*** ผมเป็น...ผี...โรงพยาบาล... ตอนที่ 5***

    ยายปิ๋วหญิงชราวัย  68 ปี… ผมแห้งกรอบเป็นซังข้าวโพด…ดวงตารีเล็กหยี่เหมือน
    เม็ดก๋วยจี๊ส่อแววเอาแต่ใจตัวเองอย่างเด่นชัด
    รูปร่างแกผอมแห้งแต่แรงแกไม่น้อย !!  แกสามารถช่วยพลิกตะแคงตัวเองได้
    ลุกนั่ง ( พรวดพราด ) ขี้นมาเองได้ …แต่ทว่าพอแกลุกนั่งขึ้นมาครั้งใดก็จะมีเสียง
    โวยวายตามมาทุกครั้ง “ ยายปิ๋ว…ระวังหน่อยสิคะ…สายท่อช่วยหายใจมันรั้ง
    เห็นไหม...เดี่ยวก็หลุดหรอก …ถ้าท่อของยายหลุดหมอมาช่วยไม่ทัน…ยายจะปิ๋ว
    สมชื่อจริง ๆ ด้วยนะ ”

    แต่อย่านึกว่าแกจะกลัวคำพูดเหล่านั้นนะครับ …. ยายปิ๋วแกเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลเป็นประจำด้วยโรคหอบหืด … เรื่องการใส่ท่อช่วยหายใจรวมครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามเข้าไปแล้ว …ดังนั้นแกจึงจัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยที่เรียกว่า… “ แก่ward ”  ซึ่งหมายถึงผู้ป่วยที่คุ้นเคยกับโรงพยาบาลเป็นอย่างดี....คุ้นเคยกับการรักษา…
    คุ้นเคยกับหน้าตาของแพทย์และพยาบาล… ความคุ้นเคยเหล่านี้ส่งผลทำให้
    ยายปิ๋วมีความมั่นอกมั่นใจเกินร้อยว่าตัวของแกนั้นสามารถเข้าร่วมอยู่ใน
    ทีมการรักษาได้ !!!

    นี่ไม่ได้หมายถึงสิทธิในการตัดสินใจว่าจะรักษาหรือไม่ของผู้ป่วยนะครับ…ยายปิ๋วแกมาเหนือเมฆกว่านั้น...คือแกตัดสินใจแล้วว่าจะรักษา…แต่แกมีสิทธิที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาด้วยตัวของแกเองได้ทุกเมื่อครับ !!!

    สองวันหลังจากย้ายลงมาอยู่หอผู้ป่วยหนัก….หมออานนท์เจ้าของไข้จึงเริ่มทำการหย่าเครื่องช่วยหายใจหรือที่เรียกว่า weaning ซึ่งหมายถึงวิธีการที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเลิกใช้เครื่องช่วยหายใจไม่ต้องพึ่งเครื่องอีกต่อไปให้กับยายปิ๋ว

    ดวงตาเล็กหยี่สองข้างมองตามมือของหมออานนท์ซึ่งกำลังหมุนปรับปุ่มต่าง ๆ ของเครื่องช่วยหายใจเพื่อลดการทำงานของเครื่องให้ช่วยแกได้น้อยลงทั้งนี้เพื่อฝึกให้แกหายใจด้วยตนเองทีละนิดอย่างสนอกสนใจ

    แน่นอนครับว่ายายปิ๋วเคยผ่านกระบวนการฝึกหายใจมาแล้วอย่างน้อยสองครั้งจากการใส่เครื่องช่วยหายใจครั้งก่อน …รวมทั้งที่แกแอบสังเกตจากผู้ป่วยอื่น ๆ
    ข้างเตียงเข้าไปด้วยอีกหลายครั้ง ….มาครั้งนี้แกจึงค่อนข้างมั่นอกมั่นใจว่า…
    ข้าทำได้…ไม่ยาก

