เรื่องสั้น..ดัดฝัน

    กุญแจลับ

    วันนี้กำลังถูกเวลากลืนหายให้กลายเป็นอดีต เขาพาร่างฉ่ำเหล้า
    ออกจากร้านหลังจากนั่งแช่ก้นมาแต่บ่าย
    เดินฝ่าลมเย็นปลายเดือนกุมภาพันธ์
    ไปบนบาทวิถีอันหยาบกร้านของมหานคร
    สองฝั่งถนนยังคราคร่ำไปด้วยร้านรวงที่ดูดดึงคนอ้างว้างริมทาง
    ให้นั่งดื่มกินเสมือนกลัวว่าอนาคตของพวกเขา
    อาจจะไม่มีพรุ่งนี้อีกต่อไป

    เกือบห้าทุ่ม ขบวนรถไฟฟ้าวิ่งผ่านหัวเขาไปอย่างรวดเร็ว
    เสียงล้อบดบนรางเหล็กเบนความสนใจ
    จากพื้นราบให้เขาแหงนหน้ามองอย่างครุ่นคิด
    ครั้งหนึ่งมันเคยทำให้เขาอับอาย
    เพราะโดนประตูหนีบขาข้างซ้าย จนร้องเสียงหลง
    ผู้โดยสารหลายคนพยายามเก็บอาการขบขันทางใบหน้า
    เมื่อเห็นความเงอะงะของเขา
    โชคดีที่มันทำให้เขาแค่ขวัญเสียโดยไม่มีอาการเจ็บปวด

    ขาข้างนั้นเป็นขาเทียม

    เขาเคราะห์ร้ายต้องสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง
    เนื่องจากถูกมอเตอร์ไซค์รับจ้างชนขณะโดดลงรถเมล์
    ด้วยความรีบร้อน
    ทว่า...เพชรฆาตกลับเงื้อมมือไปยังหญิงที่ซ้อนท้ายรถคันนั้นต้องสังเวยชีวิตพร้อมลูกน้อยในครรภ์ เมื่อรถเสียหลัก
    พุ่งชนราวเหล็กริมฟุตบาท
    แต่คนขี่เพียงหัวแตกเล็กน้อย

    เป็นข่าวสั้นสลดใจที่คนกรุงใช้เวลาลืมได้อย่างรวดเร็ว

    ภายหลังออกจากโรงพยาบาลแล้วชีวิตเขาก็ผกผัน
    ถูกพักงานไม่มีกำหนดโดยได้รับเงินชดเชยจากนายจ้างมาส่วนหนึ่ง
    อวัยวะที่ขาดหายไปได้รับการฟื้นฟูด้วยวิธีกายภาพบำบัด
    ทว่าสภาพจิตของเขาไม่สู้ดีนัก เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น
    เปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนมองโลกด้วยสายตาชิงชัง

    "ไอ้ด้วน! แกมันฆาตรกรชัดๆ" เขามักได้ยินเสียงด่าทอตัวเองเช่นนี้
    ทั้งยามฝันและตื่น

    เขาทนนั่งรถเข็นอยู่หลายเดือนกว่าจะได้ใส่ขาเทียม
    ซึ่งใช้เวลาทำความเคยชินกับมันไม่นานนัก
    เขาก็ลุกยืนได้จนกระทั่งสามารถไปไหนมาไหนเองตามลำพัง

    การกลับมาเดินได้อีกครั้งแม้ไม่คล่องตัวเหมือนคนเก่า
    ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาก้าวไปบนทางที่เรียกว่า
    อนาคตอย่างที่หลายคนวาดหวังไว้
    เขาปล่อยตัวเองให้สนิมเหล้ากัดกร่อนหัวใจแหว่งวิ่น
    หมกมุ่นอยู่กับปัญหาตัวเอง
    จนเพื่อนฝูงคนใกล้ชิดอิดหนาระอาใจ

    หัวใจเขาป่วยไข้เพราะจุดหมายชีวิตสั่นคลอน
    เขาจึงทำตัวต่อต้านความจริง
    เพียงเพราะจิตใจไม่อาจสลัดภาพของสองแม่ลูก
    ที่คอยวนเวียนหลอกหลอนเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
    ยิ่งดิ้นรนหาทางหลุดพ้น
    กลับเหมือนถูกพันธนาการด้วยเชือกแห่งบ่วงกรรม

