The last samurai เมื่อโลกละทิ้ง "ความกล้าหาญ"

    The last samurai  เมื่อโลกละทิ้ง "ความกล้าหาญ"
    ผู้กำกับการแสดง  Edward  Zwick
    ผู้นำแสดง  Tom  Cruise
                      Ken  Watanabe
                      Tony  Goldwyn

    โดย สถาปไตร

    1
    ในยุคหนึ่งที่โลกต้องอาศัยคุณธรรมและจริยธรรม  ในสังคม ที่ประกอบไปด้วย ความกล้าหาญ ความเสียสละ   ความอดทน ฯลฯ  สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเป็นกรอบเพื่อให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้   ไม่ว่าจะที่ใดในโลก และในสังคมใดก็ตามก็ต้องการคนแบบนั้นเป็นฐานรองรับค่านิยมสูงสุดของพวกเขา

    แต่เมื่อมาถึงยุคที่โลกพัฒนาไปสู่ความคิดแบบทุนนิยม    ที่มองว่าทุกอย่างคือทุนที่ขายได้  คุณธรรมและจริยธรรมเหล่านั้นก็ต้องถูกถอนรากถอนโคนออกไป   เพื่อสร้างฐานความเชื่อใหม่ให้ผู้คนในสังคม ใช้รองรับความคิดแบบ "ทุนนิยม"

    2
    ร้อยเอกเนธัน  อัลเกรน (ทอม ครูซ)    อยู่ในสภาพไร้เป้าหมายในชีวิต    แม้นว่าผู้คนจะมองเขาเป็นวีรบุรุษสงคราม  แต่ชีวิตประจำวันของเขาก็คือ   เล่าเรื่องซ้ำๆบนเวทีจำอวดเกี่ยวกับการเอาชนะพวกคนเถื่อน(ชาวอินเดียนแดง)      ทุกครั้งก็จะได้รับเสียงต้อนรับกึกก้อง และลงท้ายด้วยการโฆษณา "ขาย" ปืน

    ซ้ำร้ายกว่านั้นก็คือ  ภาพวีรบุรุษในสายตาผู้คน  กลับเป็นที่น่ารังเกียจสำหรับตัวเอง  เมื่อหวลนึกถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอินเดียนแดงที่เป็นเด็ก และผู้หญิง ด้วยน้ำมือเขาเอง  จากคำสั่งของผู้บังคับบัญชา   แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

    เขาเปลี่ยนอาชีพจาก "นายแบบโฆษณาขายปืน"  มาเป็นครูฝึกทหารให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่น  ที่ต้องการกวาดล้างพวกกบฎ  (ซึ่งขัดขวางการนำพาประเทศไปสู่ความทัดเทียมอารยะประเทศ!!!!!) ในเวลาต่อมา    ด้วยค่าตอบแทนมหาศาล     แต่ก็ยังไร้ความสุข และมักจะแสดงอาการประชดชีวิต ทั้งการแสดงออกทางวาจา และในสัมพันธภาพกับผุ้คน

    เหตุการณ์ฉับพลันมีอันทำให้เขาต้องพาทหารญี่ปุ่นที่ไม่พร้อมต่อสู้ออกรบ    และเมื่อปะทะกับเหล่านักรบซามูไรที่จิตใจหาญกล้า      แม้นจะมีกองกำลังมากกว่า  แต่เขาก็พ่ายแพ้อย่างหมดรุป      อัลเกรนถูกจับเป็นตัวประกัน
    ศักดิ์ศรีแห่งชายชาติทหาร เริ่มถูกสั่นคลอน    เขาลิ้มรสชาติแห่งการพ่ายแพ้อย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก

    แต่หลายเดือนที่ถูกจับเป็นตัวประกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น    ที่นี่เขาเรียนรู้คุณธรรมแบบนักรบโบราณ  ความกล้าหาญ  เสียสละ  ความอดทน  ที่ทำให้นักรบเจนสงครามอย่างเขาต้องนิ่งคิด

    หรือว่า  นี่คือหนทางแห่งนักรบที่แท้จริง  ที่เขาเคยแสวงหามาตลอดชีวิต!!!!!!!!!!!!
    หนทางแห่งนักรบซามูไร!!!!!!!!!!!!!!

