เงาซ่อนเงา ตอนที่3...

    ตอนที่ 3...

    นอกจากการทำอาหารแล้ว  การวาดรูปถือเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งที่อันธิกาใช่เวลาอยู่กับมันได้ทั้งวัน จนบางครั้งทำให้หล่อนลืมสิ่งต่างๆรอบตัวไปเลย  อันธิกามีห้องส่วนตัวซึ่งใช้เป็นที่วาดภาพและเก็บงานเขียนต่างๆของหล่อนเอาไว้ ผนังห้องที่ทำจากกระจกใสรอบด้านสามารถมองทะลุออกไปชื่นชมทิวทัศน์ภายนอกบ้านที่ถูกจัดไว้เป็นสวนสวยสไตร์คราสสิคแบบยุโรปตามความหรูเลิศอลังการของตัวบ้านได้อย่างชัดเจน  น้ำพุขนาดใหญ่ที่ทำมาจากหินอ่อนแกะสลักเป็นไม้เลื้อยพันอย่างอ่อนช้อยรอบๆน้ำพุ ตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางต้นไม้และดอกไม้น้อยใหญ่นาๆ ชนิดที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างลงตัว  
    อันธิกากำลังเพลิดเพลินอยู่กับการวาดภาพอะไรสักอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ  ขนาดอุษาเดินเข้ามายืนแอบดูภาพวาดของเธออยู่เป็นนานสองนานยังไม่รู้ตัว   จนกระทั่งเพื่อนสาวร้องถามถึงบุคคลที่อยู่ในภาพนั่นแหละเจ้าตัวจึงได้รู้ว่าในห้องไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว
    “รูปใครน่ะ?...”  อุษามองภาพวาดที่อันธิกาวาดขึ้นจนเกือบเสร็จแล้วอย่างสงสัย  ผู้หญิงที่หน้าตาคมคายแววตาสดใสร่าเริงคนนี้เป็นใครกัน  ตัวหล่อนเองก็รู้จักกับอันธิกามานานแต่ไม่ยักจะเคยเห็นคนในภาพนี้มาก่อน  แต่เธอคนนี้คงต้องมีความสำคัญอะไรบางอย่างกับอันธิกาเป็นแน่...ถึงทำให้หญิงสาวสามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้โดยไม่ต้องดูแบบ
    “ฮีโร่ของเรา”  อันธิกามองภาพวาดสีน้ำที่เธอวาดได้เสมือนจริงอย่างภูมิใจ
    “ฮี...โร่...”  อุษาลากเสียงอย่างไม่เข้าใจ
    “ผู้หญิงในแบบที่เราอยากจะเป็น  แต่ไม่มีวันเป็นได้น่ะสิ” อันธิกาถอนหายใจเบาๆ เมื่อนึกถึงตัวเอง
    “ษาเห็นแววตาที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยพลังของชีวิตไหม...  มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยมี”  อุษาไม่ปริปากพูดหรือถามอะไรต่อ  เพราะรูปภาพนี้เป็นคำตอบได้ดี  ...แม้จะเป็นเพียงแค่รูป...แต่กลับดูมีชีวิตชีวามากกว่าใบหน้าที่แห้งแล้งของคนวาดซะอีก   จากนั้นเรื่องราวของผู้หญิงในรูปก็ถูกบอกเล่าให้อุษาได้รับรู้  ถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปนานเกือบสองเดือนแล้ว  แต่อันธิกาไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตลาดในวันนั้นได้เลย  ไม่ใช่เพราะความตกใจที่ถูกหัวขโมยยื้อแย้งเอากระเป๋าไป  หากแต่เป็นผู้หญิงคนนั้น...คนที่เธอรู้สึกถูกชะตามากอย่างบอกไม่ถูก  อันธิกาเฝ้ามองการเคลื่อนไหวที่แคล่วคล่องว่องไวและมีความมั่นใจของเธอผู้นั้นอย่างไม่ละสายตา  แววตาและรอยยิ้มที่เปิดเผยเป็นธรรมชาติทำให้อันธิกายิ้มตอบให้ได้อย่างสดใสเช่นกัน    และนี่คือภาพที่หญิงสาวไม่มีวันลืม...

