หลี่ซังซังเห็นเสี่ยวซาซัดฟาดจนเกี่ยมฮุ้นกระอักโลหิต ทั้งคนและกระบี่ปลิวกระเด็นไปคนละทิศทาง ก็รู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจ รีบพยุงกายลุกขึ้น วิ่งเข้าหาอีกฝ่าย
"เจ้าโง่ ที่แท้กลับเป็นยอดฝีมือ ทั้งยังร้ายกาจขนาดสามารถเอาชนะผู้คุ้มกฏซ้ายของพรรคเรา
เจ้าโง่!!!"ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะกล่าวจบ ร่างของเด็กหนุ่มก็ทรุดฮวบลง
เสี่ยวซานั้นถึงแม้จะสามารถเอาชัยต่อเกี่ยมฮุ้นได้ ทว่าตนเองก็รับบาดเจ็บและสูญเสียพลังไปมิใช่น้อย ที่สำคัญการที่มันสามารถชนะอีกฝ่ายได้นั้น มิใช่มันมีฝีมือเก่งกาจกว่า แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายคาดคำนวณผิดพลาด และประเมินกำลังของมันต่ำทรามเกินไป หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่มีชื่อเสียงเกียรติภูมิ น่ากลัวการต่อสู้ครั้งนี้คงปรากฏผลอีกรูปแบบหนึ่ง!!!
เด็กหนุ่มกระอักโลหิตออกทางปากคำใหญ่ ชั่วครู่ค่อยสามารถพยุงกายลุกขึ้นได้ ทว่ายังซวนเซแทบล้มลง
"เจ้าโง่ พอเดินไหวหรือไม่?"
"ซ
ซังเอ๋อ เจ้าช่วยเราจับตัวมันมัด ส่งให้ทางการ" คำพูดนี้ย่อมหมายถึง ร่างที่ไม่ได้สติของเกี่ยมฮุ้น ซึ่งนอนสลบอยู่ในพุ่มไม้ห่างออกไปหลายวา
"เพ้ย! ใครให้มาเรียกข้าพเจ้าว่า ซังเอ๋อ หนอย เห็นข้าพเจ้าดีด้วยแล้วจะมาลามปามเช่นนี้ได้นะ" เด็กสาวกล่าวพลางเชิดปากขึ้น ตนเองรีบเดินไปหยิบ "สยบเวหา" ขึ้นมา
"เด็กหญิง รีบด่วน! ก่อนที่มันจะสามารถลุกขึ้นมา"เสี่ยวซาเร่งเร้าเด็กสาว
ทว่าฝ่ายหนึ่งแม้เร่งร้อน อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย หลี่ซังซังหาสนใจคำพูดอีกฝ่ายไม่ ตนเองเชิดปากสูงยิ่งขึ้นกล่าวว่า "ข้าพเจ้าว่า พวกเราหลบหนีไปเสียในเวลาที่ยังสามารถกระทำจะดีกว่า ยามนี้เจ้าบาดเจ็บสาหัส คนผู้นั้นฝีมือร้ายกาจมาก หากมันฟื้นคืนสติขึ้นมาพวกเราจะลำบาก" กล่าวพลาง ฉุดแขนอีกฝ่าย
เสี่ยวซาแม้ส่วนลึกจะเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาว แต่ยังมิยินยอมโดยง่าย
"นั่นยิ่งต้องรีบจัดการ ก่อนที่มันจะลุกขึ้นมาได้" กล่าวพลางกระเสือกกระสนเข้าหาร่างของเกี่ยมฮุ้น ทว่าจะเป็นด้วยชะตาของเกี่ยมฮุ้นยังมิถึงฆาต หรือฟ้ามิส่งเสริมคนดีก็หาทราบไม่ มันก้าวไปได้เพียงสองก้าวก็สะดุดล้มลง
และช่วงเวลานั้นเองหลี่ซังซังเหลือบไปเห็นพุ่มไม้บริเวณที่เกี่ยมฮุ้นถูกซัดปลิวไป ไหวยวบยาบ
"ย่ำแย่แล้ว!!!" เด็กสาวร้องโพล่งออกมาอย่างลืมตัว นางตรงเข้าหาร่างที่ล้มกองอยู่กับพื้นของเสี่ยวซา ฉุดลากอีกฝ่ายโดยแรง
"รีบไป!" เด็กสาวตะโกนพลางออกแรงพยุงอีกฝ่าย
เสี่ยวซาลังเลหันไปมองศพของชายชราแวบหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจกระเสือกกระสนติดตามหญิงสาวไปด้วยน้ำตานองหน้า
"ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องกลับมาจัดการศพให้แก่ท่าน! มิปล่อยให้เป็นเหยื่อของแร้งกาโดยเด็ดขาด!"
