คือสัญญา ตอนที่ 5

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2673858/W2673858.html

    ตอนที่แล้ว

    ===========

    “ปริมชอบดูดาวมั้ย”  เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

    “ชอบสิ”  ปริมยกเข่าขึ้นมากอดไว้  สายตาจดจ้องอย่างหลงไหลในความงามของดวงดาว

    “ชอบดาวอะไรหรอ”
    “ดาวศุกร์”  เธอมองไปยังดาวที่ส่องแสงสว่างสุกใสอยู่ใกล้พระจันทร์เสี้ยว
    “ทำไมล่ะ”
    “ก็ฉันเกิดวันศุกร์ไง  อีกอย่างนะ  ดาวศุกร์จะเป็นดาวที่ใสสว่างกว่าเพื่อนเสมอเลย  มีหน้าที่คอยติดตามพระจันทร์ในบางคืนนะ”  เธอยิ้มบาง ๆ ในสีหน้า  สายตาไม่หนีห่างจากแสงระยิบระยับของดวงดาวนับร้อยพันบนผืนฟ้ากว้าง  

    ท้องฟ้าคืนนี้ปรอดโปร่ง  ยิ่งนั่งดูอยู่บนยอดเขาเช่นนี้  ทำให้ได้สัมผัสกับความกว้างของท้องฟ้าอย่างแท้จริง   และได้อยู่ใกล้ชิดอาณาจักรของดวงดาวอันงดงาม

    “หรอ  โน่นดาวอะไรหรอปริม”  เขาชี้ไปที่ดาวเรียงตัวกันสามดวง
    เธอมองตามมือของเขาก่อนตอบ  “ดาวไถไง”
    “นั่นดาวเต่านะ”  เธอชี้ไปที่ดาวสี่ดวงเรียงกันเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า  และมีดาวสามดวงเรียงกันอยู่ตรงกลาง  “อันโน้น  ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าดาวอะไร  แต่ฉันเรียกว่าดาวกระบวยนะ  หน้าตามันเหมือนกระบวยดี” เธอหัวเราะตัวเองเบา ๆ

    หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เธอคนนี้  เขามองเห็นดวงตาใสแจ๋วของเธอเป็นประกายเวลาจ้องมองดวงดาว  ได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากแห่งความเฉยชาและเคร่งเครียดเสมอที่พบกัน  เขารู้สึกว่าขณะนี้เธอกำลังอารมณ์ดีทีเดียว  กำลังเพลินกับการพูดคุยกับดวงดาวงดงามบนท้องฟ้า   เขาอยากรักษาความรู้สึกของเธอและเขาขณะนี้เอาไว้  ที่ได้มีโอกาสจูนคลื่นความถี่แห่งมิตรภาพให้ขยับเข้ามาใกล้กัน

    “ปริม…เราเป็นเพื่อนกันนะ”

    “ฮื่อ…ได้สิ”

    “ฉันไม่ต้องตัดผมได้มั้ย”  เขาจำได้ว่าข้อแม้ในการเป็นเพื่อนกับเธอข้อหนึ่งต้องตัดผมสั้นด้วย

    “ได้” เธอหลุดปากพูดออกไปอย่างกำลังเพลิน ๆ ไม่ได้ตั้งใจ  

    “จริงนะ  เธอรับปากแล้วนะ”  เขาหันมาจ้องหน้าเธออย่างดีใจ  “เธอยอมรับฉันแล้วใช่ไหม”
    “ก็…เป็นเพื่อนไง  นายก็เป็นคนดีแล้วหนิ”  เธอหันมายิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก  

    “นายเห็นรึเปล่าว่า  นายทุกข์กับปัญหาครอบครัวไปก็เปล่าประโยชน์  ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี  อะไร ๆ มันก็จะดีเอง  ที่สำคัญนายจะได้เป็นกำลังใจให้กับคนในบ้านนายได้  ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาอีกให้มันยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมนะ”

    “ขอบใจ…ปริมมาก ๆ นะ”  เขามองเธออย่างชื่นชม  ทุกถ้อยคำของเธอมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ  เหมือนที่เขาได้พิสูจน์ตามคำพูดของเธอด้วยตัวเองแล้ว

    “แล้ว…”  

    เขาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อหรือเปล่า  แต่ก็ตัดสินใจถามต่อ  

    “แล้วถ้า…เป็นมากกว่านั้นล่ะ”

    “ได้สิ  อยากเป็นอะไรล่ะ  พูดให้ชัด ๆ นะ”

    “ฟอ  แอ  นอ  แฟน”  เสียงนั้นเบาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  แต่คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ยังได้ยินชัดเจนทุกคำ  มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้พูดอะไรอย่างนี้  ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดออกไปได้ยังไง  แต่ก็พูดออกไปแล้ว

    “ได้”  ปริมแอบซ่อนยิ้มเอาไว้

    “จริงหรอ”  น้ำเสียงของเขาดีใจเป็นพิเศษ  แต่เอะใจ  ทำไมมันง่ายผิดปกตินะ!

