ความรักของวนัสนันท์

    คือเรื่องนี้ได้ลงในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันเสาร์ที่ 24 ซึ่งตอนนั้นยังไปติดเกาะอยู่เลยครับ กลับมาก็เจอว่าเขาลงให้แล้ว ดีใจสุดๆ ก็เลยแอบมาแปะไว้ที่นี่ให้อ่านกัน

    **********************************************************
    ณ รวงรังไม้ล้อมหอมกลิ่นป่า
    เสียงนกกาเพรียกไพรให้ชวนฝัน
    เสกชีวิตสรรค์สร้างทุกวานวัน
    ถ้อยจำนรรจ์กระซิบรักจักยืนนาน
    ตราบฟ้าสิ้นดินสลายละลายหล้า
    แม้ผืนป่าสูญสิ้นถิ่นละหาน
    จะจงรักมั่นไว้ทุกวันวาร
    แม้นผ่านกาลเวลาล่วงจักรักเธอ


    ไม่ว่าสิ่งนี้จะเรียกว่าอะไรในสายตาใครก็ตาม แต่สำหรับเราแล้วคือบทเพลงที่เรารักจะร้องคลอกันไป ในตั้งแต่ครั้งแรกที่เราต่างรู้ตัวว่าตกหลุมรักซึ่งกันและกัน จำไม่ได้หรอกว่าบทเพลงบทนี้มาจากไหน ต่อเมื่อรู้สึกว่าฮัมเพลงจนติดปากและแทรกเข้าไปในจิตใจนั่นแหละ เราจึงถามกันและกันว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้แต่งเพลงๆ นี้

    “ พี่ว่านันท์เริ่มแต่งก่อนนะ แล้วเราก็ช่วยกันต่อเพลงจนจบ “ เขาหรือสามีที่รักมักเริ่มการถกเถียงกันแบบนี้เสมอ

    “ ไม่นะ นันท์จำได้ว่าพี่เริ่มก่อนแล้วเราผลัดกันต่อเพลงจนจบต่างหาก “ ฉันหรือชื่อเต็มๆ ว่าวนัสนันท์จะเถียงต่อจากสิ่งที่ฉันมั่นใจว่าจำได้

    “ …… “

    อื่นๆ ที่ตามมาในการสนทนาเรื่องเพลงจนที่สุด

    “ สรุปว่าเราช่วยกันแต่งก็แล้วกัน “ ไม่เขาก็ฉันมักจบข้อโต้แย้งที่ดูไม่มีสาระในเรื่องเราที่เราสองสนใจเหมือนกันด้วยประโยคนี้ เพื่อที่จะร้องเพลงนี้พร้อมๆ กันในที่สุด

    ….

    เราใช้ชีวิตในการท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ตามแต่ใจของเราสองปรารถนาและเห็นพ้องกัน จนในวันหนึ่งฉันรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในกายฉัน อะไรบางอย่างบอกให้ฉันรู้ว่ากำลังจะมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้

     ดังนั้นฉันและเขาจึงเห็นพ้องกันว่าควรจะหาที่ลงหลักปักฐานเสียที

    “ จะกลับไปที่บ้านเกิดของพี่ดีไหม “ เขาถามขึ้นเมื่อเราตกลงกันว่าจะหาบ้านให้ลูกๆ ของเรา

    “ ป่านนี้นันท์ว่าไม่เหลือที่ให้เราแล้วล่ะ คราวก่อนก็มีใครมาทำอะไรเสียงดังแถวๆ นั้น ตอนนี้คงมีใครจับจองไปหมดแล้วมั๊ง “ ฉันตอบตามความเห็นของฉันและมั่นใจได้ว่าสามีของฉันก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่

    “ งั้นเราลองหาแถวนี้ก็แล้วกัน อาหารการกินก็หาได้ง่ายดี “ ฉันเสนอขึ้นหลังจากที่เราทั้งสองเงียบกันไปพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด

    หลังจากนั้นไม่กี่วัน สามีก็พาฉันไปดูที่อยู่ใหม่ที่ใช้เวลาเดินทางพอสมควร

    “ ที่นี่เป็นยังไงบ้าง “ สามีฉันถามขึ้น

    “ นันท์ว่าก็ดีนะพี่ แต่นันท์กลัวว่าจะมีงูน่ะสิ “

    “ แต่ถ้าเราทำบ้านให้มิดชิดหน่อยก็น่าจะกันงูได้นะ “
    “ นั่นแหละ แต่นันท์ก็ยังกลัวอยู่ดีแหละพี่ หาที่ใหม่เถอะนะ “

    “ ก็ตามใจนันท์แล้วกันพี่จะลองดู “

    นี่แหละสามีที่น่ารัก มักจะตามใจภรรยาสุดที่รักเสมอไม่เคยเปลี่ยน และคงด้วยเหตุนี้กระมังฉันถึงได้รักเขามากๆ
    จากนั้นไม่นานเราทั้งสองก็ได้ที่ถูกใจสำหรับสร้างบ้านของเรา ซึ่งเป็นสถานที่ๆไม่ไกลจากที่ทำมาหากินของสามีเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีไม้ใหญ่อยู่มากมาย มีลำธารเล็กๆ อยู่ด้านหลังบ้านด้วย เราใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าบ้านหลังแรกจะเสร็จ บ้าน แหล่งพักพิงยามเหน็ดเหนื่อย สถานที่คุ้มแดดฝน สถานที่รวมของความรักของเราทั้งสอง และที่สำคัญเป็นแหล่งที่อยู่ที่เติบโตของลูกตัวเล็กๆ ของเราในอนาคต

    “ ระหว่างนี้จนลูกแข็งแรงแล้วนันท์ค่อยออกจากบ้านไปไหนมาไหนก็แล้วกันนะ “ สามีของฉันกำชับให้ฉันทำเช่นนี้ และถึงแม้เขาจะไม่กำชับฉันก็คงต้องทำอยู่ดี เพราะนี่เป็นประเพณีที่สืบทอบมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเราทั้งสอง

    “ ถ้ามีลูกแล้วนันท์จะออกไปช่วยพี่ทำงานได้ไหม “ ฉันเคยถามเขาเมื่อนานมาแล้ว

    “ อย่าเลยนะนันท์ มันเป็นหน้าที่ของพี่เอง นันท์มีหน้าที่เลี้ยงลูกให้เติบโตแข็งแรงจะดีกว่านะ “
    “ แต่นันท์สงสาร.…” พูดได้เท่านี้สามีก็ขัดขึ้นว่า

    “ อย่าเลยนันท์ เราต่างมีหน้าที่ของกันและกัน “

    ฉันอยากพูดต่อให้จบว่าสงสารเขาจับใจเพราะฉันเคยเห็นในสมัยพ่อของฉันแล้วว่าแทบจะไม่มีเวลาอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ บางทีแค่แวะเอากับข้าวกับปลามาให้แม่แล้วก็รีบผลุนผลันออกไปทำงาน และทุกครั้งที่แม่ถามว่าพ่อกินอะไรหรือยังก็จะได้คำตอบว่า

    “ ไม่ต้องห่วงพ่อหรอก ให้ลูกเมียกินอิ่มกินเต็ม แล้วพ่อค่อยกินทีหลังนอกบ้านก็แล้วกัน “

    เป็นคำพูดที่ฉันได้ยินเสมอจนชินหู และคงเป็นเพราะวัยที่ยังเยาว์ฉันจึงไม่สนใจอะไรไปมากกว่าอาหารที่แม่ประคบประหงมให้แก่ฉัน

    และบ่อยครั้งที่แม่มักบ่นกับพ่อในยามที่พ่อกลับมาว่าพ่อซูบลงไปมาก สงสัยไม่ค่อยได้กินอะไรใช่ไหม ซึ่งคำตอบของพ่อก็มักเหมือนเดิมว่า

    “ ไม่ต้องห่วงพ่อหรอกน่า ให้ลูกกินเยอะ จะได้โตไวๆ ก็แล้วกัน “
    …

    ฉันอาจจะโชคดีที่ได้ลูกแฝด 2 แต่ถึงกระนั้นสามีของฉันก็ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อเลี้ยงดู 2 ชีวิตใหม่ ที่ถือกำเนิดขึ้นมา

