Diary of a madman (ผู้แพ้ 2...ตอนจบ)

    ตอนที่แล้ว
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2680824/W2680824.html

    +++++++

    ความเดิมถึง

    “พ่อท้องผูก เลยนั่งนานไปหน่อย...”

    พร้อมกระนั้น กลิ่นเหม็นราวส้วมแตกก็ทะลักออกมาเต็มที่ ผมยังไม่ทันตั้งตัวเพราะกำลังหลับตาพริ้ม ยิ้มนิดๆสูดกลิ่นหอมๆของน้ำหอมจากสาวสวยอยู่ เลยสูบสูดกลิ่นเหม็นบรรลัยวายวอดนั่นเข้าไปเต็มปอดแบบอิ่มอกอิ่มใจ

    หมอนี่กินช้างเน่าทั้งตัวมาหรืออย่างไรกัน

    “อ๊ากซ์.....”

    ผมร้องราวกับควายถูกตอน หงายหลังล้มหกคะเมนข้ามโซฟาไปด้านหลัง คลานสี่ขาตะกายหนีตายสุดชีวิต

    ++++++

    แม้กลิ่นส้วมเน่ามหาวินาศนั่นจะไม่ใช่กลิ่นจริงๆ แต่มันช่างเหมือนจริงจนเกินหน้าเกินตากลิ่นแท้และดั้งเดิมที่เป็นต้นเจ้าตำรับเสียด้วยซ้ำ ความเหม็นสามารถจำแนกแยกแยะทิศทางซ้ายขวาหน้าหลัง ในระบบกลิ่นเซอร์ราวด์รอบทิศทางได้อย่างชัดเจน  เหม็นสูงใสมีมิติ ไม่บาดจมูก กลิ่นกลางโปร่งอิ่มไม่อับทึบ กลิ่นต่ำกระหึ่มไม่บวมหนักจัดจ้านแต่ดมเข้มชัดเจนทุกอณูจมูก

    ผมกำลังจะตายเพราะจมกลิ่นส้วมเน่า ไม่ว่าจะตะกายฝาหนีไปทิศทางใดก็ไม่พ้น อย่างว่าล่ะครับ ก็มันเป็นผลของคลื่นพิเศษที่มีผลต่อสมองโดยตรงนี่นา

    ทันใดนั้น ผมก็นึกขึ้นได้ว่าสาเหตุที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าระบบเสียงตามปกติของทีวีถูกปิดนั่นเอง แบบนี้ถ้าเราเร่งเสียงให้มันดังเหมือนเดิมระบบอุบาทว์นี้ต้องหยุดทำงานเช่นกัน รีโมทตกอยู่บนพื้นห้อง ผมรวบรวมพลังที่เหลือกระโจนพรวดเดียวคว้าขึ้นมา จัดการเร่งเสียงขึ้นแบบรวดเร็วจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน

    นั่นไง กลิ่นส้วมเน่าหายวูบไปทันที  ทุกอย่างกลับเป็นปกติ บนจอ คุณพ่อตัวดีกำลังยืนถือยาแก้ท้องผูกขนานหนึ่ง บรรยายสรรพคุณเจื้อยแจ้ว แล้วภาพก็ตัดเข้าสู่รายการของสถานี

    “ต่อไปนี้เป็นการประกวดนางงามเอกภพ นางงามทั้งหลายทั้งมวลต่างมารวมตัวกันอยู่ ณ ที่นี้ ให้ท่านได้ยลโฉมอย่างเต็มที่ อย่าเปลี่ยนสถานีไปไหนนะครับ ไม่เชื่อมีเรื่อง”

    บนจอพลันปรากฏสาวงามเยื้องกายไปมาอวดชุดว่ายน้ำกันเต็มไปหมด แต่ละนางเดินออกลีลาโชว์ เดินเด้งหน้าเด้งหลังอวดสัดส่วนกันอย่างเต็มที่ ใส่เสื้อผ้าคนละชิ้นสองชิ้นที่ใช้สำหรับตุ๊กตาตัวเล็กๆ บางเบาในวันเบาๆ กล้องก็จับภาพอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะรู้ว่าแต่ละคนอยากให้คนอื่นดูส่วนเว้าส่วนโค้งกันอย่างถนัดชัดตานั่นเอง

