จ้าวสมุทร ตอนที่ 26 นักค้าข่าวคีตกาล

    จ้าวสมุทร ตอนที่ 26                      -นักค้าข่าว คีตกาล-

     สิบนาทีต่อมาไซมาความเร็วสูงก็จอดลงที่สถานีอ่าวไทย นาฬิกาข้อมือของอูวดลบอกเวลาสองทุ่มครึ่ง

     “มาลาตี.. ตื่นได้แล้ว ถึงแล้ว.. อะไรกัน แค่สิบห้านาทีก็หลับได้ด้วย..” ราชเทวีดาหวันพูดพลางเขย่าตัวมาลาตีให้ตื่นจากการนิทราที่แสนสั้น

     “ทำไมถึงเร็วจังล่ะคะ..” มาลาตีพูดอย่างงัวเงีย กางแขนออกบิดขี้เกียจ

     “อะไรกัน ! ไซมาความเร็วสูงใช้เวลาเดินทางจากทะเลจีนใต้ถึงอ่าวไทยเพียงยี่สิบกว่านาทีเท่านั้น แล้วเราก็หยุดกลางทาง พอเดินทางต่อก็ใช้เวลาแค่เพียงสิบห้านาที ไม่รู้ว่าจะหลับไปทำไม..” ราชเทวีดาหวันพูด

     “เอาล่ะ.. ลุกขึ้นได้แล้วมาลาตี ทางพนักงานเขาประกาศให้เรารีบลงกันได้แล้ว ชักช้ามาก ๆ เดี๋ยวคนอื่น ๆ ที่มาด้วยเขาจะเสียเวลากันนะ..” จ้าวสมุทรวาสุกรีพูด ยิ้มให้มาลาตี

     มาลาตีลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างถาวร แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอหายง่วงแต่อย่างใด อูวดลสาบานได้เลยว่า เธอกำลังหลับตาเดิน

     อูวดลเดินตามหลังจ้าวสมุทรวาสุกรี ราชเทวีดาหวัน ไปตามอุโมงค์มืด ๆ โดยมีมาลาตีเดินห่อไหล่ตามมาติด ๆ สักพักพวกเขาก็พ้นจากทางเดินมืด สู่ห้องสถานีที่กว้างขวาง ตอนนี้มีคนอยู่น้อยลงแล้ว ถ้าจะเทียบกับเมื่อตอนกลางวัน

     “ท่านจ้าวสมุทรจะกลับเลยหรือเปล่าครับ..” ชายคนหนึ่งเดินออกจากห้องสำนักงานที่อยู่ใกล้ ๆ กับช่องขายตั๋วพูด

     “ใช่.. ฉันนัดหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสี่ไว้ตอนสามทุ่ม..” จ้าวสมุทรวาสุกรีตอบ

     “เอ่อ.. ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมจะให้คนขับยานพาหนะไม่มีชื่อไปส่งนะครับ..” ชายพนักงานคนเดิมพูด

     “ไม่เป็นไร.. ฉันเอารถของฉันมาเอง ไม่ต้องลำบากหรอก.. ไปกันเถอะพวกเรา..” จ้าวสมุทรวาสุกรีพยักหน้าให้กับคนทั้งสามที่กำลังเดินตามเขาและพยักหน้าลาชายพนักงานคนั้นอีกหนึ่งครั้ง แล้วก็เดินออกไป

     จ้าวสมุทรวาสุกรีเดินนำไปตามโพรงขนาดใหญ่ จนถึงเยื่อบาง ๆ ที่กั้นของเหลวสีน้ำเงินเข้มไว้ด้านนอก

     “เธอเอารถของเธอมาเองใช่มั๊ย..” จ้าวสมุทรวาสุกรีถามมาลาตี

     “ค่ะ..”

     “จะไปส่งอูวดลเลยหรือเปล่า..”

     “ไม่หรอกค่ะ..” มาลาตีพูด เธอมองมาที่ชุดสีดำที่อูวดลใส่ “เขาคงไม่อยากใส่ชุดแบบนั้นขึ้นไปข้างบนหรอกค่ะ เดี๋ยวพาเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ศูนย์การปกครองก่อนดีกว่า..”

