เรื่องของหนู ตอนที่1

    เรื่องของหนู
    ความคิดอ่านแบบนางเอกละครทีวีน้ำเน่า ไม่ได้ประจำการอยู่ที่รูปากของหนูมากนานแล้ว   บ่อยครั้งที่เหตุผลถูกขยำทิ้งไป  ความมันส์ก่อรูปขึ้นที่ริมฝีปากเป็นประจำ  ไม่ว่าแม่ค้าขายผักที่ตลาด  แม่ค้าขายทุเรียน คนขายเสื้อผ้าที่สวนจตุจักร  แม่ค้าฯลฯ    พวกแม่เหล่านั้นต่างต้องยอมสยบแทบปากหนูทั้งสิ้น   หลายคนแอบชมหนูว่าปากดี  บ้างก็ว่าปากตลาด  ปากปีจอ  ชิงปากหมามาเกิด   ปากปลาร้า   โอ้ย...สารพัดปากแล้วแต่จะสรรหาคำมาพูดได้

    ทุกครั้งที่ได้ยินคำชมเหล่านั้นหนูยิ้มแก้มแทบแตก เลือดฝาดขึ้นแก้มทั้งสอง  หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง  บางคนเรียกอาการนี้ว่าเลือดขึ้นหน้า    หนูมักกล่าวคำขอบคุณคนเหล่านั้นกลับด้วยถ้อยคำที่สุเพียบ  ซึ่งก็บอกไม่ได้ว่าต่างจากคำว่าสุภาพอย่างไร     แต่...   ก็ยังสงสัยว่าหนูอาจจะเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์ทางปากไม่ค่อยดี  คำขอบคุณแบบสุเพียบที่กล่าวมันทำให้พวกเขาชักสีหน้า    บางคนเบือนหน้าหนี      ปากคนปรี่เข้ามาตบหนูเลยก็มี

    แต่หนูก็เป็นคนสู้คนนะ   ไม่กลัวหรอกพวกป้าๆ แก่จะเข้าโลงอยู่แล้วยังมาทำอวดเก่งอีก   ไม่อยากจะคุยว่าหนูจับตบฉาดมาหลายรายแล้ว   บางคนเห็นปาก... เอ้ย!!ไม่ใช่   เห็นหน้าหนูเดินเข้ามาในตลาดแล้วต้องมุดหน้าหนีไปใต้แผงเลยก็มี   ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

    ทุกๆเช้าหนูจะตื่นขึ้นมาบริหารร่างกายเพื่อนเอาไว้รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  ใครจะไปไว้ใจได้คะ  ข่าวฆาตกรรม  ข่าวข่มขืน  ปล้นชิงทรัพย์มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เป็นประจำ   แต่หนูก็ไม่ลืมสิ่งสำคัญนะ   การบริหารปากก่อนออกจากบ้านเป็นเรื่องที่หนูไม่เคยลืม   และไม่คิดจะลืมซะด้วย

    หลังจากที่กำกิจวัตรประจำวันตอนเช้าเสร็จ  หนูมีภาระหน้าที่ที่จะต้องไปตลาด   ต้องไปซื้อของมาทำอาหาร ให้เจ้านายทานมื้อเช้าและเตรียมพร้อมสำหรับมื้อเย็นด้วย   จะซื้อแกงถุงก็กระไรอยู่  มีอยู่ครั้งนึงขึ้เกียจทำกับข้าวตัดใจซื้อแกงถุงร้านหน้าตลาดมา   ไม่อยากจะบรรยายรสชาติที่ปลายลิ้นตวัดรส    แตะลิ้นไปได้คำเดียวต้องเทให้ไอ้ด่างข้างบ้าน  วันนั้นเลยต้องทอดไข่เจียวกับต้มยำปลากระป๋อง  ซวยจริงๆ   โดนเจ้านายเอ็ดชุดใหญ่เลย  อยากเถียงใจจะขาดแต่ก็ได้แต่   เฮ้อออออออออ ...อำนาจเงินมันช่างยิ่งใหญ่นัก

