...หนุ่มน้ำพริกเผา VS สาวมายองเนส...(ภาคสอง)==>ตอนที่ ๔

    …๔…
    ชายหนุ่มเหลือบตามองนาฬิกาเรือนเล็กบนโต๊ะทำงานเป็นรอบที่ร้อยแปดของวันนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วเขาไม่เคยใส่ใจเวลาและไม่เคยเลิกงานตามเวลาปกติเลย กว่าจะออกจากบริษัทได้ท้องฟ้าก็มืดแล้วทุกครั้ง หากวันนี้เขากลับเฝ้ารอเวลาเลิกงานอย่างใจจดใจจ่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    อัตติพัทธ์กระวีกระวาดเก็บข้าวของและปิดคอมพิวเตอร์เมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเลิกงาน เขาเก็บข้าวของด้วยหัวใจที่พองโตอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานาน แต่อารมณ์ของเขาต้องแปรเปลี่ยนไปเมื่อเห็นร่างเพรียวบางของหญิงสาวที่คุ้นตาเดินย่างกรายเข้ามาหา
    “ทำไมวันนี้รีบกลับจังคะแอนดี้” แคทเธอรีนจีบปากจีบคอถาม ชายหนุ่มได้แต่แอบพ่นลมหายใจ เขารู้สึกว่าตาขวาของเขาเกิดกระตุกขึ้นมาเสียเฉย ๆ
    “ดีจังเลยค่ะ เคที่กำลังจะมาชวนคุณไปดินเนอร์ด้วยกันอยู่พอดี อย่างงั้นออกไปพร้อมกันเลยนะคะ” หล่อนว่าพลางปราดเข้ามาเกาะแขนอัตติพัทธ์อย่างที่เคยทำประจำ จนเขาคร้านที่จะแกะออก
    “พอดีผมมีนัดแล้วน่ะครับ ต้องพาเพื่อน ๆ ไปทานข้าว”
    “งั้นก็ดีสิคะ เคที่ขอไปด้วยคนนะ นะคะแอนดี้”
    อัตติพัทธ์อ่อนอกอ่อนใจกับการตื๊อของแคทเธอรีน เขาจึงตกลงที่จะพาหล่อนไปด้วยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

    คณะทัวร์พร้อมหน้าพร้อมตากันที่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ทุกคนดูมีความสุขสดชื่นกับการได้มาเที่ยวต่างประเทศ เว้นก็แต่ชิสาที่นั่งหน้าตูมอยู่คนเดียว
    “ความจริงเราไปหาอะไรทานกันเองก็ได้ ไม่เห็นต้องรบกวนเค้าเลยนะคะน้าเข้ม บางทีเค้าอาจจะอยากไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับคนอื่นก็ได้”
    “เค้าเสนอตัวเอง เราไม่ได้รบกวนเค้าซักหน่อยนี่ เป็นอะไรของแกอีกล่ะ” น้าเข้มชี้แจงอย่างระอาในความเจ้าทิฐิของสถาปนิกสาวคนสนิท หากก็ไม่ได้ช่วยให้หล่อนอารมณ์ดีขึ้น ซ้ำใบหน้าขาว ๆ ของหล่อนกลับงอเป็นจวักยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ในบทสนทนากำลังเดินเข้ามา พร้อมกับมี ‘คนอื่น’ ของหล่อนเกาะแขนมาด้วย
    “ขอโทษทีครับที่ปล่อยให้รอ พอดี…” ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวที่เกาะแขนเขาอยู่ไม่ยอมปล่อยราวกับลูกลิงเกาะท้องแม่
    “พอดีแอนดี้เค้าชวนเคที่มาด้วยน่ะค่ะ ก็เลยมัวแต่รอเคที่แต่งตัวอยู่”
    คำพูดของแคทเธอรีนทำเอาทุกคนในที่นั้นตาโต ไม่เว้นแม้แต่อัตติพัทธ์เอง แล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้ทุกคน รวมไปถึงชิสาที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ไม่ห่างด้วย
    “เอ่อ…ผมว่าเรารีบไปกันดีกว่าครับ คงจะหิวกันแล้ว เดี๋ยวจะมีใครบางคนโมโหหิวไปซะก่อน” ชายหนุ่มรีบเบี่ยงเบนประเด็น แถมยังไม่วายเหน็บคนที่นั่งหน้าหงิกอยู่ข้าง ๆ อีก
    “เชิญตามสบายนะคะ วุ่นขอตัว อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาน่ะค่ะ เดี๋ยววุ่นสั่งอาหารโรงแรมขึ้นไปทานบนห้องเองก็แล้วกัน ทานข้าวให้อร่อยนะคะ” ชิสาปรายตามาทางชายหนุ่ม แล้วขึ้นห้องพักไปโดยไม่สนใจคำทัดทานของคนอื่น ๆ อีกเลย
    อัตติพัทธ์ขยับจะตามไป หากธนัทเอื้อมมือมาแตะบ่าไว้ก่อน แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่า “ปล่อยมันไปเถอะ…”