    *************

    ร่างอันบอบบางที่แน่นิ่งของอันธิกาถูกชโลมไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากศรีษะ  หญิงสาวกำลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างฉับพลัน...  ทันทีที่รถพยาบาลแล่นเข้ามาถึง  ทั้งหมอทั้งพยาบาลจำนวนมากก็กรูเข้ามายังร่างอันไร้สติของเธอ  หน้ากากออกซิเจนที่ถูกสวมไว้ตั้งแต่อยู่ในรถพยาบาลเพื่อทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นถูกบีบเป็นจังหวังเพื่อพยุงลมหายใจของหญิงสาวให้คงอยู่  
    อันธิกาเกิดอาการของโรคหัวใจกำเริบขึ้นอย่างกะทันหัน(หรือทางการแพทย์เรียกว่าสภาวะหัวใจล้มเหลว) ขณะที่หญิงสาวกำลังก้าวลงจากบันได เธอรู้สึกแน่นหน้าอกจนหายใจแทบไม่ออกขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว  ความมืดค่อยๆเข้ามาบดบัง...ตาลายมองเห็นสิ่งรอบตัวพล่ามัวไปหมดก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับวูบลงพร้อมกลับร่างอันบางเบาของหญิงสาวที่ดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างในเวลาเพียงแค่ลมพัดผ่านเท่านั้น  หญิงสาวก็สงบนิ่งจมกองเลือดบนพื้นพรมอันหนานุ่ม...ซึ่งไม่คิดจะช่วยปกป้องร่างกายของเธอเอาไว้เลย  เพราะระหว่างที่ตัวของหญิงสาวล้มกลิ่งลงมานั้นศรีษะได้ฝาดเข้ากับขั้นบันไดอย่างแรงตามแรงโน้มถ่วงของโลก  ทำให้ของเหลวสีแดงพุ่งทะลักออกมาจากรอยแยกของเนื้อหนังที่เปิดกวางเป็นทางยาว
    คุณอินทรากึ่งเดินกึ่งวิ่งเกาะเตียงลูกสาวซึ่งกำลังถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจอันแตก   คุณภากรกับธีธัทถูกโทรตามตัวมาที่หลัง  ทั้งสองวิ่งเข้ามาถึงหน้าห้อง ICU  แล้วก็หยุดชะงัก    เมื่อเห็นภาพคุณอินทราที่เสื้อเปื้อนไปด้วยเลือดนั่งทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้ปานจะขาดใจ  มีมาลัยกับนายมาคนขับรถคอยพยุงอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่สามารถฉุดร่างอันไร้เลี่ยวแรงของคุณอินทราขึ้นมาได้
    “คุณอิน...  ลูก...ลูกต้องไม่เป็นไร” คุณภากรเข้ามาปลอบขวัญภรรยาด้วยเสียงอันสั่นเครือ  น้ำตาของพ่อไหลซึมออกมาอย่างกลั่นไม่อยู่เมื่อเห็นลอยเลือดของบุตรสาวที่ทิ้งร่องลอยไว้ตามเสื้อผ้าของคุณอินทรา เพราะเธอกอดลูกสาวเอาไว้อย่างห่วงแหนตลอดทางที่มายังโรงพยาบาลคล้ายกับจะคอยปกป้องเอาไว้ให้รอดพ้นจากเงื้อมือมัจุราช...  
    ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะทำรับสภาพความเจ็บปวดของลูกได้  อันธิกาเป็นโรคหัวใจพิการ(ตามภาษาแพทย์)ตั้งแต่กำเนิด  ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์100%  มีขาด... มีเกิน...  ผู้ที่อ่อนแอย่อมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้  แต่มนุษย์ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะเอาชนะธรรมชาติ...เพื่อรักษาสิ่งที่ตนรักและห่วงแหนไว้ให้ได้นานที่สุด ...   อันธิกาได้รับการรักษาเยี่ยวยามาตั้งแต่เด็กๆ  เนื่องจากเธอคลอดออกมาก่อนกำหนดเกือบ 2 เดือน  ทั้งตอนออกมาลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก...เนื้อตัวของทารกน้อยยังเขียวซีดจนต้องอยู่ในตู้อบตั้งนานหลายเดือนกว่าที่พ่อแม่จะได้โอบอุ้มชื่นชม  ซึ่งใครๆ ต่างไม่คาดคิดว่าเธอจะสามารถเติบโตขึ้นมาได้จนถึงป่านนี้  เพราะเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจมักจะอายุค่อยไม่ยืนนัก  หากแต่หญิงสาวอาจจะโชคดีกว่าคนอื่นๆอยู่ซักหน่อยตรงที่ได้เกิดมาภายใต้ครอบครัวที่ร่ำรวย  อำนาจเงินสามารถช่วยเหนี่ยวรั้งชีวิตของเธอให้อยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

