คนเมืองอยู่ป่า 7


    บทที่เจ็ด


    บ่ายสาม สี่สิบ  

    พวกเราออกมาจากตรงนั้น  และพยายามตามเป้าหมายไป……..ไป……ไปไหนแล้วอ่ะ…..????….

    เรากลับไปออฟฟิศ พร้อมมือเปล่า…….

    ……………………….

    “ตามไม่เจอแล่ว…..”  เอกบอกผม

    “อือม….ชั่งมันเหอะ  กรูผิดเอง…กลับออฟฟิศเถอะ”  

    เรามุ่งหน้ากลับไปที่สำนักงาน เพื่อไปรายงานว่าผลงานวันแรก เละไม่เป็นท่า  ไม่ใช่เพราะใครเลย……ผมคนเดียวเต็มๆ…..ดันเอากุญแจรถมา……

    ระหว่างทางกลับออฟฟิศ  เอกแนะว่า เราควรกลับไปเฝ้าที่บ้านเจ๊นั่นอีกครั้ง  ผมคิดตามไปว่า  เราคงไปเจอแค่บ้านเปล่าๆ  เจ๊นั่นไปไหนแล้วก็ไม่รู้   แต่อีกความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมา  …….”บันทึกเมื่อตอนเที่ยง…..ป่านนี้แม่มกระจายไปทั่วออฟฟิศแล้ว……กลับไปตอนนี้  ไม่รู้จะไปสู้หน้าใครได้…..”  ผมเห็นด้วยกับเอก  ที่จะไปเฝ้าต่อ……ดีกว่าเข้าไปเป็นตัวตลกในออฟฟิศ….

    ห้าโมงเย็น

    เราจอดรถหน้าบ้านเป้าหมาย…..แน่นอน อย่างที่ผมคาดเดา   เจ๊นั่นยังไม่กลับมา…..

    “เอ็ม …….เมิงเฝ้าไปก่อนนะ   กรูหิวละ….”   เอกหันมาบอกหลังจากเรานั่งเฝ้ากันได้ยี่สิบนาที

    “อือม…..ซื้อหมี่แห้งมาฝากกรูห่อนึง….เออ  เอาน้ำดื่มด้วย  น้ำหมดละ…”  ผมบอก  

    หลังจากเอกเดินไปซื้อของ  ผมหยิบกล้อง CCTV  อันนั้นมานั่งดู   …….กล้องรุ่นนี้ส่งข้อมูลผ่านดาวเทียม ตัวส่งเล็กเท่ากล่องไม้ขีดถูกติดตั้งอยู่บนหลังคารถของเรา   ในตัวกล้องไม่มีเทปบันทึกไว้  ผมไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า  มันส่งข้อมูลอะไรไปบ้าง………..แต่เท่าที่จำได้  ผมคงจะเละแน่ๆ…….และไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงเวลาเจอไอ่โรเบิร์ต……..   ยิ่งวันนี้มาคว้าน้ำเหลวอีก……เฮ้อออ……

    ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรหาโรเบิร์ต  แล้วเล่าเรื่องราววันนี้ให้มันฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง…………  ยกเว้นเรื่องกุญแจรถ…..
    ก่อนจะถามต่อไปว่า ทำไมข้อมูลที่เจ๊แกเป็นเจ้าของคลินิคนั่น ไม่ได้อยู่ในแฟ้มที่ให้มา

    “……กรูก็รู้เท่าที่ลุงแกบอกมานั่นแหละ…..”  นั่นคือคำตอบ
    “อะไรที่ไม่มีในแฟ้ม  แสดงว่าแกยังไม่รู้……และเรามีหน้าที่ไปหามาบอกลุงแก…..และ…”  ผมสวนกลับไปก่อนมันจะพูดอะไรมากมายไปกว่านี้

    “เออๆ……ได้มาอันนึงวันนี้…..เจ๊แกเปิดคลินิค อยู่ชานเมือง    เจ๊ไปเยี่ยมกิจการของแกมา  ตอนนี้กรูกะไอ่เอกกลับมาเฝ้าหน้าบ้านเจ๊เหมือนเดิมแล้ว  ยังไม่มีอะไรคืบหน้า   และ………”    โรเบิร์ตมันวางหูใส่ผม    

    มันคงไม่อยากฟังอะไรที่ไม่คืบหน้า…..

