เบสต์เซลเลอร์ (ตอนที่ 1) แปลจาก Bestseller ของ Olivia Goldsmith

    ไม่มีใครเคยคิดฆ่าตัวตายเมื่อได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม
    แต่หลายคนที่คิดจะเขียนหนังสือดีๆ สักเล่ม ล้วนแต่คิดฆ่าตัวตายทั้งนั้น
                                                                           โรเบิร์ต เบิร์น

                      เทอร์รี่หลุบเปลือกตามองไปที่ชายเสื้อสเวตเตอร์กำมะหยี่ของเธอ เมื่อเห็นโรเบอร์ต้าเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าของหล่อนไม่สู้ดีนักจนสังเกตได้ แต่เทอร์รี่ก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด รายได้ของร้านบุ๊คสตัลล์ตกลงฮวบฮาบตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว เพราะคนที่อยู่ทางแถบตะวันตกของแมนฮัตตันต่างก็พากันใช้รายได้ที่หมดกับหนังสือไปกับการออกไปเที่ยวนอกแมนฮัตตันในช่วงวันหยุดยาวแทน จนถึงตอนนี้ ใกล้จะคริสตมาสอยู่รอมร่อ สถานการณ์ก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่ ซึ่งก็อาจจะมาจากซุปเปอร์สโตร์ที่เพิ่งเปิดใหม่ห่างจากร้านไปแค่ 2 ช่วงตึกเท่านั้น
                    โรเบอร์ต้าเป็นผู้หญิงร่างเล็กโครงเล็กบอบบางเหมือนนกตัวน้อยๆ  ผิวของหล่อนเรียบเนียนเช่นเดียวกันกับผู้หญิงผมสีเข้มทั้งหลาย    ทว่าสีน้ำตาลเข้มที่ผมของหล่อนได้เปลี่ยนสีไปเป็นสีเทาตามอายุของหล่อนนานแล้ว เมื่อโรเบอร์ต้าเดินเข้ามาถึงตัวเทอร์รี่    หล่อนก็ค่อยๆ วางมือลงที่แขนเสื้อของเธอ  เทอร์รี่เงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีน้ำตาลซึ่งเต็มไปด้วยแววโศกเศร้าของโรเบอร์ต้าหลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
                "ฉันมีข่าวที่ไม่ค่อยดีนักมาบอก"  โรเบอร์ต้าเอ่ยขึ้นเบาๆ  แค่เพียงเท่านี้เทอร์รี่ก็รู้แล้วว่าโรเบอร์ต้าหมายความว่าอย่างไร เธอแทบไม่อยากให้โรเบอร์ต้าบอกอะไรเพิ่มเติมอีกเลย แต่โรเบอร์ต้ามาจากโรงเรียนผู้ดีเก่าที่พร่ำสอนให้นักเรียนเห็นคุณค่าของการรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง      หล่อนจึงรู้สึกว่าต้องอธิบายให้เทอร์รี่เข้าใจในการตัดสินใจของตัวเองให้สมกับชื่อสกุลของหล่อนที่ว่า "โรเบอร์ต้า ไฟน์" นั่นเอง
                  "ฉันแค่อยากให้เธอเข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเธอแม้แต่น้อยนะเทอร์รี่"  โรเบอร์ต้าค่อยๆ อธิบาย
                 "เธอก็รู้ว่าปีครึ่งที่ผ่านมา ฉันมีความสุขแค่ไหนที่ได้ร่วมงานกับเธอ"
     เทอร์รี่เริ่มรู้สึกผิดสังเกต เธอไม่อยากให้โรเบอร์ต้าพูดออกไปอีกแม้แต่น้อย แต่ลึกๆ ก็อยากจะรู้ความจริง
                   "แต่ในตอนนี้ ในสภาวะแบบนี้ แม้แต่ตำแหน่งชั่วคราวฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะจ้างไหวไหม"  โรเบอร์ต้าหยุดพูด ส่ายหน้า เม้มริมฝีปากครู่หนึ่งเหมือนกับว่าการหยุดพูดนี้อาจจะช่วยทำให้หล่อนพูดได้ง่ายขึ้นกว่านี้
                    "ทางเลือกที่เหลืออยู่อีกทางก็…" หล่อนหยุดพูดแค่นั้น ไม่ได้พูดต่อ
     เทอร์รี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ       ทั้งเธอและโรเบอร์ต้าต่างก็มองไปที่มาร์กาเร็ต บาร์โธโลมิว  มาร์กาเร็ตที่น่าสงสาร  หล่อนมีอายุมากกว่าโรเบอร์ต้าเสียด้วยซ้ำ ในตอนนั้นมาร์กาเร็ตกำลังง่วนอยู่กับการเก็บหนังสือส่งคืนใส่ลงกล่องอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน แต่ด้วยความเงอะงะจึงเผลอปล่อยหนังสือกว่าครึ่งโหลตกลงพื้น กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง มีเล่มหนึ่งถึงกับขาดรุ่งริ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หนังสือเล่มนี้ก็ส่งคืนไม่ได้  โรเบอร์ต้าหลับตาลง อดถอนหายใจไม่ได้
                    “ยังไงฉันก็คงให้มาร์กาเร็ตออกไม่ได้” เสียงของหล่อนแผ่วเบาจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ
                    “มาร์กาเร็ตไม่มีอะไรเลย นอกจากงานนี้กับเงินประกันสังคมอีกแค่นิดหน่อย ไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอนหรือเพื่อนที่จะพูดคุยปรึกษาปัญหา...คือ...ฉันคิดเรื่องนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว แต่ฉันก็ไม่...”
                    “ไม่เป็นไรค่ะ” เทอร์รี่ส่ายหน้าพลางยิ้ม พยายามทำราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาๆ
                     “จริงๆ นะคะ จะว่าไปคุณก็จ่ายค่าแรงให้ฉันไม่คุ้มเท่าไหร่อยู่แล้ว...” เธอพยายามเบนประเด็นให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องขำขัน
                    “ใช่...เธอมีคุณค่ามากกว่าเงินค่าแรงเล็กน้อยนั่น เทอร์รี่” โรเบอร์ต้าพยักหน้าอย่างเห็นด้วยถึงแม้ว่าใบหน้าของหล่อนยังคงเคร่งขรึม หล่อนเอื้อมมือมาแตะที่ชายเสื้อกำมะหยี่ของเทอร์รี่แล้วก็ถอนใจยาวอีกครั้ง
                      “ความจริงแล้ว...ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเปิดร้านนี้ได้อีกนานเท่าไหร่...แต่ก็ช่างเถอะ” โรเบอร์ต้าพยักหน้า
                      “27 ปีแล้วเชียวนะ  เธอคิดไหมว่าเวลานานขนาดนี้จะพอทำให้ผู้คนมีใจรักการอ่านขึ้นมาบ้าง...” แล้วหล่อนก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆ  ตลอดเวลาที่เทอร์รี่รู้จักกับโรเบอร์ต้า นับตั้งแต่เริ่มแรกที่เป็นลูกค้าของร้านบุ๊คสตัลล์แล้วหลังจากนั้นก็มาเป็นลูกจ้าง เธอไม่เคยรู้สึกเลยสักครั้งว่าโรเบอร์ต้าจะมีความรู้สึกกังวลใจ  อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยได้ยินถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแบบในตอนนี้  ก็ไม่ต่างจากที่เธอรู้สึกผิดหวังและสะท้อนใจในขณะนี้นักหรอก
                      โรเบอร์ต้ายักไหล่บอบบางเหมือนกับนกตัวน้อยๆ ของหล่อนเป็นเชิงตัดบทการสนทนาทั้งหมดก่อนที่จะแตะมือของเทอร์รี่เบาๆ
                      “เธอยังสาว ยังมีความสามารถ ฉันเชื่อว่าเธอจะไปได้ไกลกว่านี้แน่ๆ ขอโทษจริงๆ นะจ๊ะ หนูน้อย” และเพราะคำว่า “หนูน้อย” นี่แหละที่ทำให้น้ำตาของเทอร์รี่เอ่อรินไหลลงมาช้าๆ อย่างไม่รู้ตัว

