จดหมายลา - - -

    จดหมายลา- - -
    นั่งมองกระดาษเอ4ที่ว่างเปล่ามาเป็นเวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ  อยากจะเขียนอะไรลงไปในนั้น แต่ก็ไม่กล้า  ทำไมผมไม่กล้าละ  ทั้งๆที่ผมเป็นนักเขียนคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ งานเขียนของผมได้รับการยอมรับในสังคมวงกว้าง  แต่นาทีนี้  ตรงจุดนี้  ข้อความในกระดาษแผ่นเดียว    ผมไม่สามารถขีดเขียนอะไรได้เลย

    มือผมสั่นเทา หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ  เหงื่อเม็ดใสซึมออกมาเป็นระยะ   หรือว่าผมไม่กล้าจริงๆ  

    ผมไม่รู้ว่าถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำแบบนี้หรือเปล่า  พวกคุณจะคิดและทำแบบผมหรือเปล่า    ตอนนี้ผมได้แต่เฝ้าทบทวนสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป  หลังจากที่ผมตัดสินใจ  เขียนและทำ  อะไรลงไป

    สายลมเย็นชื้นปลิวแรงมาเป็นระยะ   ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนดาดฟ้าตึกสูงสามสิบชั้น  ทุกครั้งที่ว่างเว้นจากงานเขียนหรือว่าตอนสมองตื้อๆ ผมมักจะขึ้นมาปลดปล่อยสมองที่นี่  ผลงานหลายชิ้นกำเนิดจากที่นี่  

    เฝ้ามองตึกระฟ้ามากมายที่เบียดแข่งกันต่อยอดความสูง  บ้านเรือนหลังน้อยมากมายตรงฝั่งขวาสถานที่ที่ทุกคนเรียกกันติดปากว่าสลัม  ผมพินิจดูความแตกต่างระหว่างสลัมกับตึกสูง  มันเป็นความแตกต่างที่สามารถจับต้องได้ทางสายตา  มันคือความจริงที่ผุดขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครสนใจที่จะตั้งคำถาม

    ผมถามตัวเองอีกครั้งว่าคิดดีแล้วหรือ จะทำอย่างนี้จริงๆหรือ  ทำไปเพื่ออะไร  เพื่อพิสูจน์อะไรหรือเปล่า  ความจริงสิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้มันไม่ใช่การพิสูจน์อะไรเลย  มันเป็นความต้องการส่วนตัว  มันเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ  การตัดสินใจครั้งนี้มันจะเปลี่ยนชีวิตผมได้  ผมมั่นใจว่าอย่างนั้น

    ผมเริ่มถ่ายทอดข้อความลงบนกระดาษที่ว่างเปล่า

    ถึงทุกคนที่ได้รับข้อความจากกระดาษแผ่นนี้   ถ้าพวกคุณได้อ่านข้อความนี้แสดง
    ว่าผมไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว  คุณตำรวจไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องหาสาเหตุ
    ของการกระทำครั้งนี้ของผม   สิ่งที่ผมทำผมทำด้วยความเต็มใจ  นี่ไม่ใช่เรื่องชู้สาว  
    ไม่ใช่เรื่องปัญหาหนี้สิน   ปัญหาครอบครัว  หรือชีวิตรักที่ไม่สมหวัง  และปัญหาอื่นๆ
    อีกร้อยแปดพันประการ

    ผมทำลงไปด้วยความเต็มใจ   ในชีวิตของนักเขียนหนังสือคนหนึ่ง  ผมคิดว่ามาถึง
    จุดสูงสุดแล้ว  ผมมีทุกอย่างที่ผมต้องการ  ชื่อเสียงเงินทอง ทรัพย์สมบัติ  งานเขียน
    ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก  เรื่องราวของผมถูกแปลไปสิบภาษา เอาไปทำหนัง
    ยี่สิบแปดเรื่อง แต่ละเรื่องทำรายได้มหาศาล  

    พวกคุณอาจจะสงสัยว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างผม  ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย
     ผมมีคำตอบให้ตัวเอง และผมมีคำตอบให้กับคุณทุกคน  

