.. ยังไม่นับรวมถึงคำเทิดทูน ยังกะว่านายเป็นฮีโร่เลยล่ะ.. ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่านายไปทำวีรกรรมอะไร.. คิดแล้วก็ยิ่งปวดหัว จ้าวสมุทรไม่ยอมบอกฉันอีกนั่นแหละ.. แต่ที่แน่ ๆ ดูเหมือนว่าใครหลายคนจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า อ่าวไทยยังมีนักรบรัชทายาทอีกคนนั่นก็คือนาคิน..”

     อูวดลนิ่งเงียบเหมือนถูกสะกด ถ้าเขาไม่ได้ตีความหมายคำพูดของมาลาตีผิด แสดงว่านาคินคงจะอิจฉาเขาสินะ.. ถึงยังไงมันก็ยังปัญญาอ่อนอยู่ดี.. มันไม่ทำให้อูวดลเห็นใจนาคินเพิ่มขึ้นมาเลย มีแต่จะทำให้เขารู้สึกเกลียดนาคินมากเป็นเท่าตัว

     “ฉันอยากให้นายเห็นใจเขาบ้าง.. ก็เท่านั้น” มาลาตีพูดโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าอูวดล สายตาของเธอจับจ้องอยู่กับทางข้างหน้า “นายลองคิดดูสิ ว่านายจะเป็นยังไง ถ้าหากเติบโตมาด้วยความกดดันแบบนั้น..”

     “อ่อ..” อูวดลพูด จ้องหน้ามาลาตีเขม็ง “เธอคิดว่าฉันไม่กดดันเลยงั้นสิ.. เธอคิดว่าว่าฉันมีความสุขนักใช่มั๊ย.. ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดามาสิบห้าปี แล้วจู่ ๆ ก็ต้องรับรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่เข้าใจอย่างกระทันหัน แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีปริศนาอะไรอีกหลายอย่างที่ยังไม่มีใครยอมบอกกับฉัน แล้วไหนจะ..”

    “พอได้แล้วน่า !” มาลาตีตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “ฉันเข้าใจนาย.. อู.. เข้าใจดีด้วย แต่จะให้ทำอะไรได้ ในเมื่อฉันก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านายนักหรอก อ่อ.. ถ้านายคิดว่านายอยากรู้นักล่ะก็ พอเราไปถึงสถานีไซมา นายก็ปรี่ไปถามท่านจ้าวสมุทรให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยสิ ไม่ต้องไปมันแล้ว แปซิฟิกเดวิลน่ะ แต่ก็ฉันก็ยังรับประกันไม่ได้อยู่ดีนะ ว่าท่านจ้าวสมุทรจะบอกนายหรือเปล่า.. เพราะถ้าเขาจะบอกนายจริง ๆ นะ เขาคงบอกนายตั้งแต่วันที่นายวิ่งตามฉันลงทะเลและก็ฟื้นขึ้นมาที่ศูนย์การปกครองอ่าวไทยแล้วล่ะ..”

     อูวดลอึ้ง เขาไม่สามารถหาคำพูดใดที่จะมาเถียงมาลาตีได้เลยในเวลานี้ แต่ถึงแม้ว่าปากของอูวดลจะสงบลง แต่ใจของเขากลับไม่ได้สงบลงตามเลย ใจของเขาคิดแต่เพียงว่า.. อะไรกันแน่ที่มาปั่นชีวิตของเขาจนงงไปหมดแบบนี้

     มาลาตีหยุดยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกลงทันที ทำเอาอูวดลแทบจะล้มคว่ำไป แต่เขาก็พยุงตัวไว้ได้

     “ถึงแล้ว..” มาลาตีตอบอย่างไม่ใส่ใจ เธอผลักประตูที่อยู่ทางด้านบนหลังคาเปิดแล้วเธอก็ปีนออกไป อูวดลปีนออกจากช่องประตูผ่านเยื่อกั้นน้ำตามเธอออกมาสู่ใต้ทะเลลึก อูวดลปิดประตูยานพาหนะไม่มีชื่อเรียก ที่จอดข้าง ๆ ยานพาหนะที่ไม่มีชื่อเรียกอีกหลายคันที่จอดอยู่ในบริเวณนี้

