ผมได้รู้จักกับเธอด้วยเรื่องบังเอิญ
ถ้าผมรู้ว่าการได้พบเธอวันนี้แล้วทำให้ผมต้องมาเขียนอะไร ๆ อย่างนี้ในวันนี้แล้วล่ะก็
ผมว่าผมไม่ขอเจอเธอดีกว่า
เพราะการได้เจอเธอนั้นนำมาซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
มากมายชนิดที่เปลี่ยนชีวิตอันสงบสุขของผมให้วุ่นวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
..
เธอมีชื่อว่าไรเนตร
เป็นชื่อที่แปลกไม่ชินหู
เธอให้ผมเรียกเธอว่าเนตรเฉย ๆ
แต่ผมมักจะเรียกเธอว่าไร
ผมว่าจำง่ายและเหมาะกับเธอดี
เพราะเธอชอบก่อกวนให้ผมรู้สึกคันใจคันกายอยู่ตลอดเวลา
.
ขณะที่ผมเดินทางจะกลับบ้านในวันหนึ่ง
ผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำอะไรสักอย่างกับรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง
มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งนั้นจอดอยู่ในดงของมอเตอร์ไซค์หลายคัน
เธอเดินหันรีหันขวาง คว้าได้ท่อนไม้ท่อนหนึ่ง แล้วตรงรี่ไปที่มอเตอร์ไซค์คันนั้น
แล้วก็เงื้อขึ้นสุดล้า ฟาดโครมไปที่ถังน้ำมันและดวงไฟของมอเตอร์ไซค์คันนั้น
โดยไม่สนใจสายตาของใครอื่น
เมื่อฟาดจนหนำใจ เธอก็ทิ้งไม้ แล้ววิ่งข้ามถนนโดยไม่ได้ดูรถที่กำลังวิ่งอยู่
รถผมกำลังวิ่งอยู่จึงต้องเบรคจนตัวโก่ง
หน้ารถกับร่างของเธอห่างกันไม่ถึงคืบ
ผมยั๊วะสิ..เปิดประตูรถกะว่าจะลงไปต่อว่าสักหน่อย
แต่แล้ว..ผมก็ไม่ทันได้ทำอย่างที่กะไว้
เพราะมีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งชี้โบ๊ชี้เบ๊มาทางเธอ แล้วพากันวิ่งกรูมาหาเธอ
มีเสียงตะโกนโหวกเหวกให้ช่วยจับเธอเอาไว้
เธอหน้าซีด..หันมาทางผมด้วยดวงตารอนรน แล้วก็พาตัวเองวิ่งจี๋ไปอีกฝั่งหนึ่ง
เป็นเวลาเดียวกับที่ผมตัดสินใจกระโจนเข้าหาเธอ
เธอหวีดร้อง ผมกระชากอย่างแรง
เปิดประตูหลังรถ โยนเธอโครมเข้าไป ปิดประตู เปิดประตูหน้ารถ ก้าวขึ้นนั่ง
ใส่เกียร์ เหยียบคันเล่น ล้อฟรี..รถกระโจนหวือ
มองกระจกส่องหลัง เห็นกลุ่มวัยรุ่นวิ่งตามมาพักหนึ่ง แล้วย้อนกลับไป
ได้ยินเสียงเธอดิ้นขลุกขลักอยู่เบาะหลัง
ไอ้บ้า..ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!!
ไอ้บ้าคนที่เธอว่า คือผมที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูงในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนย่านถนนที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวกลางคืน
ผมต้องหักหลบเหมือนผู้รับขับหนีตำรวจ
ผู้ร้ายคนที่ว่า..คือผมที่กำลังหนีฝูงมอเตอร์ไซค์
วัยรุ่นกลุ่มนั้นกำลังควบจี๋ตามมาเสียงดังลั่นถนน
ผมเลยไม่มีเวลาไปอธิบายกับเธอว่า
ฉันไม่ได้บ้าโว้ย..เธอน่ะสิบ้า..
.