    พวกคุณกินข้าวแล้วรู้สึกอิ่มไหม  ถ้าคุณกินเยอะๆๆๆ  จนคุณกินไม่ไหวคุณจะ
    ทำอย่างไร  เมื่อมีแต่คนมาคะยั้นคะยอให้คุณกิน  คุณอาจจะอาเจียนออกมาเลย
    ก็เป็นไปได้   ไม่เชื่อคุณลองไปดูการแข่งขันกินจุดูสิ     คุณลองสังเกตสี
    หน้าพวกเขาตอนที่ขย่อนอาหารไม่ลงสิ  คุณจะรู้ว่ามันทรมานขนาดไหน  

    แล้วเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ผมจะทำละ  เกี่ยวสิ  ผมเป็นคนกินไม่เก่ง เคยไปแข่งกิน
    ก๋วยเตี๋ยวครั้งนึงกินได้สิบชามก็เต็มกลืน  ยัดอะไรไม่ลง  แต่เห็นเพื่อน
    ที่มาด้วยกันเทก๋วยเตี๋ยวใส่ปาก เทเอาเทเอา  ผมไม่รู้ลิมิตตัวเอง กรอกตาม
    มันผลสุดท้ายอ้วกออกมาไม่เป็นท่าเลย  ทั้งๆที่กินได้แค่สิบห้าจาน  วันนั้น
    รู้สึกว่าคนชนะจะกินได้สามสิบจาน  นี่แหละครับคนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน  

    หลังจากวันนั้นมันทำให้ผมคิดอะไรได้  บางสิ่งที่ผมตงิดใจมาตลอดว่า
    มันคืออะไร  สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่มันคืออะไร  ช่วงห้าปีหลัง หลังจากที่
    ผมเริ่มมีชื่อเสียง งานของผมได้รับความนิยม   มันทำให้ผมไม่มีเวลามอง
    ตัวเองเลย  ทุกวันผมได้แต่มุ่งเขียนงานให้สำนักพิมพ์โน้น สำนักพิมพ์นี้  
    งานของผมออกมาเกลื่อนตลาด แม้มันจะได้รับความนิยมมาก  
    แต่ผมกลับไม่รู้สึกดีใจอะไรกับมันเลย  บางครั้งผมมองงานตัวเองเป็น
    งานขยะด้วยซ้ำ

    ผมเริ่มไตร่ตรองวิถีที่จะดำเนินต่อไป  ทุกคืนกว่าจะหลับตานอน
    หลับได้ก็เกือบเข้า  ผมได้แต่ค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง  ทุกสิ่งที่
    ผมทำลงไปทำเพื่ออะไร  ทำเพื่อใครหรือเปล่า  ทำเพื่อตัวเอง
    หรือว่าทำเพื่อคนอื่นที่มองไม่เห็น

    หลังจากคิดได้ผมก็มาตรงจุดนี้  ที่ที่ผมคุ้นเคยเป็นประจำ ผมมัก
    จะมาเขียนงานที่นี่  และที่นี่ก็จะเป็นที่สุดท้ายที่ผมจะได้จารึกลมหาย
    ใจสุดท้าย  และจดหมายฉบับนี้ก็เป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ผมจะเขียน

    อ้าววววว...กระดาษหมดหน้าพอดี ผมยังไม่ได้เขียนลาพ่อแม่พี่น้องคนรู้จักเลย  มัวแต่เขียนอะไรเรื่อยเปื่อยไร้สาระมากไปหน่อย  คงต้องต่อหน้าหลังแล้ว  แต่เอ... ถ้าต่อหน้าหลังมันจะยาวไปไหม  หรือว่าจะเอากระดาษแผ่นใหม่มาเขียน  แล้วเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายที่มีสาระกว่านี้  เพื่อคนที่ได้อ่านมันจะได้รู้ซึ้งกับการจากไปของผม

    ผมไม่ได้กลัวนะ  ตัดสินใจมาตั้งนานแล้วว่าชีวิตของผมจะต้องจบลงที่นี้  ผมจะต้องกระโดดลงไปข้างล่าง  หนีจากจุดสูงสุดไปหาจุดต่ำสุด  พวกคุณอาจจะคิดว่าผมเพี้ยน  ที่จริงผมมีสติสัมปชัญะครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ที่ผมต้องทำก็เพราะว่าอารมณ์ศิลปินละมัง

    อ่านข้อความบนกระดาษเอสี่สองรอบ   มันยังไม่โดนใจสักเท่าไหร่  มีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่ได้ถ่ายทองลงไปในจดหมายฉบับสุดท้าย  ทำยังไงดี ผมหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นเดียวซะด้วย  ต้องตัดใจพับกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินลงไปที่ห้อง

    ห้องของผมอยู่ชั้นเจ็ดของตึก มันเป็นห้อ.........

