ดูหนังเรื่อง Spirited Away ( ภาคสอง )

    หลังจากเขียนบทความแรกแล้วก็เว้นไปนาน   แต่ตอนนี้เอาที่ร่างไว้มาปัดฝุ่งเขียนใหม่แล้ว  หวังว่าทุกคนคงจะให้อภัยในความล่าช้า ( อย่างแรง ) นะคะ^^''

    กระทู้แรก
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2490083/W2490083.html

    .....

    มาพูดถึงประเด็นธรรมชาติ

    ที่จริงเราคิดว่าประเด็นธรรมชาติในเรื่องนี้ค่อนข้างเห็นชัดมาก    แต่จะว่าชัด
    จนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว   เพราะมันยังคงไม่ได้บอกตรง ๆ  แต่
    "ซ่อน" อยู่ในรูปลักษณ์ของเรื่องเล่าทำนองนิทานอีกทีหนึ่ง    ซึ่งบางครั้งก็จำ
    ต้องคิดให้ดี   เพราะมันสานอยู่กับประเด็นอื่น ๆ ด้วย

    มีอยู่วันหนึ่ง   เป็นวันฝนตก   มีตัวอะไรเป็นเมือก ๆ โคลน ๆ น่าขยะแขยง
    และส่งกลิ่นเหม็นกระดื้บมาถึงโรงอาบน้ำ   จิฮิโระโดนสั่งให้ดูแลแขกคนนี้  
    หลังจากที่พยายามต่าง ๆ มากมาย   เธอก็พบว่ามีอะไรบางอย่างเหมือน
    "หนาม" ติดอยู่ที่ตัวคุณโคลน   เธอพยายามดึงแต่ดึงไม่ออก   ดังนั้นป้ายู
    บะบะจึงให้เอาเชือกพัน   แล้วไปเรียกคนเกือบทั้งโรงอาบน้ำมาช่วยกันดึง
    มาช่วยกันเชียร์

    เรื่องมันจะไม่มีอะไรเลย   ถ้า "หนาม" ที่ออกมานั้นไม่ใช่จักรยานทั้งคัน  พ่วง
    ด้วย "ขยะ" ประดามีทั้งหลายจำนวนมหาศาล   เท่าที่เห็นผ่าน ๆ ดูเหมือนจะ
    มีจำพวกหม้อหุงข้าวไปจนถึงกระดาษและเศษโน่นเศษนี่    หลังจากนั้นแขก
    ขี้โคลนที่มาอาบน้ำก็กลายเป็นมังกรที่มีหน้าเป็นผู้ชายแก่บินขึ้นไปบนฟ้า  ป้า
    ยูบะบะบอกว่านั่นคือเทพแห่งแม่น้ำ

    เราได้เห็นอะไรจากเรื่องนี้

    ถึงจะไม่มีใครบอกอะไรเลย   แต่เราก็รู้ใช่ไหมว่าขยะที่ติดอยู่บนตัวเทพแม่น้ำ
    นั้นใครเป็นคนทิ้ง    ที่จริงแล้ว   ความจริงก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่เห็นใน
    การ์ตูนเลยแม้แต่น้อย   แม่น้ำถูกทำให้สกปรก    และเมื่อเหม็นมีแต่ขี้โคลนมาก
    นัก   ก็สำแดงความน่ารังเกียจนั้นออกมาให้ปรากฏ   โดยเฉพาะในวันที่ฝนตก
    วันที่น้ำล้นฝั่ง ( นึกถึงคลองแสนแสบเวลาฝนตกไว้นะ )    แม่น้ำที่ "สกปรก"
    นั้นมีอำนาจมากขนาดที่ไม่มีใครสามารถต่อต้านได้    ถึงจะดึงจะดันยังไง  แก
    ก็ยังมาถึงโรงอาบน้ำ   และยืนยันว่าจะอาบน้ำให้ได้อยู่ดี

    ทีนี้การพูดว่า "คนทำให้แม่สกปรกจะเดือดร้อน" ก็เป็นเรื่องหนึ่ง   แต่ "วิธี
    การแก้ปัญหา" ของเรื่องก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ   คือแม้ว่าจิฮิโระจะเป็น
    คนถูกยัดเยียดให้ทำหน้าที่ดูแล  แต่ในที่สุดแล้ว   คนที่มาจัดการระดมคนก็คือ
    ป้ายูบะบะ   และคนที่เอา "หนาม" ออกได้ก็คือทุกคนที่อยู่ในโรงอาบน้ำ   นี่เป็น
    เรื่องของความสามัคคี