                     น้ำตาดูเหมือนจะเป็นลางบอกเหตุให้กับเทอร์รี่  เธอสังหรณ์ใจว่าจุดจบของตัวเองกำลังคืบคลานเข้ามาทุกทีๆ แล้ว  และมันก็ไม่ใช่แค่จุดจบของงานชั่วคราวที่ร้านหนังสือบุ๊คสตัลล์อย่างเดียวเสียด้วย  ขณะที่เดินดุ่มๆ มุ่งหน้าไปยังหัวถนนโคลัมบัส  เทอร์รี่รู้สึกว่าตัวเองตายด้านตัวชาไปหมด  มือข้างหนึ่งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของส่วนตัว ตั้งแต่เสื้อสเวตเตอร์กำมะหยี่ไปจนถึงแปรงหวีผมที่เธอใส่รวมกันไว้ในถุงเก่าๆ ของร้านบุ๊คสตัลล์  รวมทั้งหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มใหม่ของโธมัส เอลลิสที่โรเบอร์ต้าลงชื่อไว้แล้วคะยั้นคะยอให้เธอรับไปเป็นของขวัญ  เทอร์รี่ไม่รู้สึกโกรธ ไม่รู้สึกเจ็บปวด ถึงอย่างไรงานนี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอมีเงินมากพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถ้าหากว่าเธอไม่ใช้ชีวิตแบบจำกัดจำเขี่ยแบบที่เธอทำอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าเธอจะมีรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ จากการรับพิมพ์งานต่างๆ ก็ตามที
                     เทอร์รี่นึกถึงโรเบอร์ต้าและคำพูดที่ว่าเธอยังสาว ยังมีความสามารถ     แต่ทำไมในเวลานี้เธอกลับรู้สึกแห้งเหี่ยวและไร้ประโยชน์เช่นนี้        หลังจากที่เธอใช้เวลาที่ดูเหมือนจะยาวนานมากจนจบจากมหาวิทยาลัยในโคลัมเบีย   หลังจากที่ทั้งเงินกู้ยืมและทุนช่วยเหลือจากรัฐหมดไป  เทอร์รี่เลี้ยงชีวิตตลอด 8 ปีที่ผ่านมาด้วยงานพิมพ์ที่ศูนย์รับพิมพ์งานทั่วไป และงานชั่วคราวที่ร้านหนังสือบุ๊คสตัลล์  ในระหว่างนั้น เทอร์รี่ก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่จากงานหมดไปกับการเขียน เรียบเรียง แก้ไขและเพียรพยายามส่งต้นฉบับของเธอ  ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งเทอร์รี่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะอธิบายโลกของเธอให้แก่นักอ่านคนอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะส่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแค่ไหน ก็ดูจะไม่มีผลใดๆ เกิดขึ้นตามมาเลยสักนิดเดียว

    แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 47 08:23:53

    แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 47 13:44:19

    จากคุณ : Filippo - [ 12 ก.พ. 47 13:39:47 ]