คนเมืองอยู่ป่า3

    บทที่สาม
    ปกติผมจะไม่ค่อยขาดการติดต่อกับโลก อินเตอร์-เน็ท ทั้งใช้งานที่บริษัท หรือที่บ้าน เมื่อไหร่ได้นั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็เชื่อมต่อได้ตลอด
    เข้าไปดูอะไรน่ะเหรอ
    อินเตอร์ ก็เป็นบางอารมณ์ เช่น อยากดู CNN หรือ ABC หรือเว็บโป๊ ข่าวของยาฮูก็ดูนะ  ดูเป็นอินเตอร์
    ส่วนเน็ท ของผม คือการเชื่อมต่อกันคนอื่นไกลๆ…
    ผมเข้าไปดูเมล์ ทั้งขยะและไม่ขยะ ทั้งแขยงและไม่แขยง ดูข่าวบ้าง เว็บไทยเว็บเทศดูไปเรื่อย งานด้วย อัพเดทข่าว ซื้อขายของ ดูสูตรอาหาร ดูไม่มีหมด…content เยอะมาก
    content ต้องเติม s…..เพราะเยอะมาก
    ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอินเตอร์ ขี้เกียจอ่านภาษาฝรั่ง
    พอมันรวมกันเป็นอินเตอร์เน็ท เป็นเครือข่ายใยแมงมุม ก็ต่อติดติดต่อไปได้ทั่วโลกเลย….หลายที่
    แปลแม่มง่ายๆแบ่บนี้แหละ…..
    Chat…แช็ท…. คุยจุกจิก มีมั่งเวลาเบื่อๆ แต่ไม่ค่อยมีแก่นสารเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนมีแฟนแล้วทั้งนั้น  เข้ามาเพราะเหงาๆ แฟนไม่อยู่มั่ง ไม่อยู่กับแฟนมั่ง แฟนเว้นวรรค อะไรทำนองนี้ จุดประสงค์การคุยก็แก้เหงาอย่างเดียว  แกก็เหงาชั้นก็เหงานิหว่า  มานั่งคุยกัน อะไรทำนองนี้
    คนเราจะตายมั๊ยคับ  ถ้าขาดอินเตอร์เน็ต…
    ถ้าถามคนที่ไม่ใช้เป็นประจำ…ก็ได้คำตอบแหงๆอย่างนึง….ไม่ตายหรอกเว้ย…
    “สมัยพ่อแม่เมิงไม่มีไอ่นี่ใช้  ไม่เห็นใครจะเดือดร้อนเรยยย…..”  
    นั่นสิคับ  ผมไปถามพ่อแม่ ก็ไม่เดือดร้อนเช่นกัน…และโดนโขกสับ ตอกกลับมาพอประมาณ….
    แต่พอถามคนออนไลน์ทุกวัน….อือม….คำตอบเปลี่ยนไปรึเปล่าเนี่ย…
    “ไม่ถึงกะตายหรอกค่ะ…แต่หงอยๆนะ…ไม่มีไรทำ…”
    “ไม่ตายหรอกเพ่…แต่เอาเป็นว่าทำงานไม่ได้ละกัน…”
    ทำงานไม่ได้เลยเหรอ…คนบางคนไม่มีอินเตอร์เน็ตสมัยนี้มันทำงานไม่ได้จริงๆ…(เห็นด้วยนิดนึง)
    “ฮือ…ฮือ…แฟนหนูไม่ออนไลน์เลย….ฮือ…ฮือ…(คนนี้ร้องไห้อย่างเดียว….แฟนหาย…)”
    เบียร์หมดอีกป๋องละ….