    “แต่…กับคนอื่นนะ  ไม่ใช่แฟนฉัน”   ปริมหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ

    สายลมเย็นพัดมาต้องกายทั้งคู่อย่างอ่อนโยน  แต่หัวใจของคนฟังคำตอบกลับหนักอึ้ง  ทำให้ต้องนิ่งเงียบอย่างงุนงงไปเป็นนาที

    “นี่!!  นายถอยออกไปหน่อย  เดี๋ยวผมนายกับฉันก็พันกันแย่หรอก”  เธอหันมามองเขา  และแปลกใจตัวเอง  ปล่อยให้เขาเข้ามานั่งใกล้ขนาดนี้ได้อย่างไร

    อารมณ์ที่พุ่งขึ้นด้วยความดีใจสุด ๆ  ลดลงดิ่งพสุธา ยิ่งกว่าความผันผวนของตลาดหุ้นเสียอีก   พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ   นึกโกรธเธอขึ้นมาตะหงิด ๆ  ทำไมเธอเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่นอย่างนี้นะ  ไม่สนใจประโยคต่อมาของเธอ  เพราะจริง ๆ แล้วเขานั่งห่างจากเธอตั้งหลายคืบ

    “ทำไม!!  ผมของฉันมันมีความผิดตรงไหน  มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ”  

    “เก๊าะ!! ไม่เกี่ยวหรอก” ปริมยักไหล่  พลางลอยหน้าลอยตาอย่างยียวน  เหมือนมันไม่สำคัญอะไรนักหนาจริง ๆ

    “ แต่ไม่ชอบ!  คำเดียว  เข้าใจมั้ย  ถ้าจะคุยเรื่องนี้  ฉันไปนอนก่อนนะ”  ประโยคสุดท้ายเน้นคำ  แข็งห้วนขึ้นมาทันที  ปริมลุกขึ้นเดินอ้าว ๆ หนีไปเฉยเลย

    ปฏิการรีบลุกขึ้นตามไป
    “เดี๋ยวสิ!  ปริม  ผมของฉันมันไม่มีความผิดนะ  อย่าเพิ่งไป”

    “อะแฮ่ม!!”  ปรามส่งเสียงกระแอมไอ  แล้วคว้าแขนเพื่อนหนุ่มเอาไว้
    “น้องข้าควรจะนอนได้แล้ว  ดึกมากแล้วนะ” แล้วดึงแขนเพื่อนหนุ่มให้นั่งลง
    “นี่แก  หยุดมองตามตาละห้อยได้แล้ว  หันมาคุยกันหน่อย”  ปรามตบบ่าเพื่อนแรง ๆ ทีหนึ่งเป็นการเตือนสติ

    “แกชอบปริมจริงหรอวะ  คิดดี ๆ นะ”  ปรามถามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

    “ฉันไม่รู้  แต่ฉันรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขา”

    “เขาดื้อและเอาแต่ใจนะ  จะบอกให้  แกไม่เคยเห็นฤทธิ์หรือไง  โดนอะไรมาตั้งเยอะแยะไม่ใช่หรอ  ไม่เข็ดหรอ”  แล้วเอนตัวพิงกองฟางอย่างสบายใจ  สายตาจับเพชรสุกใสที่กำลังส่องแสงเจิดจรัสบนท้องฟ้า

    “ตกลงแกจะมาให้กำลังใจฉันหรือว่ายังไงกันแน่วะ”

    “แกจะเล่น ๆ กับน้องข้าไม่ได้นะเว้ย”  เขาหันมาจ้องหน้าเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง  “ถ้าแกทำให้น้องข้าเสียใจล่ะก้อ  น่าดู!!”  ปรามเน้นเสียงเข้ม

    “แล้วฉันเคยจีบใครเล่น ๆ หรือเปล่าวะ”  ปฏิการพูดเสียงเครียดขึ้นมาทันที

    ปรามเงียบเสียงลง  ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา  เขาไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้สนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษเลย  และไม่เคยมีเรื่องเสียหายเกี่ยวกับผู้หญิงแม้แต่ครั้งเดียว

    “แล้วปริมเขาเคยถามอะไรถึงฉันบ้างมั้ย”
    ปรามยิ้ม  “ไม่เคยเลยว่ะ”

    สีหน้าเพื่อนหนุ่มหงอยลงทันที

    “เฮ้ย!  อย่าทำเป็นหงอย  เหมือนไก่คอตกอย่างงั้นสิวะการ  หรือว่าแกเป็นไข้หวัดนกวะ  ตอนนี้กำลังระบาดนะ  แบบนี้แกต้องอยู่ห่าง ๆ น้องข้านะเว้ย“

