ทางเลือก

    เสียงดนตรีแว่วดังออกมาจากกระท่อมสวนเบื้องหน้า มันเป็นเพลงคลาสสิคของลุควิก แวน บีโทเฟน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เพียงแต่เสียงที่ได้ยินคราวนี้ถูกบรรเลงด้วยกีต้าร์โปร่งเท่านั้นเอง ฉันทรุดนั่งลงใต้ต้นมะม่วงที่กำลังมีลูกดกเต็มต้น เบื้องหน้าเป็นคูน้ำที่ขุดลอกอย่างดี บนน้ำใสมีกอบัวหลวงที่ชูช่อโชว์ดอกสีชมพูทั้งตูมทั้งบานอยู่สลอน ส่วนข้างใต้มีปูปลาดำผุดดำว่าย ห่างไปทางเบื้องขวาอีกนิดมีปลาลูกครอกฝูงใหญ่ว่ายจับกันเป็นกลุ่มและคงมีพ่อของมันแอบดูอยู่ใกล้ ๆ

    ฉันรู้สึกเงียบสงบภายใต้ธรรมชาติที่ร่มรื่น จนแทบได้ยินเสียงลมที่โบกพัดมาจากที่ ๆ ไกลแสนไกลมันกระซิบบอกกับหัวใจที่แสนว้าวุ่นและยุ่งเหยิงของฉันว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่ ๆ

    “ตุ้บบ..กุกก..กุกก.. จ๋อมม...”

    มะม่วงสุกผลโตตกลงมาบนพื้นและกลิ้งลงไปตามเนินดินที่ลาดเอนจนไปจบลงที่คูน้ำเบื้องล่าง น้ำที่สงบนิ่งกระเพื่อมเป็นวง ๆ แผ่กว้างออกไป จนท้ายที่สุดก็กลับมาเรียบใสดังเดิม ฉันมองเห็นมะม่วงผลนั้นโผล่พ้นออกมาจากดินโคลนที่อยู่ใต้น้ำเพียงครึ่งใบ มีปลาตัวเล็ก ๆ หลายตัวว่ายวนสำรวจอยู่รอบ ๆ พวกมันคงสงสัยว่าพระเจ้าประทานสิ่งใดลงมาให้กันแน่

    “มานานแล้วหรือ............” เสียงนุ่มนวลดังขึ้นเบื้องหลัง ปลุกฉันขึ้นมาจากภวังค์
    “ค่ะ.......”
    “ทำไมไม่เข้าไปในบ้านหล่ะ” เขาพูดพร้อมกับนั่งลงใกล้ ๆ มองลงไปยังคูเบื้องล่าง
    “เห็นมีเสียงดนตรีดังออกมา กลัวไปขัดอารมณ์พี่”
    “.........พอดีได้ข่าวมาจากพี่โตน่ะ เลยแวะมาดูสักหน่อยว่าพี่อยู่อย่างไร สบายดีหรือเปล่า”
    “แล้วเห็นเป็นอย่างไร”
    “ก็.......สงบดีค่ะ”
    “ในที่สุดพี่ก็ทำอย่างที่เคยบอกจนได้นะ การตามหาฝันนี่มันยากไหมคะ”
    “พี่ว่ายากที่สุดก็คือตอนเริ่มนั่นหล่ะ มันพาลจะคิดไปวุ่นวาย กลัวไปต่าง ๆ นา ๆ”
    “แล้วพี่ผ่านมาได้อย่างไรหล่ะ”
    “คำ ๆ เดียวเลย ไม่เริ่มแล้วจะรู้ได้อย่างไร พี่อยากพิสูจน์น่ะ”
    “ทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตามหานั้นจะได้มา หรือเปล่าเนี่ยนะ”

    “หลายคนเคยบอกว่า ความฝันมักสวยงาม ความจริงอาจตรงกันข้าม จนบางครั้งก็แทบทนไม่ได้ แต่ถ้าไม่เดินไปข้างหน้า เราก็เหมือนอยู่กับที่ ไม่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามา แล้วนั่นจะต่างอะไรกับคนตายเล่า”
    “แล้วใกล้หรือยังคะ กับสิ่งที่คิดไว้”
    “ไม่รู้เหมือนกัน”
    “ไม่รู้ ?”
    “มันเปลี่ยนไปน่ะสิ หลายอย่างมันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่อย่างที่เคยพูดกัน”
    “อะไรบ้างคะ”
    “ทุกอย่าง ตัวพี่ เวลา ความเป็นอยู่”
    “แล้วเคยคิดเลิกบ้างไหม”
    “ไม่เลย”
    “ทำไมหล่ะ”
    “เพราะพี่ได้เลือกแล้ว”
    “................”