    วันนี้เป็นวันที่ยายจ๊อบของผมไม่ได้ขึ้นเวร ….ผมจึงรู้สึกเหงา ๆ หลังจากนั่งสังเกตลักษณะของยายปิ๋วจนหมดความสนใจแล้ว…  ผมจึงเริ่มลอยตัววนไปวนมาเล่น
    รอบ ๆ หอผู้ป่วยอย่างเบื่อ ๆ ….ยายมอยออกไปทำพิธีกรรมพยาบาทผู้ป่วยใหม่
    VIP ที่เพิ่งเข้ามา… นัยว่าเป็นแม่ยายทางฝ่ายภรรยาน้อยของรัฐมนตรีครับ
    หอผู้ป่วยพิเศษถึงกับต้องเปิดห้องเดอร์ลุกซ์สองห้องให้ญาติท่านพักผ่อน
    ยายมอยแกมีความหวังว่าจะต้องได้เครื่องเซ่นเป็นบุหรี่นอกหรือเหล้านอกนะครับคราวนี้ …ช่วงหลังแกปรับปรุงการทำงานของแกเป็นระบบขึ้น…มีการแยกลูกค้าออกเป็น…กลุ่มรวยมาก…กับกลุ่มรวยน้อย…ถ้ารวยมากเครื่องเซ่นก็ต้องมากตามฐานะ... ขืนมางกหรือทำตัวขี้เหนียวยายมอยแกจะอาละวาดไม่มีหยุด… พระสงฆ์องค์เจ้าแกก็ไม่เคยเว้น ( ถ้าท่านไปเข้าข้างคนรวย )

    หลังจากลอยตัววนไปวนมาด้วยความเบื่อสักพัก…ผมคิดขึ้นมาได้ว่าน่าจะออกไปเที่ยวเล่นที่ภาควิชากายวิภาคดีกว่า…ที่นั่นมีโครงกระดูกมนุษย์ที่ถูกนำขึ้นมาจัดติดแขวนโชว์ให้เห็นเป็นรูปร่าง…มีซากมนุษย์ทั้งแบบเต็มตัวหรือแบบเป็นชิ้นเป็นส่วนต่าง ๆ ให้ศึกษา… บางชิ้นส่วนยังแถมป้ายปักบอกชื่อด้วยว่าเรียกว่าอะไร …รอบ ๆ ห้องมีโถแก้วหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่....ภายในบรรจุซากศพของทารกในวัย
    ต่าง ๆ ( แน่นอนว่าวิญญาณของทารกเหล่านี้ได้เดินขึ้นไปบนบันไดสีขาวที่ทอดยาวมาตามสายรุ้งกันหมดแล้ว ) … ถ้าผมโชคดีอาจมีนักศึกษาแพทย์บางคงหลงเหลืออยู่ที่นั่น…ผมจะได้ทำให้โครงกระดูกสั่นไหวหลอกพวกนั้นให้ตกใจเล่น … เมื่อตัดสินใจแล้วผมจึงเตรียมตัวที่จะลอยออกจากห้อง

    ….แต่แล้วสายตาของผมก็หยุดอยู่ที่….

    มือผอมแห้งของยายปิ๋วค่อย ๆ เอื้อมไปที่ปุ่มต่าง ๆ ของเครื่องช่วยหายใจ….แกคงรู้สึกหายใจลำบากขึ้นครับเพราะเครื่องไม่ได้ช่วยแกอย่างเต็มที่เหมือนเดิม …ดังนั้นแกจึงคิดว่าควรจะปรับเปลี่ยนการรักษาใหม่ด้วยตนเองเสียที …มือผอม ๆ ถอยกลับมาหลังจากที่แกปรับจนพอใจ …นี่ถ้าจ๊อบอยู่เวรผมคงหาทางทำอะไรให้จ๊อบสังเกตเห็นแล้ว…แต่เมื่อจ๊อบไม่ได้อยู่เวร…วันนี้ผมจึงยึดหลักอุเบกขาวางตัวเป็นกลางและแอบดูต่อไป

    “ เอ๊ะ ! ทำไมหมออานนท์ตั้งเครื่องแบบนี้…ไม่เห็นเหมือนใน order เลย ” หนูโอ๋พบเห็นความผิดปกติภายในเวลา 3 นาทีต่อมา…เธอเป็นคนละเอียดมากครับ … ตากลมโตสำรวจปุ่มต่าง ๆ ตามใบคำสั่งของแพทย์อย่างถี่ถ้วน
    “ พี่พริ้ม…หนูจะปรับตามที่หมอ order นะ…ดูสิใครก็ไม่รู้มาปรับออกซิเจนขึ้นเป็น 100 % แน่ะ…ตลก !! ”  น้ำเสียงที่เน้นคำว่าตลกนั้นถ้าใครได้ยินจะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ตลกจริง ๆ อย่างที่เธอพูด

