โอ้ พระเจ้า! ผมอยากเป็นคนหล่อ

    โอ้ พระเจ้า! ผมอยากเป็นคนหล่อ
    ตอนที่ 1
    ลมในเช้าวันนี้พัดเเรงไม่เหมือนทุกที ท้องฟ้าก็เริ่มตั้งเค้าดูท่าเมฆฝนคงจะใกล้ตกเเล้ว ผ้าม่านจากหน้าต่างถูกลมกรรโชกปลิวไสวตามเเรงลม ผู้ชายอายุอานามราว 20 ปีคนหนึ่งกำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ใกล้ๆกับหน้าต่างบานนั้น เเม้ลมจะพัดเเรงขนาดทำให้หน้าต่างปิดๆเปิดๆได้ขนาดไหน(เพราะเป็นบ้านไม้ )เเต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ ไม่สะท้านต่อบรรยากาศหรือเสียงรอบตัว ราวกับว่าเขาถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในโลกเเห่งหนังสือนั้น ไม่รับรู้โลกภายนอกด้วยซ้ำ เขาขยับเเว่นสายตาให้เข้าที่ เเล้วเปิดอ่านหน้าต่อไปหน้าเเล้วหน้าเล่า…….

    “ไอ้เปี๊ยก!! ไอ้เปี๊ยก!! ” เสียงเรียกเขาให้ออกมาจากภวังค์ เขาละสายตาจากหนังสือมองไปที่ต้นเสียง พี่สาวของเขากำลังเท้าเอวมองเขาด้วยความไม่พอใจ
    “ลมเเรงขนาดนั้น ปิดหน้าต่างสิ ปล่อยให้มันเปิดๆปิดๆอยู่ได้ เสียงดังน่ารำคาญ!!” พี่สาวของเขาพูดพลางมองน้องชายด้วยความไม่พอใจ นายเปี๊ยกเลยยื่นมือไปปิดหน้าต่างเเต่โดยดี
    “เฮอะ!ก็เท่านั้นเเหละ ไม่รู้จะบ้าอ่านหนังสงหนังสืออะไรนักหนา น่ารำคาญ” พูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องด้วยความโมโห เปี๊ยกมองตามก่อนถอนหายใจ

    สำหรับเปี๊ยกเขาชินซะเเล้วที่มักจะโดนด่าเเบบนี้ “จะบ้าเรียนทำไมนักหนา” ถ้าเป็นบ้านอื่นคงภูมิใจ ที่ลูกรักการเรียน เเต่สำหรับเขานั้นเป็นที่น่ารำคาญของคนในบ้านเหลือเกิน ด้วยสาเหตุที่ว่าเรียนได้”เกินหน้าเกินตา”พี่สาวเเละน้องชายจนเกินไปนั่นเอง เขาไม่เคยต้องไปสอบซ่อมหรือติด 0 อย่างใครๆ เเต่ไม่รู้ว่าเพราะได้รับมันสมองมามากกว่าคนอื่นๆในครอบครัวหรือเปล่า พระเจ้าจึงลงโทษให้เขามีหน้าตาที่ “ขี้เหร่” กว่าคนในบ้านที่ชนิดเรียกว่าขี้เหร่อย่างสุดขั้ว…… ก็ในขณะที่พี่สาวเขาเป็นถึงดาวมหาลัย น้องชายก็สาวติดตรึม เเต่เขานั้นขนาดนังจอยสาวที่ผิวดำจนเขียวที่ขายกล้วยเเขกข้างบ้านยังไม่อยากจะเอาเลยด้วยซ๋ำ เขาจึงมักถูกล้อเลียนเเละเย้ยหยันเรื่องหน้าตาอยู่เสมอ การเเต่งกายของเขาก็เชยชนิดคนรุ่นพ่อเรียกพี่ ผมเรียบเเปล้ปานเอาเยลทั้งขวดมาเเปะ ไม่น่าเเปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีสาวคนไหนมาชอบเขาเลย ในเวลาเเบบนี้ก็มีหนังสือนี่เเหละที่เป็นเพื่อนของเขา