    เช้าวันถัดมาหนูรี่เข้าไปเลย  ที่ร้านข้าวแกงร้านนั้นแหละ  เล่นชุดใหญ่ไปหนึ่งชุด   คนขายมันก็กวนจริงๆ มันด่าฉอดๆสู้กับหนู  แต่คงไม่ต้องสาธยายนะคะว่า   ใครด่าชนะ    คารมคมปากใครคมกว่ากัน   มีหรือที่หนูจะยอมแพ้   ไม่มีวันซะหรอก  แค่แม่ค้าข้าวแกงจิบจ้อยคนหนึ่ง  อึ...เรื่องขึ้ผง   หลังจากที่หนูแสดงฝีปากในวันนี้  เชื่อไหมคะ   วันต่อๆมาที่หนูไปตลาด   โชบๆแวบๆไปชำเรืองมองข้าวแกงร้านนั้น   เห็นแล้วอดขำไม่ได้   หนูต้องยกมือป้องริมฝีปาก  กลัวปล่อยก๊ากคำใหญ่ออกมา   ทำไมหรือคะ   ก็นังแม่ค้าตัวดีนั้นแหละ  กำลังนั่งปัดแมลงวันอยู่   ข้าวแกงเหลือบานเลย  สมควรแล้วแหละ  หนูสำรอกคำเย้อหยันในใจ   กับข้าวก็ไม่อร่อย  น้อยก็น้อย  แพงก็แพง  โดนอย่างนี้สมควรที่สุดแล้ว  

    ทันใดนั้นเองหนูเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า    เหมือนมีแสงสีทองเจิกจ้าส่องประกายแทงสวนมาข้างหลังหนู    ตัวลอยๆรู้สึกเบาๆพิกล     ใช่แล้ว...หนูมีความรู้สึกว่าเหมือนเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม  “แต่น แตน  แตน  แต๊นนนนนนนน” (ต้องมีเพลงประกอบนิดหน่อย)    ปากของหนูก็มีประโยชน์แก่ชาวโลกเหมือนกัน  

    ชีวิตประจำวันของหนูวนเวียนอยู่กับพวกแม่ค้าปากตลาดอยู่ช่วงหนึ่ง พักหลังหนูเริ่มรู้สึกเบื่อๆเซ็งๆ   ที่ต้องคอยทะเลาะกับพวกแม่ค้า  คำด่าที่หนูตวาดด่าออกไปมีแต่คำเดิมๆ     คำชมที่แม่ค้าส่งกลับมาก็มีแต่ประโยคซ้ำซาก  หนูเริ่มรู้สึกเต็มอิ่มกับการต่อปากต่อคำกับแม่ค้าซะแล้ว  คิดจะเลิกด่าแม่ค้าอยู่วันสองวันแต่ก็ทนไม่ได้สักทีมันคันปากยิกๆ  ต้องกระเสือกกระสนไปหาแม่ค้าที่ตลาดมาด่า  แต่มันก็เป็นความหายอยากบนความเบื่อหน่าย  หรือว่าหนูควรจะแขวนปาก    ...ดี

    แต่กรุงศรีอยุธยาก็ยังไม่สิ้นคนดี  และคนดีอย่างหนูก็ยังไม่หมดหนทาง  การค้นหาคนด่ายังคงต้องดำเนินต่อไป  หัวใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์เรียกร้องโหยหาสิ่งที่ต้องการ   ริมฝีปากเริ่มคันยุบยิบเมื่อเพ้อเห็นฝันหวานวันข้างหน้า  

    หนูตัดสินใจลาออกจากการเป็นคนรับใช้ที่บ้านนายจ้าง  ขอนินทานายจ้างนิดนึงแล้วกัน   ปากมันคันยุบยิบ  นายจ้างหนูเป็นผู้ชายคะ   รับราชการอยู่ตำแหน่งสูงแล้วแหละ   อายุคงประมาณสัก ห้าสิบกว่าๆ  ผมขาวเริ่มแซมขึ้นมาหลอมแหลมแล้ว  

    ทุกเช้าเจ้านายหนูจะตื่นมาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง มาออกกำลังกาย  วิ่งจ๊อกกิ่งไปรอบๆหมู่บ้าน  จะกลับเข้ามาก็ตอนหกโมงเช้า  หนูต้องคอยเตรียมกาแฟ  ขนมปัง หนังสือพิมพ์ไว้ให้ทุกเช้า  ถ้าวันไหนหนูตื่นสายเตรียมกาแฟไม่ทันนะ  เป็นเรื่อง  โดนบ่นไปสามวันเจ็ดวัน  ไม่รู้จะเอาอะไรกับหนูนักหนา  แต่ในเรื่องการทำกับข้าวอาหารการกิน  งานบ้าน หนูก็เป็นที่หนึ่งเหมือนกันนะ  เจ้านายยังชมอยู่บ่อยๆเลย  แต่มีคำนึงที่หนูได้ยินเสมอคือ  “ขยันแต่ขี้เกียจ”  หนูก็ไม่รู้จะแปลความหมายของประโยคนี้ได้ยังไง  หนูจบแค่ป.6  ซะด้วย   แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก  แค่มีที่ให้นอนมีข้าวให้กินหนูก็พอใจแล้ว  อ้อออ  มีเงินเดือนให้ใช้ด้วย

