เรื่องเล่านะคะ แค่คิดถึงวาเลนไทน์ครั้งก่อนที่ต่างจากครั้งนี้เหลือเกิน
*******************************************************************************
เรื่องรักของแม่หมี
ถ้ามีหญิงสาวคนหนึ่งถูกเรียกว่าแม่หมี คุณคิดว่าเธอจะเป็นหญิงสาวแบบไหนคะ อืมม์ ใช่อย่างที่คุณคิดนั่นละ เอ๊ะ เราคิดภาพหญิงสาวแบบเดียวกันไหมนะ
ฉันถูกเรียกว่าแม่หมีโดยชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาเรียกฉันหวานๆว่า แม่หมีจ๋า เพราะตัวเขาเป็นพ่อหมีตัวโต พ่อหมีคู่กับแม่หมีไงจ๊ะ แต่ก่อนจะเป็นพ่อหมี ฉันเคยเรียกเขาว่า ไก่โต้ง แปลกไหมที่ไก่โต้งกลายเป็นหมี
นานมาแล้วสมัยที่ฉันยังเป็นนักศึกษาสาวแว่นตาโตของคณะวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยใหญ่แห่งหนึ่ง ไก่โต้งบอกว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้นเขาก็เป็นนักศึกษาหนุ่มของอีกคณะหนึ่งที่มีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะกลุ่มของฉันนั่นเอง โต๊ะที่ฉันนั่งเป็นมุมใต้ต้นไม้ริมคูเล็กๆ ข้ามถนนไปอีกฝั่งเป็นที่นั่งแยกเป็นกลุ่มๆของนักศึกษาแพทย์ เภสัช และเทคนิคการแพทย์ ที่มาฝากนั่งอยู่แถบนั้นเพราะต้องมาเรียนที่คณะของฉันในช่วงเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง แปลกดีนะ ไก่โต้งกับฉันไม่เคยเจอกันทั้งๆที่ชีวิตเรียนวนเวียนอยู่คนละฝั่งถนนที่มองเห็นกันทุกวันตลอดหนึ่งปีเต็ม
ปีถัดจากนั้นไก่โต้งสอบเอนทรานซ์ใหม่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยภูมิภาคแห่งหนึ่ง ไปนานเชียวไปจนเรียนจบทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท แล้วกลับเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ในเวลาเดียวกันฉันยังเรียนอยู่ที่เดิมจนจบ เข้าทำงานในโรงงานสองสามแห่ง กลับไปเรียนปริญญาโทจนจบและทำงานต่ออยู่ในกรุงเทพฯเช่นกัน จนถึงตอนนี้ไก่โต้งกับฉันยังไม่มีโอกาสได้เจอกัน
แกไปเรียนต่ออีกซิ ท่าทางแกน่าจะเรียนไปได้เรื่อยๆ เหว่า เพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย พยายามชี้นำหลังจากที่ฉันไปบ่นให้ฟังว่างานหนักเหลือเกิน กลับบ้านดึกทุกวัน
แล้วฉันจะเรียนไปทำแม้วอะไรละแก ฉันหันมาตอบ หน้าตาฉันรักเรียนขนาดนั้นเชียวเหรอ กว่าจะจบมาแค่นี้ ชีวิตก็รันทดจะแย่อยู่แล้ว เป็นความจริงที่ฉันเรียนปริญญาโทด้วยเหตุผลเดียวง่ายๆคือตามใจพ่อ ที่จบมาได้ฉันก็ทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย
เรียนไปเป็นอาจารย์ไง แกเหมาะจะสอนหนังสือนะ พูดมากดี เหว่าแขวะ พ่อแม่ชอบให้เป็นครูนี่นา
ที่บ้านฉันชอบให้ลูกๆเป็นครู หรือจะเป็นพยาบาลก็ได้ แนวคิดอาชีพผู้หญิงแต่ดั้งเดิมไงคะ แต่ฉันไปทำงานดูแลการผลิตอยู่ในโรงงานเสียนาน คิดไม่ออกว่าจะไปเป็นครูได้ยังไง
พูดเหมือนเป็นครูกันง่ายๆนะแก ฉันแย้ง คนไม่มีใจรักการสอน ไม่มีอะไรจะไปสอนเด็ก จะไปสอนได้ยังไง สอนไปสอนมา ลูกเขาโง่หมด
ก็แกมีนี่ เหว่าตอบง่ายๆ แกชอบสอน แกนะสอนเพื่อนอยู่เรื่อย รู้ตัวมั่งหรือเปล่า