    เปี๊ยกเก็บหนังสือเข้าที่ เเล้วเเย้มหน้าต่างมองออกไปยังบ้านข้างๆ ห้องของเขานั้นมองออกไปจากนอกหน้าต่างจะเห็นบ้านของ นางสาวชมพู หรือ “พิงค์” นักศึกษาธรรมศาสตร์ปี 2 เเต่ก่อนนั้นห้องนอนของเขาอยู่ฝั่งเดียวกับบ้านของนังจอยสาวขายกล้วยเเขก เเต่ด้วยความที่วันหนึ่งนังจอยเกิดอยู่ๆวิตกจริตตีความตอนเห็นเขานั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างเพื่อมองดูต้นกล้วยเฉยๆ เป็นการเเอบมองดูหล่อนที่กำลังเก็บหวีกล้วยด้วยความรักเฉยเลยนี่ หล่อนคิดไปเองว่าเขาเเอบชอบ เเละเเสดงทีท่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงตัดปัญหาโดยการย้ายห้องนอนมาอีกฝั่ง เเต่เขาก็ดีใจเพราะทำให้เขาได้เห็นผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งทุกวันๆ…พิงค์น่ะเอง

    เขามีความลับที่ไม่ได้บอกใคร เขาเเอบชอบพิงค์มานานเเล้ว เพราะหล่อนเป็นคนเดียวที่ไม่เคยดูถูกเขา เเละพูดกับเขาด้วยท่าทีที่ไม่รังเกียจ ไม่เคยด่าเขาเชยเลยซักครั้ง หล่อนมักจะพูดเพราะๆกับเขา เเต่เลยหมาวัดอย่างเขาจะทำอะไรได้ ก็คงได้เเต่เเอบชอบเท่านั้น ตัวหล่อนนั้นมีผู้ชายมารุมห้อมล้อมตามจีบไม่ซ้ำหน้าเเถมยังไม่เว้นวันอีกต่างหาก เขาจึงทำได้เเค่เจียมตัวเเละเเอบมองอยู่ห่างๆ

    เสียงออดดังอยู่หน้าบ้าน ดึงให้เขาออกมาจากห้วงความคิด เปี๊ยกชะโงกมองออกไปมีสาวๆกลุ่มหนึ่งมายืนอออยู่หน้าบ้านของเขา ไม่บอกก็รู้ว่าคงมาหาน้องชายสุดหล่อของเขาน่ะเอง เขาเห็นน้องชายเดินออกไปเปิดประตูด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม เขามองดูหน้าน้องของเขา ทำให้ในใจนึกตามไปว่า ทำไมน้องเขาถึงได้หน้าตาดีกว่าตัวเขาเองนักนะ ทั้งๆที่ท้องเดียวกัน เอ๊ะหรือเเม่เราจะตกบันไดตอนท้องเรากันนะ เปี๊ยกคิดไปเรื่อยเปื่อย นึกถึงความเเตกต่างระหว่างเขากับพี่น้อง เเตกต่างกันไม่เว้นเเม้กระทั่งชื่อ พี่สาวของเขาชื่อเจนนี่ น้องชายชื่ออ๊อตโต้ เเต่ไม่รู้ทำไมเเม่ถึงตั้งชื่อให้เขาว่าเปี๊ยกก็ไม่รู้….เอ๊ะ หรือเขาจะไม่ใช่ลูกเเท้ๆของเเม่กันนะ

    ถ้าเลือกได้ เขาคงอยากให้พระเจ้าเปลี่ยนให้เขาเป็นคนหล่อซักที ชีวิตคงมีความสุขมากกว่านี้เเน่ๆ ก่อนนอนเปี๊ยกเฝ้าพร่ำพูดกับพระเจ้าเสมอๆด้วยความหวังในใจที่เต็มเปี่ยมล้น
    “พระเจ้าครับสิ่งที่ผมต้องการมีเพียงสิ่งเดียวไม่เคยต้องการสิ่งอื่นใด……พระเจ้าครับ! ผมอยากเป็นคนหล่อครับ”