    “เป็นไงมืงได้เรื่องมะ  ไหนเอามาให้กุดูสิ” สถิติเพื่อนร่วมห้องตวาดเสียงทันทีที่เอกศักดิ์เดินเข้าห้อง
    “ก็...นิดหน่อย”
    “ไอ้ห่า  วันๆนึงมืงคิดจะทำอะไรบ้างหรือเปล่าวะ  นอกจากเขียนจดหมายลาตายบ้าๆบอๆของมืงเนี่ย”  สถิติบ่น  พลางเดินเข้ามาตบกบาลเอกศักดิ์หนึ่งที

    “ก็...เรื่องของกุ   มืงยุ่งไรด้วย    มืงดูทีวีของ:-)ไปเหอะ”  เอกศักดิ์เดินเลี่ยงหลบเข้ามุมห้อง  มุมส่วนตัว
    “กุก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของมืงสักเท่าไหร่หรอกนะ  แต่กุบอกมืงไว้อย่างว่ามืงกรุณาอย่าทิ้งจดหมายลาตายบ้าๆของมืงทางหน้าต่าง  จะให้ดีกุขอร้องให้มืงฉีกทิ้งไปเลย” สถิติกลับไปนั่งหน้าทีวี  บ่นโดยไม่มองหน้าเอกศักดิ์
    “กุไม่ฉีกทิ้ง  กุจะเก็บไว้อ่าน”
    “เออๆ  ให้มันจริง  มืงเก็บไว้อ่านคนเดียวแล้วกัน  ไม่ต้องแบ่งให้คนอื่นเลย”  
    “มืงอย่ามายุ่งกะกุได้ปะ”  เอกศักดิ์ตวาดกลับบ้าง
    “กุก็ไม่ได้อยากยุ่งกับมืงสักเท่าไหร่หรอก  วันนี้ใครจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายอีกละ”
    “นักเขียนผู้ประสบความสำเร็จ” เอกศักดิ์ตอบสั้นๆ
    “เออ  ดีโว้ย:-)  คราวนี้เป็นนักเขียนกระโดดตึกฆ่าตัวตาย  ครั้งก่อนมืงเป็นอะไรนะ....”  สถิติละสายตาจากทีวีเอียงหน้ามองทางเอกศักดิ์
    “เจ้าพ่ออาบอบนวดโว้ย” เอกศักดิ์ตอบ
    “เออๆๆๆ  ใช่ๆ  เจ้าพ่ออาบอบอบนวด  อะไรนะเดี๋ยวกุคิดก่อน...  เจ้าพ่ออาบอบนวดลาตาย  ใช่ปะวะ”       สถิติพูดกลั้วหัวเราะ
    “เออ  รู้แล้วยังมาทำเป็นถาม  มืงดูทีวีของมืงไปเหอะ ไม่ต้องมายุ่งกะกุ”


    ทำไมนะ การฆ่าตัวตายของมนุษย์มันช่างยากเย็นสิ้นดี   ผมใครครวญไตร่ตรองเรื่องนี้มาหลายคืนแล้ว  แต่ทุกทีที่ผมไปยืนอยู่ตรงจุดนั้นผมก็ไม่กล้าทำอย่างที่คิดสักที  สองขาสั่นรัว  ลมหายใจไม่ทั่วท้อง  มองไปข้างล่างรถราผู้คนมากมายรอผมอยู่ตรงนั้น  ทุกคนเฝ้ารอกการทิ้งตัวของผม  ผมหลับตาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะกะ...

