เงารักบังใจ บทที่ ๑๕

    บทที่ ๑๕
                  ยามราตรีเริ่มย่างก้าวเข้ามาสู่พื้นโลก  ดวงอาทิตย์ที่เคยสาดแสงสีทองได้ลาลับหายไปแปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด ระยิบระยับไปด้วยหมู่ดาวสุกสกาวไร้ซึ่งแสงจันทร์บดบังหากแต่ก็ยังไม่เห็นชัดมากนักในไร่ดงหมอก
                หมอกหนาเริ่มโรยตัวและความเงียบสงัดก้าวเข้ามาครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ  ราวกับว่าจะตัดขาดที่นี้จากโลกและบุคคลภายนอก
               หลังจากจัดการกับพื้นที่เปียกน้ำกับดอกไม้และมื้ออาหารเย็นผ่านพ้นไป  ลมหนาวก็ค่อยๆไปอาบน้ำกลับเข้ามาที่ห้องมาเช็กในกระเป๋าเดินทางอีกครั้งเป็นรอบที่สอง
               เพื่อให้แน่ใจว่าเอื้องคำไม่ได้แอบหยิบข้าวของสำคัญอะไรไปมากกว่าปากกายี่ห้อและสมุดหนาปกหนังยี่ห้อดัง
               แล้วจึงยกมันกลับเข้าไปในตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง
               ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าไปที่หน้าต่าง  ซึ่งกำลังพัดโชยความหนาวเย็นยะเยือกจับจิตจับใจเข้ามาภายในตัวห้อง
               หากแต่หล่อนมิได้เอื้อมมือไปปิด  เพียงใช้แค่สายตาเหม่อมองออกไปภายนอกซึ่งไม่พบอะไรมากกว่าความมืดสลัว
               ในใจยังครุ่นคิดว่า เอื้องคำคนเดียวเท่านั้นหรือที่ทำร้ายน้องสาวของหล่อน
                และจะหาอะไรมาเป็นหลักฐานมัดตัวคนผิด
                แน่นอนว่าเมื่อครู่นี้หล่อนได้ตามคุณย่าไปที่ห้องของเอื้องคำ  ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่นี้
                แถมยังแอบหยิบหวีเสียบผมมาด้วย
                เพื่อที่หล่อนจะได้นำมันไปตรวจหาลายนิ้วมือ
                หรือถ้าไม่พบบนตัวน้องสาวหล่อน
                แต่อีกไม่นานหล่อนจะต้องหาเอกสารการจ้างวานมาให้ได้
                ยังไงมันก็น่าจะถูกเก็บไว้ในห้องนอนของเอื้องคำ
                อีกอย่างใบหน้าของเมี่ยงเมื่อตอนสายทำไมถึงได้กลัวคุณย่านักหนา
                คุณย่าผิดปกติอะไรหรือ
                แต่คงไม่เกี่ยวกับเรื่องของหล่อนหรือน้องสาวหล่อนหรอก เพราะหากเป็นอย่างนั้นจริงคุณย่าคง
    ไม่ยอมปกป้องหรือเชื่อหล่อนหรอก
               หญิงสาวถอนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงนอนพร้อมกับปิดโคมไฟที่ส่องแสงสว่างให้ดับลง
               ตอนนี้หล่อนพยายามลืมเรื่องที่อยู่ในใจ เพื่อจะข่มตาให้หลับลงได้
               แต่กลับยิ่งทำให้ หล่อนว้าวุ่นจนต้องรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ถอนหายใจอีกครั้ง
               เมื่อสามคืนก่อนยังหลับได้อย่างง่ายดาย
               แล้วทำไมวันนี้หล่อนต้องนอนไม่หลับอีก
               ลมหนาวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเปิดประตูออกไปด้านนอก
               เดินเล่นให้มันทั่วๆบ้านก่อนเผื่อว่าหล่อนจะหลับตาลงได้
               ตะเกียงน้ำมันถูกตั้งไว้ทั่วทั้งทางเดินแทนที่ไฟฟ้า  ส่องแสงให้หญิงสาวที่เดินผ่านห้องนู้นห้องนี้ได้มองเห็นว่าที่หน้าห้องนั้นมีชื่อของเจ้าของห้องติดอยู่ด้วย
               ชั่วครู่สายตาหล่อนก็ไปพบเข้ากับประตูไม้ราบเรียบปราศจากการแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามเหมือนประตูห้องอื่นๆ
               มีแผ่นป้ายแขวนไว้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นชื่อของภูวัต
               อยากจะลองเปิดเข้าไปดูว่าข้างในจะมีเอกสารอะไรสำคัญเก็บไว้หรือเปล่า
              แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจาก หล่อนไม่รู้ว่าชายหนุ่มอยู่ในห้อง ขณะนี้หรือไม่
