ขอบ่นรับลมรัก..ใคร่ประจักษ์รักที่แท้..เว้นไว้แต่รักแม่..ทำไมรักแท้..ไม่เคยมี..งือ

    จั่วหัววันนี้..เพื่อต้อนรับวันวาเลนไทน์
    ทั้งที่วัยล่วงผ่านกับความรู้สึกหวานแหววนั้นมาเนิ่นนาน
    เมื่อตะกี้..ลองคิดเล่น..ย้อนไปตอนวัยรุ่น
    ตอนที่ริรักสาวข้างบ้าน..เหม่..ความรู้สึกอย่างกรุ่นอยู่ที่ตะหมูก
    เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวันวาน
    .......

    แต่จะเล่าให้เพื่อน ๆ อ่านอีกที ก็จำได้ว่าเคยเล่าไปแล้ว
    จะฉายหนังซ้ำ วิกนี้คงถูกโห่..และถูกขว้างด้วยถุงโอเลี้ยง
    ไม่เล่าดีกว่า..
    ....

    การรำลึกถึงความรักเพื่อเป็นเกียรติแด่เทพแห่งความรัก(ว่าเข้านั่น) ในเทศกาลยอดฮิตติดอันดับของไทยนี้..เป็นไปอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก

    สาเหตุก็เพราะวัยล่วงผ่านอย่างที่ว่า..อีกสาเหตุหนึ่งก็คือเรื่องมักจะพาไปหาความเศร้าเคล้าน้ำตาซะทุกที

    เมื่อไม่กี่วันนี้.นึกอย่างไรไม่รู้เขียนเรื่องง่าย ๆ ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เอาพล๊อตที่มีดาดดื่นอยู่ตามหนังสือการ์ตูนมั่ง หนังสือพิมพ์รายวันมั่งมาเขียน

    ก็ได้ความรู้สึกที่ดีไปอีกอย่าง ไม่ทราบเพื่อน ๆ ไปอ่านกันหรือยัง

    ก็กระทู้ pilpiw นั่นแหละ เรื่องนั้นผมสวมหัวใจผู้หญิงเขียนนะนั่น

    ออกมาไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ กลับไปอ่านยังรู้สึกแปลก ๆ กับสำนวนตัวเอง

    แต่ก็ดีนะครับ ได้ลองเขียนอะไรที่ไม่เคยเขียนดู

    ตรงนี้ขอชมเชยเพื่อน ๆ หลายคน ที่อ่านปั๊บก็รู้ปุ๊บว่าใครเป็นคนเขียน

    ทั้งที่คนเขียนเองยังจำสำนวนตัวเองไม่ได้เลย

    เก่งจริง ๆ ครับ
    .........

    ยังมีอีกสองสามเรื่องที่เขียนในชื่ออื่น จนเพื่อน ๆ บางคนตั้งชื่อให้ว่าเป็น "บุรุษร้อยนาม..ตามตัวยาก"

    สาเหตุที่ใช้ชื่ออื่น เพราะผมรู้ตัวเองว่าผมต้องเขียนไม่จบในเร็ววันแน่

    นี่ก็ตั้งกระทู้นายปิ๊วปิ้วเอาไว้..เรื่องหนูสิงห์นั่น..ก็ไม่ยอมเขียนให้จบซะที

    มาเสียเวลากับโน่นนี่อยู่นั่นแล้ว..หลายท่านคงเอือมเลิกรอไปนานแล้ว..

    ไม่เป็นไรครับ..ไม่ว่ากัน..เอาไว้เขียนจบเมื่อไร จะแปะให้อ่านรวดเดียวเลย

    แต่วันนี้ ขอบ่นพร่ำร่ำเรื่อยตามประสา..อย่ารำคาญนะครับ
    .......

    ๏ ๏ ๏ ขอบคุณ...ใครบางคน ๏ ๏ ๏

    เธอบอกว่าหากวันไหนที่เหนื่อยหนัก
    จงหยุดพักและมองไปในฟ้ากว้าง
    ถึงคืนค่ำยังฉ่ำใจใช่จืดจาง
    แม้อยู่ห่างแต่ความรักจักอยู่ยัง

    เพียงดาวพริบวิบวาว ณ ราวฟ้า
    ใจที่ล้าเริ่มกร้าวแกร่งด้วยแรงหวัง
    สานศรัทธาแห่งอุ่นอ้อมหลอมพลัง
    เหมือนน้ำหลั่งรดรินใจมั่นไมตรี

    เก็บเก็จดาวจากราวฟ้ามาเรียงร้อย
    เป็นสรวงสร้อยสอดสายรุ้งจรุงสี
    ทางช้างเผือกเลือกมาต่อให้พอดี
    คล้องไว้ที่หัวใจ...ใครบางคน

    กลอนข้างต้นเพิ่งได้รับเมื่อตะกี้..
    เห็นว่าเพราะดี..เลยเอามาฝาก
    คนแต่งก็คนใกล้ ๆ ตัวพวกเรานี่แหละครับ ขานั้นเขาเก่งนักในเรื่องนี้
    อ่านแล้วผมก็อิจฉาเล็กน้อย..อยากเป็นใครคนนั้น..ที่เธอสอดสายรุ้งจรุงศรีจนพอดีไว้คล้องใจ..นั่น
    แต่วาสนาผมน้อยไปหน่อย..
    เลยได้แต่นั่งตาร้อนผะผ่าว ๆ อยู่คนเดียว
    .........

    จากคุณ : ปิ๊วปิ้ว - [ 12 ก.พ. 47 11:22:35 A:202.5.81.6 X: ]