    ถี่นาทีที่เขาคิดวนเวียนอยู่กับการกระโจนสู่บ่ออโคจรให้ลึกที่สุด
    แม้ยังคลำทางไปอย่างสะเปะสะปะ แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นานทางออกนั้นจะคลายปมให้เล็ดลอดเข้าไปได้บ้าง

    รถไฟฟ้าแล่นสวนมาอีกขบวนหนึ่ง เสียงและความเร็วของมันเชื้อเชิญให้เขาขึ้นไปทอดสายตา เมืองใหญ่ยามราตรี เขามองไปยังแสงสว่าง
    ของสถานีเบื้องหน้าเสมือนเป็นการรับคำชวนอย่างไร้จุดหมาย
    และเร่งฝีเท้าเข้าไปหาคล้ายเด็กดื้อโดนยุ
    เพียงครู่เดียว
    เขาก็มายืนหอบตัวโยนหน้าตู้ซื้อตั๋ว
    ลมหายใจคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์

    เขาล้วงหาเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกง
    แล้วหยิบมันเตรียมหยอดลงในช่องอย่างคล่องแคล่ว
    มืออีกข้างกดปุ่มที่เลขเจ็ดให้ติดเป็นดวงไฟสีส้ม
    แล้วจึงหย่อนเหรียญลงไปสี่สิบบาท
    ตั๋วโดยสารเด้งออกจากช่องด้านล่างอย่างรวดเร็ว

    รถเคลื่อนตัวออกจากสถานีอย่างช้าๆ แล้วเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
    เมื่อมองผ่านกระจกหน้าต่างจะเห็นบ้านเรือนและอาคารสูง
    เปิดไฟสว่างไสวเคลื่อนผ่านหน้าไปอย่างวูบวาบ
    ครั้นลดสายตาลงที่ถนนเบื้องล่าง
    แถวรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงเป็นทางยาวเหยียด
    มองเห็นไฟท้ายรถเหมือนนัยน์ตาของปีศาจที่ถูกสาปให้ตื่นอยู่เสมอ

    บนถนนไม่เคยปราศจากรถราและความรีบเร่ง
    ทุกอย่างรุดไปข้างหน้า มุ่งไปหาจุดหมายของใครของมัน.....

    ประตูรถเปิดออกเมื่อถึงสถานีปลายทาง
    เขาก้าวเท้าตามคนกลุ่มใหญ่ออกมายืนที่ชานชาลา
    สูดอากาศเย็นภายนอกเข้าไว้เต็มปอด ผู้โดยสารเดินขึ้นลงขวักไขว่
    พวกเขาเพียงเดินสวนทางเพื่อหันหลังให้กัน
    เสียงนายสถานีประกาศผ่านลำโพงกังวาลทั่วบริเวณ

    "ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้ขบวนรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้าย
    กำลังจะออกจากสถานี ขอให้ผู้โดยสารขึ้นรถไฟฟ้าได้แล้วครับ"

    เสียงประกาศกวาดต้อนผู้คนหายเข้าไปในตู้ขบวน
    ยกเว้นเขาที่ยังเดินเอื่อยเฉยเหม่อไปในเงามืด
    ท่ามกลางแสงวิบวับยามราตรี

    ความรวดเร็วหรูหราของกรุงเทพใน พ.ศ.นี้
    กำลังบรรทุกผู้เดินทางไปส่งเป็นเที่ยวสุดท้ายของวัน
    มันพุ่งทะยานไปข้างหน้าเพื่อทิ้งความเงียบหงอยไว้เบื้องหลัง

    เขาทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ยาวบนสถานี
    ป่ายสายตาไปกับความว่างเปล่านานนาที
    เหมือนกำลังค้นหาความลับอะไรสักอย่างจากมัน

    แล้ววินาทีนั้นกุญแจปริศนาพลันพุ่งวาบในม่านมืด ! ! !

    ใช่ ! เขาพบมันแล้ว
    กุญไขดอกนี้เท่านั้น
    ที่จะใช้ไขความลับเพื่อการหลุดพ้น
    ไปจากความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

    เขาคิดพลางใช้มือลูบขาเทียมที่ซ่อนภายในกางเกงขายาวตัวโคร่ง
    ด้วยรอยยิ้มเรียบเย็น
    ก่อนก้าวกะโผลกกะเผลกไปสู่ประตูแห่งความมืดมนอนธการ
    โดยไม่มีผู้ใดพูดถึงเขาอีกเลย

    ..............................................

    จากคุณ : ผู้ชายไร้เงาจันทร์ฯ - [ 21 ก.พ. 47 21:51:10 A:203.113.81.166 X: ]