ตั้งแต่ผมเกิดมาอายุได้สิบเจ็ดปีกับอีกสี่เดือนบวกกะอีกสองสามอาทิตย์
ผมยังไม่เคยได้พบกับคำว่า อกหัก
คนอย่างผมอกหักไม่เป็น..
ผู้หญิงที่รายล้อมรอบตัวผม..ล้วนแต่สวย ๆ ทั้งนั้น
อย่างหวาน นี่..ถือว่าเป็นหนึ่งในสิบ
เพราะฉะนั้น การที่เธอโดดขึ้นรถคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา หาได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรไม่
แค่เจ็บฟันหน่อย ๆ เพราะขบมันแรงไป
หัวใจรู้สึกแปล๊บ ๆ อาจเป็นเพราะหายใจผิดจังหวะ
ดวงตารู้สึกแห้ง ๆ ก็เพราะลมมันเย็น
ผมเป็นอะไรซะทีไหน..
ฮะฮะ..
ขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหน่วง ๆ หัวใจพิกล
เป็นอาการแปลก ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนเลย
พอดีขากลับบ้าน..ต้องผ่านริมฝั่งแม่น้ำที่ร่มรื่น
เกลียวน้ำสีน้ำตาลเข้ม..ไหลริกไปสู่ทิศใต้
ดวงตะวันยามบ่ายคล้อย..เปล่งแสงสีส้มฉาบไปทั่วท้องน้ำและฝั่งแมกไม้ตรงข้าม
ทิวเขาทมึนสู้ฟ้าท้าแดด..ลมพัดโชยแผ่วเย็น
ก็เลยจอดรถ..เดินไปนั่งบนบันไดขั้นหนึ่ง ที่ทอดไปสู่ตลิ่งปริ่มน้ำ
ซึมซับบรรยากาศรอบข้าง..ด้วยความรู้สึกอ้างว้าง..
อย่างไรพิกล
ความรักเป็นอย่างไรหนอ??
ตั้งแต่เล็กมาแล้ว..เมื่อคราวเรียนอยู่ชั้นป.4
ผมบอกกับตัวเองว่าผมกำลังรักเพื่อนของผมคนหนึ่ง
เธอชื่อวัลย์..เธอสวยมากในสายตาของผม
เธอเป็นเด็กอ่อนแอ..ขี้โรค..จึงมักจะถูกเพื่อนผู้ชายที่เกเรกลั่นแกล้ง
ผมก็ใช้ว่าจะเป็นเด็กแข็งแรง..แต่ผมมักจะเข้าช่วยเธอเสมอ บางทีถึงกับวางมวยกับใครก็ได้ที่รังแกผู้หญิงให้เห็น
ผมสงสารผู้หญิง ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ..เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ตลอดเวลา
ผู้หญิงจะมีความสุขก็ต่อเมื่อผู้ชายทำให้เธอสุข ผู้หญิงจะตรอมตรมเจ็บช้ำ ก็เมื่อผู้ชายทำให้เธอเป็นอย่างนั้น
ภาพของแม่ที่ร้องไห้กอดลูก..ขณะที่พ่อทิ้งพวกเราไป..ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
ผมจะยอมให้ผู้หญิงใกล้ตัวผม..ถูกทำร้ายอีกต่อไปไม่ได้
ผมไม่ยอม!!
..
วัลย์กับผมมีความสุขกันตามประสาเด็ก
แลกเปลี่ยนขนมกันกิน ช่วยกันทำการบ้าน..แล้วชวนกันเล่นเกมต่าง ๆ
ซึ่งแม้จะเป็นเกมของผู้หญิง ผมก็เล่นได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
หากคุณผู้อ่านนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงหนังเรื่องแฟนฉันเข้าไว้
ราวกับถอดออกมาจากภาพชีวิตบางภาพของผมกับวัลย์
ผมเคยโดดหนังยางกับเธอ เคยเล่นขายของกับเธอ
หมากเก็บผมก็เคยเล่น..เล่นเป็นพ่อเป็นแม่ก็เคยเล่น
เคยแม้แต่จะแคะขนมครก..ที่ทำจากกรวดทรายขาย
ชีวิตช่วงนั้นมีความสุขเหลือเกิน
.
