ความคิดเห็นที่ 1
๒๒๒๒๒ เสียงกระพรวนทองที่คล้องข้อเท้าของเหล่านางกำนัลที่ต่างเดินขวักไขว่ไปมา
เเว่วกังวานไปทั่วกราบซ้ายเเละขวาบนลำเรือใหญ่ตั้งเเต่ยังมิค่อนรุ่ง ท่ามกลางความความเร่งร้อนของบรรดาผู้คนที่กำลังเร่งตระเตรียมเครื่องประดับตกเเต่งทั้งลำเรือด้วยพวงมาลาสีสดโยงระย้าสลับกับใบไม้ที่บรรจงเจียนจัก ให้หยักเป็นริ้วงดงาม
หากเเต่ในห้องน้อยกลางลำนาวายังคงเงียบสงบเฉกเช่นทุกวารวัน..
กลิ่นเครื่องหอมกำจายระเหยลอยออกมาจากห้องน้อย
หลังวิสูตรไหมบาง
วรองค์ระหงทรงอาภรณ์สีกลีบอุบลเเนบเหนือเนินอุระ รับกับผืนภูษาที่บรรจงปักสอดร้อยด้วยไหมเป็นลายช่อบุหงาเบ่งบานงดงามอยู่บนพื้นสีนวลดังเเสงบุหลัน
เกล้าเกษาที่ยาวสยายสลวยถูกขมวดรัดเเน่นก่อนที่จักสวมทรงศิราภรณ์ที่ประดับด้วยทองเเผ่นบางที่พับเป็นกลีบบุปผายาวระย้าจรดอังสะเเบบบาง เหนือศอระหงทาบด้วยมุกดาวลี
..สร้อยเกลียวสายมุกดา ร้อยรับกับกุณฑลเเก้ว พราวเเพรวเคียงพระกรรณ
ทรงผินพระพักตร์มาทางนี้สักนิดเถิดเพคะ
นางกำนัลน้อยนางหนึ่งกำลังคนผงสีดำให้เข้ากันจนเหนียวด้วยพู่กันไม้ปลายนุ่ม..ก่อนที่จักบรรจงวาดรอบดวงเนตรงามนั้นจนโค้งเรียวได้รูป เนินนลาฏเนียนเเละปลายปรางถูกเเต่งเเตะเเต้มด้วยชาดผสมผงทองจนเเดงระเรื่อ
หากเเต่ยังคงมิเท่ากับกลีบโอษฐ์บางที่กำลังคลี่เเย้มราวกับกุหลาบสีจัด
ขัตติยนารีย่อมทรงพิลาสลักษณา..โดยเฉพาะยิ่งยามที่จักต้องทรงเข้าพิธีวิวาหมงคล..
ดวงเนตรกลมงามใต้รอยเขียนเป็นกรอบรูปรีทิ้งชายตวัดโค้ง ลอบทอดไปยังนอกบานบัญชรน้อยคือทางเดินที่ริมชิดกราบเรือ
สายเนตรจับจ้องไปยังหลังวิสูตรไหมบาง ด้วยทรงหวังว่าจักทอดพระเนตรเห็นร่างสูงของผู้เป็นราชองครักษ์ประจำองค์พระบิดา หากทว่าตั้งเเต่เช้ามาจนล่วงเข้าเพลาสาย
..บุรุษผู้นั้นก็ยังมิปรากฏกายผ่านไปมาอยู่หลังม่านบางให้ทรงเห็นเช่นทุกวัน..
เเม้เเต่เสียงนุ่มทุ้ม..ที่ทรงเคยเเสนระอานั้นก็ยังมิได้ยิน..