     “อืม งั้นเธอก็ขับรถตามฉันไปก็แล้วนะ..” จ้าวสมุทรวาสุกรีพูดแล้วเดินผ่านเยื่อกั้นน้ำออกไป โดยราชเทวีดาหวันตามไปด้วย

     “ไปกันเถอะ..” มาลาตีสะกิดอูวดล และทั้งคู่ก็ผ่านเยื่อกั้นน้ำสู่โพรงหินใต้ทะเล อูวดลเคลื่อนตัวตามมาลาตีไปอย่างช้า ๆ เพราะโพรงแคบ ๆ เวลานี้มันมืดมิดจนแทบมองไม่เห็น สักพักเขาทั้งสองก็ออกจากโพรง ความมืดมิดน้อยลงแล้ว มาลาตีว่ายน้ำนำอูวดลไปยังยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกของพวกเขาที่จอดไกลออกไปสักสิบเมตร

     อูวดลว่ายน้ำตามมาลาตีจนทัน ทั้งคู่เข้าสู่ยานพาหนะลูกครึ่งเรือ-รถยนต์ แล้วทันใดนั้น ยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกของจ้าวสมุทรวาสุกรีก็เปิดไฟสูงใส่ เพื่อส่งสัญญาณให้ขับตามไป

     “ให้ตายสิ.. ทำอย่างกับว่าฉันไม่รู้ทางอย่างงั้นแหละ..” มาลาตีพูด ในขณะที่ติดเครื่องยนต์แล้วขับตามจ้าวสมุทรวาสุกรีไป

     “เออ มาลาตี เธอจำทางในโลกใต้น้ำได้ยังไงนะ.. มืดก็มืด แถมถนนก็ไม่มี..” อูวดลถาม

     “ไม่รู้สิ.. แต่ฉันก็เคยหลงเหมือนกันนะ เวลาขับที่น้ำตื้นจะง่ายหน่อย เราจะอาศัยแนวปะการังเอา.. ส่วนบริเวณน้ำลึกแบบนี้.. ก็ตัวใครตัวมัน..”

     “หมายความว่าไง.. ตัวใครตัวมัน..” อูวดลถามไปอีก แต่มาลาตียักไหล่อย่างไม่สนใจ

     ทันใดนั้น ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวสมองของอูวดล เมื่อสิบนาทีที่แล้ว บนไซมาความเร็วสูง จ้าวสมุทรเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มโจรทะเลเลือดให้เขาฟัง ตอนนั้นมาลาตีกำลังหลับ นั่นก็หมายความว่าตอนนี้เขาได้รู้อะไรล้ำหน้าไปกว่ามาลาตีแล้ว.. ซึ่งเขาเองก็ไม่ต้องการนัก.. มาลาตีเป็นคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาตั้งแต่ได้รู้ความจริง.. เธอเป็นคนเดียวที่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เขาฟังแล้วเขาพอเข้าใจ (การอธิบายของจ้าวสมุทรวาสุกรีมันดูจริงจังเกินไป และกฤษณาก็ดูเชื่อถือไม่ค่อยได้..)

     อูวดลมองหน้ามาลาตีพร้อมกับตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องกลุ่มโจรทะเลเลือดที่เขาได้รับรู้มาจากจ้าวสมุทรให้เธอฟังจะดีใหม

     “มองหน้าฉันทำไม.. มีอะไรหรือ..” มาลาตีถามออกมาเมื่อรู้ว่าเพื่อนชายมองหน้าเธอนานกว่าปกติ

     “เปล่า.. ๆ ไม่มีอะไร..” อูวดลรีบตอบ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าไม่เล่าตอนนี้ดีกว่า

    …………………………………….


     ยานพาหนะไม่มีชื่อเรียกทั้งสองคันจอดลงที่หน้าโพรงหินใต้ทะเลลึก จ้าวสมุทรวาสุกรี ราชเทวีดาหวัน อูวดลและมาลาตี ผ่านเยื่อกั้นน้ำเข้าสู่ห้องกว้างซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของศูนย์การปกครองอ่าวไทย

     ไม่ทันที่ทั้งสี่จะได้พูดอะไรหรือทำอะไร เสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ ของกฤษณาก็ดังขึ้น เธอวิ่งออกมาจากห้องโถง

    “ท่านจ้าวสมุทร มีคนมาหาค่ะ..”

     “ทำไมมาเร็วกันจังล่ะ.. ฉันนัดพวกเขาไว้สามทุ่มนี่นา..” จ้าวสมุทรวาสุกรีพูด สีหน้าส่อแววฉงนเล็กน้อย แต่สีหน้าของกฤษณานั้นฉงนยิ่งกว่า

     “อะไรนะคะ.. ท่านจ้าวสมุทรนัดเขามาหรือคะ..”