    ผมนั่งอ้าปากหวอ

    แบบนี้ดูเป็นปีก็ได้  ของสวยๆงามๆแบบนี้ใครบ้างล่ะไม่อยากดู

    แต่แหม...แบบนี้ไม่ค่อยสะใจเลย ผมยิ้มแบบลามกสี่ครั้ง และทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ห้าครั้ง  รวมกันเป็นเก้าอุบาทว์ ก่อนบรรจงกดปุ่ม MUTE บนรีโมทเพื่อตัดเสียงให้ระบบคลื่นพิเศษทำงานเพื่อจะได้รับอรรถรสแห่งภาพและกลิ่นเสียง แบบสมจริงสมจัง ของกลิ่นสาบสาวอบร่ำด้วยน้ำหอมหรูหราร่ำจิตจรุงใจ และภาพสาวแสนสวยแบบสามมิติของสาวงามรายรอบตัวชัดเจนทุกซอกทุกมุม แค่คิดก็จะขาดใจตายแล้ว

    หลับตายิ้มกริ่มตามประสาคนอุบาทว์ รอภาพงามตรงหน้า

    “รายงานข่าวด่วน ขณะนี้พบศพคนตายเหม็นเน่ากองกันอยู่ในทุ่งนาแห่งหนึ่ง คาดว่าเป็นคนที่ตายจากไข้หวัดคนที่มีผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแอบมาทิ้งเอาไว้  คาดว่าตายมาหลายวันส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว เรากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด......”

    ภาพการประกวดสาวงามตัดวูบไปเป็นข่าวด่วนแบบกะทันหัน ภาพสามมิติสามงามซึ่งกำลังจะปรากฏหายวับไป กลับกลายเป็นภาพซากศพเน่าเฟะ สีเขียวสีเหลืองของน้ำเลือดน้ำหนองเน่าๆน่าสะอิดสะเอียน เห็นกันจะๆ ในระยะประชิดแทบจะสัมผัสใบหน้าพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าประทุเต็มปอด

    “อ๊ากซ์.......!!!!!”

    ผมร้องสุดเสียง ยกมือทั้งสองกุมลำคอตัวเอง เหม็นจนขมเข้าไปในปาก อะไรมันจะซวยขนาดนั้น ภาพหนอนยุ่บยั่บชอนใชเนื้อเน่าไปมาเห็นกันแบบทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะหลับตาสะบัดหน้าไปทางไหน ก็ยังเห็นภาพชัดเจนราวกับกำลังก้มลงไปดูอย่างสนิทชิดใกล้ราวกำลังแหวกว่ายอยู่ในกองซากศพ ขนาดเห็นหนอนบางตัวชูคอส่ายไปมาเหมือนจะทักทายเห็นชัดกระทั่งไรขนอ่อน

    โอย...มันอะไรกันนี่!!ไม่ไหวแล้ วแบบนี้

    ตะเกียกตะกายไปยังรีโมท กดปุ่มยกเลิกการปิดเสียง

    “เสียใจด้วยนะครับ”  เสียงโฆษกดั่งลั่นในหู
    “คุณเปลี่ยนใจไปมาถึงสองครั้ง อันแสดงถึงความไม่มั่นคงทางจิตใจ ดังนั้นระบบของเราจึงตัดการควบคุมธรรมดา มาเป็นแบบอัตโนมัติตลอดไป ท่านจะมาเล่นปิดเปิดเสียงเล่นแบบนี้ไม่ได้ ปล่อยให้เราดูแลคุณเอง บริการทุกระดับประทับใจ”

    ก่อนที่จะขาดใจตายกับฉากเน่าๆและกลิ่นสุดเหม็น ผมหลับหูหลับตากดปุ่มมั่วส่งเดช ขอให้พ้นจากรายการอุบาทว์นี่ได้เท่านั้น

    ภาพซากศพและกลิ่นเหม็นเน่าหายไป ยังไม่ทันจะหายใจหายคอ ก็ต้องตาเหลือกด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อสองหูได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์และใบเลื่อยหมุนจี๋ตัดอากาศอยู่ข้างหน้า

    ให้ตายเถอะนายก..  สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าตอนนี้เป็นคนร่างอ้วนแข็งแรงสูงใหญ่  กำลัง กวัดแกว่งเลื่อยยนต์ไปมาท่ามกลางแสงตะวันแตะขอบฟ้า ใบหน้าของคนผู้นี้ปิดด้วยหน้ากากเน่าๆ ที่ทำมาจากหนังวัว ใช่แล้ว นี่มันหนึ่งในครอบครัวของตระกูลคนฆ่าวัวโรตจิต ในหนังเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre ซึ่งเป็นหนังต้นแบบแนวไอ้บ้าไล่ฆ่าคนด้วยเลื่อยยนต์แบบคลาสสิกมาจนถึงทุกวันนี้