    “น้า ไอ้วุ่นไม่อยู่บนห้องนี่” ธนัทบอกน้าเข้มเมื่อกลับมาถึงโรงแรมแล้วโทรขึ้นไปถามอาการของชิสาบนห้องพักหากพบแต่ความเงียบ
    “โทรเข้ามือถือ ก็ไม่รับ”
    “อ้าว แล้วมันไปไหนของมันล่ะเนี่ย”
    “สงสัยคงจะไปเดินเล่นแถว ๆ นี้ล่ะมั้ง เดี๋ยวผมลองไปเดินหาดูแล้วกัน” ธนัทอาสาเป็นคนออกไปตามหาชิสา หากอัตติพัทธ์คว้าแขนเพื่อนรักไว้
    “ข้าไปด้วย” เขาเอ่ยเสียงเครียดพอ ๆ กับหน้า แล้วหันมาบอกกับแคทเธอรีน
    “ขอโทษนะเคที่ ผมคงไปส่งคุณไม่ได้ คุณกลับไปก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็ฉุดธนัทออกจากโรงแรมไป โดยไม่นำพากับเสียงแหลม ๆ ของหญิงสาวที่เต้นเร่า ๆ อยู่ตรงนั้น

    “นี่ไอ้อัฐ ข้าถามจริง ๆ เอ็งคิดอะไรกับยัยเคที่นั่นรึเปล่าวะ” ธนัทถามเพื่อนซี้เมื่อสบโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง
    “จะบ้าเหรอไอ้นัท ข้าจะไปคิดอะไรกับเคที่ได้ยังไง ก็…” อัตติพัทธ์เว้นวรรคไว้ให้เพื่อนซี้คิดต่อเอาเอง
    “แล้วเอ็งจะปล่อยให้ไอ้วุ่นมันเข้าใจผิดไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย ระวังนะโว้ย…เกิดมันกลับไปคืนดีกับแฟนเก่ามันล่ะก็ ข้าไม่รู้ด้วยนะเว้ย”
    คำพูดของธนัททำให้อัตติพัทธ์ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง…เขาจะปล่อยให้ชิสาเข้าใจผิดอีกนานแค่ไหนดีหนอ…นานพอที่หล่อนจะแสดงอะไรออกมาให้เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายรอหล่อนอยู่ฝ่ายเดียว…ก็แล้วกัน