หลี่ซังซังฉุดลากเสี่ยวซาพลางโลดแล่นหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองซมซานหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิต หลบเลี่ยงจากหูตาของคนพรรคฉิก เสี่ยวซาเสนอขึ้นว่า พวกตนควรไปหลบซ่อนอยู่ในห้องลับของชายชรา ด้วยเหตุผลที่ว่า เกี่ยมฮุ้นคงนึกไม่ถึงว่าทั้งสองจะหลบซ่อนอยู่ที่นั่น! อีกทั้งสถานที่ดังกล่าวยังสงบเงียบ เสี่ยวซาสามารถใช้เป็นที่พักรักษาอาการบาดเจ็บ
หลี่ซังซังพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องลับใต้ดิน โดยมิลืมเลือนกลบเกลื่อนร่องรอยขณะเดินทาง
หลังจากหลบซ่อนอยู่อีกสามวัน โดยกินเพียงแต่น้ำและผักหญ้า ในที่สุดทั้งสองมิสามารถทนทาน จึงได้ออกจากที่ซ่อนดังกล่าว
"เจ้าโง่ เอ้ย เสี่ยวซา พวกเราไปที่ใดจึงดี?" เด็กสาวถามขึ้น อยู่ร่วมกันมากว่าหลายวัน ทำให้ความสนิทสนมของทั้งคู่เพิ่มมากขึ้น เนื่องเพราะเด็กหนุ่มเป็นคนง่ายๆ ทั้งยังสนุกสนานเป็นกันเอง
เสี่ยวซาขบคิดเล็กน้อย พลันมีสีหน้าสลดหดหู่
"ข้าจำเป็นต้องเดินทางไปยังเส้าหลินเทียนซานด้วยเหตุผลบางประการ ทว่าตอนนี้สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากกระทำมากที่สุดก็คือกลบฝังท่านผู้เฒ่า แม้ว่าสิ่งนั้นจะแลกมาด้วยอันตรายถึงชีวิตก็ตาม!!!" เสี่ยวซาตอบเบาๆ
หลังจากโคจรลมปราณรักษาอาการบอบช้ำมาสามวัน เสี่ยวซามั่นใจว่าสามารถรับมือเกี่ยมฮุ้นได้หากจำเป็นที่จะต้องประมือกับอีกฝ่าย ที่สำคัญที่สุดเขามั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามต้องบอบช้ำมากกว่าตนเองเป็นแน่
เด็กสาวได้ยินเช่นนั้นก็ต้องก้มหน้าลงนิดหนึ่งด้วยความหดหู่เช่นกัน
"พวกเราต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง" เด็กสาวตอบกลับมา แสดงว่าเห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย
ในที่สุดทั้งสองย้อนกลับมายังกระท่อมท้ายหมู่บ้าน ที่นั่นศพของชายชราทอดยาวอยู่บนพื้น ศพของเขาบวมพองและขึ้นอืด ยิ่งดูอเนจอนาถนัก
น้ำตาของคนทั้งสองไหลลงมาอาบแก้ม เสี่ยวซาถลาเข้าประคองร่างนั้นโดยมินึกรังเกียจแม้แต่น้อย
ส่วนหลี่ซังซังนั้นแม้นจะร่ำไห้ออกมา แต่ก็ยังมีสติรีบกล่าวเตือนอีกฝ่ายว่า เกี่ยมฮุ้นอาจจะวางกำลังคนเฝ้าศพของชายชราเอาไว้ ดังนั้นต้องรีบเร่งเป็นการด่วน จากนั้นกล่าวต่อด้วยเสียงแผ่วเบา
"ข้าพเจ้าจะช่วยกลบฝังท่านผู้เฒ่า" เวลานี้นางไม่เรียกอีกฝ่ายว่าเต่าชราอีกแล้ว นั่นเพราะนางทราบดีว่า
ผู้ที่สามารถเสียสละตนเองเพื่อคนอื่นได้ถึงเพียงนี้ มิสมควรเรียกว่า "เต่าชรา" คนเช่นนี้สมควรจะเรียกว่า วีรบุรุษ มากกว่า!!!