     อูวดลเคลื่อนตัวตามมาลาตีไปอย่างช้า ๆ จนพบโพรงหินขนาดใหญ่ ทั้งสองคนว่ายน้ำเข้าไปในโพรงนั้น จนผ่านเยื่อกั้นน้ำเข้าสู่โพรงแห้ง ๆ ที่ทอดยาวลงไปด้านล่าง มีคนหลายคนเดินพลุกพล่านอยู่ในโพรงนี้

     “ต้องลงไปลึกสักหน่อย รีบเถอะเหลือเวลาอีกห้านาที..” มาลาตีพูด

     อูวดลเดินตามมาลาตีไปเรื่อย ๆ จนสุดปลายโพรงที่เชื่อมต่อ กับห้องโถงกว้างที่สร้างจากปูนซีเมนต์  มีผู้คนพลุกพล่านมากเป็นสองเท่าของโพรงหินที่พวกเขาผ่านมา มีเสียงจ้อกแจ้กทั่วทั้งบริเวณ ตรงซุ้มประตูเหนือหัวของพวกเขาแขวนป้านขนาดใหญ่เขียนว่า

        สถานีไซมาความเร็วสูง            
               -อ่าวไทย-                            

    ทางด้านขวาของอูวดลและมาลาตี มีช่องจำหน่ายตั๋วสองช่อง มีคนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ ด้านซ้ายมีห้องกระจกที่มีลักษณะคล้ายกับห้องอาหาร มีผู้คนนั่งอยู่เต็มโต๊ะ และถัดจากห้องอาหารก็เป็นร้านขายของต่าง ๆ และถัดจากร้านขายของก็เป็นห้องเล็ก ๆ ติดป้ายบอกไว้ว่าเป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่ ตรงปลายสุดของห้องโถงด้านตรงข้างกับซุ้มประตู มีทางมืด ๆ สองทาง ทางหนึ่งแขวนป้ายไว้ว่า

    ทะเลจีนใต้

     ส่วนอีกทางก็แขวนป้ายไว้เช่นกัน

    อ่าวเบงกอล

     ก่อนที่อูวดลจะตื่นตาตื่นใจกับสถานที่จนลืมตัว มาลาตีก็สะกิดเขาและลากเขาไปหลบหลังของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     “มีอะไรเหรอ..” อูวดลถาม

     “ดูนั่นสิ..” มาลาตีชี้ไปที่ห้องทำงานเจ้าหน้าที่ อูวดลมองไป จึงพบจ้าวสมุทรวาสุกรีและราชเทวีดาหวัน เดินออกมาจากห้องสำนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาด้วยชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อายุประมาณสี่สิบต้น ๆ ผิวคล้ำแต่งกายในชุดผ้าคลุมสีน้ำเงินบนลำคอสวมสร้อยเพชรสีคราม และสตรีวัยเดียวกันแต่งกายด้วยชุดแซ็กผ้าไหมสีชมพู ปักดิ้นระยิบระยับที่คอเสื้อ บนลำคอสวมสร้อยเพชรสีน้ำเงิน ทั้งสี่คนเดินลงไปในทางที่แขวนป้ายว่า ‘ทะเลจีนใต้’

     “สองคนที่เดินตามจ้าวสมุทรวาสุกรีและราชเทวีดาหวันไปคือจ้าวสมุทรอารยะ กับราชเทวี ศิวาลัย เป็นจ้าวสมุทรและราชเทวีของอ่าวเบงกอล..” มาลาตีบอก อูวดลจ้องจนคนทั้งสี่หายลับไปในสุดทางเดินที่มืดมิด พร้อมกับมีเสียงประกาศดังขึ้น

     “ท่านใดที่มีความประสงค์จะเดินทางไปยังสถานี ทะเลจีนใต้ ให้รีบซื้อตั๋วในเวลานี้ เพราะไซมาความเร็วสูงจะออกเคลื่อนตัวไปสถานีจีนใต้ภายในห้านาที..”

