แนนว่าผู้หญิงชอบดอกกุหลาบสีอะไร ผมโพรงถามระหว่างที่กำลังติวข้อสอบวิชาสารสนเทศ
ไม่รู้วะ แล้วแต่คน บางคนชอบสีแดง บางคนชอบสีขาว เจ้าแนนตอบคำถามโดยสายตาไม่ปล่อยวางจากก้อนหนังสือที่ปลายตา
แล้วถ้าจะซื้อดอกดุหลาบให้ผู้หญิง แนนว่าควรจะซื้อดอกไม้สีอะไร ผมซักต่อ
สีอะไรเหรอ ขึ้นอยู่กับคนให้มากกว่าว่าจะสื่ออะไรให้กับผู้รับ
ถ้าจะสื่อว่าชอบละ ผมขยับปากกาในมือหมุนคลึงไปมา
เจ้าแนนละสายตาจากหนังสือ มองมาทางผม อะไรของแกวะ
ปะ...เปล่า ไม่อะไรหรอก ก็ถามดูอยากรู้ว่าผู้หญิงเขาชอบดอกไม้อะไร สีไหน ก็แค่นั้น ผมเบนตาไปโต๊ะม้าหินข้างๆ
แล้วแกจะซื้อให้ใครละ ซื้อไปแจกสาวบัญชีไง
เปล่านิ ถามเฉยๆ ก็แค่อยากรู้ ผมแกล้งทำปากกาตก ก้มลงไปหยิบปากกาที่พื้นแล้วเปิดหนังสืออ่านต่อโดยไม่คิดจะถามอะไรจากเจ้าแนนต่อ
ว่าไง? เจ้าแนนเค้นคำถาม แต่ผมก็ไม่อยากถามอะไรแล้วแหละ ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป อีกไม่กี่ชั่วโมงต้องเข้าห้องสอบแล้ว
อืม แนน ไอ้บรรทัดนี้มันหมายความว่ายังไง... ผมต้องการเปลี่ยนเรื่องคุย ชี้นิ้วไปที่บรรทัดหนึ่งในหนังสือ เจ้าแนนค้อนตาใส่
อะไรกันแค่นี้ก็ไม่รู้ หมายความว่าอย่างนี้...........................
ผมกับเจ้าแนนเป็นเพื่อนสนิทกันมาสามปีแล้ว เรารู้จักกันตั่งแต่เรียนปีหนึ่งตอนเขาร่วมกิจกรรมคณะ วันนั้นเป็นวันเข้าเชียร์วันแรก
ผู้ชายมุดโต๊ะลงไป เสียงพี่ว๊ากจอมโหดสั่งลงโทษเนื่องจากพวกผู้ชายมาเข้าเชียร์กันน้อยนิดเพียงไม่กี่คน
อะไรกันวะ มาน้อยแม่งก็สั่งมุดโต๊ะ อย่างนี้กุไม่มาดีกว่า ผมว่า:-)พี่ว๊าก
อย่าเบียดได้เปล่า เสียงแว่วจากผู้ร่วมชะตากรรมที่มุดอยู่ติดๆกัน
เบียดห่าอะไรละ กุก็ไม่มีที่จะมุดแล้วเนี่ย ผมตวาดกลับ
กุให้พวก:-)มุดโต๊ะเพื่อสำนึก ให้คิด ไม่ใช่ให้พวก:-)ลงไปคุยกัน เสียงไอ้พี่ว๊ากตะโกนคอขึ้นเอ็น
แม่งจะโหดอะไรกันนักหนาวะ คนข้างๆผมรำพัน
กุก็ว่าอย่างนั้นแหละ ผมเสริม