    อัลเกรนนอนหลับสนิทได้เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาหลายปี    เขาสงบและสุขุมขึ้น  และเรียนรู้เรื่อง  "จิตว่าง"  จากเพลงซามูไร  
    ท้ายที่สุดเขาก็พบตัวเองเป็นหนึ่งใน "กบฎ"


    คัดซึโมะโตะ (วาตานาเบะ) ซามูไรผู้เป็นหัวหน้าของเหล่ากบฎ     เขาอาจไม่เหมาะสมสำหรับยุคสมัยที่ญี่ปุ่นกำลังจะก้าวตามโลกไปสู่ทุนนิยม     เพราะการถือเกียรติศักดิ์นักรบซามูไรที่มีค่าสูงสุด  มีค่ากว่าวัตถุใดๆ   เป็นความคิดที่ไม่อาจรับใช้สังคมใหม่ที่โลกกำลังเลือกจะก้าวไป  รวมทั้งญี่ปุ่นด้วย

    นั่นคือ   โลกสมัยใหม่  จุดเริ่มต้นแห่งทุนนิยม

    ทางเลือกของคัดซึโมะโตะมีไม่มากนัก     คือตายอย่างมีเกียรติแบบนักรบซามูไร หรือ เป็นข้าหลวงสมัยใหม่ ที่ละทิ้งจิตวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองทั้งหมด     ไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมความกล้าหาญแบบเดิมๆอีกต่อไป

    จุดจบของเรื่องนี้ ที่ภาพยนต์พยายามจะสะท้อนออกมา    จึงไม่มีอะไรอื่น  นอกจากการปะทะกันของโลกสองโลก  โลกแห่งความเชื่อในคุณธรรมความกล้าหาญ  เสียสละแบบดั้งเดิมของตะวันออก    และโลกแห่งทุนนิยมที่กำลังเริ่มรุกขยายไปทั่วโลกในเวลานั้น   ที่ซึ่งจะแปรรูปทุกอย่างให้เป็นการ  "ขาย"  ของตะวันตก

    และแน่นอนว่าโลกเลือกเดินเส้นทางหลังในเวลาต่อมา  จวบจนปัจจุบัน

    3
    ผู้ถูกทำลายได้รับการคารวะ  นี่ไม่อาจเรียกว่าแพ้ได้เลย  

    ผู้หาญกล้าควบม้า ถือดาบซามูไรพุ่งตรงไปข้างหน้า  ท้าทายคู่ต่อสู้  แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง  เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับคำท้าออกมาต่อสู้ด้วยดาบที่ต้องอาศัยความกล้าหาญ     แต่พวกเขาหลบอยู่หลังกระบอกปืนกลที่กราดยิงออกไปอย่างไม่ยั้ง  ที่คนที่ขี้ขลาดก็ทำหน้าที่นี้ได้   นี่จะเรียกว่าชัยชนะได้ละหรือ

    4
    ในแง่สารที่จะสื่อ  ของภาพยนตร์เรื่องนี้  นับว่าเต็มเปี่ยมและมีพลัง  มีบางจุดที่ดูแล้วเป็นลักษณะ   "ฮีโร่-โรแมนติค"  แบบเกินเลยไปบ้าง  เช่นในฉากที่เหล่านักรบซามูไรถูกปืนกราดยิงจนตายหมด    ยกเว้นร้อยเอกอัลเกรนอยู่คนเดียว   และยังกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายสมหวังแบบ  "แฮปปี้เอนดิ้ง"  

    แต่ถ้าเรามองในแง่ของความเป็นหนังที่พยายามจะเล่าเรื่องผ่านบทบาทของเขา  ก็นับว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะถ่ายทอดให้ดุเป็นสมจริงไปทุกอย่าง

    อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอออกมานั้น  มันทำให้ผู้เขียนตั้งคำถามอยู่ในใจเหมือนกันว่า

    "โลกเรากำลังเลือกเดินมาในหนทางที่ดีหรือไม่   และแน่ใจไหมว่าเรากำลังพัฒนา?????????????"

    จากคุณ : สถาปไตร - [ 2 ก.พ. 47 23:51:54 A:203.118.126.126 X: ]