    แม้ตอนนี้ฉันมัววุ่นวายกับการดูแลลูกๆ และต้องคอยทำความสะอาดบ้านในขณะที่สามีก็ทำงานนอกบ้านและคอยกลับบ้านตรงๆ เวลาในทุกๆ วัน พร้อมกับอาหารสารพัดสุดแต่เขาจะเลือกมาให้ในแต่ละมื้อ จนบางวันเราทั้ง 2 แทบไม่ได้คุยกันเลย แต่ก็มีบางสิ่งในสายตาของเขาที่ทอดมองมายังฉันที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความรักเหมือนเดิม

    เวลาผ่านไปพร้อมกับลูกๆ ที่โตขึ้น ซึ่งหมายถึงลูกต้องการอาหารมากขึ้นและทำให้สามีต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น แต่ดูเขาก็มีความสุขดีที่ได้เห็นการเติบโตของลูกๆ ไปพร้อมกับฉัน

    กระทั่งวันหนึ่ง ฉันจำได้ดีว่าเป็นวันที่หมอกลงจัดกว่าทุกๆ วัน และสามีมาบอกลาฉันไปทำงานเหมือนทุกๆ วัน และบอกว่าจะกลับมาเวลาเดิมเหมือนทุกวัน

    ฉันก็เริ่มงานทำความสะอาดบ้านและลูกๆ เช่นทุกวัน จนกระทั่งได้เวลาที่คาดว่าสามีน่าจะกลับมาได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย

    ลูกๆ ก็เริ่มงอแงเพราะความหิว ซึ่งฉันทำได้เพียงปลอบลูกๆ ว่าเดี๋ยวพ่อก็กลับแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าของเขาเลย

    ยามนี้ฉันเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะออกไปข้างนอกเพื่อตามหาก็เป็นห่วงลูกยิ่งนัก อีกทั้งสภาพร่างกายหลังมีลูกใหม่ๆ ก็ไม่เหมาะที่จะเดินทางไกลๆ เรี่ยวแรงหรือก็อ่อนลงเพราะต้องรอการพักฟื้นกว่าแรงจะกลับมาดังเดิม

    ตลอด 2 วันแห่งการรอคอยการกลับมาของสามีหรือพ่อของลูกๆ โดยไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย เสียงร้องของเจ้าตัวเล็กทั้ง 2 ก็แผ่วลงเพราะความเหนื่อยอ่อน และหลายครั้งที่ฉันเกือบจะออกจากบ้านไปตามหาสามี แต่ก็อดห่วงลูกๆ ไม่ได้ จนกระทั่งฉันได้ยินเสียงที่ดังมากและเป็นเสียงที่เคยได้ยินมาสมัยอยู่บ้านเกิด ก่อนที่บ้านของฉันจะกลายสภาพไปเป็นสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เสียงที่น่ากลัวนี้ได้ยินอยู่ใกล้ๆ จนแทบจะคว้าจับได้ และไม่นานบ้านที่ฉันและสามีช่วยกันสร้างก็มีอาการสั่นก่อนที่จะเอียงล้มลงไป

    “ โครม “ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับลูกๆ ที่ตกใจตื่นจากหลับเพราะความหิวและเหนื่อยอ่อน ร้องออกมาพร้อมๆ กัน

    “ เฮ้ย ! มาดูเร็วมีโพรงนกเงือกอยู่ที่ต้นนี้ด้วยว่ะ “ เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากภายนอกบ้านของฉัน ซึ่งฉันกลัวจนพูดหรือร้องไม่ออก ต่างจากลูกของฉันซึ่งร้องระงมลั่น