    “ไอ้เอกมืงจะ:-)อะไรปะวะ  กุจะลงไปซื้อข้าว” สถิติตั้งคำถามรอที่หน้าประตูห้อง
    “ไม่:-)  มืงไม่ต้องมายุ่งกะกุ”
    “เออๆๆ  เรื่องของมืง ไม่:-)ก็ไม่:-)  ไอ้ห่านี่  เดี๋ยวนี้มืงเป็นห่าอะไรวะ  วันๆเอาแต่เขียนจดหมายบ้าบออะไรก็ไม่รู้    วันไหน:-)จะโดดจริงบอกกุด้วยแล้วกัน  กุจะตามขึ้นไปดู  ....ไม่เอาจริงๆนะมืง”  
    “เออ...ไม่เอา”

    ก่อนประตูห้องจะปิดตัวลง

    “กระเพาไก่ไข่ดาวพิเศษกล่องนึง  เร็วๆด้วย” คำตอบสุดท้ายของเอกศักดิ์
    “ไอ้ห่านี่  ยังไงของมันวะ” สถิติบ่นพึมพัม


    ที่ร้านข้าวใต้ตึก  คุณป้ากำลังเพลิดเพลินกับละครทีวี  ตอนนี้ไม่มีลูกค้าเลยสักคน

    “ป้าเอียดข้าวผัดจาน น้ำเปล่าแก้ว”  สถิตินั่งลงตรงโต๊ะประจำ กางหนังสือพิมพ์อ่าน
    “รอเดี๋ยวนะไอ้หนู” ป้าเอียดไม่ยอมละสายตาจากทีวี
    “รอไรละป้า  หิวจะตายอยู่แล้ว”
    “เออๆๆ  เดี๋ยวก็โฆษณาแล้ว  รอแป๊บนึงไม่ได้ไงวะ”  ตอนนี้บนจอนางเอกกำลังตบฉาดตัวอิจฉา  ป้าแอดขบฟันกรอดๆ     กำมือแน่น   เอามันเลย   เอาอีแวว(ชื่อตัวอิจฉา)ให้ตายคามือไปเลย
    “ถ้างั้นค่าข้าวที่ค้างไว้  เดือนหน้าผมค่อยเอามาจ่ายแล้วกัน”  สถิติเอ่ยประโยคไม้ตาย
    “ไอ้เด็กเวรนี่...  เออๆๆ   มาแล้วๆ  วุ่นวายจริงๆเลย” ป้าเอียดยอมละสายตาจากจอทีวี
    “โฆษณาแล้วละสิ” สถิติเหน็บเสียง    สายตายังจดจ่อกับเนื้อข่าว
    “ไม่ต้องทำเป็นรู้ทัน  วันนี้จะกินอะไร”
    “ข้าวผัด  เร็วๆด้วย หิว”
    “แล้วไอ้เอกหายไปไหนละ   ไม่เห็นมาด้วยกัน...”


    ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ด้วย  จุดมุ่งหมายของการดำเนินชีวิตคืออะไร
    สัจธรรมที่แท้จริงที่ทุกคนถวิลหามันอยู่ที่ไหน  อยู่ที่อกด้านซ้าย หรือว่าปัจจัยสี่ รูปรส
    กลิ่นเสียง เงินทอง  ความพอใจเอาอะไรกันมาวัด  ในโลกนี้มีสิ่งที่ผมยังไม่รู้อีกมากมาย
    แต่สิ่งเหล่านั้นมันอยู่ไกลเกินไป  สองมือน้อยสั้นเกินกว่าจะจับต้องสิ่งเหล่านั้น  ร่างกาย
    ที่มีแต่จะโรยราลงทุกที ทุกที  ปีนี้ผมอายุเท่าไหร่แล้วนะ  เจ็ดสิบหก ใช่แล้วเจ็ดสิบหก  
    รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า  แขนขา ทุกส่วนของร่างกายมันเหมือนกับของใช้ที่หมดอายุ
    การใช้งานแล้ว  

    ร่างกายผมมันก็เป็นเพียงกายเนื้อ  เป็นวัตถุที่ย่อมมีวันเสื่อมสลาย  ถ้าจิตดับไป   ชิ้นส่วน
    ต่างๆคงถูกทำลาย  พวกเขาเหล่านั้นจะเอาร่างกายผมไปทำอะไรนะ    จะเอาไปฝังดินหรือ
    เผา   หรือว่าเอาไปทำลาย   แต่ผมก็ไม่สนใจที่จะตั้งคำ  ถาม    บางที      คำตอบมันเกิด
    ขึ้นก่อนคำถามซะอีก  

    ถ้าจิตผมหลุดไปจากชิ้นส่วนเก่าๆพวกนี้   ผมจะเป็นยังไง  จิตจะดับสลายไปในอากาศธาตุ
    หรือว่าจิตจะคงอยู่ล่องลอยเป็นกลุ่มก๊าซในอากาศชั่วนิรัดร์