พวกผู้หญิงอย่ามาทำเป็นยิ้ม มีความสุข ชอบเห็นพวกผู้ชายมันลำบาก ชอบเห็นมันเหนื่อยกันใช่ไหม เห็นแล้วมีความสุขใช่ไหม นั้นหัวเราะ หัวเราะเลย หัวเราะดังๆ ไอ้พี่ว๊ากจอมโหดมันสั่งอะไรแปลกๆอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าวันนั้นพวกผมมุดโต๊ะลงไปสำรวจพื้นกี่รอบ ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงมีความสุขมากแค่ไหนกับการฝืนหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ที่แน่ๆในวันเข้าเชียร์วันแรกไม่มีใครได้ร้องเพลงเชียร์ มีแต่ได้ฝึกพละกำลัง มันทำให้นึกสงสัยว่า ผมกำลังมาซ้อมเชียร์หรือว่ากำลังมาฝึก ร.ด. กันแน่
ตลอดเย็นวันนั้นผมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมโดนสั่งมุดโต๊ะ หมอบคลาน เกือกกลิ้งจนเนื้อตัวมอมไปหมด เรี่ยวแรงจะกลับบ้านแทบจะไม่เหลือ ไม่มีใครตีสีหน้าเปี่ยมสุขออกมาเลย
จำไว้เลยนะ ถ้าพรุ่งนี้มากันหรอมแหรมแบบนี้อีก พวกเ:-)ก็จะเหนื่อยแบบนี้ ถ้าพวกเ:-)ชวนเพื่อนมาเยอะๆพวกเ:-)ก็จะได้สนุกกัน พวกพี่มีเพลงเพราะๆ มีเกมส์สนุกๆให้พวกเ:-)เยอะแยะมากมาย อย่างลืมละพรุ่งนี้ชวนเพื่อนที่ไม่ได้มาวันนี้มาด้วย วันนี้กลับบ้านได้
วันนั้นผมเดินโซซัดโซเซออกจากใต้ตึกคณะ สถานที่ที่ถูกเปลี่ยนเป็นค่ายทหารชั่วคราว ในใจคิดว่าเป็นตายยังไงพรุ่งนี้ผมคงไม่หลวมตัวมาอีกแล้ว
แม่-งโหดฉิบหาย... ผมบ่นพึมพำ
เ:-)บ่นอะไร เ:-)ว่าพวกกุโหดเหรอ วิดพื้นยี่สิบ เสียงห้าวสั่งการไล่หลังมา ด้วยความลนลานผมลงไปดันพื้นยี่สิบที่โดยไม่ได้มองต้นเสียง พอถึงครั้งที่สิบเอ็ดเสียงหัวเราะคิกๆ แว่วมากระทบหู ผมหยุดกิจกรรมลูกผู้ชายเหลือบหน้ามอง
ไอ้เห้ ยยยยยยยย ผมตวาดด่า กวนอูประทับร่าง เลือดฝาดวิ่งกรูขึ้นหน้า เปี่ยมไปด้วยอารมณ์โกรธ อาย และเหนื่อยอ่อน
เป็นอะไร หยุดทำไม ยังไม่ครบยี่สิบเลย
จะให้ผมทำครบได้ยังไงละครับ เพราะไอ้คนที่สั่งผมมันคือเพื่อนร่วมชะตากรรมที่มุดโต๊ะมากับผมตั้งแต่เมื่อเย็น มือขวาเงื้อจะต่อยตรงกกหูซ้าย ดีนะที่มันกล่าวคำขอโทษออกมาก่อนไม่งั้นละ ฮึม!!! มีเฮ
หลังจากไกล่เกลี่ยกันเสร็จ มันแนะนำตัวกับผมว่าชื่อ แนน .....................
หลังจากสอบวิชาสารสนเทศเสร็จผมเดินโซเซไปนั่งโต๊ะม้าหินที่ประจำ ในหัวมีแต่ความเบื่อหน่าย วันนี้ทำข้อสอบไม่ค่อยได้เลย ไม่มีสมาธิหรือตัวหนังสืออ่านไปแวะเวียนเข้ามาเลย ในหัวคิดไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องดอกไม้...