    ยุงเริ่มเข้ามาในรถ  ผมดูนาฬิกาข้อมือ  …..สองทุ่มสิบนาที…….ไอ่เอกมันไปซื้อของที่ไหนของมันว้าาาา????…… โชคดีที่ยังมีหมูปิ้งเมื่อกลางวันอยู่ที่เบาะหลัง  ส่วนข้าวเหนียว…บูดไปเรียบร้อย…….

    ผมโทรหาเอกหลังจบจากมื้อเย็นวันนั้น……….”เลขหมายที่ทั่นเรียกไม่มีสัญญาณตอบรับ….”

    โทรหาโรเบิร์ตอีกครั้ง  เพื่อจะบอกว่า สองทุ่มแล้ว กรูยังเฝ้าอยู่เลยนะ….เนี่ย…..……….”เลขหมายที่ทั่นเรียกไม่มีสัญญาณตอบรับ….”  

    ผมออกมายืนนอกรถ  และโทรหาไอ่เอกอีกครั้ง………..……….”เลขหมายที่ทั่นเรียกไม่มีสัญญาณตอบรับ….”   ……….คำตอบที่ได้เหมือนเคยยย………

    สี่ทุ่ม….

    เจ๊นั่นยังไม่กลับมาบ้านเลย  ไอ่เอกก็ไม่กลับมาด้วย  และยุงโคตรจะเยอะ…..น้ำดื่มก็ไม่มี หมูปิ้งก็หมดแล้ว  ข้าวเหนียวก็บูด…..หิวข้าวอิ๊บอ๋าย……..

    ผมปิดโทรศัพท์มือถือ  และขับรถกลับบ้าน  

    พอพ้นทางออกปากซอย ผ่านร้านข้าวต้ม  ดันเหลือบไปเห็นเจ๊นั่นนั่งคุยอยู่กับ….ไอ่เอก….อย่างสนุกสนาน….. ผมไม่เชื่อตาตัวเอง……พยายามเพ่งมองให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง…….ใช่ ไอ่เอกจริงๆด้วย……


    บนโต๊ะนั่นมีขวดเบียร์ว่างเปล่าวางอยู่สองขวด เคียงอยู่กับจานกับแกล้มสองสามจาน……..ใต้โต๊ะมีอีกสี่ขวด……

    ผมจอดรถ เดินตรงเข้าไปที่โต๊ะนั่น…….”ไอ่เอก  ….ไหนหมี่แห้ง….”   เจ๊นั่นมองหน้าผมงงงง….

    ไอ่เอกหยิบถุงหมี่ขึ้นมา   “นี่ไง…….กรูไม่ลืมหรอก….”   มันจูงผมออกจากโต๊ะนั่น …….และ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง…..
    ……………
    เอกบอกผมว่าตอนเดินออกมาซื้อของเสร็จ กำลังจะเดินกลับมาที่รถ  เห็นเจ๊นั่นนั่งอยู่ที่ร้านปากซอย  กำลังนั่งกินอยู่กับคนขับรถ  มันก็จดๆจ้องๆเก็บรายละเอียดของเหตุการณ์อยู่  ระหว่างนั้น  คนขับรถของเจ๊ก็เดินมาหาไอ่เอก  และพาตัวมันไปที่โต๊ะ  เจ๊ถามว่า   “เหนื่อยมั๊ยวันนี้  ตามชั้น….???”  และพูดต่อไปว่า….