ผมพารถคู่ใจออกมาจากความจอแจของยวดยานนั้นได้ในเวลาไม่นานนัก
ถ้านานกว่านี้พวกมันต้องตามทันแน่
ผมเห็นทางกระจกหลัง พวกมันที่ซ้อนท้ายอยู่สองสามคนในเจ็ดแปดคนนั้น มีไม้กันอยู่คนล่ะท่อน
ดีที่ผมขับรถเก่ง ดีที่ถนนค่อนข้างว่าง ผมจึงค่อย ๆ ทิ้งห่างฝูงมอเตอร์ไซค์นั้นมาได้
ได้จนกระทั่งถึงทางขึ้นทางด่วน
ทางขึ้นทางด่วนที่มีไม้กั้นถนนกั้นอยู่ให้เราจ่ายตังค์
ถ้าผมเบรครถแล้วจ่ายตังค์ แล้วรอให้ไม้กั้นนั้นยกขึ้น ผมเสร็จแน่
ผมเลยไม่เบรค
เหยียบคันเร่งจนมิดแล้วก้มหัวแนบพวงมาลัย
เปรี้ยง..
บรื้น
.
.
พักหนึ่งผมจึงหันไปมองที่กระจกหลัง
ไม่มีพวกมันตามขึ้นมา
ไม่มีใครบ้าพอจะขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นทางด่วน
นั่นแหละผมจึงหนีรอดมาได้
นั่นแหละผมจึงจอดรถ
เปิดประตู
เรียกเธอออกมา
เธอก้าวออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ผมยาวเป็นกระเซิง
คิ้วบางได้รูป
ดวงตากลมใสยังมีแววร้อนรนอยู่
สวมกระโปรงสั้น เสื้อยืดรัดรูป
ผิวขาวราวกับหยวกกล้วย
เม้มริมฝีปากแดงนั้นไว้ เห็นไรฟันขาวเป็นระเบียบ
ปากของผมที่อ้าเตรียมด่า..จำต้องเก็บไว้ก่อน
สภาพของเธอน่าสงสารเกินไป
ทำไมคุณทำอย่างนี้..
ทำอะไร?
ผมเห็นคุณเอาไม้ไปทุบมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านเขา..
ก็ฉันแค้นมัน..
ใคร?
เจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนั้น..
เขาทำอะไรให้คุณ?
เงียบ
คุณรู้ไหมว่าคุณไปแหย่รังแตนเข้าให้แล้ว?
เงียบ
ไอ้พวกนี้มันรวมตัวกันเป็นแก๊งค์ ก่อกวนชาวบ้านชาวช่องเขาอย่างไม่กลัวเกรงตำรวจ มันถือว่าลูกพี่ของมันเป็นลูกนายตำรวจใหญ่..
ทำไมคุณรู้?
ก็ผมเป็นตำรวจ..
จริงอ้ะ..
ผมควักบัตรให้เธอดู
แล้วทำไมคุณไม่จับพวกมัน?
ในข้อหาอะไรมิทราบ..? ข้อหาที่มันตามจับคนที่ทำลายทรัพย์สินของมันน่ะเหรอ?
แล้วคุณช่วยฉันทำไม?
นั่นสิ..ผมก็ยังสงสัยตัวเองอยู่..
งั้นก็ขอบคุณ..ทิ้งฉันไว้ที่นี่ก็ได้..เดี๋ยวฉันหาทางกลับเอง..
บนทางด่วนเนี่ยนะ..
พยักหน้า
ได้..งั้นตามสบาย..
ผมเดินขึ้นรถ ขับรถออกเสียงดังเอี๊ยด
มองกระจกหลัง..เห็นเธอยกกอดอกคอตกอยู่
ผมเลยต้องเบรครถอีกครั้ง
พร้อมกับถอนใจดัง
เวรเอ๊ยยยยย
.
ที่ร้านข้าวต้มริมถนน
เธอกินข้าวเหมือนกับแมวที่อดอาหารมาเป็นอาทิตย์
แมวเป็นสัตว์ที่กินอาหารคราวล่ะเล็กน้อย แต่คุณคงไม่เคยเห็นแมวหิว
มันจะกิน ๆ ๆ จนอ๊อกออกมา
เธอก็กิน ๆ ๆ จนอ๊อกออกมาเหมือนกัน
ผมเลยเปรียบเธอว่าเหมือนแมว
ผมเห็นเธอหยิบยาอะไรชนิดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือ
เธอหยิบขึ้นเม็ดหนึ่ง กำลังจะโยนใส่ปาก
ผมคว้าข้อมือเธอไว้ มองยาเม็ดเล็ก ๆ สีขาวนั้นด้วยความแปลกใจ
ยาอี? ยาบ้า? ยากล่อมประสาท? หรือยาแก้โรคประสาท?
