วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าพึ่งหายจากโรคหัด ไม่น่าเชื่อเลยว่าอายุขนาดนี้ยังเป็นได้อีก นี่แหละหนาโรคร้ายไม่เข้าใครออกใคร บทจะเป็นมันก็เป็นขึ้นมาได้ง่ายๆ ดีที่ว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นหนัก เพียงแค่เป็นตุ่มแดงๆ ใต้ผิวหนังนิดหน่อยเท่านั้น หยูกยาก็ไม่ได้ทานอะไรมากมายนอกจากยาเขียวไม่กี่ห่อ แม้จะเป็นไม่มาก แต่ก็เล่นเอาข้าพเจ้านอนเซ็งชีวิตไปเสียหลายวันเพราะพิษไข้
จะว่าไปในชีวิตที่แสนโสภาของข้าพเจ้า มีเพียงครั้งเดียวที่ป่วยแบบหนักมาก นั้นก็คือข้าพเจ้าเป็นไข้เลือดออก ตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นอยู่เกือบอาทิตย์เลยทีเดียว จำได้ว่าข้าพเจ้าเริ่มเป็นโรคนี้หลังจากไปนอนเฝ้าไข้คุณพ่อที่โรงพยาบาล ครานั้นคุณพ่อต้องเข้าไปรับการผ่าตัดเนื่องจากแก้วหูฉีก พอกลับมาบ้านข้าพเจ้าก็เริ่มมีไข้ ตัวร้อน แล้วก็ปวดหัวอย่างรุนแรงจนอาเจียนไปเสียหลายยก ข้าพเจ้าปกติเป็นคนไม่ชอบไปพบแพทย์ เป็นอะไรนิดหน่อยก็ทานแต่พาราเซตามอลอย่างเดียว ครั้งนั้นก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าเข้าใจเอาเองว่าคงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ทานยาแล้วนอนพักนิดหน่อยก็คงหาย แต่ปรากฏว่าสามวันก็แล้ว สี่ห้าวันก็แล้ว ข้าพเจ้าก็ยังไม่หายเสียที กลับยิ่งเป็นหนักจนแทบโงหัวไม่ขึ้น แต่พอเวลาผ่านไปได้สักอาทิตย์ก็ค่อยยังชั่วขึ้น ไข้เริ่มลดอาการปวดหัวก็ทุเลาลง ข้าพเจ้าคิดว่าคงใกล้หายแล้ว แต่คุณแม่นี่สิ กลับคะยั้นคะยอให้ข้าพเจ้าไปตรวจที่โรงพยาบาล ข้าพเจ้าก็อิดออดไม่อยากไป เพราะเห็นว่าเริ่มจะหายดีแล้วจะไปหาหมอให้เปลืองเงินเปลืองทองทำไม แต่ในที่สุดข้าพเจ้าก็ทนรบเร้าไม่ไหว ประจวบกับคุณพ่อต้องไปเข้ารับการตรวจหลังออกจากโรงพยาบาลได้หนึ่งอาทิตย์ ข้าพเจ้าเลยต้องตามคุณพ่อไปโรงพยาบาลด้วย คุณหมอใจดีท่านหนึ่งมาตรวจข้าพเจ้าและก็เจาะเลือดของข้าพเจ้าไป ผลออกมาว่าข้าพเจ้าเป็นไข้เลือดออก ผลจากแล็ปบอกว่าข้าพเจ้ามีจำนวนอะไรซักอย่างสูง แต่ก็ไม่ถึงกับสูงมากเพราะใกล้จะหายแล้ว ข้าพเจ้าคิดในใจขึ้นมาว่า ดีนะที่ไม่ได้เป็นหนักไม่งั้นอาจจะถึงตายเลยก็ได้ ข้าพเจ้าเคยได้ยินว่าคนที่เป็นโรคนี้ตายมาแล้วหลายรายถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที น่าหวาดเสียวจริงๆ