     “รอฉันอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปซื้อตั๋วก่อน..” มาลาตีพูด แล้วรีบวิ่งไปต่อแถวที่ช่องซื้อตั๋วช่องแรก เสียงประกาศดังมาอีกรอบ

     “ท่านผู้โดยสารท่านใด ที่มีตั๋วไซมาความเร็วสูงปลายทางสถานีจีนใต้เรียบร้อยแล้ว กรุณาเดินลงไปขึ้นไซมาความเร็วสูงได้เลยครับ..”

     ทันทีที่ประกาศพูดจบ ผู้คนก็วิ่งกรูกันเข้าไปในทางเดินมืด ๆ ที่แขวนป้ายทะเลจีนใต้ และมาลาตีก็ซื้อตั๋วได้แล้ว

     “ไปเถอะ เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง..” มาลาตีพูด

     ทั้งคู่เดินเข้าไปในทางเดินมืด ๆ ที่แขวนป้ายทะเลจีนใต้ ไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางฝูงชน ทางเดินนั้นมืดจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย อูวดลและมาลาตีเดินไปได้สักระยะหนึ่งก็ออกจากทางเดินมืด ๆ สู่ห้องโถงกว้าง อากาศในห้องร้อนเหมือนกับเตาอบ เหงื่อของอูวดลไหลลงมาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับอูวดลเลย เมื่อจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า สิ่งก่อสร้างสีดำขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายกับรถไฟฟ้า สูงประมาณสิบเมตรยาวเกือบห้าสิบเมตรได้ จอดอยู่เหนือรางเหล็ก ที่ทอดยาวไปสู่อุโมงค์มืด ๆ ด้านขวาของห้องโถง ปลายอีกด้านของรางเหล็กและสิ่งก่อสร้างที่คล้ายรถไฟฟ้าสอดเข้าไว้กับอุโมงค์ด้านซ้ายของห้องโถงที่มีไฟคุกกรุ่นอยู่ตลอดเวลา อูวดลเดาได้เลยว่า สาเหตุที่ห้องโถงนี้ร้อนกว่าปกติคงเป็นเพราะไฟที่อยู่อุโมงค์นี้แน่นอน อูวดลมีเวลาครุ่มคิดได้ไม่นานมาลาตีก็ดึงแขนเขาให้วิ่งตามเธอไป

     “เร็วเถอะ.. เดี๋ยวได้ที่นั่งไม่ดี..”

     มาลาตีดึงแขนอูวดลไปยังประตูของสิ่งก่อสร้างที่จอดเหนือรางเหล็ก แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์เพราะประตูที่ทั้งคู่กำลังจะเปิดเข้าไปนั้นมีคนรุมขึ้นอยู่แน่นขนัด มาลาตีไม่รอช้ารีบดึงอูวดลไปยังประตูถัดไป แต่คนก็ยังรุมขึ้นอยู่แน่นขนัด จะว่าไปแล้วไม่มีประตูบานไหนเลยที่ไม่มีผู้คนแย่งกันขึ้นนอกจากประตูบานริมสุดที่อยู่ด้านขวา

    “ห้องนั้นเขายกให้เป็นห้องพิเศษสำหรับจ้าวสมุทรและราชเทวีที่จะเดินทาง..” มาลาตีบอกอูวดลเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองไปที่ประตูบานนั้น เมื่อคนเริ่มซาลงทั้งคู่จึงสามารถเข้าไปในสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกับรถไฟฟ้าได้

     มาลาตีเดินนำอูวดลเดินไปตามระเบียงทางเดิน พลางมองเข้าไปในห้องกระจกที่ติดกับระเบียงซึ่งในห้องนั้นมีคนนั่งเต็มหมดแล้ว ทั้งคู่เดินไปจนสุดระเบียงแล้วเปิดประตูออกสู่ระเบียงทางเดินอีกช่อง ไปเรื่อย ๆ จนทั้งคู่เห็นว่าในห้องกระจกในระเบียงทางเดินด้านปลายขบวนมรที่นั่งว่างอีกหนึ่งที่ จึงเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้สองตัวนั้นทันที ผู้คนในห้องนี้ดูโหรงเหรงผิดกับห้องที่หัวขบวนที่มีผู้คนแน่นขนัด

    จากคุณ : Waasuthep - [ 27 ม.ค. 47 18:03:04 A:203.155.148.156 X: ]