              สมมุติเขามิได้ล็อกห้องเพื่อจะล่อให้หล่อนเปิดเข้าไป
              ส่วนตัวเขาก็แอบอยู่ข้างนอก
              หล่อนก็คงถูกมองว่าเป็นขโมยและโดนไล่ออกเหมือนเอื้องคำก็ได้
              ตอนนี้จึงทำได้แต่มองข้ามมันไป  
              เวลาผ่านไปได้ชั่วครู่หญิงสาวก็เดินมาถึงปลายสุดของตัวบ้านหลังนี้
              ผ้าม่านลูกไม้พื้นใหญ่ติดอยู่ด้านหน้าของกระจกใสบานใหญ่ที่ติดไว้สำหรับมองทิวทัศน์ส่วนหลังของบ้านปิดสนิทกันความเย็นมิให้เข้ามา
              ที่ขอบหน้าต่างซึ่งถูกชายของผ้าม่านเลยมาถึงมีที่ว่างใช้สำหรับนั่งเล่น
              หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งอย่างหมดแรง ความรู้สึกเมื่อยล้าที่ถาโถมลงมาบนบ่าหล่อนอย่างไม่ปราณี ค่อยๆถูกความสบายเข้ามาแทนที่
              มือของหญิงสาวเลื่อนให้ผ้าม่านเปิดออก  พลางเหม่อไปด้านนอกเพื่อจะมองแสงดาวที่ระยิบบนฟากฟ้า
              หากแต่พบเพียงความสลัวไม่ต่างอะไรกับหน้าต่างในห้อง  หล่อนจึงก้มหน้าลงไปมองที่กระถางดอกไม้รวมทั้งดอกกุหลาบหยาดฝนสีขาวสวยที่ดูสว่างไสวเพราะแสงจากเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่บนกระบอกไม้ไผ่ที่เสียบติดไปบนพื้นดินเรียงรายไปโดยรอบตัวบ้าน
              ร่างของใครคนหนึ่งกับม้าตัวใหญ่กำลังก้าวเดินเคียงกันไปเรื่อยๆ  
              เมื่อหญิงสาวเพ่งพินิจจึงรู้ว่าคือใคร
              ภูวัตกำลังเดินอยู่ข้างนอกในชุดนอนที่คะเนด้วยสายตา  เนื้อผ้าดูไม่หนาแม้แต่น้อย
              ขณะที่คนที่นี้ แม้กระทั่งฟรานซิสสวมชุดอุ่นๆหนาๆ
             เขากลับสวมแต่เสื้อผ้าเนื้อบางราวกับว่าอากาศในขณะนี้เต็มไปด้วยไปร้อนและที่นี้ถูกตั้งอยู่บน
    เกาะทางภาคใต้
            สงสัยเหลือเกินว่าเขาไม่หนาวบ้างหรือไร
             ข้างกายที่เดินเหยาะๆมาด้วยคือเจ้าม้าขาวจอมหยิ่ง
            ด้านหลังมีเจ้าสุนัขนับสิบตัวที่หล่อนเพิ่งเห็นเมื่อวานพากันเรียงหน้าเดินตามเจ้านายของมันด้วยท่าทางร่าเริงและไม่มีปัญหาระหว่างกันแต่อย่างใด
             พวกมันคงจะต้องผ่านการฝึกให้เป็นสุนัขมารยาทดีมาก่อน  ไม่งั้นก็คงจะอิจฉา ขู่กรรโชกและกัดกันไปนานแล้ว
            ใบหน้าของชายหนุ่มมองเหม่อไปบังท้องฟ้ามืดมิดเบื้องบน
             ดวงตาคู่สวยที่ต้องแสงสว่างของเขาระคนไปด้วยความรู้สึกมากมาย
            ทั้งความอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว
            ความคิดถึงและคิดคำนึง
            เขากำลังคิดถึงใครอยู่
            หากจะให้หล่อนคาดเดา
            เอื้องคำด่าเขาเจ็บแสบเช่นนั้นคงจะไม่ใช่คนที่เขากำลังคำนึง
            อาจจะเป็นคนอื่น
           ใครกันที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านี้เต็มไปด้วยความเดี่ยวดาย
            เขาจะคิดถึงใคร  และน้องสาวหล่อนจะเป็นคนที่เขากำลังนึกถึงอยู่ไหม
           หรือจะเป็นหญิงสาวที่เขารักใคร่
           แต่เขาคงไม่ได้ครุ่นคิดในเรื่องของหล่อนเป็นแน่
           ไม่งั้นใบหน้าของเขาต้อง เต็มไปด้วยความไม่ชอบใจและไม่เชื่อใจในตัวของหล่อน
            แต่นี้กลับเต็มไปด้วยความเหงา
            ชั่วครู่หนึ่งมันแล่นผ่านเข้ามาในจิตใจเมื่อหญิงสาวมองใบหน้าเขานานขึ้น  
            ความรู้สึกอคติของหล่อนที่มีต่อชายหนุ่มมลายหายไปวูบหนึ่งพร้อมกับคำถามก็ผุดลุกขึ้นมาในสมองอย่างรวดเร็ว
              เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่
              บ้างทีก็ดูแข็งกร้าวแสนร้ายกาจและบ้างคราวก็อ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ

    จากคุณ : ม่านหมอก - [ 23 ก.พ. 47 17:04:03 A:203.107.159.111 X: ]