แต่แล้ว..วันหนึ่งวัลย์ก็หายไป
ผู้ปกครองมาแจ้งว่าเธอป่วยหนัก
พวกเรา..เพื่อน ๆ และผม..พากันไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล
ร่างที่นอนอยู่บนเตียง..ผอมซูบ..ร่างกายผิวหนังมีรอยเขียวเป็นจ้ำ ๆ
มีสายระโยงระยางเต็มตัว..ทั้งให้เลือด ให้ยา และให้น้ำเกลือ
ผมไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้เธอ..
หัวใจของผมรู้สึกหน่วงหนัก..เหมือนกับที่เกิดขึ้นในตอนนี้
เสียงของวัลย์ยังดังแจ่มชัดในความทรงจำ
..
โตขึ้นเราจะเป็นพยาบาล..เราชอบพยาบาล
แต่เราไม่ชอบ..เราเหม็นยา..เรากลัวเข็ม
วัลย์หัวเราะ
ตัวเป็นผู้ชายยังกลัวเข็มอีกเหรอ..เราไม่กลัว..เราอยากรักษาคนไข้
แต่เราอยากเป็นตำรวจ..ตำรวจจับผู้ร้าย..
ตัวเป็นตำรวจได้..ตัวแข็งแรง..ตัวสู้กับคนเกเรได้สบาย..แต่เราอ่อนแอ..เราเป็นตำรวจไม่ได้..
ตัวเป็นไร?
หมอบอกเป็นโรคเลือด
โรคเลือดเป็นยังไง?
โรคเลือดทำให้ร่างกายอ่อนแอ..ต้องไปเอาเลือดเสียออก ใส่เลือดดีเข้าไปทุก ๆ เดือน
แล้วจะหายไหม?
หายสิ..หมอบอกเดี๋ยวก็หาย..
ดีจัง..เราอยากให้ตัวหาย..จะได้ไม่หยุดเรียนบ่อย ๆ มีเวลาเล่นกับเราเยอะ ๆ
ใช่..เราก็อยากหาย..เราจะได้เล่นกับตัวทุกวันเลย..
.
ดวงตาคู่นั้นยังแจ่มชัดอยู่ในห้วงความรู้สึก
บัดนี้เห็นเพียงการหรี่ซึม
ไร้วี่แววแจ่มใสใด ๆ
ครูประจำชั้นของผม..เรียกให้ผมเข้าไปเยี่ยมเธอ
ละมุน..มาคุยกับวัลย์ลีหน่อยสิคะ..เห็นสนิทกันมากไม่ใช่เหรอ..
ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเธอ
เธอหันมายิ้มให้ผม..
จมูกของผมเริ่มรู้สึกคัด
ตาเริ่มแสบ
มองใบหน้าของวัลย์ด้วยความพร่าเลือน
เราสองไม่มีคำพูดใดจะกล่าวต่อกัน
ผมเห็นน้ำตาเธอไหลเป็นทาง..
ผมปาดน้ำตาให้เธอ..
ฝืนยิ้มอย่างยากเย็น
ในที่สุดก็กล่าวเบา ๆ
เธอกำลังจะหายดีแล้วใช่ไหม?
วัลย์พยักหน้า
เดี๋ยวเราเป็นเล่นกันอีกนะ..
ได้เลย..
.
ผมเห็นพวกผู้ใหญ่ร้องไห้
แต่ผมไม่ร้อง..
ผมเดินออกมาด้วยความหวัง
หวังว่าเธอจะหายดี
.
จากคุณ :
LaMoon
- [
6 มี.ค. 47 11:16:23
A:202.57.179.181 X:
]