    “ โชคดีสิวะเนี่ย เมื่อ 2 วันก่อนก็สอยได้มาตัวแล้ว “ อีกคนพูดตอบ

    “ เออ ! แล้วเงินค่าไอ้ตัวก่อน :-)ยังไม่แบ่งให้กkuเลย “

    “ ก็เจ้านายเขายังไม่ให้มาเลยนี่หว่า เดี๋ยวเอาไอ้นี่ไปอีกตัวก็รวมเป็น 3,000 เหนาะๆ แล้ว “
    “ แล้วอย่าลืมแบ่งให้ก ku ด้วยล่ะ  “
    “ เหอะน่ารีบไปเอานกก่อนดีกว่า แล้วรีบลากไม้ไปเก็บไวๆ ก่อนที่พ่อ:-)จะแห่กันมา “
    “ เออๆ ช่วยกันหน่อยสิวะ เอาขวานมาแซะดินปากโพรงมันหน่อยเร็วๆ “
    …
    กระทั่งดินที่ห่อหุ้มบ้านของฉัน หรือโพรงในคำพูดของพวกมนุษย์ถูกเอาออกที่เผยให้เห็นฉันและลูกนกเล็กๆ อีก 2 ตัวที่ซุกอยู่ใต้ปีกฉัน
    “ มีลูกด้วยว่ะ  ทำไงดีวะนี่ กินได้ไหมเนี่ย “ เสียงคนไว้หนวดเครารุงรังพูดขึ้น
    “ ใครเขากินนกเงือกกันวะ ไปๆ ไปเอากระสอบมาใส่ตัวแม่มันก่อน “ อีกคนที่ใส่แว่นกันแดดพูดสั่งคนมีเครา

    “ แล้วลูกนกล่ะให้เอาใส่อะไร “ คนมีเคราถามต่อ
     “โยนทิ้งไปสิวะไอ้โง่ เอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ เดี๋ยวมันร้องดังๆ พวกป่าไม้ได้แห่กันมาพอดี “
    ฉันพยายามดิ้นหนีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือที่ล้วงมาคว้าฉันไว้แต่ดูจะไร้ผล เมื่อฉันถูกจับยัดลงในกระสอบป่าน พร้อมกับภาพที่ฉันเห็นก่อนหน้านั้นคือ คนไว้เคราจับลูกทั้ง 2 ของฉันโยนเข้าไปในดงข้างๆ อย่างไร้ค่า โดยไม่สนใจว่าจิตใจของฉันจะทรมานเท่าใด ฉันถูกจับขังไว้ในกระสอบไม่นานเท่าไหร่ จนกระทั่งรู้สึกว่าถูกโยนลงในที่แห่งหนึ่ง
    “ เจ้านายครับ เมื่อเช้าได้นกเงือกมาอีกตัวแล้วครับ “
    “ เออ ดีเว้ย จะได้เป็นคู่กับไอ้ตัวเมื่อ 2 วันก่อน เอาไปสต๊าฟเลย “ เสียงดังและมีอำนาจสั่งมา
    “ แต่ตัวนี้ยังเป็นๆอยู่เลยนะครับเจ้านาย “
    “ ช่างหัวมันประไร ku บอกให้สต๊าฟก็ไปทำตามที่kuสั่งสิวะ “
    เท่านี้เองคือคำสั่งสำเร็จโทษให้แก่ฉันที่ไม่เคยไปทำร้ายอะไรเขาเลย ก่อนที่ฉันจะถูกโยนลงในน้ำและจับกดเพื่อให้จมน้ำตาย ฉันได้แต่ดิ้นรนเท่าที่พอจะทำได้ในยามนี้ และก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายฉันก็ได้ยินเสียงเพลงบทเดิมแว่วมาแต่ไกล…


    ณ รวงรังไม้ล้อมหอมกลิ่นป่า
    เสียงนกกาเพรียกไพรให้ชวนฝัน
    เสกชีวิตสรรค์สร้างทุกวานวัน
    ถ้อยจำนรรจ์กระซิบรักจักยืนนาน
    ตราบฟ้าสิ้นดินสลายละลายหล้า
    แม้ผืนป่าสูญสิ้นถิ่นละหาน
    จะจงรักมั่นไว้ทุกวันวาร
    แม้นผ่านกาลเวลาล่วงจักรักเธอ


    แล้วนกเงือกผัว–เมียก็ได้มาอยู่ร่วมกันอีกครั้งในห้องสะสมสัตว์สต๊าฟ คงไม่มีใครได้ยินเสียงร้องเพลงของทั้ง 2 อีกแล้ว เพราะเป็นเพียงเสียงฮัมเบาๆ ของวิญญาณของทั้งคู่ที่จะทำตามคำสัญญานี้ตลอดไป

    จากคุณ : วิรุฬหค - [ 28 ม.ค. 47 10:40:26 ]