    “คิดถึงสมัยก่อนเนอะ” เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ หลังจากเห็นฉันเงียบไปเนิ่นนาน

    ฉันนึกไปถึงตอนที่ยังเป็นเฟรชชี่และพบกับพี่รหัสที่แสนใจดีคนนี้ เขาเป็นคนเก่ง หน้าตาก็พอใช้ ที่สำคัญคือเขาเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากทุกคน แต่ไม่กี่คนหรอกที่เขาจะคุยได้อย่างเปิดใจและฉันก็เป็นอีกคนหนึ่ง นั่นทำให้พบว่าเรานั้นคล้าย ๆ กัน ในเรื่องของความฝัน

    หลังจากจบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมเหรียญทอง หลาย ๆ บริษัทติดต่อให้เขาไปทำงานด้วย เขาประสบความสำเร็จในโปรเจ็คใหญ่ยักษ์หลาย ๆ โปรเจ็ค วุ่นวายจนไม่ได้พบปะกับเพื่อนฝูง นั่นทำให้ฉันคิดว่าความฝันกับความจริงยังไงก็คงแตกต่างกัน ไม่กี่คนหรอกที่จะโชคดี

    “กี่เดือนแล้วหล่ะ” เขาปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์อีกครั้งหนึ่ง ด้วยอีกคำถาม ที่มาพร้อมกับสายตาซึ่งลดต่ำไปยังเนินท้องของฉัน
    “ก็สอง... เกือบสามแล้ว”
    “ขอโทษด้วยนะที่วันแต่ง พี่ไปไม่ได้”
    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ งานย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว” นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาไปประชุมต่างประเทศพอดี แต่ฉันไม่โทษเขาเลย
    “ไม่ใช่เพราะงานหรอกหรือที่ทำให้ พี่สูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างไป”

    ฉับรับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูด ก่อนที่จะก้มหน้าลงมองตักที่เคยแบ่งปันให้เขาหนุนนอน ไออุ่นทางกายนั้นจางหายไปเนิ่นนานแล้ว ที่เหลือก็คือไออุ่นที่ประทับอยู่ในใจซึ่งยากจะลืมเลือนจริง ๆ  แต่เหนือตักยังมีเนินท้องที่นูนเด่นออกมา

    “รักเขามากมั้ย”
    “ก็... อยู่ด้วยแล้วมีความสุขดี”
    “แล้วตอนนี้หล่ะ”
    “มันเปลี่ยนไป”
    “อะไรบ้างหล่ะที่เปลี่ยน”
    “ทุกอย่าง ตัวของหนู เวลา ความเป็นอยู่”
    “แล้วเคยคิดเลิกบ้างไหม”
    “ไม่เลย”
    “ทำไมหล่ะ”

    ก่อนที่จะเอ่ยปากตอบคำถามสุดท้าย ฉันก็ยิ้มขึ้นมาเพราะคิดได้ว่า ฉันไม่ได้กำลังตอบคำถามของเขาแต่กำลังตอบตัวเองอยู่ เขามักจะมีวิธีที่ทำให้ฉันเข้าใจได้ด้วยตัวเองเสมอ

    นี่เป็นคำถามที่ฉันเฝ้าถามตัวเองบ่อย ๆ แต่กลับไม่สามารถให้คำตอบได้ ในยามนี้เมื่อโดนไล่เลียงก็กลับตอบออกมาได้อย่างอัติโนมัติ