ไง ทำข้อสอบได้เปล่าวะ เจ้าแนนเดินไล่หลังมา อมยิ้มกรุ่มกริ่ม มันคงจะทำข้อสอบได้ตามเคย
แกดูหน้าฉันสิ ว่าไอ้หน้าอย่างนี้มันทำข้อสอบได้หรือเปล่า เซ็งวะ ผมก้มหน้าฟุบโต๊ะ
เซ็งไปทำไมวะ วิชาหน้าค่อยแก้ตัวใหม่ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เจ้าแนนฉุดแขนผม
ไม่ไป เซ็ง
ไม่ต้องมางอแงเลย ไปกินข้าว แล้ววิชาต่อไปเดี๋ยวมาติวให้ใหม่ รับรองว่าแกต้องทำได้แน่นอน
ในที่สุดผมก็ต้องฝืนไปกินข้าวกับเจ้าแนน
แนน แกใส่กระโปรงก็สวยเหมือนกันน้า ผมเอ่ยขึ้นระหว่างเดิน เจ้าแนนค้อนตาเขียวใส่
ไม่ต้องมาล้อเลย ประจำเลยนะแก ถ้าไม่ใช่วันสอบฉันไม่ใส่มาหรอกไอ้กระโปรงบ้าๆนี่
ใช้แล้วครับเจ้าแนนจะไม่ยอมใส่กระโปรงเลยนอกจากวันสอบ ตั่งแต่วันที่ผมเจอวันแรก วันที่เจ้าแนนสั่งผมวิดพื้นยี่สิบครั้ง ดีนะทีวันนั้นไม่ได้เสยกกหูไป ไม่งั้นผมคงไอ้ขึ้นฉายาว่าต่อยผู้หญิงแล้ว เอ หรือบางทีเจ้าแนนอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงก็ได้ หรือว่าจะเป็นผู้ชายปลอมตัวมา
ฝืนกินข้าวไปสองจานกับขนมหวานหนึ่งถ้วย เสร็จแล้วก็เดินกลับไปแปะก้นที่ม้าหินตัวเดิม เวลาบ่ายคล้อยลมพัดเอื่อยๆ มันทำให้เปลือกตาหนักเป็นพิเศษ
เฮ้ย!!! ไอ้เต้ แกจะหลับหรือไงวะ ลุกขึ้นมาติวหนังสือก่อน เดี๋ยวก็ทำข้อสอบไม่ได้อีกหรอก ติดเอฟไม่รู้ด้วยนะโว้ย โทรโข่งเสียงเจ้าแนนกระชากสติผมออกจากห้วงฝัน
อือๆๆๆ อะไรกัน ของีบสักตื่นไม่ได้เหรอวะ ผมงัวเงียขี้ตา ฝืนกางหนังสืออ่านอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก
ไม่ต้องเลย กินอิ่มแล้วก็จะหลับเลยนะแก เจ้าแนนบ่นตาค้อน
วันนี้ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ในหัวครุ่นคิดถึงแต่วันพรุ่งนี้ วันที่สิบสี่กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์...
แนนๆ
คำถามบางคำกระจุกอยู่ที่กระพุ้งแก้ม
อะไรของแกอีกละไอ้เต้
เอ่ออออ... ฉันไม่เข้าใจตรงนี้วะ คำพูดที่ออกไปกับใจมันไม่ตรงกันซะเลย
ไหนๆ ตรงนี้เหรอ ง่ายๆจะอธิบายให้ฟัง....
วันวาเลนไทน์ปีที่แล้ว
พี่แนนๆ เด็กสาวหน้าแฉล้มยืนเก้ๆกังๆ ตรงหน้าผมกับเจ้าแนน
มีอะไรหรือครับ ผมสวนคำถามไป เด็กสาวเหลือบมองผมด้วยหางตาก แล้วบิดกลับ โปรยยิ้มให้เจ้าแนน
คือว่า เอ่อ... บริเวณแก้มทั้งสองของเด็กสาวเริ่มมีเลือดฟาดเผยให้เห็น
เจ้าแนนยืนนิ่งเงียบไม่แสดงอาการใดๆออกทางสีหน้า
คือว่าหนูมีของมาให้พี่แนนค่ะ เด็กสาวยื่นซองจดหมายสีชมพูให้เจ้าแนน
อะไรน่ะ ซองอะไรเหรอ ผมถามด้วยความสงสัย แต่ในใจเริ่มรู้คำตอบกลายๆแล้ว
เจ้าแนนรับสองจดหมายสีชมพูจากสาวน้อย ไม่มีอาการใดๆเผยออกมาจากสีหน้า เด็กสาววิ่งหน้าแดงหายลับตาไป
ร้ายเหมือนกันนะแก ผมแซวเสียง เจ้าแนนค้อนตาเขียวใส่อีกแล้ว ผมไม่เข้าใจเหมือนกันแทนที่จะดีใจจนหน้าแดงที่ได้รับซองจดหมายสีชมพู แต่เจ้าแนนกลับทำหน้าขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นเป็นลูกคลื่น
ไม่ต้องมาแซวฉันเลยนะไอ้เต้ เจ้าแนนเก็บซองจดหมายใส่กระเป๋าถืออย่างรวดเร็ว
แซวอะไรกัน แหม เดินอยู่ดีๆก็มีน้องเอาจดหมาย ระ... เอ๊ยไม่ใช่ จดหมายสีชมพูมาให้ ดูสิวิ่งหน้าแดงหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