    ขณะที่ตะลึงงัน คมเลื่อยก็ฟาดเข้ามา ผมยกมือรับด้วยสัญชาติญาณ ทั้งที่มันเป็นเพียงภาพหลอนอันเกิดจากคลื่นรบกวนสมองเท่านั้นความจริงถ้าตั้งสติให้ดี รู้ทันมายาภาพนั้น ก็จะนั่งดูอย่างสนุกไปเสียอีก

    แต่ผมได้ยินเสียงคมเลื่อยคมกริบหมุนตัดกระดูกข้อมืออย่างชัดเจน รวมทั้งความเจ็บปวดที่ประทุขึ้นมาจากคมเลื่อย ก่อนจะรู้ตัวข้อมือซ้ายก็ขาดกระเด็น

    “โอ๊ย......”

    ผมแทบไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น  เลือดไหลพลั่งๆออกมาจากข้อมือเหมือนท่อประปาแตก มือซึ่งกระเด็นลงไปบนพื้นกระตุกระริกสั่นพลิกไปมาเหมือนรวดร้าวแสนสาหัส

    “ลืมบอกคุณไป...”

    เสียงโฆษกแว่วอยู่ในหูอีกแล้ว
    “หนังเรื่องนี้เป็นเวอร์ชั่น  EPISODE 5.0 Juno เพิ่มสกิลและอาชีพใหม่ๆอีกเพียบ ทำให้คุณสามารถรับได้ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสแห่งกายา ได้สมจริงสมจัง ราวกับคุณอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ จนขนาดทำให้คุณตายจริงได้นะครับ แต่ไม่ต้องตกใจ มันเป็นเพียงผลของคลื่นที่ทำให้คุณรู้สึกไปเองเท่านั้น ที่จริงคุณไม่ได้เป็นอะไร แต่คุณคิดไปเองเท่านั้น”

    “ได้บ้าเอ๊ย...มือขาดขนาดนี้น่ะนะ คิดไปเอง”  ผมร้องด่าลั่น ขณะพยายามอุดเลือดที่ทะลักออกมาไม่ขาดสาย เจ็บปวดจนแทบหน้ามืด แต่ร่างทะมึนของฆาตรกรโรคจิตที่ใกล้เข้ามาอีกทำให้ต้องกัดฟันวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีสุดชีวิต

    ตอนนี้กลายเป็นฝันร้ายไปแล้ว ผมวิ่งหนีไปตามแนวป่า โดยมีไอ้บ้าฆ่าคนถือเลื่อยยนต์ดังสนั่นตามมาติดๆ กลิ่นน้ำมันเครื่องและเสียงคำรามของเครื่องจักรนรกทำให้ขวัญผวากระเจิดกระเจิง บริเวณรอบตัวตอนนี้ไม่ใช่ห้องสี่เหลี่ยมอย่างที่เห็นแต่แรก  มันกลายเป็นป่ารกทึบบางช่วงมีหนองน้ำปรากฏเป็นระยะ  กลุ่มควันและไอหมอกลอยปกคลุมเต็มไปหมด

    ตามเนื้อเรื่องมันจะต้องเป็นบทของผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งหนี ไม่ใช่ผมสักหน่อย มันจะต้องมีอะไรผิดปกติแน่เลย  แล้วผู้หญิงที่ว่าหายไปไหน

    “อย่าสงสัยอะไรเลยครับ..”  เสียงผู้บรรยายหนัง อธิบายขึ้นมา เหมือนจะรู้ใจ

    “เพื่อความสนุกตื่นเต้นของผู้ชม เราจึงปรับคลื่นให้ท่านมีส่วนร่วมในเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ท่านจะเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์อันน่าทึ่งนี้  เมื่อท่านอยู่ในเหตุการณ์ ท่านก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องไปโดยอัตโนมัติครับ”

    “แล้วทำไมต้องเป็นหนังโหดๆแบบนี้ด้วยโว๊ย...ทำไมไม่เป็นหนังวาบหวิว..”