    ++++++++++++++++++++++++

    รุ่งเช้า เปี๊ยกเเต่งชุดนิสิตของจุฬา เตรียมตัวจะไปมหาลัย ส่วนพี่สาวเขาเรียนอยู่รามคำเเหงมีเรียนภาคบ่ายเลยไม่ได้ไปด้วยกัน  เเต่ปกติก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เเล้วเพราะพี่สาวเขาไม่กล้าไปไหนกับเขาซักเท่าไหร่ หล่อนบอกว่าไม่ชอบเพราะมีความรู้สึกเหมือนกำลังเดินกับทากตัวหนึ่ง…..ผิดกับน้องชายที่มักชอบเดินกับเขามาก ด้วยเหตุที่ว่าจะทำให้ตัวเองดูหล่อยิ่งขึ้นเมื่อเดินกับเขานั่นเอง

    เปี๊ยกเปิดประตูรั้วออกไป เหมือนสวรรค์เต็มใจ พิงค์ ผู้หญิงที่เขาเเอบรักก็ไปเรียนเวลานี้เหมือนกัน หญิงสาวเห็นเขาก็ยิ้มทักทาย
    “สวัสดีค่ะ เปี๊ยกจะไปมหาลัยเหรอ” พิงค์ยิ้มให้ ทำเอาหัวใจดวงน้อยๆของเปี๊ยกเเทบไปกองอยู่กับพื้น
    “คะ…ครับๆ” เขาตอบด้วยท่าทีประหม่า
    “งั้นออกไปพร้อมกันนะคะ เเต่ขอพิงค์ซื้อกล้วยเเขกก่อน” หล่อนพูด เเล้วก็เดินนำไปบ้านที่ถัดจากบ้านของเขาหนึ่งหลัง นังจอยสาวผิวเขียวเอ๊ยดำกำลังก้มหน้าก้มตาง่วนตักกล้วยเเขกขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หล่อนอายุเพียง 18 ปีเเต่ไม่มีปัญญาเรียนต่อเลยต้องมาช่วยครอบครัวขายกล้วยเเขก เปี๊ยกเดินตามด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่เพราะไม่อยากเห็นหน้านังจอยเป็นธรรมดาที่ผู้ชายอย่างเขาควรช่วยหล่อนถือของ เขาจึงหอบหิ้วสัมภาระของพิงค์ไว้ในมือ

    “เอากล้วยเเขก 10 บาท” พิงค์พูด จอยยื่นถุงให้เปี๊ยกรับไป พลางเสเหลือบมองเปี๊ยกก่อนรับเงินเเล้วค้อนเปี๊ยกเข้าวงใหญ่ “เชอะ คอยถือของเป็นคนรับใช้เชียวนะ” จอยพูดพึมพัมเบาๆให้เขาได้ยิน “ก็งี้เเหละคนขี้เหร่”

    “ไปกันเถอะค่ะเปี๊ยก” พิงค์พูดเเล้วเดินไป เปี๊ยกรีบเดินตามเร็วไวเพื่อจะได้ไปให้พ้นสายตาของนังจอยเสียที
    “เขายินดีเเละเต็มใจจะเป็นคนถือของให้พิงค์ต่างหากล่ะ” เขาคิดในใจ

    ทั้งสองยืนรอรถเมล์อยู่หน้าป้าย ซักพักก็มีรถสปอร์ตคันหรูสีเเเดงจอดเทียบ
    “พิงค์ครับ ไปด้วยกันไหม” ชายหนุ่มหน้าหล่อยื่นหน้าออกมาจากรถพูดกับพิงค์
    “กาญจ์…” พิงค์ยิ้ม “เเต่พิงค์พาเพื่อนมาด้วยนะคะ” พิงค์พูด กาญจ์เลยหันไปมองเปี๊ยก
    “เพื่อนพิงค์เหรอเนี่ย” เขามองดูเปี๊ยกตั้งเเต่หัวจรดเท้า สายตาดูถูก “งั้นก็ไปด้วยกันทั้งสองคนเลยสิครับ” เขาหันมายิ้มให้พิงค์ ก่อนหันมายิ้มให้เปี๊ยกอย่างมีความหมายประมาณว่า :-)ลองขึ้นสิ:-)ตาย!!!