ฉันได้แต่อมยิ้ม นิสัยส่วนตัวนะเพื่อน
เจน ที่มหาวิทยาลัยพี่กำลังรับอาจารย์เพิ่ม มาสมัครดูไหม พี่แดง ลูกคุณป้าวรรณโทรมาหา พี่แดงเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยภูมิภาคแห่งหนึ่ง
ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร
พี่เห็นเจนก็มีคุณสมบัติตรงกับที่เขาต้องการ ซื้อใบสมัครไว้ให้แล้ว เจนเอาไปกรอกนะ เดี๋ยวส่งไปรษณีย์ไปให้ พี่แดงเป็นคนตัดสินใจแทนคนอื่นได้ดีอย่างนี้เสมอมา จะดับว่าเป็นข้อดีก็ได้ เป็นข้อเสีย ก็ได้อีกนั่นแหละ
ใบสมัครชุดนั้นมาถึงบ้านพร้อมกับความเห็นด้วยอย่างท่วมท้นจากสมาชิกคนอื่นๆในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่หรือพี่เกื้อ พี่ชานคนเดียวของฉัน
พ่อว่าหนูเป็นอาจารย์ก็ดีนะ พ่อชอบ และอยู่ในจังหวัดเดียวกับป้าวรรณ จะได้มีคนดูแล คุณพ่อของฉันให้เหตุผล
ฉันสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยไปด้วยอารมณ์ประชดครอบครัวเล็กน้อย เพราะงานที่ทำอยู่กำลังไปได้ดี แต่การเปลี่ยนชีวิตออกไปอยู่ไกลจากกรุงเทพฯเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าคุ้มค่าในการที่จะซื้อคุณภาพชีวิต และเวลาที่เสียเปล่ากับรถติด รวมไปถึงการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยมีจุดหมายเท่าไรของฉัน
วันแรกของการทำงานเป็นวันที่ฉันพบไก่โต้งเป็นครั้งแรก ไม่มีอะไรพิเศษ สำหรับฉันเป็นเพียงการเริ่มต้นงานที่สี่ในชีวิต และทำความรู้จักผู้ร่วมงานชุดใหม่ ช่วงนั้นมีอาจารย์เข้าใหม่พร้อมกัน อายุไล่เลี่ยกันสามคน ไก่โต้ง ฉัน และนิ่ม เราสามคนสอนคนละสาขาที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทำตัวติดกัน ไปไหนไปด้วยกันจนกลายเป็นสามทหารเสือคู่ใจ
เจน โต้งว่าเราอีกแล้ว เวลาที่คุยกันแล้วคำสนทนาไปด้วยกันไม่ได้ จะมีกรณีเสียดสีระหว่างเพื่อนเป็นประจำ นิ่มกับโต้งขยันหาเรื่องทะเลาะกันได้ ทะเลาะกันดี แล้วก็มาจบลงที่ฉันเป็นคนตัดสิน
เออน่า โต้ง เธอผิด ฉันสรุปเอาง่ายๆ เพราะเธอเป็นผู้ชาย ยังไงก็ผิด
ไก่โต้งจะทำเสียงค่อนขอดกับวิธีการสรุปของฉันเสมอ ช่วยไม่ได้ที่เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม ฉันเองก็ไม่อินังขังขอบกับไก่โต้งมากนัก เพราะช่วงนั้นฉันมีชายหนุ่ม วิศวกรที่เคยอยู่โรงงานเดียวกันมาคอยใส่ใจ เขาคอยดูแลตั้งแต่ตอนที่ทำงานด้วยกันแล้ว ถึงแม้จะออกมาอยู่ต่างจังหวัดเขาก็พยายามติดตามข่าว ฉันไม่ได้ชอบเขามากมายอย่างที่เขาอยากให้เป็นนี่นา แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่มีคนมาใส่ใจ อยู่มาจนอายุขนาดนี้แล้ว เกิดความรู้สึกว่าตัวเองมีเสน่ห์ ฉันออกจะชอบใจ