พอมาอาทิตย์นี้ข้าพเจ้าแวะเข้าบริษัทในตอนสายๆ ของวัน ข้าพเจ้าขับรถแวนสีขาวคันเก่าเลี้ยวเข้ามาถึงบริเวณที่จอดรถด้านหน้าบริษัท ก็ปรากฏว่ามีรถฮอนด้าแจ๊สสีแดงแปร๊ดจอดอยู่ในที่ที่จอดรถประจำของข้าพเจ้า ใครกันวะบังอาจมาจอดในที่ของเรา อุตส่าห์มีรั้วไม้กันแล้วแท้ๆ ข้าพเจ้าก่นด่าในใจ สงสัยคงเป็นรถของคนนอกที่มาติดต่อกับบริษัทแหงๆ คนอื่นในบริษัทก็ไม่มีใครใช้รถรุ่นนี้นี่นา และอีกอย่างคนในบริษัทก็ไม่มีใครกล้าพอจะนำรถมาจอดในที่ของข้าพเจ้า เอาเถอะ ในที่สุดข้าพเจ้าก็ต้องวนรถไปหาที่จอดอื่นไกลออกไปหลายร้อยเมตร และก็เดินตากแดดเหงื่อท่วมเข้าบริษัท
ข้าพเจ้าเดินขึ้นบันได้ไปชั้นสี่สู่โต๊ะทำงานของข้าพเจ้า มีพี่ๆ นั่งทำงานกันอยู่สี่ห้าคน ข้าพเจ้าทักทายตามอัธยาศัย แล้วเดินไปที่ห้องของข้าพเจ้า เปิดคอมเช็คดูว่ามีเมล์จากลูกค้ามาหรือไม่ นั่นคลิ๊กไปอ่านเมล์ไปก็ชักง่วง เมื่อคืนมัวแต่นั่งดูฟุตบอลยุโรปจนดึก เลยลงไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นห้องว่างไม่มีคน นอกจากชุดรับแขกโซฟานุ่มๆ ตั้งอยู่ ข้าพเจ้าเลยเอนหลังงีบหลับอยู่ตรงนั้น มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีคนมาสะกิด กำลังหลับสบายเลย ใครกันฟะ
ข้าพเจ้างัวเงียลืมตาขึ้นก็พบดวงตากลมโตจ้องมองอยู่ เป็นเด็กสาวนางหนึ่งในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย ใบหน้าขาวนวลแก้มสีชมพูระเรื่อ ผมสีดำยาวรวบไว้ด้านหลังดูเรียบร้อย ผิวขาวท่าทางจะมีเชื้อจีน และดูแก่นๆ ซนๆ ยังไงไม่รู้ แต่โดยรวมแล้วจัดว่าเธอน่ารักมากเลย เด็กสาวพูดกับข้าพเจ้าว่า
มานอนทำไมตรงนี้ เดี๋ยวมีใครมาเห็นจะถูกว่าเอานะ
ก็ง่วงไงเลยมานอน ว่าแต่เธอเป็นใครล่ะผมไม่เคยเห็นเลย ข้าพเจ้าถามออกไป พลางขยี้ตาอ้าปากหาวหวอด
เราชื่อสิริเบญ เรียกว่าเบญก็ได้ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร
ผมชื่อณัฐกร แต่เรียกผมว่าณัฐก็ได้
แล้วเรียนอยู่มหาลัยไหนล่ะ
ข้าพเจ้างงกับปุจฉาที่เธอถาม ซักพักก็เข้าใจ วันนี้ข้าพเจ้าใส่เสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงยีนส์มา มองผาดๆ ก็เหมือนกับเด็กนักศึกษามหาลัย แถมด้วยใบหน้าละอ่อนชวนเข้าใจผิดของข้าพเจ้าด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เด็กสาวตรงหน้าเข้าใจผิดไปใหญ่ ตอนนั้นข้าพเจ้านึกสนุกก็เลยอำเธอเสียเลย ก็เลยบอกชื่อมหาลัยเก่าของข้าพเจ้าไป แล้วข้าพเจ้าก็ถามไปว่าเธอมาทำอะไรที่นี่
แวะมาหาพี่สาวน่ะ เธอทำงานอยู่ชั้นบนนี่เอง ชื่อพี่แสนแก้วรู้จักมั้ย แล้วว่าแต่เธอล่ะไม่มีสอบหรือไง ตอนนี้ที่มหาลัยของเธอกำลังสอบปลายภาคกันอยู่ไม่ใช่เหรอ
ที่แท้เป็นน้องสาวของพี่แสนนี่เอง ถึงว่าหน้าคุ้นๆ พี่แสนหรือคุณแสนแก้วเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ผ่ายการเงินของบริษัท พี่แสนเป็นคนเรียบร้อยมาก แต่ทำงานได้เก่งชะมัดยาดเลย แต่น้องสาวดูต๊องๆ ดีแฮะ