    ธีธัทรู้สึกนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก  สายตาจดจ่ออยู่ที่ประตูห้องICU  รอคอยให้หมอเดินออกมาบอกว่าหญิงสาวปลอดภัยดีแล้วเขาก็คงจะเบาใจขึ้น   แต่ก็ไร้วี่แววเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง    1 ชั่งโมงที่เหมือนกับ 1 ปีผ่านไปโดยไม่มีใครโผล่หน้าออกมาบอกถึงอาการของหญิงสาวเลยสักคน   ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่นั้น      นายแพทย์อนันต์ซึ่งเป็นคุณหมอประจำตัวของอันธิกาเปิดประตูห้องออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี    ทำเอาคนที่กำลังรอคอยหัวใจหล่นไปกองอยู่ที่พื้น
    “เราต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจในคุณอันธิกาด่วน  เชิญญาติไปเซ็นเอกสารยินยอมทางนี้ครับ”  นายแพทย์ท่าทางรีบร้อน
    “ลูกอันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมหมอ”  คุณภากรเซ็นชื่อลงเอกสารอย่างไม่รีรอ
    “เราจะทำให้ดีที่สุดครับ  แต่ก็ถือว่าลูกสาวคุณยักมีโอกาสอยู่มากเพราะมีผู้ที่บริจาคหัวใจเอาไว้ได้รับอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาใกล้เคียงกัน  เราจึงมีหัวใจมาเปลี่ยนถ่ายให้”  พูดจบคุณหมอก็เดินหายเข้าไปในห้อง ICU  พร้อมกับร่างร่างหนึ่งที่นอนนิ่งเพราะไร้จังหวะการเต้นของชีวิตถูกเข็นตามเข้าไป  ผ้าห่มที่ถูกคลุมขึ้นมาปิดถึงใบหน้าถูกสายลมที่พัดมาจากไหนไม่รู้พัดออก...ซึ่งเป็นช่วงวินาทีที่ธีธัทหันไปเห็นเข้าพอดีจึงทำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าร่างกายที่ไม่มีโอกาสได้หายใจอีกแล้วร่างนั้นเป็นผู้หญิง...
    คณะแพทย์ใช้เวลาในการผ่าตัดเป็นเวลาเกือบ  5 ชั่วโมง  ก็เปิดประตูห้องออกมาอีกครั้งด้วยท่าทางอิดโรยไม่แพ้ไปกว่าคนที่กำลังนั่งรอผลการผ่านตัดอย่างใจจดใจจ่อ
    “การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีครับ   คงต้องรอผลการตอบสนองของร่างกายคนไข้ว่าจะต่อต้านหัวใจที่เราผ่าตัดเปลี่ยนให้หรือเปล่า    แต่จากผลการตรวจการเข้ากันของเนื้อเยื่อยังไม่มีปัญหาถือว่ามีโอกาสสูงที่ร่างกายของคนไข้จะยอมรับการเปลี่ยนถ่ายหัวใจในครั้งนี้”  
    น้อยคนนักที่จะได้รับโอกาสจากคนที่สิ้นลมหายใจไปแล้วช่วยต่อชีวิตที่กำลังจะดับสูญได้ทันท่วงที  ทั้งยังเป็นความบังเอิญ...ที่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งร่างอันไร้วิญญาณจะสามารถเข้ากันได้อย่างประหลาด  ร่างกายของอันธิกาไม่ปฏิเสธหัวใจของอีกคนที่ถูกนำมาไว้แทนที่หัวใจอันอ่อนแอของเธอ   ตอนนี้เหลือเพียงรอคอยให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมาจากการหลับไหลเท่านั้น...

    (มีต่อนะคะ)

    จากคุณ : ปลานตะวัน - [ 5 มี.ค. 47 09:03:33 A:169.210.13.150 X: ]