แกอยากได้มั่งหรือไง เจ้าแนนตอกกลับ
เปล่า อืม...แต่ก็อยากได้เหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าน้องคนนั้นเขาเอาจดหมายอะไรมาให้ ไหนเอามาอ่านหน่อยสิ ผมพยายามแย่งจดหมายจากกระเป๋าเจ้าแนน รู้ทั้งรู้ว่าเสียมารยาท แต่ก็ยังทำ
หยุดเลยไอ้เต้ แกไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันเลย เจ้าแนนขึ้นเสียงสูง
ไม่อ่านก็ได้วะ แค่นี้ทำเป็นความลับไปได้ ผมแกล้งงอนใส่
ความล้งความลับอะไรกัน แกนั้นแหละแส่ไม่เข้าเรื่อง น้องเขาให้ฉันไม่ใช่ให้แก เจ้าแนนดึงหาเหตุผลเข้าอธิบาย
ก็ อยากรู้ แค่นี้ทำเป็นหวงไปได้
แล้วแกนึกยังไงถึงได้เป็นทอมวะ แนน เป็นผู้หญิงมันไม่ดีตรงไหนวะ หน้าตาแกก็ไม่ใช่ขี้เหร่ ผมหาเรื่องใส่ตัวอีกครั้ง เจ้าแนนหยิกที่ท่อนแขนหนึ่งที ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่างกาย
ทอมเทอมอะไรของเอ็ง ข้านะผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์นะโว้ย
ผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์... ผู้หญิงบ้าอะไรตัดผมสั้น ใส่กางเกงยีนส์มาเรียนทุกวัน ท่าทางกระโดกกระเดก บางครั้งทำตัวห้าวๆยิ่งกว่าผู้ชายซะอีก
แกบ่นพึมพำอะไรวะไอ้เต้
ปะ เปล่านิ ขนาดผมไม่ได้ใส่เครื่องหมายคำพูดเจ้าแนนยังแอบได้ยินเลย เฮ้ออออ ผมละเหนื่อยใจกับมันจริงๆ
สรุปว่าวันวาเลนไทน์ปีที่แล้วเจ้าแนนได้ดอกไม้หอบใหญ่พร้อมกับจดหมาย การ์ดข้อความอีกเป็นกระบุง ผมได้แต่นั่งทำตาละห้อยมองช่อดอกไม้กับการ์ดเหล่านั้น แต่ดูเหมือนเจ้าแนนจะไม่เผยรอยยิ้มออกมาสักนิดเลย
เป็นไรของแกวะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นหละ ไม่ดีใจเหรอที่มีคนเอาดอกไม้มาให้ ผมหยิบช่อดอกกุหลาบสีชมพูขึ้นดอมดม
เจ้าแนนทำหน้าเบื่อเซ็งเป็นการตอบ
...บางทีดอกไม้พันดอกจากคนร้อยคนก็เทียบกับดอกไม้ดอกเดียวจากคนหนึ่งคนไม่ได้หรอก
แกพูดว่ายังไงนะ ดอกไม้ดอกเดียวพันดอกอะไรนะ สำนวนแปลกๆของเจ้าแนนทำให้ผมไม่เข้าใจ
เปล่าไม่มีอะไร
สอบช่วงบ่ายเสร็จผมเดินโรยแรงมานั่งม้าหินที่ประจำ เจ้าแนนยังไม่ออกมาจากห้องสอบเลย ข้อสอบช่วงบ่ายผมรู้สึกว่าทำได้ดีกว่าวิชาตอนเช้า นั่งได้สักพักก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายอยากกลับบ้าน อยากแวะไปร้านดอกไม้ ตอนนี้ในหัวมันวกวนอยู่แต่เรื่องดอกไม้ และวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้
เป็นไงมั่ง ทำข้อสอบได้เปล่า เจ้าแนนเดินอมยิ้มใกล้เข้ามา
ก็พอได้ ผมยักไหล่ตอบ
ปะ ไปหาอะไรกินกัน เจ้าแนนชวนกินอีกแล้ว
ไม่ละ วันนี้ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน รู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบาย ผมแกล้งดึงคิ้วเข้าหากัน
เป็นอะไรมากเปล่า
ไม่หรอก กลับไปนอนสักตื่นก็คงหาย
งั้น กลับไปพักผ่อนแล้วกัน พรุ่งนี้เจอกัน
อืม กลับก่อนนะ
ผมเดินใจลอยกลับบ้าน ระหว่างทางแวะร้านดอกไม้เพื่อจัดการภารกิจอะไรบางอย่างที่จำเป็นจะต้องใช้ในวันพรุ่งนี้
ครับ ดอกนี้ สีนี้แหละครับ พรุ่งนี้ผมมารับนะครับ
.ยังไม่อาจจบได้
จากคุณ :
เรือ่ยเปื่อยไปวันๆ
- [
23 ก.พ. 47 15:22:16
A:203.147.26.123 X:203.147.26.87
]