หลังจากจดทะเบียนแต่งงานกับสามีชาวสวิสฯ ได้เพียงแค่ ๑ วัน สามีซึ่งเป็นผู้ชายหากินประเภทเร่ร่อนก็ต้องบินไปประจำที่ประเทศไต้หวัน คราวนี้เห็นทีจะเลิกเร่ร่อนชั่วคราว เพราะเป็นโครงการยักษ์ใช้เวลามากกว่า ๒ ปี สามีบอกให้ดิฉันบินตามไปเร็ว ๆ แต่ดิฉันขออยู่ฉลองปีใหม่กับครอบครัวเสียก่อน สามีก็ตามใจ หลังจากปีใหม่ผ่านไปดิฉันก็ยังไม่ยอมไปเสียที มัวแต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้าน สามีต้องโทรมาตามแถมเตือนให้ระลึกว่าแต่งงานแล้วนะ สามีและภรรยาต้องอยู่ด้วยกัน ดิฉันบอกตรง ๆ ว่าตอนนั้นยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน เคยอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข เคยกินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือแม่ และความไม่แน่ใจในอนาคต
กลางเดือนมกราคม คือวันเดินทาง มีเสื้อผ้าเตรียมไปไม่เท่าไหร่ เพราะคิดไปเองว่าแค่ไปเที่ยวเดี๋ยวก็กลับ วันก่อนเดินทางสามีโทรมาบอกว่าจะไปรอรับเองที่สนามบิน วันบินอากาศเป็นใจมาก ยังไม่ทันจะหลับเลยก็ถึงแล้ว เมื่อไปถึงสนามบินสายตาก็สอดส่ายหาสามี เพราะเค้าตัวสูงมองเห็นง่ายกว่าคนอื่น มองจนทั่วแล้ว เดินจนรอบแล้วก็ไม่มีเดินวนอยู่นั่นแหละ เพราะมองสูงไป ผ่านไปรอบที่สาม ก็เห็นฝรั่งผู้ชาย ท้วม ค่อนข้างเตี้ยสำหรับเผ่าพันธุ์ฝรั่ง แถมมีหนวดเครายาวพอดึงได้ พ่อคุณยืนถือแผ่นกระดาษสูงแค่อกพี่แกนั่นแหละ ดิฉันใช้เดินโฉบเข้าไปดู เอ๊ะ นามสกุลเหมือนของสามีเราเลย เค้าหาใครนะเพราะชื่อไม่ได้เขียน ไม่มีนาย หรือ นาง มีแต่นามสกุล ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบในสายเลือดและความวิตกจริตเป็นเพื่อนคู่คิดเสมอ ก็วางมาดและเดินเข้าไปถามว่า คุณตามหาคนนามสกุลนี้ใช่ไหม มาจากประเทศไหนคะ อีตาฝรั่งคนนั้นก็คงคิดว่า ดิฉันเป็นคนไต้หวันที่ทำงานในสนามบินนั่นแน่นอนเลย เพราะอุตส่าห์มีน้ำใจมาไต่ถาม คุณเคราก็เลยบอกว่า ลูกพี่ให้มารับเมียคนไทย เครื่องลงตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาเลย ดิฉันยื่นมือให้แสดงตัวว่าคือคนที่เค้าตามหา