เพลานี้
.เจ้าหายไปอยู่ที่ใดเสียเล่า ชเล
ความนั้นรำพึงร่ำร้อง ครวญหาอยู่ในหฤทัย
ยามนี้ในพระทัยมีเเต่หวาดหวั่นกังวล..เเม้จักทรงพยายามรำลึกไว้เสมอว่า เเม้นสิ่งไรจักเกิด..สิ่งนั้นก็ย่อมอุบัติขึ้น..เเล้วไยจักทรงหลีกเลี่ยงได้
ลางทีการณ์ข้างหน้าอาจจักมิเลวร้ายดังที่ทรงคิด
ซุนดาคงจักเจริญด้วยอำนาจทัดเทียมกับวงศ์มัชปาหิตเเห่งชวา อันเป็นผลมาจากการอภิเษกของพระองค์
โอ..วิษณุนารยณะ
..พระผู้สถิตย์อยู่เหนือบัลลังก์นาคาใต้เเผ่นผืนเเห่งเกษียรสมุทร..ข้าขอภาวนาอย่าให้เกิดเรื่องร้ายอันใด..เเก่ทุกผู้ทุกคนในขบวนเรือครานี้ด้วยเถิด
ละลอกคลื่นทะเลสาดซัดถาโถมเข้าหาลำนาวาหลวงโครมใหญ่ ..ราวกับท้องทะเลจักร้องรับฟังคำภาวนาที่อยู่ในพระทัย..
พลันนาวาหลวงจึ่งเอนวูบไหวโคลงเคลง
ทำให้นางพระกำนัลน้อยผู้ซึ่งกำลังตกเเต่งพระเกษาด้วยปิ่นทองปลายคมเกิดพลาดพลั้งมือ.เมื่อปลายปิ่นเเหลมต้องริมขนงโค้งจึงเกิดรอยเเผลที่มีพระโลหิตปริ่มซึมเป็นรอยขีดเล็ก
ขออภัยเพคะ
โปรดทรงอภัยให้ข้าด้วยเถิด
นางนั้นเอ่ยทูลละล่ำละลัก ดวงหน้านวลพลันเผือดด้วยความตื่นตระหนกยิ่งนัก พลางซับรอยโลหิตที่เปรอะปริ่มปรายขนงโค้งทั้งๆที่มือทั้งสองข้างยังคงสั่นเทา
มิเป็นไร..รีบเช็ดเสีย
กระนั้นสุรเสียงจากองค์ปูตรีรายา ยังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม
เเม้จักทรงรู้อยู่เเก่พระทัย..ตามธรรมเนียมเเต่โบราณ สตรีผู้ที่กำลังจักเป็นเจ้าสาวในพิธีวิวาห์..มิควรที่จักเเตะต้องโลหิตใด..ด้วยถือว่าจักเป็นลางมิดีเเก่ตัวนาง
.ช่างเถิด หากจักเกิดเหตุอันใด
ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
กลิ่นร่ำบุหงา ยิ่งกำจายเมื่อวรองค์บางสะบัดภูษาทรง ขยับองค์สาวพระบาทดำเนิน.. ทอดชายภูษาไหมยาวระเรี่ยพื้น ยามลีลาศงดงามราวพญามยุราพรายรำเเพน
เรียวศอระหงยังคงสง่าเเม้ว่ามณิศิราภรณ์บนพระเศียรจักโยงระย้าเเละหนาหนักสักปานใด..
หรือเเม้จักถูกคลุมด้วยผืนไหมบาง..กระนั้นในวงพักตราก็ยังคงความพิลาสเลอลักษณ์ ..
ขบวนเสลี่ยงพร้อมเเล้ว เชิญเสด็จเถิดเพคะ
เสียงกราบทูลเบาๆจากร่างเเบบบางหลังฉากบุเลื่อมพราวพราย ซึ่งกำลังก้มกายจรดเกล้าลงบนพื้นกระดาน หลีกทางให้องค์ปูตรีรายาเสด็จไปบนลาดพระบาทพรมผืนยาวพร้อมด้วยนางกำนัลผู้ทูนพานทองรองบุหงา วลัย
..พวงบุปผาที่ถูกบรรจงร้อยอย่างปราณีต พร้อมด้วยกระทงตองใส่เครื่องหอมบูชา เพื่อถวายเเด่องค์ราชัสนคร
ผู้ที่จักเป็นพระสวามีในกาลข้างหน้า
เเล้วบานพระทวารในห้องน้อยกลางนาวาจึงค่อยๆถูกปิดลง
๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓
ละลอกคลื่นทะเลจังหวะกระเเทกกระทั้น ถาโถม..ค่อยคลายราลงจนเหลือเเต่เกลียวคลื่นน้อยๆม้วนตัวเข้าหาฝั่งเวิ้งเว้าซึ่งโอบล้อมด้วยเเนวบุกิตใหญ่