    “โหยย…พี่เข้าใจชีวิตดีมากเลยค่ะ…หนูชอบพี่จัง…พรุ่งนี้มาอีกนะ…”
    ส่วนใหญ่ คนที่ออนไลน์ไม่ได้มาหาแฟน  แต่มาเพราะว่าง…เหงาๆ…ไม่มีอะไรทำ…บ่สื่อจ่อ (ภาษาจีนแต้จิ๋ว)…
    ไม่มีผลของงานวิจัยเอลิด้าปารีส หรืออะไรทำนองไหนทั้งนั้น  ผมวิจัยของผมเอง…
    “พี่เอ็มอ่ะ  โคตรน่ารักเรยย….ไม่เคยเจอใครอย่างนี้มาเลย…” คำก่อนสุดท้ายที่พูดคุยกัน
    “เหรอ…”
    “อยากเจอ อยากเจอ…”
    “เรามาเจอกันเหอะ…นะ…เอ๋อยากเจอพี่…”
    “นะ…พี่นะ…”
    เสร็จสิครับ…..
    ส่งรูปมาให้ดูแล้วด้วย อวบอึ๋ม สมใจพระเดชพระคุณรุนช่อง…ช่อง…ช่อง…เจ็ดสีทีวีเพื่อคุณ
    ….เพื่อใครๆได้ทั่วประเต๊ดเล๊ยยย….
    ผมหยิบทิชชู่มาซับน้ำลายหยดสามแหมะ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับปลายิ้มแหยๆ ตราสามสิบสี่แม่ครัว…ก่อนจะบรรจงเขียนตอบเธอไป…
    “สกาล่  บ่ายสอ สา สิ  ….”  ฟังดูเหมือนกะเหรี่ยงไปซะ….
    จริงๆแล้ว สกาล่าบ่ายสองสามสิบ แต่การสื่อสารอาจขาดหายได้ เป็นบางช่วง ไม่ต้องมีสาเหตุ ไม่ต้องการคำอธิบาย เพราะมันจะฟังไม่รู้เรื่อง  too technical  ผมอยู่ใกล้บ้านนอก….
    “สกาล่าบ่ายสองสามสิบนะพี่ พรุ่งนี้เจอกัน…..เอ๋ไปหลับก่อนนะ…”
    แล้วเธอก็ off line ไป และนี่เป็น คำสุดท้ายที่พูดคุยกันโดยไม่เห็นหน้าตา
    ผมก็ไปเหมือนกัน หมดแรง
    เอ๋กับผมเจอกันไม่นาน ในโลกแห่งไซเบอร์  เราคุยกันใน msn  เธอบอกว่าเป็นนักเรียนนอก ด้วยสาเหตุที่เป็นนักเรียนนอก เลยโดนแฟนทิ้ง เพราะแฟนเธอไม่ได้ตามไปเรียนด้วยกัน ผมเข้าใจเอาเองว่าพ่อแม่น่าจะกีดกันรักของเธอ เลยส่งเอ๋ไปเรียน แต่พอพ่อแม่แฟนเอ๋ไม่มีปัญญาส่งไปเรียนด้วยกัน อยู่ห่างกันไปนานๆ ไอ่หนุ่มนั่นเลยไปมีคนใหม่ซะ….ท่าทางจะเป็นอย่างนั้น….
    เป็นผม ผมก็ไม่ติดตามไปหรอก รักส่วนรัก เรื่องเรียนก็ส่วนเรียน ไม่มีปัญญาส่งก็ไม่กระเสือกกระสนไปเทียบเทียมหงษ์ขนาดนั้น  จะบินไปเรียนที่ไหนก็ไปเหอะ….
    ทั้งคู่เลยห่างเหิน แรกๆก็ดี มีเขียนจดหมายติดต่อส่งข่าวสารถึงกัน พอภายหลังเธอมีอินเตอร์เน็ตใช้ในการติดต่อได้  ก็ติดต่อกันทางเครือข่ายใยแมงมุมนี่ พอนานๆไป แฟนเธอก็เฝด…เฝด…เอ้าท์….(คือริบหรี่ไปจนเจือจาง และเงียบงันในที่สุด…)
    ท่าทางเอ๋โคตรจะเหงา พอคุยกันถูกคอ (รวมทั้งได้เห็นรูปหล่อล่ำบึ้กของผม) เธอจึงรอคอยที่จะพูดคุยกับผมทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นประจำ
    ผมอาสารักษาแผลใจให้เธอ และบอกว่า ถ้ามีปัญหามาปรึกษาพี่เอ็มได้เสมอ
    พี่ชอบสร้างความอบอุ่นให้สาวๆ สวยๆ เสมอๆ ทุกๆ ครั้ง ทุกๆ คน ที่มีโอกาส….อันหลังนี่ดังอยู่ในห้วงคำนึง  ไม่ได้เปล่งอะไรบอกเธอไป…มันดูหื่นๆยังไงไม่รู้
    เธออายุน่าจะแถวๆยี่สิบเจ็ด คาดเดาจากรูปถ่าย  เธอโคตรจะอึ๋ม…และผมสงสัยมากว่าแฟนเธอ มันใส่แว่นสีอะไรว้าาา…… ถึงตาถั่วได้ขนาดนี้
    และเมื่อโอกาสอันเหมาะมาถึงเธอบอกว่าปิดเทอม และต้องการพบกัน
    จะเหลือเหรอครับทั่นผู้ชม….