    สองข้างทางของถนนออร์ชาร์ดยามค่ำคืนยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนหลายชาติหลายภาษาที่พากันเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ซึ่งเปิดเรียงรายเต็มสองฝั่งถนนเพื่อจับจ่ายซื้อของที่ระลึกกันอย่างคึกคัก ชิสาเดินดูของไปเรื่อย ๆ ตั้งใจว่าจะซื้อของฝากกลับไปให้เอมิกาและริสาพี่สาวของหล่อนที่จะย้ายกลับมาประจำสำนักงานที่กรุงเทพฯในเดือนหน้า แต่แปลกจริง…ทำไมหล่อนเห็นของอะไรก็พานนึกไปถึงผู้ชายคนนั้นทุกทีสิน่า…
    หญิงสาวมาหยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องแก้วเจียระไน หล่อนเข้าไปเดินดูอยู่ไม่กี่นาทีก็ได้ของฝากพี่สาวทั้งสองเป็นแก้วเจียระไนรูปเมอร์ไลออน สัตว์ครึ่งสิงโตครึ่งปลา สัญญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์นั่นเอง
    “ไหนว่าไม่สบาย ทำไมมาเดินอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้ชิสาสะดุ้ง หล่อนหันไปมองจ้องหน้าเขา
    “ว่าไงคนไม่สบาย หายแล้ว?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงยียวนแบบที่เขาเคยพูดกับหล่อน
    “หายแล้ว เบื่อ ๆ ก็เลยออกมาหาซื้อของไปฝากอาร์คซะหน่อย” หล่อนลอยหน้าตอบแบบที่เคยทำเป็นประจำเมื่อต้องลับฝีปากกับเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มแอบยิ้ม
    “เหรอ แล้วได้รึยังล่ะ”
    เมื่อเห็นหล่อนพยักหน้ารับแกน ๆ เขาจึงเอ่ยเสียงเข้ม
    “งั้นก็กลับโรงแรมได้แล้ว ผมจะไปส่ง”
    “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้” พูดจบหล่อนก็เดินนำหน้าเขาออกมาจากร้าน แล้วเดินไปตามถนนที่ยังคงมีผู้คนพลุกพล่าน ชายหนุ่มได้แต่เดินตามไปห่าง ๆ
    ชิสาเดินเรื่อย ๆ มาได้ครู่ใหญ่ หล่อนก็รู้สึกว่าระยะทางกลับโรงแรมนั้นมันช่างไกลกว่าตอนที่หล่อนเดินมาเหลือเกิน ความจริงแล้วหล่อนมัวแต่จ้ำอ้าวหนีผู้ชายตัวสูงที่เดินตามมาจนไม่ทันสังเกตป้ายอะไรทั้งนั้น กระทั่งอัตติพัทธ์ถามขึ้นเมื่อถึงทางแยกหนึ่ง
    “นี่คุณ ผมถามจริง ๆ เถอะ คุณจะไปไหนกันแน่”
    “ก็กลับโรงแรมน่ะสิ” หล่อนหันกลับมาทำเสียงดังใส่เขา ยังคงความมั่นใจไว้เต็มเปี่ยม
    “คุณเดินเลยทางแยกไปโรงแรมมาตั้งสองแยกแล้วนะ”
    ชิสาหันมาจ้องชายหนุ่มตาเขียวปั้ด หล่อนเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้าถามอย่างเอาเรื่อง
    “แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันแต่แรก นี่คุณจงใจแกล้งฉันใช่มั้ยเนี่ย”
    อัตติพัทธ์ได้แต่หัวเราะ หญิงสาวยิ่งทวีความหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น
    “หัวเราะเยาะฉันเหรอ” พูดจบหล่อนก็สะบัดหน้าเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง หากชายหนุ่มตามไปคว้าข้อมือไว้
    “ทางนี้…” อัตติพัทธ์จับจูงข้อมือบางให้เดินตามเขาไป หากหญิงสาวรีบบิดข้อมือออก แล้วเอ่ยเสียงอุบอิบ
    “ไม่ต้อง…ฉันเดินเองได้”
    “คุณนี่น้า...ชอบหาว่าผมแกล้งอยู่เรื่อย” เขาหันมามองหน้าหญิงสาวที่เดินอยู่ข้าง ๆ อย่างเย้า ๆ ขณะเดินมาเรื่อย ๆ ได้ครู่ใหญ่
    “ฉันไม่ได้หาซะหน่อย ก็คุณแกล้งฉันจริง ๆ นี่” ชิสาหน้าง้ำ
    “ใครว่า...ผมไม่เคยแกล้งคุณเลยนะ คุณต่างหากที่...”
    หญิงสาวหันขวับมาจ้องเขาตาเขียวปั้ด ทำให้อัตติพัทธ์หุบปากแทบไม่ทัน
    “อืม...ไม่เจอกันนาน ผมว่าคุณดูผอมไปนะ” เขาชวนคุยอีก หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมอยู่ชั่วครู่
    “ค่ะ อาร์คเค้าก็ว่าอย่างงั้นเหมือนกัน” หล่อนเริ่มรวนเขาเข้าให้อีกแล้ว ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง ...ก็รู้ล่ะนะว่าหล่อนแกล้ง...แต่ก็อดคิดไม่ได้
    “เค้ายังติดต่อกับคุณอยู่เหรอ” เขาถามเสียงแข็ง ชิสาชักเริ่มสนุก
    “ค่ะ” หล่อนตอบสั้น ๆ ...ก็จริงนี่ ไม่ได้โกหกซะหน่อย...
    “คุณก็คงมีความสุขดีสินะ” น้ำเสียงของเขาตึงขึ้น ไม่ต่างกับสีหน้าของเขาเท่าไรนัก
    “ฉันก็มีความสุขของฉันทุกวันนั่นแหละ ยกเว้นตอนมาที่นี่”
    ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นจนทิ้งห่างออกไป ทำให้ชิสาต้องก้าวเร็ว ๆ จนเกือบวิ่ง
    “นี่คุณ จะรีบไปไหน อ๋อ...คุณเคที่คงรออยู่ล่ะสิ”
    อัตติพัทธ์หยุดทันที จนหล่อนเกือบเดินชน
    “ผมจะรีบพาคุณกลับไปส่ง เผื่อแฟนคุณเค้าโทรมา ถ้าไม่เจอจะเป็นห่วง” ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนแกล้งยั่วเขา...แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้

    ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินมาถึงโรงแรม และพบว่าทั้งน้าเข้ม ธนัท รวมทั้งแคทเธอรีนยังคงนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้
    “แอนดี้...ทำไมไปนานนักล่ะคะ เพื่อนคุณเค้าก็กลับมาตั้งนานแล้ว ทำไมคุณเพิ่งมาคะ” แคทเธอรีนลากเสียงสูง ๆ มาพร้อมกับโผเข้าโอบแขนอัตติพัทธ์เหมือนที่เคยทำเป็นประจำ แล้วก็ปรายตามาทางชิสา
    “คุณก็แปลกนะ รู้ตัวว่าจะหลงก็ไม่ยอมเอาโทรศัพท์ไป ทีหลังก็ถือลูกโป่งสีแดงไว้สิคะ” พูดจบหล่อนก็หัวเราะเสียงแหลม
    ชิสารู้สึกอารมณ์พุ่งจี๊ดจนแทบจะทะลักออกทางสองหู อยากจะเอากำปั้นไปวางทาบบนริมฝีปากสีแดงจัดนั้นเต็มทน
    “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ คุณเองก็ดูแลแฟนคุณให้ดี ๆ แล้วกัน อย่าให้หลงไปไหนซะล่ะ” หล่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน แล้วหันมาทางชายหนุ่มที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้าง ๆ
    “จะรีบกลับมาหาแฟนก็บอกฉันตรง ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเอาความหวังดีมาอ้างหรอก” พูดจบก็สะบัดหน้าจากไปปล่อยให้ชายหนุ่มได้แต่มองตามด้วยความกังวล
    “แอนดี้ขา กลับกันเถอะค่ะ เคที่รอคุณตั้งนานแล้วนะ” หญิงสาวข้าง ๆ กระตุกแขนเขา
    “ก็ผมบอกให้คุณกลับไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วคุณมารอผมอยู่ทำไม” เขาตอบหล่อนอย่างหัวเสีย
    “เคที่มากับคุณนะ จะปล่อยให้เคที่กลับเองได้ยังไงคะ ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณก็ต้องไปส่งเคที่นะ”
    ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่อย่างจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน แล้วหันมาทางน้าเข้มและธนัทที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ
    “พรุ่งนี้คงต้องเที่ยวกันเองนะครับ มีโปรแกรมรึยังครับน้าเข้ม”
    “มีแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง” น้าเข้มรับคำพลางตบบ่าอย่างเข้าใจ ชายหนุ่มจึงหันมาหาเพื่อนซี้
    “ข้าฝากด้วยนะไอ้นัท”
    ธนัทพยักหน้ากับเพื่อนรักอย่างให้กำลังใจ เขาเองก็คงทำได้เพียงเท่านี้ในตอนนี้

    จากคุณ : มดตะนอย - [ 20 ก.พ. 47 16:20:26 A:202.183.180.155 X: ]