มวลหมู่วิหคนางนวลถลาร่อนเหนือน้ำตัดกับสีครามใสของท้องทะเลในเพลาสายซึ่งเป็นประกายยามกระทบเเดดเเรงร้อน..ลิบลับนั่น บุรุษหนุ่มในอาภรณ์ขาวขลิบทองเฉกราชองครักษ์เเห่งรายา กำลังทอดตาสู่ฝั่งเเผ่นดินเบื้องหน้า..มิไกลนัก
คือ..บูบัต น่านน้ำเขตเเคว้นมัชปาหิต
เเม้ว่าชเล จักมองจากที่สูงบนกราบเรือ
ก็ย่อมประจักษ์ได้ถึงความงามของเกาะน้อยที่ถูกเนรมิตรราวกับสรวงสวรรค์กลางมหาสมุทร
พลับพลาอันวิจิตรที่ถูกประดับตกเเต่งด้วยทิวธงหลากสีสรร เเละพวงมาลาจนทั่วทั้งบริเวณ
ต้นพร้าวสูงหลายสิบต้นถูกโค่นเพื่อเอาลำต้นสูงมาสลักเป็นเสาตามประทีปเเขวนโคมในยามราตรี ตามรายทางมุ่งสู่พลับพลาที่ประทับ
ด้านหน้าของเกาะถูกถางเตียนให้เป็นลานกว้างบนเนินทราย
สำหรับเหล่านักดนตรีเเละนาฏกรที่กำลังฟ้อนร่ายรำเเสดงความยินดีในงานฉลองอภิเษกสมรสเเห่งองค์ราชัสนคร..มัชปาหิตรายา
เสียงกลองหนังรัวเร่งเร้า..เคล้ากับเสียงฉิ่งทองกรับไม้ไผ่
ในท่วงทำนองชวนครึกครื้น..เเม้จักล่องลอยผ่านสายลมทะเลมาเเว่วๆ..กระนั้นผู้ที่อยู่บนลำนาวาก็ยังคงได้ยินชัด
..มัชปาหิตมิได้มีจุดมุ่งหมายอื่นแอบเเฝง..จริงหรือ..
ดวงหน้าเค้าคม..ขมวดปลายคิ้วเข้มน้อยๆ
เเต่มิช้าก็พลันคลายเมื่อได้ยินเสียงฝีพระบาทเเห่งองค์ซุนดารายาค่อยๆเสด็จเข้ามาใกล้ตน
ถวายพระพรองค์รายา
ผู้เป็นราชองครักษ์ทรุดกายถวายบังคมเเทบพระบาท
บนวงพักตร์องค์กษัตริย์ปรากฏรอยสรวลอย่างพอพระทัย..
เจ้าตระเตรียม ทุกอย่าง
เรียบร้อยเเล้วหรือ
สุรเสียงองค์รายายังคงเรียบดังเช่นเดิม..ทว่า คำตรัส ทุกอย่าง กลับดูเน้นหนักอยู่ในทีราวกับจักทรงเเฝงความนัยให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์รับรู้
ซึ่งหมายรวมถึงความเพียบพร้อมของบรรดาศาสตราวุธเเละพลทัพทั้งหลาย
เพื่อป้องกันตัวจากมัชปาหิต หากเกิดยุทธนาการ สงครามอันมิพึงประสงค์ได้อุบัติขึ้น..บนเกาะน้อยกลางทะเลเเห่งนี้
พระเจ้าข้า
ดวงตาคู่คมฉาบฉายเเววมาดมั่น..ยามเอ่ยทูลตอบอย่างหนักเเน่น..
เช่นนั้นก็ดี
ข้าจักให้เจ้านำขบวนเสด็จสู่พลับพลาราชพิธี..คอยดูเเลทั้งข้าเเละมณีดารยา
บุรุษราชองครักษ์ก้มเกล้าเเนบพื้นเรือ..ถวายบังคมด้วยความภักดี..เฉกองครักษ์ยามได้รับพระบัญชาซึ่งเป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่ง
เเม้จักต้องรักษาไว้ด้วยชีวิตเเห่งตน
ชเลก็ย่อมยินดี
มณีดารยาเล่า..ยังมิออกมาอีกหรือ
ขาดคำตรัส จึงปรากฏวรองค์บางระหงในภูษาทรงอันวิจิตร ค่อยๆย่างบาทยาตราออกจากห้องน้อยกลางลำเรือ
พร้อมด้วยนางกำนัลที่กำลังทูนพานทองไว้เหนือเกล้า
เสด็จพ่อมีรับสั่งหาข้าด้วยเรื่องอันใดเพคะ..