    ปิดเทอมกลับมาอยู่บ้าน อิ อิ อิ….แฟนก็ไม่มี  จะพาไปซิ่งให้สนุกสนานไปเล้ยยย…..ผมคิดเลยเถิดไปถึงไหนไม่รู้….
    วันนั้น ผมไปรอที่หูฉลามสกาล่า…ตรงเวลาเป๊ะ…
    เอ๋ ไปรออยู่หน้าสกาล่าเหมือนกัน หน้าโรงหนัง  และเราไม่เจอกัน...
    คนนึงรออยู่หูฉลามสกาล่า  อีกคนรออยู่หน้าโรงหนัง
    ให้ร้านมันตั้งตรงข้ามกันด้วย  ถ้าเรื่องราวนี้อยู่บนแผ่นฟิล์ม และผู้กำกับไม่อยากให้มันสองคนเจอกัน  คุณก็จะไม่มีวันได้เจอกันหรอก….
    ผมรอจนบ่ายสองสี่สิบ…เดินไปที่โรงหนังสกาล่า…เพราะเดาว่าสกาล่านี่ไม่มา ก็คงไปอยู่สกาล่าที่เหลือ
    (โชคดีที่นัดสถานที่อย่างเฉพาะเจาะจงขนาดนี้  ถ้านัดกันกว้างๆ ว่าเจอกันที่สยาม ผมไม่รู้ต้องเดินอีกกี่ซอย ทั้งสยามสแควร์ สยามเซ็นเตอร์ แถมสยามดิสคัฟเวอรี่อีกตึกหนึ่ง สยามบาร์เบอร์ ฯลฯ….อันหลังนี่เจ๊งไปรึยังไม่รู้ เคยไปสมัยหนุ่มๆ)
    ในที่สุดเราก็เจอกัน แถวทำเลที่นัดหมาย…
    เธอจำผมได้จากรูปที่ผมเคยส่งให้  เธอ โบกไม้โบกมือใหญ่เลย  
    ผมหันหลังกลับ และก้มหน้าเล็กน้อย ค่อยๆเดินมาที่ร้านหูฉลามเหมือนเดิม….ทันทีที่เห็นเธอ….
    ไม่ได้วางฟอร์ม หรือจะให้ตามมา หรืออะไรหรอกครับ…แต่….
    มันใช่คนในรูปซะที่ไหน…..
    ขนหน้าแข้งของเอ๋ยาวกว่าหนวดผมซะอีก….อึ๋ยยยย….
    ความมึนตึ้บเกิดขึ้นในช่องว่างระหว่างสมองกับกระโหลกทันที…”จะเอาไงดีวะ…”
    “ไล่ไปเลย ไล่ไปเลย…บอกเฮ้ยยๆ…ทักคนผิดแล้วมั๊งน้อง…” ดุใส่ไปเลย…
    ว้าาา…ใจดำเกินไปรึเปล่าวะ….
    “อย่าเข้ามานะ…ชั้นไม่รู้จักแกซักหน่อย…” ไม่ได้ ไม่ได้ ….ดูเป็นตุ๊ดเกินไป
    ผมเข้าใจเอาเองว่ายัยนี่เอารูปคนอื่นมาเที่ยวแจก หวังหลอกจีบหนุ่มๆแหงเลย
    สองสามก้าวแรกระหว่างทางที่ผมเดินครุ่นคิดกลับไปร้านสกาล่าหูฉลาม…
    เอ๋อวบอึ๋มคนนั้นก็โผล่มา…..