คุณเครานี้ขื่อว่า คุณดาเนียล เป็นชาวสวิสฯ และโสดอยู่ในตอนนั้น เขาขับรถมาจากสนามบินใช้เวลานานพอสมควร คุยกันเพลินจนรถมาจอดอยู่หน้าบ้านแฝดหลังหนึ่ง มีสนามหน้าบ้านนิดหน่อย มีต้นไม้ใหญ่คือต้นสนสามต้น ปลูกระยะเรียงห่างกัน เรื่องต้นสนสามต้นนี้ จะขอเล่าให้ฟังวันหลังถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของดิฉัน ที่ทำให้คนอื่นต้องเสียน้ำตา เอ้า มาเข้าเรื่องต่อ คุณดาเนียลขนกระเป๋ามาวางไว้ในบ้าน เชิญให้ดิฉันนั่งรออยู่ที่โซฟา แล้วพ่อคุณก็เดินออกไป พลันดิฉันได้ยินเสียงสตาร์ทรถ ก็รีบวิ่งอย่างเร็วออกไปดู สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือยืนเกาะรั้วมองท้ายรถแดง ๆ เท่านั้นเอง ดิฉันเดินเข้าบ้านมานั่งโซฟาตัวเดิม มองรอบ ๆ ตัว บ้านเงียบไม่มีใครเลย จัดบ้านได้สวยทีเดียว มีดอกไม้แปลก ๆ วางอยู่ ๓ - ๔ กระถางที่ขั้นบันได ดิฉันปวดท้องตะหงิด ๆ มาจากในรถแล้ว มีความรู้สึกอยากถ่ายหนัก มองไปเห็นห้องน้ำก็มี แต่ด้วยความกลัวว่าข้าวของในบ้านเค้าจะหาย แล้วอาจจะโทษว่าเราเอาไป ก็อดทนนั่งจ่อมอยู่ที่โซฟานั่นแหละ สักครู่หนึ่งมีกลิ่นหอม ๆ มาแตะจมูกพร้อมกับร่างชายคนหนึ่งที่หัวเรียบแปร้เดินลงมาจากข้างบน ฉีกยิ้มกว้างเกือบถึงรูหู มือสองข้างกางอ้าเตรียมมาเลย เท่านั้นเองดิฉันก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำที่หมายตามานาน หลังจากเสร็จภารกิจออกมา เห็นสามีรออยู่หน้าห้องน้ำ เราชื่นใจกันนิดหน่อย เค้าบอกขอโทษที่ไปรับไม่ได้เพราะงานติดพัน ดิฉันแกล้งถามหาดอกไม้ ซึ่งสามีเคยชอบซื้อให้นักตอนเป็นแฟนกัน ทั้ง ๆ ที่ใจจริงไม่ได้มีความลึกซึ้งกับมันมากมายนัก แถมยังเกะกะมืออีกต่างหาก
สามีจูงมือดิฉันมาหยุดที่บันได ชี้ชวนให้ดูดอกไม้
ดูความแตกต่างของใบ ดอก ต้นของต้นไม้ในกระถาง เออ จริง ๆ ด้วย ดอกไม้ไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่แปลว่าดอกไม้ ซึ่งคนเมืองกรุงฯ อย่างดิฉันเข้าใจและไม่เคยสนใจดูมัน การมองในอีกรูปแบบหนึ่งที่สามีกำลังบรรยายอยู่นี้ได้เปลี่ยนทัศนคติคำว่าดอกไม้ในความหมายของฉันไปได้ในเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ เชียวหรือ? หรือว่าเป็นเพราะมือใหญ่ที่กุมมือดิฉันอยู่? ฉันเองก็ไม่แน่ใจ สามีพูดขึ้นว่า ดอกไม้ ๓ - ๔ กระถางนี้นะที่รัก ผมเตรียมไว้เพื่อมอบให้คุณทั้งหมดเลย ผมขอร้องให้วีร่า(เป็นชาวบราซิล และเป็นภรรยาของเพื่อนร่วมงาน) ช่วยไปจัดหาซื้อมาให้เมื่อวานนี้เอง แค่นี้ดิฉันก็ปลื้มและมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ดอกไม้นี่ความจริงก็ดีเหมือนกันนะ ถึงจะไม่สามารถกินให้อิ่มท้องได้ แต่เพียงแค่ดูเท่านั้นก็อิ่มใจอย่างประหลาดได้เหมือนกัน แล้วดอกไม้ในความหมายของคุณ มีความหมายอย่างไร?
จากคุณ :
NATTI
- [
9 ก.พ. 47 22:30:26
A:62.167.42.208 X:
]