    ขนาดวิ่งหนีจนป่ากระเจิง ผมยังอดนึกแบบนั้นไม่ได้ นึกทีไรก็อดทำหน้าลามกไม่ได้ทุกที แม้จะอยู่ในช่วงแห่งความเป็นความตาย

    “นั่นมันผิดจรรยาและศิลธรรมนี่ครับ เราต้องเราจนกว่ากฏหมายจะออกมารองรับ อิอิ”

    มัวแต่เถียงกับผู้บรรยาย เท้าเลยสะดุดท่อนไม้ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ไอ้คนโรคจิตเห็นเป็นโอกาสทอง วิ่งตรงเข้ามาเงื้อเลื่อยขึ้นสุดแขน เลื่อยยนต์ในมือเต้นเร่าอย่างกระหายเลือด ท้องฟ้าด้านหลังแดงฉาน

    ตัดเข้าโฆษณาสิโว๊ย....โฆษณา ผมร้องลั่น ทีอย่างนี้ไม่ยอมโฆษณา

    เลื่อยยนต์เสียบพรวดเข้ามาหน้าท้อง ผมชักดิ้นชักงออยู่ตรงนั้นนั่นเอง ตับไตใส้พุงกระเด็นเซ็นซ่านกระจัดกระจายเต็มหน้า


    “อย่าสงสัยอะไรเลยครับ..”
    เสียงโฆษกดังแว่วมาอีกอย่างเห็นอกเห็นใจ

    “สมัยนี้การไล่ฆ่ากันแบบไม่มีเหตุผลเท่าที่ควรมันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วล่ะคุณ  คุณต้องทำใจครับ เราพยายามทำให้คุณรับความจริงของโลกภายนอกนั่นให้ได้”
    ผมกำลังจะตาย

    ตาย..............

    แล้วทุกสิ่งทุกอย่างดับวูบลง

    ...........


    ..........



    แสงสว่างจ้าสาดเต็มหน้า ผมกลับมายังห้องทดสอบนั้นอีกครั้ง ทีวีนรกยังคงส่องแสงสีขาวปนฟ้าบนหน้าจอแต่ไม่มีภาพอะไรอีกแล้ว แต่ผนังห้องเลื่อนเปิดออกเป็นช่องทางเดิน หมอหน้ากวนเดินยิ้มเข้ามาในขณะที่ผมกำลังสำรวจเนื้อตัวอยู่ว่ายังคงครบถ้วน

    “ยินดีด้วยครับ”
    คุณหมอบอกด้วยสีหน้าท่าทางยินดี

    “คุณสลบไปครบวันพอดี โดยที่ไม่ปิดทีวี แม้คุณจะสลบก็ถือว่าดู ถือว่าผ่านด่านนี้ไปแล้ว ด่านต่อไปรอคุณอยู่ เตรียมตัวตะลุยด่านได้แล้วครับ  คุณต้องผ่านด่านที่สองเข้าไปกินอาหารอาบน้ำแต่งตัวอยู่ด่านที่สาม”

    “แค่ด่านแรกก็จะตายแล้วหมอ”  ผมโวยวายลั่น ลุกขึ้นมองหน้าหมออย่างอยากจะมีเรื่อง

    “ขืนผมเข้าด่านที่สองมีหวังอ่วม ไม่ล่ะ ผมยอมแพ้”

    “อ้าว.....คุณจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้หรือ แบบนี้ก็แย่นะสิ”

    “แย่อะไร”

    “ผมเดิมพันกับนางพยาบาลไว้แล้วว่าคุณต้องบ้าพอที่จะผ่านด่านที่สอง ไปได้ แบบนี้ผมก็หมดตัวสิครับ”

    “เรื่องของคุณ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าโลกภายนอกไม่เหมาะกับคนบ้าๆแบบผมหรอก”

    “คุณน่าจะทดสอบดูก่อนน่า ด่านที่เหลือยังมีอะไรดีๆมากมาย”

    หมอยังไม่ยอมแพ้ พยายามอ้อนวอนด้วยใบหน้าที่ดูแล้วชวนให้สงสารอยู่เหมือนกัน แต่เมินเสียเถิด ผมเจออะไรที่คิดว่าแย่พอแล้ว ไม่รู้ว่าที่เหลืออยู่จะมีอะไรร้ายๆอีก เอาไว้วันไหนบ้าๆให้มากกว่านี้ก่อนเถอะจึงจะเข้ามาลองด่าน 18 มนุษย์ทองคำอีกครั้ง แต่วันนี้รู้สึกเพลียและหิวเหลือเกิน

    “ผมขออยู่ตามประสาคนบ้าดีกว่า”

    ว่าพลางเผ่นออกจากห้องไม่เหลียวหลัง

    ++++++++++++

    แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 47 21:13:52

    จากคุณ : Psycho man - [ 25 ก.พ. 47 21:09:39 ]