    คนในรูปนั้นนิหว่า….
    มาได้ไงว้า….
    “เอ๋…”  ผมเรียกชื่อเธอเลย
    เงียบคับ…..
    เธอมองผมหน้างงงง….และตรวจดูสารรูปผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า…
    แต่พอเหลือบไปเห็นยัยเอ๋ที่วิ่งพาความสูงร้อยเจ็ดสิบแปดตามผมมา สีหน้าเธอก็เปลี่ยน….
    “เวียน…มาได้ไงเนี่ย” เจ๊อึ๋มเธอหันไปทักทายเพื่อนตุ๊ดของเธอ ที่ผมเข้าใจว่าน่าจะชื่อเอ๋
    แต่เปล่าครับ…เขาหรือเธอคนนั้น ชื่อเวียน….พอนึกถึงว่ามันอาจมาจากชื่อ วิเวียน ก็พลันให้เกิดวิงเวียนขึ้นมาทันที….
    “ไปไง มาไง (ไปยังไงมายังไง คำเต็มของคำกร่อน พัฒนามาจากไปอย่างไรมาอย่างไรหรือ…)…ทำไม่ไม่เข้าเรียน…”
    “หนูขอโทษค่ะครู วันนี้หนูมีนัด เลยไม่ได้ไปเรียน…”
    เอ่า…ไหนบอกเป็นนักเรียนนอก????
    “เอ่อ…ขอโทษนะครับ คุณเอ๋ เอ๊ย คุณเวียนนี่เป็นนักเรียนของคุณหรือครับ…” ผมถามเจ๊อวบอึ๋มเจ้าของรูปภาพใบนั้น ทันทีที่มีโอกาส
    “ค่ะ…ส..” เธอยังพูดไม่ทันเสร็จยัยตุ๊ดนั่นก็พูดแทรกขึ้นมา  
    “นี่ค่ะ เวียนนัดกะพี่คนนี้ไว้ค่ะครู ”
    “เราคุยกันทางแช็ท พี่เค้าดี๊ดีค่ะ เป็นคนอบอุ๊น อบอุ่นค่ะ…”
    “นานๆจะเจอคนที่จริงใจและเข้าใจเวียนอย่างนี้ ครูอย่าว่าเวียนนะคะ…”
    “สังเวียน…สังเวียน..ครูเข้าใจจ่ะ…”
    สังเวียนครับ….เธอหรือเขาคนนั้น  ชื่อสังเวียน…
    หลังจากทำความเข้าใจกันดีในวันนั้น ผมพาสังเวียนไปนั่งกินข้าว แล้วคุยกัน
    เธอชื่อสังเวียน เป็นนักเรียนนอกจริงๆ นักเรียนกศน.จากระบบการศึกษานอกโรงเรียน
    แฟนของเวียน ก็เด็กดมกาวแถวบ้านเธอนั่นแหละ ที่ไม่ได้ติดตามไปเรียนกับเธอ เพราะพ่อแม่เค้าติดคุกในคดียาบ้า ไม่มีใครส่งเสียให้เรียน  สังเวียนจึงไปเรียนกศน.คนเดียว  
    ส่วนจดหมายที่ว่าเขียนกันไปมาก็ไม่มีอะไรมาก  มันเป็นรหัสลับ เช่น วันเคลื่อนเดือนคล้อย ลอยถึงสิ้นเดือน เตือนตีสอง ใจฉันหมองฉันคิดถึงเธอมาก (ถ้ามากเดียวที่วัด)
    เดือนคล้อยลอยเด่นเห็น จันทร์สดใสในวันที่ 16 ตกดึกค่ำย่ำสามทุ่ม ใจรุมร้อนคิดถึงเธอมากๆ (ถ้ามากๆ ไปไกลอีกหน่อย) จุดที่สอง ร้านข้าวต้ม
    คืนนี้สิบเอ็ดนาฬิกาใฝ่ฝันหาคำนึงถึงเจ้า มิอาจเว้นว่างจากนงเยาว์นั่งดวดเหล้า ตอนปลายเดือน (อันนี้นัดกันที่ร้านเหล้าปากซอย…)
    มันนัดส่งของกัน….