ประการสำคัญอีกอย่างก็คือ เด็กสาวรู้สึกว่าการตายของผู้เฒ่านี้นับว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่มิใช่น้อย เพราะหากเกี่ยมฮุ้นไม่ได้รับคำสั่งให้ออกติดตามนาง มิแน่นักว่าชายชราจะจบชีวิตลงเช่นนี้
ทั้งสองใช้ "สยบเวหา" ขุดหลุมบนพื้นดินเป็นหลุมกว้างและลึกราวสี่ศอก กระบี่วิเศษกลับถูกใช้เยี่ยงจอบเสียมนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายมิใช่น้อย หากมันมีชีวิตจิตใจ สามารถร่ำร้องออกมา คงร่ำร้องอย่างมิยินยอมเป็นแน่!
เสี่ยวซาใช้ไม้ไผ่ปักเหนือหลุมศพ บนตัวไม้สลักข้อความ "อุทิศแด่ท่านปู่ จากผู้หลาน เสี่ยวซา"
"พวกเราไปกันเถอะ" เด็กสาวกล่าวหลังจากฝังศพชายชราเสร็จสิ้น
"พวกเรา? ไฉนยังใช้คำพวกเรา?"เสี่ยวซากล่าวอย่างงุนงง
เด็กสาวเหม่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้าราวกับอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาด จากนั้นกล่าวว่า
"โบราณถึงว่า อุปนิสัยของคนยากกลับกลาย เจ้ามัน.. โง่เช่นไรก็ยังคงโง่อยู่อย่างนั้น ลองใช้สมองที่เล็กราวเม็ดถั่วของเจ้าตรองดู หญิงสาวเช่นข้าพเจ้า หากเดินทางตามลำพัง ประสบกับโจรร้ายจะทำเช่นไร ยังมีป่าแถบนี้ล้วนเต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้าย เจ้ายังคิดให้ข้าพเจ้าเดินทางลำพัง?" เด็กสาวยิ่งพูดยิ่งคล่องแคล่ว ความจริงแล้วนางมิได้เกรงกลัวโจรผู้ร้าย ที่ผ่านมาล้วนมิเคยกลัวเกรง ที่คิดร่วมทางพร้อมเด็กหนุ่ม กลับเป็นเหตุผลอื่น นั่นก็คือ นางหวั่นเกรงว่าตนเองจะถูกบรรดาคนของ "ท่านลุง" ติดตามมานำตัวกลับมากกว่า
"เจ้าคิดติดตามเราไป?" เสี่ยวซาถามย้ำ
"ข้าพเจ้าคิดติดตามหาพี่ฮั่น เผอิญว่าเส้นทางไปเส้าหลินเทียนซานนั้นต้องผ่านสาขาพรรคที่พี่ฮั่นอยู่ ข้าพเจ้าจะไปหาเขาที่นั่น และเจ้าต้องเป็นคนคุ้มครองข้าพเจ้าไป"
เสี่ยวซาอับจนต่อถ้อยคำของอีกฝ่าย ได้แต่กล้ำกลืน มิสามารถกล่าวอะไรได้ หลี่ซังซังเดินพลางวิ่งพลางนำหน้า โดยมิลืมเลือนหยิบฉวย "สยบเวหา" ติดมือไปด้วย
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
20 ก.พ. 47 17:56:34
]