ยาแก้ผีเข้า
ผมหัวเราะ ปล่อยมือเธอ มองดูเธอกินยาเม็ดนั้น
ฉันอิ่มแล้ว..คุณดีกับฉันมาก..ฉันจะตอบแทนคุณอย่างไรดี?
ไม่ต้อง..แค่บอกเพียงว่าบ้านคุณอยู่ไหน? ผมจะได้ไม่ไปทางนั้น
หมายความว่าไร?
อ้าว..ก็คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าคุณรู้จักไอ้คนที่เป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนั้น แล้วคุณคิดหรือว่า
มันจะไม่พาพวกของมันไปดักเล่นงานคุณถึงที่บ้าน..ก็คุณเล่นรถมันซะยับเยินอย่างงั้น..
เธอยักไหล่
ฉันไม่กลับบ้านอยู่แล้ว..
ทำไม?
ก็คุณกำลังจะจับฉันไปส่งสน.อยู่ไม่ใช่รึ?
จริงสิ..ผมเป็นตำรวจ ผมควรต้องทำอย่างนั้น..
งั้นไปได้แล้ว..
คุณจะไม่ถูกจับ ถ้าคุณสามารถอธิบายเหตุผลในการกระทำของคุณครั้งนี้ได้..
เธอนิ่ง..
เรื่องมันยาว..
ยาวแค่ไหนก็ต้องเล่าออกมา ไม่งั้นได้นอนมุ้งสายบัวแน่ อยู่ดี ๆ ไปทำลายข้าวของเขาอย่างนั้น..
ฉันง่วง..ฉันกินยานี้แล้วฉันจะต้องหลับทุกที..
ยาอะไรจะแรงปานนั้น อย่าเฉไฉ ไม่งั้น..
เธอฟุบลงไปกับท่อนแขนที่วางอยู่บนโต๊ะ
เฮ้ย..
ผมเขย่าตัวเธอ
เฮ้ยยยยยยย
..
ผมเป็นสายสืบให้กับสน.แห่งหนึ่ง..ตอนนั้นออกเวรพอดี
บ้านพักของผมเป็นห้องในแฟลตแห่งหนึ่ง ห้องกว้างขนาดแมวดิ้นเพลงชาติแล้วตายเมื่อเพลงจบ
เตียงก็มีอยู่เตียงเดียว เวลานอนคนเดียวขากับแขนยังแทบจะยื่นออกมาลอยอยู่ในอากาศ
ที่ว่างที่มีอยู่อีกนิดหนึ่งผมเอาไว้นั่งทานข้าวดูทีวี
คืนนั้นที่ตรงนั้นเลยกลายเป็นที่นอน
เป็นที่นอนของผม
ส่วนเธอผมให้นอนบนที่นอนของผม
เป็นที่นอนของผมแต่เธอเป็นคนนอน
เฮ้อ
..
เสียงนาฬิกาปลุกดังตอนตีห้าครึ่ง
อันเป็นเวลาที่ผมมักจะตื่นขึ้นมาเพื่อกดปุ่มหยุดเสียงร้องของมันแล้วนอนต่อ
เช้าวันนั้นผมก็ทำเช่นนั้น
กว่าจะตื่นอีกทีแสงตะวันก็แยงตา
ด้วยความเคยชินผมลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ก่อนเข้าห้องน้ำก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วถอดกางเกง
ถอดยังไม่ทันถึงหัวเข้าก็ต้องใจหายวาบ เพราะมีเสียงร้องว๊ายดังลั่น
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้มือปิดปากทำตาโตจ้องผมอยู่
ผมจึงนึกขึ้นได้ในตอนนั้นว่าผมไม่ได้นอนคนเดียวเหมือนทุกคืน
กระโจนเข้าห้องน้ำแผลว..
ปิดประตูโครม
เวรกรรม!
.
จากคุณ :
ชาร์ป
- [
2 ก.พ. 47 23:48:54
A:202.57.186.90 X:
]