    แต่มีอยู่เรื่องนิงที่หนูสงสัยเกี่ยวกับเจ้านายมาก  คิดดูสิคะชายวัยห้าสิบปี ไม่มีลูกไม่มีเมีย ครองชีวิตโสตมาจนถึงอายุขนาดนี้  จากผมดำ จนผมเริ่มขาว  หนูว่าอีกไม่นานก็คงไม่มีผม  ทำไมถึงไม่มีเมียมีลูก  หนูละงงจริงๆ   และเจ้านายหนูเขาก็เป็นคนดีนะคะ  ทุกวันอาทิตย์จะต้องไปวัดทำบุญ  ก่อนนอนจะสวดมนต์ทุกคืน  เหล้าบุหรี่ก็ไม่แตะ  หนูละเชื่อเขาเลย  แต่เขาก็ไม่เคยมองหนูด้วยสายตาลวนลามแทะเล็มนะ  (ทั้งๆที่ทอดสะพานไปไม่รู้กี่อันแล้ว)

    ตลอดเวลาที่อยู่รับใช้บ้านนี้ก็มีสิ่งเดียวที่พบเห็นเป็นประจำนอกจากหน้าของเจ้านายคือ   ทุกสุดสัปดาห์ไม่วันศุกร์ก็วันเสาร์  เจ้านายจะกลับบ้านดึกพอสมควร บางวันห้าทุ่ม  บางวันตีสองเลยก็มี  ทุกครั้งที่เจ้านายกลับมาจะพาเด็กน้อยมาด้วยหนึ่งคน บางทีก็สองคน  หนูก็ไม่เคยถามว่าเด็กพวกนี้ลูกใคร มาจากไหนเพราะไม่ใช่ธุระกงการอะไรของหนู  บางวันหนูยังไม่นอนก็ต้องวิ่งไปเปิดประตูให้  บางวันที่เผลอหลับไปเจ้านายก็ไม่เคย บ่นว่าที่หนูไม่ยอมรอเปิดประตูให้   คิดไปคิดมาเจ้านายก็ไม่โหดเท่าไหร่

    เป็นประจำของเช้าวันถัดไป  เจ้านายจะขอไข่ลวกสามใบ  และให้หนูเตรียมขนมหวานให้หนูๆพวกนั้น   ต้องไปเสริฟ์ถึงห้องนอนเลยนะคะ  แต่ก็ส่งเสบียงไว้แค่หน้าห้องไม่ได้เข้าไปให้ถึงในห้อง  เจ้านายไม่ให้เข้า   ไม่รู้เขาเล่นอะไรกัน  เสียงหวีดร้องครวญครางแว่วเสียงมาเป็นระยะ   ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจหรือว่าอยากเข้าไปดูแต่ก็ทำไม่ได้   เก็บความสงสัยโยนทิ้งไป   แต่มาอีกแล้ว  เสียงเด็กน้อยแว่วมาอีกแล้ว

    ตอนบ่ายๆเด็กน้อยก็จะกลับกัน  เจ้านายนะให้หนูเรียกแท็กซี่มารับเด็กน้อยไปส่ง  แล้วแต่จุดหมายของเด็กน้อย  บางคนอยู่สนามหลวง   บางคนอยู่สะพานควาย  บางคนอยู่สีลม  สารพัดที่ไม่รู้ว่าเจ้านายหนูไปรู้จักเด็กน้อยเหล่านี้ได้ไง  

    บางวันนะคะหนูเห็นเด็กน้อยเดินเป๋ออกมาเลย   แปลกๆหรือว่าไม่สบายดูหน้าซึมๆเดินเป็นเลขแปดเลย

    วันที่หนูขอลาออกกับเจ้านาย เจ้านายถามหนูว่าลาออกแล้วจะไปทำอะไรกิน  หนูบอกว่ากลับบ้านแม่ป่วยมาก  เจ้านายย่ำว่าถ้าอยากกลับมาทำงานที่นี่อีกเมื่อไหร่ก็มาได้เลย   หนูตอบปากรับคำ  แต่คิดในใจคงไม่แล้วคะ อยู่ที่นี่ปากมันเหงาเหลือเกิน    เตรียมเก็บข้าวของสัมภาระทั้งหมด   หางตาก็เหลือบเห็นชายหนุ่มวัยกลางคนคนหนึ่งกับเด็กน้อยสามคน  ลงจากรถแท็กซี่ที่หน้าบ้าน  กดออดเรียก  เจ้านายรีบวิ่งออกไปรับ   ทั้งห้าคนหายเข้าไปในบ้าน  สักพักได้ยินเสียวแว่วของเด็กน้อยอีกแล้ว