    ผมคิดว่าผมเดินทางมาไกลมากแล้ว  มันหมดเวลาแล้ว  ผมขอหยุดนาฬิกาชีวิตไว้เพียงเท่านี้  
    คุณหมอคุณพยาบาลไม่ต้องเป็นห่วงหรือสงสัยว่าใครเป็นคนดึงสายออกซิเจนของผมออก  
    ทุกสิ่งเป็นฝีมือของผมเอง  เป็นความต้องการส่วนตัว  เป็นเจตนาที่แน่วแน่ของตัวผมเอง  
    เพราะขืนผมทนอยู่ต่อไปมันทรมานจิตใจเปล่าๆ   อีกทั้งจะทำให้ลูกหลานเป็นห่วง  

    ผมมีอายุชีวิตแค่นี้ก็พอใจมากแล้ว   การเดินทางตลอดเจ็ดสิบหกปีของผมมันสิ้นสุดแล้ว  
    ผมเหนื่อยเหลือเกิน  แต่ในความเหนื่อยนั้นมันมีความสุขผสมปนเปอยู่ทุกอณู    ความสุข
    ของชีวิตนี้   ผมพอใจมาก

    ผมขอไปเริ่มต้นใหม่ด้วยลมหายใจที่ดับไป    พร้อมกับร่างกายเพื่อนทุกเพื่อนยาก   ขอบคุณ
    เจ้ามากเจ้าร่างกายที่ทนฝันฝ่าอุปสรรคกันมาตลอดเจ็ดสิบหกปี   เจ้าเป็นเพื่อนแท้ที่ดีที่สุด

    ผมดึงสายออกสิเจนออกละนะ...

    ปล.    ขณะนี้เวลา 01.13น.  ของเช้าวันที่ 13 มกราคม 2547 (มันไม่ใช่การฆาตกรรมจริงๆ)


    “ไอ้เอกข้าวมาแล้ว  มืงนั่งเขียนห่าอะไรอยู่วะ”  
    “มืงอย่ามายุ่งกับกุ”  เอกศักดิ์พับกระดาษข้อความเก็บใส่ลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ
    “ไม่ต้องยุ่งกับมืงเหรอ  เออดี   แล้วข้าวมืงจะ:-)ไหม  ถ้าไม่:-)กุจะได้:-)เอง”  
    “:-)    มืงวางไว้ตรงนั้นแหละไอ้ติ”
    “ไอ้ห่า   กุถามมืงตรงๆว่า:-)เป็นโรคจิตปะวะ”  สถิติชักวางกล่องข้าวบนโต๊ะเอนกประสงค์  หยิบรีโมทกดเปิดทีวี

    เสียงรายการทีวีน้ำเน่าแผดเสียงดังทั่วห้อง   มันเป็นตอนสุดท้ายของวันนี้  สถิติเกิดติดใจหลังจากได้แอบดูที่ร้านป้าแอดตอนกินข้าว  ตอนนี้พระเอกของเรื่องกำลังแสดงตัวกับนางเอกว่าเป็นตำรวจปลอมตัวมาสืบราชการลับ  สายตาคู่ของสถิติจ้องเขม็ง  จิตใจทั้งหมดจดจ่ออยู่กับละครน้ำเน่า  

    “ไอ้ห่าติ  มืงก็โรคจิตเหมือนกันแหละวะ   มัวหลงยึดติดกับละครน้ำเน่า   :-)คอยดูกุมั่งก็แล้วกัน  สักวันเหอะ  ถ้าจดหมายลาตายกุได้รวมเล่มเมื่อไหร่   มืงจะต้องสำนึกกับสิ่งที่มืงด่ากุเอาไว้”   เอกศักดิ์บ่นพึมพัมในมุมส่วนตัวของห้อง  จดหมายฉบับใหม่กำลังก่อตัวขึ้นในสมอง

    เอกศักดิ์พเยอยิ้มที่มุมปาก  เดินไปหยิบข้าวกระเพาไก่ไข่ดาวพิเศษมากิน

    “ใช่แล้ว  จดหมายลาตายของมืงไอ้ติ  ...มืงเสร็จกุแน่”  

    จากคุณ : เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ - [ 2 ก.พ. 47 16:58:01 A:203.146.112.110 X: ]