เงาพาดผ่าน

    เรื่องเล่าเมื่อครั้งเก่า
    ตอนที่หุ้นล่วงละลิ่ว ฉุดกันลงเหว ตลาดหุ้นพังยับ
    เจ้าสัวทั้งหลายกับกลายเป็นอดีตกาล  หุ้นในมือค่อยๆมลายหาย
    ผมพยายามสั่งขายบางส่วนที่อยู่ในมือ แม้บางส่วน ก็ไม่สามารถขายได้
    ผมพบว่าความพยายามที่จะขายมันออกไปนั้น ค่อยๆสลาย หายไป พร้อมราคาหุ้น

    เงินในบัญชี ที่เก็บมา 3 ปีกว่า หายไปจนหมดสิ้น..
    คืนเกิดเหตุ ผมไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ และเมื่อหลับตาลงได้
    ผมสูญสิ้นเรี่ยวแรงที่จะลืมตาตื่น


    ในตอนเช้า ที่ยืนหยัดได้ข้างเตียงนอน ความเหนื่อยล้า จากความเครียดยังสั่งสม
    ผมยืนนิ่ง จ้องมองเตียงนอน อย่างอาลัย
    ผมโซซัด โซเซ เดินกระเผลกไปยังห้องน้ำ
    เปิดก๊อกน้ำ วักน้ำลูบหน้าตัวเองเบาๆ

    เมื่อมองดูกระจก ใบหน้านั้น ผมเคยเห็นมาก่อน ในครั้งที่ เอนท์ไม่ติด
    ผมทักทายเงาร่างในกระจกนั้นชั่วครู่ ก่อนจะละจากมันอย่างไม่แยแส
    ผมเริ่มอาบน้ำ

    ในตอนที่นึกออกว่า ควรเช็ดตัวให้แห้งก่อนที่จะใส่เสื้อเชิ้ต
    ผมจึงย้อนนึกกลับไปทบทวนว่า ได้ถูสบู่แล้วหรือยัง

    ความทรงจำ ตรงนั้น กลับถูกฉีกกระชาก หายไปดื้อๆ
    คล้ายหนังสือที่หายไปจากห้องสมุดอย่างไร้ร่องรอย

    ความพยายามสูญสิ้น ...
    ผมเคลื่อนไหว ขยับร่าง พาดผ่านเงาร่างของสิ่งต่างๆ
    ทั้งมีชีวิต และ ไม่มีชีวิต
    พาตัวเองไปที่บริษัท จนได้


    วิกฤตเศรษฐกิจ เล่นงานเซียนหุ้นที่บริษัทผม เสียหมดรูป
    หลายๆคนต้องขายบ้าน ขายรถ ไปใช้หนึ้ ที่เกิดจากการเล่น margin
    ความเสียหาย ลามไปทั่วทั้งบริษัท

    ความซึมเศร้า แผ่คลุมไปจนทั่วทั้ง ออฟฟิศ
    ผมมีโอกาส พบผู้จัดการแผนกอีกครั้ง ก่อนที่เค้าจะลาออกไป
    ความสนิท ที่ครั้งหนึ่งผมเคยมีให้แก คล้ายเก็บกระเป๋า ตามเงาร่างอ้วนเตี้ยนั้นไปด้วย

    แต่การงานไม่เคยปล่อยให้ความเศร้ามาหยุดยั้ง

    ผมยังคงเหนื่อยยากกับความลำบากใน การอธิบายให้เจ้านาย
    เข้าใจในเหตุผลของ โปรเจ็ค ต่างๆ
    เหนื่อยเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา

    เวลาผ่านอย่างขยักขย่อน ช่วง 8โมง-9โมง ผ่านไปอย่างยากลำบาก
    และไหลพรวดพราดอีกครั้ง ตอน 10โมง - บ่ายโมง
    ผมยืนไหล่ตก พิงฝาตู้ในห้องครัว ยืนจิบกาแฟ

    ผมลืมใส่ครีม

    ผมก้มลงเปิดลิ้นชักหา ครีมเทียม ยี่ห้อ ที่คุ้นเคย
    ไม่มีแม้แต่เงา
    ความหม่นหมอง ไหลเวียนมาจนถึงในนี้เลยหรือนี่

    ผมทรุดลงนั่งบนเก้าอี้
    เหนื่อยเกินจะทน

    และผมก็เผลอหลับไป..

    เมื่อถูกเขย่าตัวอีกครั้ง
    ผมลืมตาตื่น อย่างเนือยๆ ขยี้ตา และค่อยลืมตา ปรับโฟกัส
    มองไปข้างหน้าอีกครั้ง

    พี่จุก แม่บ้านของออฟฟิศเดินไปที่ตู้เย็น
    หยิบมะม่วงปอกแล้วออกมา
    "กินสิคะ คุณสรวิศ"

    ผมข่มความเปรี้ยวของมะม่วงไว้ที่รอยย่นที่หว่างคิ้ว
    "เปรี้ยวเหรอคะ"

    ผมพยักหน้า ความเปรี้ยวนี้ปลุกประสาทผมกลับมาอีกครั้ง
    ผมถามหาครีมเทียม

    พี่จุก เดินไปที่ตู้ เปิดลิ้นชัก แล้วหยิบมันออกมา
    "พี่จุก ซื้อมาใหม่เหรอครับ"

    "เปล่าค่า ของเก่าเหลือตั้งเยอะ"

    ผมยิ้มรับ ความเศร้าบังแม้แต่เงาของเวลา
    ตักครีม 2 ช้อนใส่ลงไปในถ้วยกาแฟ

    "กาแฟเย็นแล้วมังคะ"

    แม้กาแฟจะเย็นไปแล้ว แต่สีดำของมันก็ค่อยๆกลายเป็นสีอ่อนลง ด้วยครีม 2 ช้อน
    ผมจิบมัน เล็กน้อย

    ก่อนจะเทมันทิ้งไป...



    ตอนที่เดินออกจากห้องครัว  ผมเดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่งในแผนกวิศวกรรม
    ผู้หญิงคนที่ผมไม่เคยคุยด้วย
    เอกสารนานาชนิด ล่วงหล่นลงบนพื้น

    ผมช่วยเธอเก็บ
    "ขอบคุณค่ะ"
    นี่เป็นประโยคแรก ที่เราได้คุยกัน


    ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ
    แล้วผมก็รู้สึก....

    ผมยังคงเป็นพนักงานบริษัท  กินเงินเดือน
    เหมือนเมื่อวาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
    ผมยังคงนั่งที่ตรงนี้  ทำงานเหมือนที่ทำ เมื่อวาน

    ผมยังคงเป็นเหมือนเดิม.....
    ความเศร้า และความเครียดไม่ได้เปลี่ยนผมไป....

























































    จากคุณ : เกลือกกลิ้งไปกับหมีโคอะล่า (tooflash) - [ 5 ก.พ. 47 17:46:29 ]