    “วิทย์มันโทรมาบอกว่า เราหายไปจากบ้าน ถ้าเจอให้บอกด้วย”
    “แล้วเขาพูดอะไรอีกหรือเปล่า”
    “ก็ไม่มีอะไรมาก สอบถามทุกข์สุขกันธรรมดา เรื่องหลักน่าจะเป็นเรื่องเรามากกว่า น้ำเสียงมันฟังดูกังวลมากนะ”

    บางครั้งฉันก็ยอมรับว่าเอาแต่ใจตัวเอง นึกแทบตายก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับการกระทำของตัวเองได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ด้วยความรู้สึกที่อธิบายออกมาไม่ได้ หลังจากอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ฉันก้าวขึ้นรถ ติดเครื่อง แล้วก็ขับออกมาจากบ้านโดยไม่มีแผนการณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น  

    ยามได้สัมผัสสายลม  รู้สึกถึงความอิสระ ใจของฉันก็ลอยล่องไปไกล มันเดินทางย้อนไปสู่อดีตกาล ที่ฝังแน่นในความทรงจำ แล้วหยาดน้ำใสก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว มันกลั่นออกมาจากความผิดหวัง ความสำนึกผิด ที่แอบซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ และแล้วเส้นทางที่ไม่ได้กำหนดแต่แรกเริ่มก็นำพามาจนสุดสายที่นี่

    “พี่เสียใจไหม”
    “เรื่องอะไร?”
    “เรื่องของเรา…”
    “เอาเป็นว่าในตอนนั้นเหมือนเรือหางเสือหักที่เจอพายุกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัวดีกว่า มันเคว้งไปหมด เหมือนไม่มีอะไรที่จะยึดเหนี่ยว คำถามมันประเดประดังเข้ามาเต็มไปหมด”
    “หนูเสียใจ”
    “ทำไมต้องเสียใจด้วย”
    “เพราะหนูเป็นคนทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสร้างด้วยกันมา”

    วิทย์เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่แก่กว่าฉันสองปี โชคชะตาพาให้ต้องมาพบกันอีกครั้งหลังเรียนจบ เราคุยกัน เที่ยวด้วยกัน  และลงเอยด้วยการแต่งงาน กระบวนทั้งหมดใช้เวลาเพียงแค่หกเดือน บวกกับความอ้างว้าง เปลี่ยวเหงาและความเหนื่อยหน่ายต่อการอคอยที่ดูจะไม่มีที่สิ้นสุด

    เขาลาออกจากงานหลังจากโปรเจ็คที่รับผิดชอบเสร็จสิ้น ปลีกตัวออกไปอยู่ต่างจังหวัด ฉันไม่ได้ติดต่อ และติดตามข่าวเขาอีกเลยหลังจากนั้น จนถึงเมื่อไม่กี่วันมานี้

    “คิดอย่างนั้นมาตลอดเลยหรือ”
    “อืมมม์”
    “แรก ๆ พี่ก็คิดอย่างนั้นนะ แต่ท้ายที่สุดก็คิดได้ว่าในเรื่องของความรักไม่มีความผิดใดที่เกิดจากคน ๆ เดียว”

    เส้นทางชีวิตมักจะนำพาไปเราพบกับทางแยกที่ต้องเลือกเสมอ และเราก็มักจะไม่รู้ว่าเส้นสายใดจะนำไปสู่จุดหมายที่ต้องการ คงได้แต่คาดเดาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา แล้วตัดสินใจเดินไปในทางที่คิดว่าดีที่สุด บางครั้งก็สมหวัง หลายครั้งก็ผิดหวัง แต่ไม่มีครั้งใดที่ไม่ได้ให้ค่าตอบแทนแก่เรา คนฉลาดจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์และแก้ไข คนโง่จะปล่อยให้มันผ่านเลยไป แต่เมื่อในโลกมีทั้งคนฉลาดและคนโง่ ความสุขความเศร้า เหงาและทุกข์จึงอยู่คู่มนุษย์ตลอดกาล