    แฟนของสังเวียนอาศัยเขาหรือเธอนี่แหละ รับส่งและช่วยขาย “ของ”
    พอตำรวจเริ่มคลำทางมาใกล้ตัว ทั้งสังเวียนและแฟนก็ไปคุยกันผ่านเครื่องมือสื่อสารทันสมัย….เขาคุยกันผ่านเกมส์แร็กน่าร็อก….
    แฟนของสังเวียนเล่นจากเครื่องที่บ้านเช่า ที่อยู่กับเพื่อนๆหลายคน เป็นแก๊งธุรกิจขนาดย่อม หลังจากพ่อแม่ไม่อยู่เขาเลยรับช่วงธุรกิจมาทำกันต่อ
    แต่เวียนเล่นผ่านร้านเกมส์ เพราะไม่รวยเท่าแฟน เธอเป็นแค่เอเย่นต์รายย่อย ที่สำคัญ ที่บ้านเธอยังไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์จากทีเอ หรือทศท.
    และวันหนึ่งแฟนของเวียนก็ถูกจับไปจนได้….พร้อมเพื่อนร่วมแก๊ง…
    เวียนจึงเลิกเล่นเกมส์ และหันมาแช็ทๆๆๆๆ  …..เพื่อคลายความเหงาของเธอ….จนมาเจอผม
    ผมบอกเวียนว่า ยินดีที่ได้รู้จัก จากนี้ไปก็ตั้งใจเรียน แล้วหางานดีๆทำ อย่ามาหลอกคนอื่นเล่นแบบนี้อีก เป็นคนอื่นอาจไม่ใจดีอย่างน้าก็ได้นะ (เวียนอายุจริงแค่สิบเจ็ดปี และผมแก่กว่านั้นเยอะ)
    เจ๊อวบอึ๋มนั่นไปไหนน่ะเหรอ….อย่าไปพูดถึงเธอเลย…
    คำสุดท้ายที่หลุดจากปากเธอที่หน้าสกาล่า คือ “สังเวียน พรุ่งนี้ เจอกันที่โรงเรียนนะ…”
    เธอหันมาทางผม และมองผมหัวจรด…หือมมม..อีกครั้ง….“โนโวเทล191แอ็ดยู้ฮูดอทคอม….” (novotel191@yoohoo.com) แล้วเธอก็ไป
    ……………………………
    ในป่าแห่งคอนกรีต อลังการ
    ในป่าแห่งนี้ มีทั้งสัตว์กินพืช และสัตว์กินสัตว์
    ในบดบังแห่งเทคโนโลยีที่สื่อสารกันซ่อนสิ่งใดไว้ไร้คนเห็น
    ในสังคมฟอนเฟะเละเทะที่มันกำลังเป็น
    ยังเยือกเย็นกันอยู่ได้ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีที่พัฒนาไกล

    ยังชื่นชม ยังเห่อเหิม
    ยังหวังเติม ให้เต็ม ให้เป็น ให้ได้
    ประเทศรุ่ง- เรืองมีวัตถุ วิวัฒนาการใด
    จักได้ มี จักเป็น จักเห็น จักถวิล…

    แท้จริงสิ มิเห็น เมืองเป็นแผล
    สังคมแย่ ถูกบั่นทอน หมดสิ้น
    กัดกร่อน ซึมรากลึก จนชาชิน
    ท้ายที่จริง สิ้นสลด หมดทาง

    การศึกษา รากฐาน ชีวิต
    ยาเสพติด พิษภัย ให้สะสาง
    เอื้ออาทร แก่นสังคม ให้ถูกทาง
    นำลูกหลาน สู่วิถี  แห่งพอเพียง

    จากคุณ : สมชาย - [ 25 ก.พ. 47 03:36:46 A:203.107.206.241 X: ]