อาเซนธาเรีย..ตามรักข้ามมิติ : บทที่ 4 การตัดสินใจ




    คนหลังพุ่มไม้พอถูกเรียกจึงก้าวเท้ายาวๆออกมา เห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัดใบหน้าขาวคมคายประกายตาแจ่มใส สวมใส่เสื้อกางเกงชุดฝึกซ้อมยูโดสีขาว คาดรัดเอวด้วยสายรัดสีดำ

    ที่แท้อีกฝ่ายวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า พอดีผ่านมาพบเจอการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ตอนแรกเห็นมาซาอิถูกสามรุมหนึ่งความจริงคิดยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่พอเห็นเขาลงมือชกต่อยอย่างแคล่วคล่อง ไม่มีท่าทีเป็นรอง ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นแอบซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้แทน

    “ ฝีมือคุณเยี่ยมมากๆเลยนะ ไม่ทราบว่าคุณเป็น ศิษย์สำนักไหนกันเหรอ..? ”

    เสียงทักถามกระตือรือร้น สีหน้าเลื่อมใสจริงใจเต็มไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร สองพี่น้องดูออกว่าอีกฝ่ายไม่มีแววประสงค์ร้าย คาดว่าคงผ่านทางมาจริงๆ ท่าทีแข็งกร้าวในตอนแรก จึงค่อยๆผ่อนคลายลง

    “ ผมไม่เคยเห็นพวกคุณเลย ท่าทางคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่มั้ยครับ วางใจเถอะน่า.. ผมไม่ใช่คนร้ายหรอก อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นสิ.. อ้าว...แนะนำตัวก่อนก็ได้ ผมชื่อ..เองาดะ ชินตะ พวกคุณจะเรียกชื่อผมตรงๆว่า ชินตะเลยก็ได้เป็นกันเองดี บ้านของผมอยู่ไม่ไกล นั่นไง..ที่เชิงเขาตรงโน้นน่ะ เอาละนะ ผมแนะนำตัวเสร็จแล้ว.. คราวนี้ก็ถึงทีพวกคุณบ้างล่ะ..? ”

    รอยยิ้มซื่อๆเปี่ยมมิตรภาพ ทำให้สองพี่น้องเผยอยิ้มตอบรับไมตรีจิตจากอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

    “ ผมชื่อ มาซาอิ..”

    ไม่รอให้พี่ชายพูดต่อ ซายูริก็ชิงแนะนำตัวเอง

    “ ฉันชื่อซายูริค่ะ พวกเรามาเที่ยวและอยากจะดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ..ที่นี่วิวสวยนะคะ ”

    “ อ๋อ..แล้วมาจากไหนกันรึครับเนี่ย...? ”

    “ โตเกียวค่ะ..”

    “ ฮ้า...” ชินตะอุทาน “..นี่อุตส่าห์มาดูพระอาทิตย์ขึ้นถึงที่นี่เลยเชียว ?..”

    “ แล้วไง.. ? ” มาซาอิชักฉุนนิดๆ ขมวดคิ้วแค่นเสียงถาม

    ชินตะกลอกตามองเด็กหนุ่มสาวทั้งสอง ในใจเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป ยิ้มพลางรีบสั่นศีรษะไม่ได้ถามต่ออีก ซายูริก็ไม่ได้ฉุกใจคิดว่าโดนเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น

    “ จริงสิ..คุณเป็นคนแถวนี้คงทราบสิว่า ใกล้ๆนี้มีร้านอาหารที่ไหนบ้าง ? ”

    “ หิวแล้วเหรอ..? ” มาซาอิเอียงหน้ามาถามน้อง

    เด็กสาวทำปากเบ้ พยักหน้าหงึกๆแล้วเอามือลูบท้องตนเองแทนเสียงตอบ

    “ งั้นเอายังงี้ก็แล้วกัน ” ชินตะเอ่ยชวน “ ถ้าไม่รังเกียจก็ขอเชิญที่บ้านผมมั้ย พวกคุณเดินทางมาไกลจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทานข้าวที่บ้านผมนะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก คุณพ่อกับพี่สาวผมใจดี...”

    …………………………………



    มาซาอิชวนเพื่อนคนใหม่ขึ้นรถ ขับไปตามเส้นทางที่ชินตะชี้บอก ระหว่างนั่งกันมาในรถ ชินตะชวนพูดมาก ด้วยนิสัยร่าเริงขี้เล่นอีกทั้งมีน้ำใจ ดังนั้นทั้งสามจึงสนิทสนมพูดคุยถูกคอกันอย่างรวดเร็ว

    จากคำบอกของชินตะ ที่แท้เขาเป็นลูกชายคนเล็กของอาจารย์เองาดะ โกริสึแห่งสำนักชูริว ซึ่งเปิดสำนักสอนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวอยู่ภายในเมืองนี้

    ซายูริสนใจเรื่องนี้มานานแล้ว จึงซักถามอย่างกระตือรือล้น ชินตะก็บอกให้ฟังโดยไม่ปิดบัง ว่าสำนักชูริวเป็นสำนักที่ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวประจำชาติญี่ปุ่น สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน พ่อของเขาเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบันรุ่นที่สิบสอง ส่วนบรรพชนของเขาเคยเป็นซามูไรคนสนิทของโชกุนคนหนึ่งทีเดียว

    “ เรื่องของเธอสนุกจังเลย ”

    ซายูริเอ่ยชื่นชมอย่างสนใจ มาซาอิไม่ได้พูด หากแต่นึกหมั่นไส้ปนขำอยู่ในใจ

    … เสียก็แต่ขี้โม้มากไปหน่อย….

    “ เธอเป็นถึงลูกชายเจ้าสำนัก คงมีฝีมือไม่เบาใช่มั้ย..”
    เด็กสาวคนเดียวในรถถามต่อ ชินตะตอบแบบเขินๆ

    “ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ผมยังต้องฝึกอีกนานกว่าที่ตามทันพี่สาวและศิษย์พี่คนอื่น อ้อ..ลืมบอกไป พี่สาวผมชื่อเอริ เห็นสวยๆอ้อนแอ้นยังงั้นนะ แต่ฝีมือ..ฮึ่ม.. รับรองว่าเฉียบขาดไม่เป็นรองใคร จนป่านนี้ก็เลยยังไม่มีผู้ชายหน้าไหนมากล้าจีบสักราย.. พวกคุณเชื่อไหม ”

    ซายูริหัวเราะ “ นี่เธอชมรึว่านินทาพี่สาวกันแน่ฮึ คอยดูนะฉันจะบอกพี่เอริ.. ”

    “ เฮ้ย..! อย่านะ....” ชินตะเผลอร้องเสียงหลง

    มาซาอิพลอยหัวเราะขำออกมาด้วยอีกคน....!

    -----------------------------------------



    จากคุณ : kjb - [ 28 ม.ค. 47 06:41:02 ]