    “พี่พบว่าตัวเองก็เป็นฝ่ายผิดในหลาย ๆ ด้าน ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ชีวิตไม่ได้มีแต่งานเท่านั้น พี่พยายามมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในงานที่ทำ พอหันกลับมากลับพบว่าไม่มีใครแม้คนเดียวอยู่เคียงข้าง ความอ้างว้างในยามนั้นนับว่าเกินจะทนจริง ๆ ความสำเร็จกลายเป็นสิ่งที่ด้อยค่าลงทันที อย่างไรก็ตามเราทั้งคู่ตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเอง นั่นคืออดีตที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แต่จะกังวลไปทำไม ในเมื่อยังมีอนาคตอันสดใสเบื้องหน้าซึ่งเราสามารถสร้างได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมารออยู่ เมื่อคิดได้เช่นนี้พี่ก็เลือกที่จะจดจำช่วงเวลาแห่งความสุขไว้ เอาความผิดหวังเป็นบทเรียน มองไปข้างหน้า และพร้อมที่จะก้าวไปอย่างมั่นคง”

    สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างเราคือ ในขณะที่เขาเลือกที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ ค้นหาสาเหตุ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความผิดพลาด ฉันกลับพยายามลบลืมทุกสิ่งทุกอย่างราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่มันก็เหมือนยิ่งประทับแน่นมากขึ้น โดยเฉพาะความรู้สึกผิดที่ฉันหยิบขึ้นมาทำร้ายตัวเองทุกครั้งยามที่อยู่โดดเดี่ยวลำพัง  ซึ่งดูมันจะรุนแรงเพิ่มขึ้นตามความสุขจากครอบครัวที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ท้ายที่สุดก็กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลเสียต่อคนรอบข้าง

    ความคิดที่ยุ่งเหยิงของฉันดูจะถูกมือที่แข็งแกร่งสะอาดสะอ้านจัดระเบียบจนเข้าที่เข้าทางแล้ว

    ที่สำคัญในตอนนี้ฉันคิดได้แล้วว่า ถ้าเราพยายามลืมอดีต ก็เท่ากับเราพยายามลืมตัวเอง ทำไมเราไม่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ใช้ชีวิตให้คุ่มค่าสมกับที่ได้เกิดมามีความคิด มีความรู้สึกเล่า

    ฉันยิ้มออกมาได้ในที่สุด เพราะค้นพบแล้วว่าอะไรกันที่เรียกร้องให้เดินทางมาไกลลิบ ทุกสิ่งดูจะมีเหตุมีผลในท้ายที่สุด มันเริ่มจากหนังสือเล่มหนึ่งที่มีคำอุทิศซึ่งคุ้นเคย และรู้กันเฉพาะสองเรา มันเป็นสัญญาของเขาที่จะทำให้ฉัน เมื่อหนังสือเล่มแรกออกตีพิมพ์  นั่นทำให้ความรู้สึกผิดที่เก็บไว้ในส่วนลึกเอ่อล้นขึ้นมา การเดินทางเริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่ต้องการมาขอโทษเพื่อความสบายใจของตัวเอง แต่สิ่งที่ได้กลับมามีค่ามากกว่านั้นหลายเท่านัก

    เมื่อบรรยากาศยามเย็นแสดงตัวฉันก้าวขึ้นรถพร้อมคำลา ของฝากเป็นมะม่วงหนึ่งตระกร้าและประโยคทักทายที่มีไปถึงคนที่บ้าน

    บนเส้นทางเข้าสู่เมือง ภาพความรู้สึกดี ๆ ในชีวิตผุดขึ้นมามากมายภายในห้วงความคิด สายลมที่หนาวยะเยือกแฝงด้วยความเปลี่ยวเหงาในยามมากลับกลายเป็นอบอุ่นละมุนละไมในตอนนี้ ฉันถูกโอบกอดด้วยอดีตอันแสนหวานและภาพอนาคตที่อบอุ่นมั่นคง ฉันมีความรักทั้งอดีต ปัจจุบันและจะมีต่อไปในอนาคต มีคนที่รักและพร้อมที่จะมอบความรักให้ตอบแทน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือที่จะเป็นพลังให้เผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ ที่จะผ่านเข้ามา

    ……………………………………

    จากคุณ : ริสรน (biblio) - [ 15 ก.พ. 47 19:38:15 ]