    เราพูดมาแล้วว่าโรงอาบน้ำนี้คือสังคม   ดังนั้นเมื่อเข้าทำงานในโรงอาบน้ำ  จะ
    ต้องสูญเสีย "ชื่อจริง" ไป   ถูกแทนที่ด้วยชื่อที่สังคมใช้เรียก   แต่ทีนี้  หนัง
    ได้แสดงให้เห็นว่าการเข้าไปอยู่ในสังคมมันไม่ได้เลวร้ายจนทนไม่ได้ปานนั้น
    ( ซึ่งเป็นปรกติของหนังยุคใหม่ที่จะพยายามให้เห็นด้านตรงและด้านกลับจน
    ครบเป็นวงกลม )   ถึงแม้ว่าการมีอัตลักษณ์และเป็นตัวของตัวเองจะเป็นเรื่อง
    ดี  แต่เมื่อมีปัญหาใหญ่ ๆ เกิดขึ้น    สิ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ก็คือพลัง
    ของทุกคน    ต้องมีการรวมตัว   มีความสามัคคีและมีจิตใจที่เป็นหนึ่งเดียว  

    ถ้าสมมมุติว่าเราไปอยู่ในบริษัท  และถูก "ตั้งชื่อ" ว่า "ลูกจ้างของบริษัท"
    เราจะเสียเพียงอย่างเดียวไหม   คำตอบคือไม่   เพราะมันทำให้ทุกคนเป็น
    "ลูกจ้างของบริษัท" ด้วย   และทำให้เกิดพลังที่เป็นกลุ่มก้อน   การรวมตัว
    ทำให้เกิดพลังเสมอ   แต่มันจะเป็นพลังที่เอาไว้ตีกับชาวบ้าน   หรือพลังสำ
    หรับบำบัดเยียวยาความผิดพลาดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง   ถ้าคนคนเดียวเห็น
    ความสกปรกของแม่น้ำและอยากจะช่วย   ต่อให้นั่งเก็บขยะไปทั้งชาติก็ไม่มี
    วันทำให้สะอาดได้   แต่ถ้าหลายคน...หลาย ๆ คนเข้า  ในที่สุดสิ่งที่พยายามจะ
    ทำก็จะสำเร็จได้โดยง่าย

    บางทีป้ายูบะบะแกอาจจะช่วยเทพแห่งแม่น้ำ  เพราะแกรู้ว่านอกจากขยะแล้ว
    ในแม่น้ำยังมีทอง   ถ้าช่วยไปก็จะได้ทองออกมา    แต่ถึงอย่างนั้น  ผลของ
    มันก็เป็นผลที่ดี   และอีกอย่างหนึ่ง   ดูตั้งแต่ต้นจนจบเราไม่เคยนึกว่าป้ายู
    บะบะเป็นคน "ไม่ดี" เลย   แกอาจจะทุนนิยมจนน่ากลัวนัก   แต่อย่างน้อย
    แกก็รักษาสัญญากับจิฮิโระ   และแกก็รักเป็น

    ...

    เรื่องนี้มี "เทพแห่งแม่น้ำ" สองคน   คนหนึ่งคือเทพที่สกปรกจนต้องอาบน้ำ
    อีกคนคือฮาคุ   ฮาคุเป็นมังกร   เป็นเทพของแม่น้ำ "โคะฮาคุ" ซึ่งในเวลาปัจ
    จุบันถูก "สร้างอาคารทับไปแล้ว"   มีอยู่ตอนหนึ่งในเรื่อง   จิฮิโระนึกขึ้นได้
    ว่าตนเคยลงไปในแม่น้ำสายนั้นเพื่อคว้ารองเท้าที่ตกลงไป   และจมน้ำ   ฮาคุ
    เป็นคนช่วยเธอไว้   เหมือนกับที่ช่วยที่โรงอาบน้ำ   และช่วยในเรื่องต่าง ๆ
    เสมอมา

    ความสัมพันธ์ระหว่างฮาคุกับจิฮิโระจะถูกอธิบายด้วยคำว่า "รัก" ตลอดเวลา
    เราคิดว่าในที่นี่ความเห็นของเราคงขัดแย้งกับหลายคน   เพราะเราใช้การมอง
    เป็นสัญลักษณ์หมด   ในขณะที่เรื่องนี้ตีความได้ค่อนข้างจะหลายชั้น   แต่เรา
    บอกสิ่งที่เราคิด   คือเราคิดว่าความผูกพันของฮาคุกับจิฮิโระ  คือความผูกพัน
    ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ    ทีนี้มีจุดที่น่าสังเกตตรงหนึ่งคือ  ถ้าเราดูหนัง
    หรืออ่านหนังสือของทางตะวันตก   เรามักจะพบว่าธรรมชาติถูกแทนด้วยเพศ
    หญิง  เป็น "แม่"   ยกตัวอย่างเช่นเรื่องโพคาฮอนทัส   โพคาฮอนทัสเป็นอิน
    เดียนแดง   เป็นตัวแทนของธรรมชาติ   ในขณะที่จอห์นสมิธเป็น "มนุษย์"
    ผู้เข้ามาใน "ธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์" ( วิธีมองแบบนี้จะลากต่อไปถึงการโยง
    ธรรมชาติที่ถูกทำลายกับผู้หญิงที่ถูกข่มขืนได้อีก )