    ยายปิ๋วเริ่มรู้สึกเหนื่อย !!  มือผอมแห้งค่อย ๆ คืบเข้าหาปุ่มต่าง ๆ ของเครื่องช่วยหายใจอีกครั้งในขณะที่พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลหลายคนกำลังดูดเสมหะให้
    ผู้ป่วยคนอื่น ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นแกอีกเช่นเคย

    “ โอ๊ย…จะบ้าตายใครมาปรับเครื่องอีกแล้ว… ตลก ๆ ๆ ๆ ” หนูโอ๋โวยวายตามหลังมาอีกไม่กี่นาที …เธอได้รับจ่ายงานให้ดูแลยายปิ๋วกับลุงบุญซึ่งนอนอยู่เตียงใกล้ ๆ กัน….ลุงบุญพยายามชี้ไม้ชี้มือบอกหนูโอ๋…แต่ดวงตาเล็กหยี่ที่มองตรงไปด้วยประกายอาฆาตทำให้ลุงบุญชะงักเก็บไม้เก็บมือทันทีทันใด

    “ ผีหรือเปล่านะ…มาปรับ ” ทั้งผมและยายปิ๋วสะดุ้งสุดตัวพร้อมกัน !!!!  
    อย่ามั่วครับหนูโอ๋…โปรดอย่ามั่ว…

    ผู้กระทำผิดย่อมถูกจับได้ฉันใด…..ยายปิ๋วย่อมถูกจับได้ฉันนั้น !!  หนูโอ๋มองเห็นการกระทำของยายปิ๋วคาตาในครั้งที่ห้าของการปรับเครื่องช่วยหายใจ …

    ” ยายปิ๋ว !!!…. นี่ยายกลายเป็นหมอไปตั้งแต่เมื่อไหร่หาาาา… ”
    หนูโอ๋ตีมือแกดังเพี๊ยะเบา ๆ ด้วยความแค้นใจ ..” ดูสิปรับออกซิเจนเป็น  100 % ยายอยากให้ปอดยายพังหรือไง...แล้วนี่หมอเค้ากำลังฝึกยายหายใจอยู่นะ
    ยายเข้าใจไหม ? ยายต้องทนเหนื่อยนิดหน่อย…ยายอยากอยู่โรงพยาบาล
    ไปตลอดเหรอ… ยายไม่อยากเอาท่อออกเหรอ … นี่ดีนะที่ไม่ปรับปุ่มอื่น ๆ ถ้าปรับไปโดนปุ่มที่เป็นอันตรายปอดแตกมาจะว่าไง….หนูต้องโดนเขียนรายงานเพราะยายแน่ ๆ …โอ๊ย…ตลก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”

    หนูโอ๋โวยวายพูดย้ำตลกได้สักสิบครั้งก็มีผ้าผูกข้อมือหล่นตุ๊บลงมาตรงหน้า
    “ มัดมือเลยโอ๋….ไม่ต้องตลกหรอก ” เสียงน้องผู้ช่วยพยาบาลอีกคนตัดสินใจพร้อมจับมือผอมแห้งของยายปิ๋วไว้เพื่อเตรียมผูกผ้ามัดมือ

    ว่าแล้ว…ในที่สุดก็ถูกจับมัดจนได้นะยาย….ผมส่ายศีรษะอย่างปลง ๆ เมื่อคุณป่วยขอให้รู้เถอะว่าเก่งมาจากไหนก็แพ้พยาบาลครับ

    ….ผลั๊กกกก….เสียงฝ่าเท้ากระทบเนื้อดังสนั่นในความเงียบพร้อมกับ .." โอ๊ยยย… ”   น้องผู้ช่วยพยาบาลนอนลงไปกองอยู่กับพื้นในท่าเอามือกุมท้อง
    ขณะที่ฝ่าเท้าผอม ๆ ดำ ๆ แตกระแหงของยายปิ๋วถูกชักกลับเข้าหาตัว
    ในท่าเตรียมพร้อม…ถีบ…ครั้งต่อไป !!!

    ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แกชะงักค้างไปชั่วขณะ  …" ยายปิ๋ว…ทำไมทำอย่างนี้ ”  เสียงหนูโอ๋แหวดังขึ้นมาก่อนเพื่อน...น้องผู้ช่วยพยาบาลถูกประคองให้ลุกขึ้นจากพื้น
    “ คิดสู้เหรอยาย….มาเลยพวกเรา ” เสียงวี๊ดว๊าย…อลหม่านไปหมดของการต่อสู้
    ดังขึ้นไม่นานก็สงบลงด้วยภาพ…ยายปิ๋วหน้างอดวงตาหยี่เหมือนงูกลอกกลิ้งไปมาด้วยความโกรธแค้น….มือและเท้าทั้งสองข้างถูกจับมัดแน่นด้วยผ้าผูกข้อมืออย่างน้อยข้างละสองผืน !!

    “ ทีหลังอย่าทำอย่างนี้นะยาย….ยายไม่ได้มีเท้าคนเดียวนะ…หนูก็มี ”   หนูโอ๋ปิดท้ายด้วยความโมโห  ( ผมสังเกตเห็นว่าแขนของเธอมีรอยแดงจากการโดนหยิก )
    “ ฮะแอ่ม ๆ ” พี่จิ๋วหัวหน้าหอผู้ป่วยกลับมาจากการประชุมเดินเข้ามาพอดี
    “ การดูแลผู้ป่วยต้องระวังด้วยนะคะ…อย่าทำร้ายผู้ป่วยด้วยกาย…วาจา…ใจ ”

    " ทียายล่ะพี่จิ๋ว…ถีบองุ่นจนจุกไปเลย ”
    “ ยายแกไม่ได้ตั้งใจหรอก…แกคงเครียด ” พี่จิ๋วยังคงยิ้มอย่างใจดี ( เพราะไม่ได้โดนเอง )
    “ เครียดอย่างนี้ใครก็เครียดได้สิ…. ไม่ได้ตั้งใจแต่ถีบถูกทุกครั้งเลยนะ ” หนูโอ๋ยังคงบ่นกระปอดกระแปดแต่ความแรงของอารมณ์ลดลงเนื่องด้วยความเกรงใจ
    หัวหน้า
    “ เอาเถอะ… ใจเย็น ๆ ท่องไว้…จรรยาบรรณวิชาชีพ…มัดแกแล้วก็แล้วไปอย่าไป
    ดุว่าแกเลย ”

    หลังจากนั้นเรื่อง…ฝ่าเท้าไร้เงา….ของยายปิ๋วจึงถูกส่งต่อกันมาเป็นทอด ๆ จากเวรหนึ่งสู่เวรหนึ่งในช่วงของการส่งเวรอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์จนทุกคนรับทราบถึงฤทธิ์เดชแกกันถ้วนหน้า ….เรื่องนี้ส่งผลให้อนาคตของยายปิ๋วดับวูบ….แกไม่เคยได้รับอิสระภาพอีกเลยโดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า……เท้า..!!

    “ ฮั่นแน่….พี่จ๊อบวันก่อนขึ้นรถไปกับใครกันน๊าาา ” …เสียงยายแหม่มพยาบาลผมหยิกทักขึ้นเมื่อยายจ๊อบกลับมาขึ้นเวรตามปกติ….ผมไม่ได้เจอจ๊อบมานานพอเห็นเธอเท่านั้น…โลกแคบ ๆ ภายในห้องก็สว่างไสว

    “ ไม่มีอะไร ”  ยายจ๊อบทำเสียงปกติขณะเดินไปเซ็นชื่อในสมุดจ่ายงาน …
    " ไม่มีอะไรได้ไงหนูเห็นน๊า…ใครก็ไม่รู้หน้าตาหล่อน่ารัก ๆ ” …. ประโยคต่อมาทำให้ทั้งห้องอื้ออึงไปด้วยคำถาม “ ใครเหรอ ๆ ๆ ”

    ผมรู้สึกตัวและจิตใจเบาโหว่ง…สับสน…จ๊อบไปกับใคร ??? …
    “ อย่าทำให้เป็นเรื่องสิแม่ของพี่ป่วย...หมออภิวัฒน์เผอิญช่วยไปดูอาการให้
    ก็เท่านั้น ”
    “ เผอิญหรือตั้งใจก็ไม่รู้นะค๊าาา….ที่หนูเห็นน่ะหน้าระรื่นเชียว ”

    ความหวงแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจไอ้หน้าจืดไปดูแลแม่ของยายจ๊อบ !!! … ภาพหญิงวัยกลางคนท่าทางอ่อนโยนดวงหน้าประพิมพ์ประพายคล้ายบุตรสาวที่เคยยิ้มมองผมอย่างเอ็นดูแล่นวาบเข้ามาในสมอง
    “  แล้วมาเที่ยวบ้านแม่บ่อย ๆ นะตาพี…บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย…พอมีผู้ชายเข้ามาทำให้ดูครึกครื้นขึ้นเยอะเลย ” … ความเอื้ออารีของท่านผมไม่เคยลืม…ในวันงานเผาร่างของผม …ท่านแอบยืนร้องไห้เงียบ ๆ โดยไม่ยอมให้บุตรสาวเห็น

    พร้อม ๆ กับความรู้สึกหวงเหมือนจะเป็นบ้า….ความรู้สึกท้อแท้ก็ประดังโถมเข้ามา…ผมมันเป็นใคร....ผมมันก็แค่ผีที่เฝ้าวนเวียนไม่ยอมไปผุดไปเกิดในโรงพยาบาลตนหนึ่ง…ผมไม่มีปัญญาแม้กระทั่งการช่วยขับรถพาคุณแม่ของเธอมาโรงพยาบาล … ผมมันแค่ไอ้ผีหน้าโง่ที่มีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ….ฝังใจจมอยู่กับความทรงจำที่ไม่อาจสมหวังได้ก็เท่านั้น

    “ ดีใจที่จ๊อบยอมรับหมออภิวัฒน์ได้นะ ”  ยายพริ้มเดินเข้าไปแอบคุยกับยายจ๊อบเบา ๆ
    “ แค่รู้สึกว่าเค้าใจดีก็เท่านั้นนะพริ้ม ”
    “ นั่นเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วล่ะ…จ๊อบไม่เคยมองใครอีกเลยจนเค้าเป็นห่วงนะ…หมออภิวัฒน์มาถามเค้าเกี่ยวกับเรื่องของจ๊อบตั้งหลายอย่าง….หมอชอบจ๊อบมากนะ….แล้วอีกอย่างหมอเค้าเป็นคนดีด้วย ”   ยายพริ้มทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก
    จนน่าหมั่นไส้
    “ แต่…พี่พี ” เสียงของยายจ๊อบลังเล…น้ำตาค่อย ๆ เอ่อคลอก่อนที่เจ้าตัว
    จะกระพริบกลบเกลื่อนหายไป
    “ จ๊อบ…พี่พีตายไปตั้งนานแล้วนะ….จะปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับอดีตทำไม … โอกาสดี ๆ ในชีวิตไม่ได้มีมาบ่อยนักหรอกนะ …. เค้าไม่อยากเห็นตัวเองอยู่กับความหลังจนแก่ …. ป่านนี้พี่พีไปเกิดใหม่ตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ”
    ยายพริ้มเอ็ดยายจ๊อบเบา ๆ

    …ประโยคนั้นทำให้ผมโกรธมาก….คืนนั้นผมอาละวาดครับ

    ผมทำให้ไฟปิด ๆ เปิด ๆ หลายครั้งหลายหน…เฝ้ามองความวุ่นวายของเหล่าพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลที่ต้องวิ่งไปบีบถุงบีบลมเข้าปอดให้ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เนื่องจากเมื่อไฟฟ้าดับเครื่องช่วยหายใจจะไม่ทำงาน

    ผมรู้สึกสะใจที่เห็นผู้ป่วยบางคนเหนื่อย …สะใจที่เห็นทุกคนไม่มีความสุข
    เมื่อผมไม่มีความสุขทุก ๆ คนก็ไม่ควรมีความสุขเหมือนผม !!

    คืนนั้นผมไปยืนน้ำตาคลอ…. อยู่ในความฝันของยายจ๊อบ !!!   “ จ๊อบ…ลืมพี่พีแล้ว…ใช่ไหมครับ ? ”

    แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 47 19:53:04

    แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 47 19:39:20

    จากคุณ : กอวา - [ 27 ก.พ. 47 19:28:38 ]