    “มะ…ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้” เปี๊ยกพูดเพราะรู้ดีว่าเจ้าของรถไม่เต็มใจ ใครจะอยากให้คนขี้เหร่อย่างเขาขึ้นรถล่ะ
    “จะเอางั้นเหรอ งั้นพิงค์ไปนะคะ” พิงค์พูดก่อนขึ้นรถไป เปี๊ยกมองตามรถที่เเล่นออกไปตาละห้อย ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “ทำไมน้า พระเจ้าถึงได้เเกล้งให้คนขี้เหร่อย่างเรามีความเเตกต่างกับคนหล่อได้ถึงขนาดนี้นะ”

    เปี๊ยกมองนาฬิกา นี่รอรถตั้งนานเเล้วไม่เห็นมาซักที เเถมเขามีสอบช่วงเช้าซะด้วยสิ ซักพักรถเมล์สายที่เขาต้องการจะขึ้นก็เเล่นมา เหมือนพระเจ้ากลั่นเเกล้งรถเมล์ไม่จอดมันกลับเเล่นผ่านเขาไป
    “เฮ้ย…รอก่อนสิ” เปี๊ยกพูดก่อนวิ่งตามเเต่ก็ไม่ทัน
    อะไรกัน เเม้เเต่รถเมล์ยังไม่อยากให้คนขี้เหร่อย่างเราขึ้นเลยเหรอเนี่ย เปี๊ยกคิด (อันที่จริงก็เเค่คนมันเต็มต่างหาก)
    เปี๊ยกยืนหอบอยู่กลางถนน ในใจรู้สึกสังเวชตัวเองอย่างสุดๆ
    “พระเจ้า….ทำไมต้องให้ผมเกิดมามีสภาพอย่างนี้ด้วย ”

    “เฮ้ย….หลบๆ!!!!!! รถเบรคเเตก!!!!!!!” เสียงร้องโวยวายดังมาข้างหลังเขา เปี๊ยกหันไปมอง รถสูบส้วมคันหนึ่งกำลังเเล่นด้วยความเร็วสูงมาทางนี้ มันวิ่งสะเปะสะปะเพราะเบรคเเตก เปี๊ยกมัวเเต่ยืนงงทำอะไรไม่ถูกเลย รถเลยชนเขาเข้าอย่างจัง
    “โครมมม……!!!”

    เปี๊ยกกระเด็นไปตามเเรงชน นอนเเผ่หลาเลือดไหลนองเต็มพื้น เสียงคนฮือฮารีบมามุงดู

    เปี๊ยกรู้สึกเหมือนมีเเรงกระตุก วิญญาณเขากำลังจะออกจากร่าง นาทีต่อมาวิญญาณเขาลอยจากร่างขึ้นไปๆ เปี๊ยกเห็นคนมุงดูศพของเขาเต็มไปหมด
    “นี่เราตายเเล้วเหรอเนี่ย” เปี๊ยกคิดด้วยความใจหาย เเต่ช่างเถอะคนอย่างเราตายไปซะก็ดี อยู่ไปก็ไม่มีความสุข เเต่มีเพียงข้อกังขานึงที่ติดอยู่ในใจ
    “ทำไมนะคนขี้เหร่อย่างเรา จะโดนรถชนตายทั้งทีทำไมต้องเป็นรถสูบส้วมด้วย!” เปี๊ยกคิดด้วยความไม่พอใจ “จะตายทั้งทีรถที่มาชนขอเป็นรถเบนซ์คันหรูๆไม่ได้หรือไงนะ”

    วิญญาณของเขาลอยสูงขึ้นๆ จนกระทั่งเปี๊ยกเริ่มมองไม่เห็นเหล่าไทยมุงเท่าไหร่เเล้ว นี่เขาคงกำลังลอยขึ้นไปบนสวรรค์สินะ เปี๊ยกคิด ก่อนมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างอีกครั้งเหมือนเป็นการมองอำลา
    “ลาก่อนเเม่ ลาก่อนพี่เจนนี่ ลาก่อนนายอ๊อตโต้ เราคงไม่ได้เจอกันอีก ลาก่อน…..พิงค์” เมื่อคิดถึงพิงค์น้ำตาเขาก็จะไหล นี่เขายังไม่ได้บอกความในใจเเก่หล่อนเลย เเต่ตอนนี้เขาคงจะไม่มีโอกาสนั้นอีกเเล้ว


    จากคุณ : taro - [ 25 ก.พ. 47 17:34:02 A:203.113.37.7 X: ]