     “ใช่ กฤษณา.. ฉันนัดหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสี่ไว้ เพื่อประชุมเรื่องเศรษฐกิจ..”

     กฤษณาถอนใจ “คนที่มาไม่ใช่หัวหน้าหมู่บ้านคะ..”

     “อ้าว.. แล้วเป็นใครล่ะกฤษณา..” ราชเทวีดาหวันถาม

     “คีตกาลค่ะ..” กฤษณาตอบ

     จ้าวสมุทรวาสุกรีและราชเทวีดาหวันขมวดคิ้วเล็กน้อย มาลาตีแสดงสีหน้าสะอิดสะเอียนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอูวดลก็เป็นเหมือนเดิม เพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย

     “ยัยคีตกาลมาที่นี่ทำไม.. ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ..” มาลาตีพูด

     “เธออยู่ที่ไหน..” จ้าวสมุทรวาสุกรีถาม

     “ห้องโถงใหญ่ค่ะ..” กฤษณาพูดพลางเดินนำไป

     อูวดลเดินรั้งท้ายผ่านห้องโถงที่เชื่อมประตู หลายประตูเข้าด้วยกัน พวกเขาเดินเข้าไปในประตูบานริมด้านขวา สู่ห้องโถงใหญ่สำหรับการประชุม แท่นน้ำทะเลที่จับตัวเป็นผลึกสีอำพันวางโดดเด่นอยู่เหนือพื้นที่ยกระดับสูงเมตรครึ่ง ภายในผลึกมีดอกไม้ทะเลหลากหลายพันธุ์โบกสะบัดไปมาเหมือนในทะเลจริง ๆ  ผนังถ้ำฝังเพชรสีครามและสีน้ำเงินส่องประกายระยิบระยับเล่นกับแสงไฟสีเขียวจากโคมไฟระย้าที่ห้อยลงจากเพดาน แท่นหินแกะสลักขนาดใหญ่สี่แท่นถูกวางไว้บนพื้นระดับปกติ

     นาคินนั่งอยู่บนแท่นหินแกะสลักแท่นแรก เฝ้ามองการเดินมาของอูวดลอย่างไม่สบอารมณ์ อูวดลกล้าสาบานเลยว่าไม่มีใครที่จะไม่คิดว่านาคินกำลังวางแผนจะฆ่าเขาถ้าได้เห็นสีหน้าของนาคินตอนนี้ แต่สีหน้าบูดบึ้งของนาคินก็ไม่ทำให้เขาสนใจมากนักเพราะความสนใจของเขาทั้งหมดยกให้กับสตรีแปลกหน้าที่นั่งบนแท่นหินตัวที่สอง

     ร่างบอบบางภายใต้อาภรณ์รุงรังสีขาวโปร่งใส จนมองเห็นอาภรณ์สองชิ้นที่ปกปิดส่วนสำคัญของร่างกายไว้พอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน จนบางทีอูวดลก็อดคิดไม่ได้ว่าจะเธอสวมเสื้อคลุมรุงรังสีขาวไว้ทำไม เพราะสวมก็เหมือนไม่สวม ยังไง ๆ เขาก็ยังมองเห็นหน้าท้องแบนราบ สะโพกที่เว้าแหว่งได้ที่ และต้นขาเรียวงามของเธอได้อยู่ดี

     ริมฝีปากสีแดงจัดยิ้มออกเล็กน้อย เมื่อคนที่เธอต้องการพบเดินเข้ามา เธอสะบัดผมสีดำขลับเป็นประกายที่ยาวลงมาปรกใบหน้าที่แต่งหน้าจัดไปด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าของสตรีผู้นี้ได้ชัดเจน..

    อายุไม่น่าจะเกินสิบห้า สิบหก.. อูวดลคิด.. แต่ถึงอย่างไร การแต่งกายและการแต่งหน้าที่ออกจะเกินวัยไป ทำให้ความสวย ใส อย่างวัยรุ่นของสตรีคนนี้หมดไปเสียสิ้น กลายเป็นความสวย แบบแก่กว่าวัยแทน

    จากคุณ : Waasuthep - [ 23 ก.พ. 47 23:30:23 A:203.113.81.9 X: ]