    “พวกนักสืบแบบเธอเนี่ย  มีเยอะ  ชั้นเจอจนเบื่อแล้วล่ะ…..ทีหลังมีอะไรไม่ต้องมาตามสะกดรอยอย่างนี้ดีกว่า  อยากรู้อะไรถามมา…..ดีมั๊ย?  อ่ะ นี่เบอร์โทร…”  

    เอกเลยจำเป็นต้องนั่งร่วมโต๊ะกับเจ๊แก  กินดื่มด้วยกันไป  และมันลืมว่าผมรอมันอยู่….รอบะหมี่แห้งอยู่…..  

    ทำไงล่ะทีนี้  เจ๊แกรู้ไปหมดซะแล้ว…..
    ……………

    ผมตัดสินใจไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย    เจ๊ชำเลืองมองผม  สายตาหยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์เบียร์นั่น….

    “  สวัสดีครับ…..” ผมทักทาย  แบบไม่รู้จะทำไงต่อ

    …………เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น  ปลายสายคือโรเบิร์ตนั่นเอง……..

    “เป็นไงเมิง….ได้เรื่องอะไรมั๊ย?…”  โรเบิร์ตถาม

    “อือม…..ได้สิ …..เราเข้าไปใกล้เป้าหมายมากเลย…….มากถึงมากที่สุด……เท่าที่จะมากได้….”  ผมตอบไปตามความจริง

    “ไม่ต้องโม้  ไอ่เอ็ม….ที่คลินิคนั่นเป็นไงมั่ง  ได้ภาพมารึเปล่า??….”  โรเบิร์ตทวงถามถึงผลงานวันนี้

    “…..ได้ ได้….ภาพชัดเจนมาก  เจ๊แกเป็นเจ้าของคลินิคนั่น….”   ผมก็บอกไป

    “นั่นเมิงบอกกรูไปแล้ว……แล้วที่บ้านเป็นไง??? ……นี่มันจะห้าทุ่มแล้ว  เค้ากลับเข้าบ้านรึยัง???….”  มันยังอยากรู้อีก….

    “……ยัง….ยัง…..เค้านั่งกินข้าว  ดื่มเบียร์อย่างสนุกสนานอยู่เนี่ย……หน้าปากซอยเข้าบ้าน….”

    “เหรอ….เหรอ….ตอนกี่โมง ??  มีใครมั่ง ???……เก็บภาพไว้นะโว่ย….”  

    “…….เค้ามากี่โมงกรูไม่รู้หรอก…..รู้แต่ว่ามีไอ่เอก คนขับรถเค้า แล้วก็เจ๊…….กรูตามมาทีหลังน่ะ……เมิงอยากรู้อะไรอีกถามเค้าเองนะ…”  ผมยื่นโทรศัพท์ให้เจ๊แก  บอกว่าหัวหน้าผมอยู่ในสาย….

    “สวัสดีค่ะ…..”   บทสนทนาระหว่างเจ๊ กับโรเบิร์ตเริ่มขึ้นตรงนั้น   และผมไม่สนใจหรอก   เพราะพรุ่งนี้ผมก็จะไม่ได้มาติดตามเจ๊อีกต่อไปแล้ว………     โรเบิร์ตคงนั่งควันออกหูอยู่  และคิดถึงทีมอื่นที่จะส่งมาแทนในวันพรุ่งนี้….. ไอ่เอกชนแก้วกับคนขับรถของเจ๊    ผมชนด้วย…….  เรานั่งกินดื่มกันไปจนดึกดื่น……คุยเรื่องสัพเพเหระ  โดยไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง……

    ตีสามสี่สิบห้า…..ร้านใกล้ปิด (ร้านปิดตีสี่)  ขวดเบียร์เปล่าที่โต๊ะเราก็รวมกันได้เกือบหนึ่งโหล…..ยังเหลือครึ่งขวด อีกสอง….บนโต๊ะนั่น…..