อือ วันนี้หยุดดูหนังสือสอบไง เผอิญผมก็แวะมาหาพี่เหมือนกัน
เหรอเหมือนกันเลย เนี๊ยพี่เราอ่ะนะจะให้เรามาฝึกงานช่วงปิดเทอมที่นี่แหละ วันนี้ก็เลยเข้ามาทำความรู้จักก่อน แล้วนี่เธอไม่ลองขอพี่เธอมาฝึกงานที่นี่บ้างล่ะ ปิดเทอมนี้จะได้ฝึกงานด้วยกันไง
แล้วข้าพเจ้าก็ชวนเธอคุยไปเรื่อยสะเปะสะปะ น้องเบญเป็นคนพูดเก่งคุยสนุก พอรู้สึกตัวอีกทีก็เที่ยงแล้ว ข้าพเจ้าก็เลยเอ่ยปากขอตัวไปทานข้าวกลางวัน เธอยกนาฬิกาข้อมือดู แล้วเธอก็บอกข้าพเจ้าว่าเดี๋ยวเธอจะเข้าไปมหาวิทยาลัยต่อ ข้าพเจ้าจึงถือโอกาสเดินไปส่งเธอที่หน้าบริษัท แต่แล้วเธอก็คว้ากุญแจรถออกจากกระเป๋า และไขไปที่เจ้ารถฮอนด้าแจ็สที่จอดอยู่ตรงที่จอดรถของข้าพเจ้า เจ้ารถกระปุ๊กลุกขัดลูกในตาข้าพเจ้า เจ้ารถคันนี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องไปจอดรถเสียไกล และป่านนี้รถของข้าพเจ้าคงจะร้อนระอุเป็นเตาอบไปเสียแล้ว
รถเธอเหรอ ข้าพเจ้าปั้นหน้ายิ้มถามเธอ
อือ รถเบญเอง คุณพ่อพึ่งซื้อให้ เธอตอบโดยไม่ได้เฉลียวใจอะไร ว่าตอนนี้พายุเริ่มตั้งเค้าแล้ว
เหรอฮะ รถสวยดีนะ ว่าแต่ตรงนี้มันที่จอดของผู้บริหารไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเจ้าของที่มาเห็นเข้าจะถูกเอ็ดเอานะ
ไม่หรอกมั้ง ตอนเบญมาก็สายมากแล้วไม่เห็นมีใครมาจอดเลย ถามพี่แสนแล้ว พี่แสนก็บอกว่าจอดได้ ผู้จัดการเค๊าไม่ค่อยจะเข้าบริษัท นานๆ ถึงจะมาซักทีนึง
น่านพี่แสน พี่แสนดีของข้าพเจ้า ดันไปบอกน้องอย่างนั้นซะได้ ตกลงข้าพเจ้าผิดเองสิที่ไม่ค่อยเข้ามาทำงาน ต่อมหงุดหงิดของข้าพเจ้าเลยค่อยๆ แฟบลงทันตา เอาวะ วันนี้ยกให้ เพราะน้องเขาไม่รู้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นละก็ จะจับลงโทษด้วยการพาไปดูหนังซะสิบรอบเลย เอาดิๆ ฮึๆ
แล้วณัฐจะติดรถเราไปลงไหนรึเปล่าล่ะ เดี๋ยวเราจะไปทางเกษตร-นวมินทร์ น้องเบญมีน้ำใจเอ่ยปากชวน
ข้าพเจ้าชะโงกหน้าไปข้างรถแล้วบอกกับเธอว่า ไม่ต้องหรอกผมมีรถมา จอดอยู่ตรงนู๊นแน่ะ
จอดตรงนั้นรถก็ตากแดดแย่สิ ร้อนตายเลย น้องเบญทำหน้าเห็นใจ แถมเธอยังแนะต่ออีกว่า ทีหลังเธอก็มาเช้าๆ สิ มีที่ว่างๆ ออกเยอะ
อุวะ เธอจ๋า ข้าพเจ้าเดาได้เลยว่าปิดเทอมหน้าร้อนนี้ ที่จอดรถของข้าพเจ้าต้องถูกยึดครองโดยเจ้าแจ็สคันจิ๋วนี่เป็นแน่แท้ ข้าพเจ้ายิ้มและโบกมือลาเธอ น้องเบญจ๋า ปิดเทอมนี้ต้องมาฝึกงานที่นี่ใช่ไหมจ๊ะ รับรองว่าพี่จะต้อนรับน้องให้อบอุ่นถึงใจเลยทีเดียว
แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 47 02:19:33
จากคุณ :
ณัฐกร
- [
28 ก.พ. 47 02:12:27
]