    แต่ในเรื่องสปิริตอะเวย์   ความสัมพันธ์ระหว่างฮาคุกับจิฮิโระไม่ใช่ "ความบริ
    สุทธิ์" กับ "การเข้าใจมารุกราน" ( ถึงจะเกิดวุฒิภาวะเข้าใจขึ้นมาอย่างจอห์น
    สมิธก็ยังถือเป็นการรุกรานอยู่นั่นเอง   เพราะเป็นการนำ "สิ่งแปลกปลอม"
    เข้ามา ) ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะญี่ปุ่นไม่มีประวัติศาสตร์การเข้าไป "บุกเบิกโลก
    ใหม่" แบบชาวตะวันตก ( แต่ไม่ได้หมายความว่าญี่ปุ่นไม่เคยมีอาณานิคม และ
    ไม่เคยทำร้ายชาติอื่นไว้ ) สำหรับคนญี่ปุ่น  โดยเฉพาะสมัยโบราณ   มนุษย์กับ
    ธรรมชาติควรเป็นหนึ่งเดียวกัน   ดังนั้นจึงมีการยกให้แม่น้ำหรือป่าเขาเป็น
    เทพเจ้า    สิ่งที่เข้ามารุกรานธรรมชาติในเรื่องสปิริตอะเวย์ถูกยกไปเป็นอีก
    อย่างหนึ่งคือ "ความคิดทุนนิยม" ซึ่งแสดงด้วยตัวป้ายูบะบะ    ป้ายูบะบะ
    "ควบคุม" ฮาคุโดยตั้งชื่อใหม่ให้เหมือนจิฮิโระ   แต่ฮาคุโชคร้ายกว่าเพราะลืม
    ชื่อเก่าของตนเองไปแล้ว   และเป็นที่รู้กันในโรงอาบน้ำว่า "คุณฮาคุ" เป็นผู้
    ช่วยคนสำคัญซึ่งตั้งใจมาเรียนเวทมนตร์จากป้ายูบะบะ    

    ธรรมชาติได้ถูกความปรารถนา   ความมักใหญ่ใฝ่สูงและความต้องการเงิน
    ทองบิดเบือนและช่วงใช้  ...เราไม่อยากยกตัวอย่างเป็นเขื่อนหรือการเปลี่ยน
    เส้นทางน้ำเพราะอันที่จริงการกระทำเช่นนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์   จึงทำให้
    เห็นภาพที่แสดงออกไม่ชัดเจน    

    ดังนั้นเราจะยกตัวอย่างอย่างนี้    ครั้งหนึ่งเราเคยดูทีวี   เขาสืบค้นว่า "โรค
    วัวบ้า" มาจากไหน   หลังจากที่สืบกันไปมา   มีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่าโรควัว
    บ้ามาจากความต้องการจะลดค่าใช้จ่ายของเกษตรกร   และต้องการให้วัวมัน
    มีแคลเซียม ( เราไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงวัว   ทำไมวัวต้องมีแคลเซียม  จะ
    ได้มีน้ำนมหรือเนื้อดีหรือ   ถ้าอย่างนั้นกินเอาจากพืชไม่ได้หรือ  ก่อนจะมีคน
    เอามาเลี้ยง   วัวก็ไม่เห็นต้องโดนป้อนแคลเซียมเลยไม่ใช่หรือ )  จึงเอากระ
    ดูกและเนื้อหนังส่วนที่ไม่ต้องการของวัวที่ฆ่าเอาเนื้อให้คนกินแล้วนั่นละ   มา
    บดทำเป็นแคลเซียมเสริมแทน   ผลของมันก็คือวัวกินวัว   เราคิดว่าถ้าไม่อยู่
    ในภาวะที่ผิดปรกติจริง ๆ   วัวทั่วไปไม่ควรจะทำอย่างนั้น   แต่เนื่องจากวัวไม่
    รู้  มีอะไรมาให้มันก็กิน    นี่ถือเป็นการปรับแต่งธรรมชาติเพื่อความปรารถนา
    ของตัวเอง และมีเปอร์เซ็นต์สูงมากว่าจะเป็นสาเหตุสำคัญของการแพร่ระบาด
    ของเชื้อวัวบ้า

    จากคุณ : ลวิตร์ - [ 5 มี.ค. 47 01:00:27 ]