ฉันยุ่งกับการสอนในปีแรก ยุ่งมากๆเพราะไม่เคยมีประสบการณ์สอนมาก่อน ใครบอกว่าสอนหนังสือเป็นงานง่ายนะ กว่าจะเตรียมการสอนสำหรับการสอนจริงแค่ชั่วโมงเดียว ต้องใช้เวลามหาศาล ต้องอ่านหนังสือประกอบหลายเล่ม เพียงเพื่อให้การสอนเรียบรื่นและมีตัวอย่างเพื่อการนำไปใช้จริง ฉันไม่ชอบอ่านหนังสือแล้วท่องไปสอนนี่นา การสอนนักศึกษาก็ไม่ได้เหมือนกับการสอนเด็กนักเรียนชั้นเล็กๆ เขาเป็นวัยที่มีความคิดของตัวเอง แต่บางครั้งก็เหมือนไม่รู้อะไรเลย บางทีฉันย้อนไปนึกถึงสมัยที่ตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ขำตัวเอง เออนะ ตอนนั้น อาจารย์ที่สอนเราแต่ละคนแก่จังเลย นักศึกษาของฉันก็คงจะคิดเหมือนกัน
หนุ่มวิศวกรเริ่มหายไปหลังจากฉันมาสอนได้ประมาณ หกเดือน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครๆฟัง ฉันให้เวลากับงานมากขึ้น
วันหนึ่งไก่โต้งเดินมาหาที่ห้องบอกกับนิ่มและฉันว่า
เราได้ทุนแล้วนะ เราจะไปอังกฤษเทอมหน้านี่แหละ ไก่โต้งได้ทุนเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไกลลอนดอนไปสัก 3-4 ชั่วโมง ฉันรู้ข่าวเลาๆมานานแล้ว เพราะพวกเราทุกคนต้องหาทางเรียนต่อกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากอยู่เฉยให้ความรู้ขึ้นสนิม แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทุนรัฐบาลถูกจำกัดโดยเฉพาะทุนเรียนต่างประเทศ ทุนในประเทศก็มีทุนกาญจนาภิเษก ทุนอื่นๆก็มีบ้างโดยต้องสอบชิงทุน นิ่มกับฉันกำลังพยายามฝึกภาษาเพื่อเตรียมสอบชิงทุน
ก่อนไก่โต้งจะไป ฉันกับนิ่มพาไก่โต้งไปเลี้ยงที่ร้านอาหารใกล้มหาวิทยาลัย
ไว้พวกเธอไปเยี่ยมเรานะ เราจะพาเที่ยว ไก่โต้งอาสา
ไม่มีตังค์ไปหรอก โต้งเขียนจดหมายมาดีกว่า ส่งรูปมาด้วยนะ เราชอบดูวิวสวยๆ ฉันพูด
ควงแหม่มกลับมานะ แล้วก็หาหนุ่มฝรั่งมาเผื่อพวกเราด้วย นิ่มหัวเราะ
ได้ จะพยายามนะ ไก่โต้งทำหน้าไม่แน่ใจ พวกเราหัวเราะ รู้กันอยู่ว่าไก่โต้งไม่ใช่คนที่จะตามจีบใครง่ายๆ
จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้บอกซินะคะว่าไก่โต้งหน้าตายังไง คิดถึงผู้ชายตัวโตๆ ท้วมๆ อืมม์...คำว่าท้วมอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ ผิวดำ ผมหยิกยุ่งตลอดเวลา ใส่แว่นตาโตหนาจนเห็นตาจริงๆเล็กนิดเดียว ฉันถึงบอกว่าฉันไม่ได้สนใจเขาซักเท่าไหร่ยังไงละคะ ทั้งตัวมีน่ารักที่เดียวที่ลักยิ้ม เวลาเขายิ้มแล้วจะเหมือนเด็กตัวอ้วนๆกำลังกินขนมอย่างมีความสุข พอจะนึกออกใช่ไหมคะ ฉันบรรยายแบบเพื่อนแล้วนะคะ ฉันเคยให้เหว่าดูรูปเขาที่ติดมาในอัลบั้มของฉัน เหว่าสรุปคำเดียวว่า คิงคอง
และตัวฉันก็ไม่ได้หนีกันมากเท่าไร หญิงสาวสูง 158 เซนติเมตร ผิวคล้ำ ผมหยิกมากโดยธรรมชาติ และถึงแม้ฉันจะพยายามปฏิเสธอย่างไร ฉันก็รู้ตัวว่าเทียบกับหญิงสาวในยุคนี้ที่เอวบางร่างน้อยจนไม่รู้จะเอาไส้ไปเก็บไว้ที่ไหน ฉันก็เป็นยายอ้วนดีๆนี่เอง แต่ยังมีข้อดีอยู่นิดตรงที่ว่า สเปคนี้คงจะเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ความที่ฉันเคยทำงานกับบริษัทอเมริกัน และเดินทางไปทำงานต่างประเทศหลายครั้ง แต่ละครั้งมักจะมีนิยายโรมานซ์ต่างแดนติดกลับมาเสมอ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่แฮปปี้เอนดิ้งเลยสักครั้งนะซิ
จากคุณ :
แม่หมี
- [
17 ก.พ. 47 08:13:25
A:202.28.68.33 X:
]