    “ปราม!  อย่าเพิ่งเล่นมุขสิวะ  คนยิ่งจ๋อย ๆ อยู่”

    ปรามตบต้นแขนเพื่อนป้าบใหญ่  “ปริมเขาเป็นคนเก็บความรู้สึกนะ  แต่ก็มีมาแอบถามถึงนายบ้างเหมือนกัน”

    “แล้ว…ถามอะไรถึงฉันบ้างล่ะ”  สีหน้าแจ่มใสขึ้นมาอย่างออกนอกหน้าออกตาทันที  เขย่าแขนเพื่อนจนหัวสั่นหัวคลอน
    “ก็เวลาแกหายหน้าไปนาน ๆ  เขาก็มาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงแกแหละ  แต่ไม่ถามตรง ๆ หรอก  ลีลาเยอะจะตายไป  แต่ข้ารู้  เขาถามถึงแกแหละ”  

    ปฏิการจึงยิ้มแก้มปริออกมาได้

    “ข้าจะบอกให้ว่า   เขารักใครยากนะ  และคนที่มีความเพียรพยายามอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะเอาชนะหัวใจของปริมได้  ที่สำคัญความรักบังคับกันไม่ได้นะ  ข้ากลัวแกจะทุ่มเทเปล่าประโยชน์  เขาเป็นคนใจแข็งนะ”

    “ฉันรู้…ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก   ฉันก็จะไม่บังคับเขานะ  เพียงแค่จะทำให้เขารู้ว่า  ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่  และจะทำเพื่อเขาอย่างดีที่สุดแล้วเท่านั้น”  เขาหันไปยิ้มให้เพื่อน  

    เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า  ทำไมถึงรู้สึกอยากทุ่มเทเพื่อเธอขนาดนี้   ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม  เหมือนมีสิ่งหนึ่งคอยบอกตัวเขาเองมาตลอดว่า  หัวใจของเธอมีค่ามากพอที่เขาจะต้องฝ่าฟันเอามาครอบครองให้ได้  และรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย  ที่เธอจะยอมรับใครในฐานะคนพิเศษของหัวใจสักคน  เพราะนั่นหมายถึง  คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่เธอแคร์ที่สุด  คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่เธอใส่ใจที่สุด  และได้รับความพิเศษที่สุดจากเธอ    เป็นคนแรกที่เธอจะคิดถึงก่อนใคร  เหมือนที่เขาเคยเห็นปริมคอยดูแลเอาใจใส่พี่ชายคนเดียวของเธอมาตลอดเป็นอย่างดีเสมอ

    “ไม่ว่าเขาจะยอมรับฉันฐานะไหน  ฉันก็พร้อมจะยอมรับทั้งนั้นแหละ  ฉันจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทุ่มเทลงไปเพื่อเขาแน่นอน”  

    “งั้นต่อไป  ข้าก็จะได้เห็นแกตัดผมสั้นซักทีสิวะ”  ปรามพูดพลางหัวเราะร่วน  แกล้งเย้าเพื่อนเล่น  เพราะรู้ดีว่าปฏิการรักผมยาว ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    “ฉันก็กำลังหนักใจอยู่เหมือนกัน  ผมฉันมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ”  คิ้วเข้มขมวดย่นขึ้นมาทันทีกับคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้นี้  
    “แต่ถ้าฉันแน่ใจว่า  ฉันรักเขาจริง ๆ เมื่อไหร่  เมื่อนั้นฉันจะยอมตัดผมเพื่อเขา”  ประกายสายตานั้นดูจริงจังเป็นพิเศษ

    เรื่องเดียวที่เขารู้สึกอึดอัดใจหากจะต้องตัดผมทิ้ง  เขาคงรู้สึกเสียดาย  และคงต้องทำใจอีกสักระยะหนึ่ง

    ปรามมองหน้าเพื่อนพลางยิ้มอย่างให้กำลังใจ  เขารู้สึกดีใจที่เห็นเพื่อนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ  ความรักมีพลังและอนุภาพขนาดนี้เชียวหรือ  ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้   อดรู้สึกขำและแปลกใจไม่ได้  ทั้ง ๆ  ที่ก่อนหน้านี้เขาและเพื่อนทุกคนเฝ้าบอกปฏิการ   ให้หยุดใส่ใจเรื่องทางบ้านของเขาเสียทีมาตลอด  ให้หันมาทำตามหน้าที่ของตัวเอง  แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อถ้อยคำของเขาและเพื่อน ๆ เลย   แต่กลับมาเชื่อคำพูดไม่กี่คำของเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง  


    ==================  


    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 23 ก.พ. 47 12:23:06 ]