    หนูเก็บสัมภาระอาจบ้านทรายทอง  ชีวิตพจมานก็อย่างนี้แหละคะ ต้องระหกระเหินเร่ร่อน  กว่าจะพานพบกับความสุขสมหวังในตอนท้ายเรื่อง  ติดตามกันต่อไปอย่าให้คลาดสายตานะคะ  

    ออกจากรั้วบ้านได้ปุบก็วิ่งโร่หาตู้โทรศัพท์   โทรหานังเอมเพื่อนคนใช้บ้านข้างๆที่ชิงออกไปก่อน เห็นมันบ่นๆว่าไม่ไหว   เจ้านายย่องหาทุกคืน  ไม่รู้มันจะบ่นทำไม  ยังดีที่เจ้านายมันยังย่องหาแต่เจ้านายหนูสิไม่เคยย่องหาเลย  วันๆเอาแต่สวดมนต์ เข้าวัด  แล้วก็คลุกตัวอยู่กับเด็กน้อย  

    “เออ นังเอมว่าไง   ได้งานมะ” เสียงหนูเองอะ  เพราะไหมค่ะ
    “ได้สิวะ  ทำไมจะไม่ได้  เดี๋ยวเอ็งมาหาข้าวันนี้เลยนะ   เจอกันที่สนามหลวง  เดี๋ยวฉันพาไปสมัครงาน”  น้ำเสียงนังเอมเพื่อนหนูเองค่ะ    เหน่อๆบ้านนอกๆ     แต่หนูก็ไม่ได้ถือสาอะไรนะค่ะ  เห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน  

    “ได้ๆ  เดี๋ยวนังรถเมล์ไปหาเลย”   หนูรัวลิ้นเร็ว    น้ำเสียงเหี้ยนกระหาย   อยากจะพุ่งไปให้ถึงตรงนั้นซะเดี๋ยวนี้เลย
    “งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ใต้ต้นมะขาม ต้นที่สิบสาม”  นังเอมนัดแนะสถานที่
    “ต้นที่สิบสาม  ได้เลยเดี๋ยวเจอกัน”   หนูรับคำ  วางหูโทรศัพท์พุ่งออกจากตู้ทันที  วันนี้  สนามหลวง  ใต้มะขามต้นที่สิบสาม    งานใหม่   ปากครื้นเครง  ต้องรีบไปถึงให้เร็วที่สุด  หนูคิดว่าจะเหาะไปเลย!!!

    กว่าหนูไปถึงที่สนามหลวงก็เย็นย่ำแล้ว   ได้แต่ตัดพ้อว่าทำไมเหาะไม่ได้  การจราจรในกรุงเทพฯช่างน่ากลัวแสนสาหัสสิ้นดี  ร้อนก็ร้อน  ควันไอเสียก็เยอะ  หนูไอแคกๆออกมาเลย   ทันที่ที่ไปถึงสนามหลวงหนูดิ่งตรงหาต้นมะขามที่สิบสามทันที   เดินหาอยู่สักพักก็เจอมะขามต้นที่สิบสาม   นั่งรอสักพักนังเอมก็ปรี่เข้ามา

    “มาถึงนานยัง”  ประโยคแรกที่นังเอมพูดกับหนู
    “สักพัก  ร้อนมากเลย   แล้วไหนละงาน”  หนูถามหางานทันที
    “ตามมาเหอะ  ทางนี้  เดี๋ยวพาไปหาผู้นำ”  นังเอมฉุดมือหนูอย่างรีบเร่ง
    “ผู้นำอะไรวะ  ทำไมต้องรีบด้วย”  หนูชักสงสัย
    “เออ  รีบไปเหอะ  คนกำลังขาด  แล้วเดี๋ยวแกไปเปลี่ยนชุดซะด้วย”  นังเอมทำให้หนูสงสัยกับหนทางที่กำลังจะมุ่งไป

    จากคุณ : เรื่อยเปื่อยไปวันๆ - [ 4 ก.พ. 47 14:23:21 A:203.146.112.110 X: ]