    “หัวหน้าเธอเค้าบอกว่า………”  จู่ๆ  เจ๊หันมาทางพวกเรา และอยากเล่าให้ฟัง  เรื่องที่คุยกับโรเบิร์ต  

    “เอ่อ…..ผมว่า   ผมยังไม่อยากรู้ตอนนี้  ….  ผมจะขอตัวก่อนนะครับ…..ดึกแล้ว…….ท่าทางเพื่อนผมก็คงอยากกลับบ้านเต็มทีละ……”  ผมไม่อยากได้ยินหรอกว่า   ผมถูกถอดจากการติดตามเรื่องนี้แล้ว   และผมดึงเอกออกมาจากตรงนั้น  เราเดินไปขึ้นรถของเรา…..

    ขณะที่ผมกำลังไขกุญแจรถ   คนขับรถของเจ๊วิ่งตามมา  “เดี๋ยวก่อน……พวกเมิงยังไปไม่ได้……”  คนขับรถยืนหน้าเหี้ยมเกรียมใกล้หลังพวกเรา

    …………….ซวยล่ะสิครับทั่น….ปืนเปินก็ไม่มี  เมาก็เมา……….ผมกระตุกไอ่เอก ที่กำลังเมามากจนหัวห้อย  ให้ช่วยกันรับรู้สถานการณ์……ภัยใกล้ตัวตอนจะตีสี่……

    ….………มันจะเก็บเราตรงนี้เลย ???????………….

    ยังไม่ทันได้ข้อมูลอะไรชีวิตก็จะหาไม่แล้วเหรอวะเนี่ย……มะกี๊ยังนั่งดื่มกันสนุกสนานอยู่เลย….


    ถ้าชะตาขาดกันตรงนี้……เรื่องนี้คงจบได้แล้ว…..เพราะไม่มีคนเล่าเรื่องต่อ……ขอให้ผู้อ่านไปสนุกสนานกับเรื่องอื่นๆต่อไปนะครับ……..ลาก่อน………

    (คนเขียนไม่รู้ว่าจะเดินเรื่องต่อไปยังไงถูกแล้ว……..หาเรื่องจบมันหยั่งงี้แหละ……)

    และแล้ววว……คนขับรถพูดขึ้นว่า……..

    “……....จ่ายค่าเบียร์มาก่อน…….กรูนับดูแล้ว เมิงสองคนกินเบียร์ไปเจ๊ดขวด……420….”

    ……….โหยยยยย…….โคตรจะเหนียวเล๊ยยยยย……เล่นเอาตกอกตกใจหมด………

    “…….เอ็ม….กรูมีร้อยนึง……”   ไอ่เอกผงกหัว หันหน้าตาปรือ มามองผม…..แล้วควักแบงก์ร้อยจากกระเป๋ากางเกงออกมา…..

    ……………….ผมจ่ายส่วนที่เหลือไป……….เฮ้อออ……….ปาดเหงื่อสองที…..

    “หัวหน้าพวกเมิงบอกว่า  ค่าใช้จ่ายวันนี้เบิกได้…….แต่พรุ่งนี้เมิงสองคนต้องเข้าไปรับซองขาวตอนแปดโมง…….นั่นแหละที่คุณนายจะบอกเมิงมะกี๊…….”

    ……5 5 5 5……….ซวยแล้วเมิงเอ๊ยยย……..ผมหันไปหัวเราะใส่ไอ่เอก ที่หัวห้อยน้ำลายไหลในอ้อมอกของผม……..มันยังงัวเงียๆไม่รู้เรื่องอะไร…….

    ฮืออออ……ฮืออออ…..แล้วน้ำตาลูกผู้ชายของผมก็ไหลออกมาชำระความมึนเมาในตีสี่ของวันนั้น…….ซวยๆ…….ตกงาน…….ฮือออ…..ฮือออ……


    จากคุณ : สมชาย - [ 7 มี.ค. 47 03:06:04 A:203.156.27.242 X: ]