มิมีอันใดหรอก มณีดารยา
ข้าเพียงเเต่จักสั่งให้ชเลคอยรับใช้ ติดตามขบวนอภิเษกไปสู่พลับพลาราชพิธี ก็เท่านั้น
ลมทะเลรำเพยพริ้วไหว
พัดเอาชายภูษาบางที่บังพระพักตร์ให้เผยออกรางไร..
พอให้ผู้เป็นราชองรักษ์ลอบเเลเห็นพระพักตร์อันงดงามเเห่งองค์ปูตรีซึ่งประทับยืนอยู่ข้างตัว..
ในวงพักตร์นั้นประดับด้วยรอยสรวลน้อยๆ..ซึ่งตนมิเคยพานพบมาก่อน..เเม้จักรับใช้เเทบเบื้องบาทมาเป็นเวลานาน..
หทัยของชเลพลันหวิวไหว
รุ่มร้อนไปด้วยความปรีติ..ที่กำลังบังเกิดขึ้นอยู่ในฤทัย หากเเต่ต้องซ่อนไว้ด้วยอาการสำรวมยิ่งกว่าเดิม..
เฉกนี้เกล้ามวยที่ถูกผันโพกไว้ด้วยไหมขาวจึงถูกก้มลงจนเเทบจักเเทรกลงไปกับเนื้อของไม้กระดานเเฉะชื้น..
เพื่อหักห้ามใจของตนมิให้ปราถนาในองค์ปูตรี..ผู้เหนือด้วยศักดิ์เเละฐานันดร..
รัศมีดาวพร่างพราวหรือควรจักคู่กับท้องทะเลมืดดำ
มณีดารยา เร่งขึ้นเสลี่ยงเถิด
ประเดี๋ยวข้าจักตามไป
ผู้เป็นชนกนาถตรัสขึ้นเมื่อทรงเห็นนาวาหลวงใกล้เทียบท่าริมฝั่งทราย..นางกำนัลต่างจัดขบวนเป็นเเถวยาวเบื้องหน้าเสลี่ยงไม้สลักคันสูงที่วางอยู่ชิดริมกราบเรือ
เพคะ วรองค์บางค้อมเศียรน้อยๆก่อนที่จักย่างบาทเสด็จยังที่ประทับบนอาสนะหลังม่านไหมที่คลุมเสลี่ยง
..ในก้าวทุกก้าวยามย่างบาทยาตรานั้นหนักเเน่น มั่นคง..ราวกับมิได้ทรงกลัวเกรงต่อเหตุการณ์ใดใดที่กำลังจักเกิดขึ้นภายหน้า..มิว่าร้ายหรือดี..ทรงรู้
บุรุษผู้นั้นจักมิมีวันทอดทิ้งให้ทรงเดียวดาย..
..ข้าก็จักปกป้ององค์รายาเเละพระองค์..ด้วยชีวิต..
รอยสรวลหลังผืนไหมขาวเเย้มอย่างมั่นพระทัย
พลางทอดองค์ประทับนิ่งอยู่บนเสลี่ยง งามสง่าสมศักดิ์ศรี ปูตรี เเห่งรายา..
ในวงพักตร์นั้นมิปรากฏเค้าเเห่งความครั่นคร้าม
ด้วยเเรงขัตติยมานะทำให้ทรงทนงองค์
..มณีดารยา..เสมอด้วยดวงดาราเเห่งเเคว้นซุนดา..
เเล้วไยจักต้องเกรงกลัวผู้อื่นใด....
๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔
สวัสดีค่ะ..ขออณุญาติหลบลี้หนีหน้าไปครึ่งเดือนเเล้ว จะกลับมาต่อตอนใหม่..
ตอนหน้าอวสานเเน่นอน(เเบบไหนต้องติดตาม) ..เเต่ต้องรอหน่อยนะคะ ^^!! ขอบคุณทุกคำเเนะนำติชมค่ะ..
จากคุณ :
อชันฏา (อชันฏา)
- [
7 มี.ค. 47 19:00:27
]
|
|
|