Diary of a madman ( ห้อง 2)

    ตอนที่ 1
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2699556/W2699556.html

    ++++++  

    ความเดิม

    เสียงตอบรับทุกครั้งค่อยดังชัดเจนขึ้นทุกที ไม่ว่าจะลองเคาะกี่ครั้ง เสียงนั้นจะตอบกลับมาเท่ากันเสมอ แบบนี้ต้องเป็นคนหรือสิ่งมีชีวิตจึงจะกระทำแบบนี้ได้ เอาล่ะ.. อย่างน้อยตอนนี้ผมก็เริ่มติดต่อกับโลกภายนอกได้แล้ว ถ้าข้างนอกห้องมีโลกภายนอกจริงๆ

    +++++++

    สายธารแห่งกาลเวลาไหลเลื่อนผ่านห้องอันน่าพิศวงอย่างเยือกเย็น ผมยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเคาะผนังห้องติดต่อกับโลกภายนอก แม้ว่าดูเผินๆว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ถ้าฟังให้ดีจะพบว่าเสียงเคาะตอบรับจากด้านนอกค่อยๆดังใกล้เข้ามาทุกที แจ่มชัดขึ้นมาจากเสียงพึมพำของคนนับร้อยนับพันหรืออาจจะนับหมื่นนับแสนที่จับใจความไม่ได้

    ทำไมไม่เปิดประตูเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย นี่เป็นปัญหาข้อหนึ่งที่คิดไม่ออกจริงๆ

    เสียงเคาะผนังดังอยู่ตำแหน่งเดิมเสมอ ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ตามอยู่ข้างนอก กำลังมุ่งหน้าเป็นเส้นตรงมาอย่างช้าๆและระแวดระวัง เสียงรบกวนแปลกๆยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่ตอนนี้เหมือนจะลดความสำคัญลงไปแล้ว

    ขณะที่ผมกำลังนั่งพิงผนังพักเหนื่อยอยู่ เสียงเคาะผนังก็ดังหนักๆขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้รับการทักทายก่อน เพราะปกติผมจะต้องเป็นฝ่ายส่งสัญญาณก่อนเสมอ จึงจะได้รับการตอบรับ นั่นน่าจะมีความหมายไปในทางที่ดี

    แต่หลังจากการเคาะหนักๆนั่นผ่านไป เหมือนมีเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่และเสียงต่างๆจากภายนอกก็เงียบลงอีกครั้ง

    ผมใจเต้นแรง เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่น่าจะเป็นเสียงของมนุษย์ ไม่ใช่เสียงที่เกิดตามธรรมชาติหรือเครื่องจักรกล ทำไมถึงเงียบไปเฉยๆแบบนั้น

    แต่จะอะไรก็ช่าง ผมรู้ตำแหน่งและทิศทางของเสียงชัดเจนจนเกินพอแล้ว บางทีอาจจะลองหาอะไรสักอย่างมาทะลุผนังออกไปยังต้นกำเนิดของเสียงนั้น

    เริ่มสำรวจหาอุปกรณ์อีกครั้ง แต่นอกจากเศษไม้จากเก้าอี้ ก็ไม่พบว่าจะมีอะไรทำหน้าที่เจาะผนังได้มากกว่านั้น และกำแพงก็ดูแข็งแรงเกินไปกว่าจะถูกทำลายด้วยเศษไม้

    มันต้องมีวิธีสิน่า...ผมนึกในใจ

    +++++++++

    การนั่งผนังที่ราบเรียบปราศจากสิ่งแปลกปลอม อาจเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ผมเชื่อว่าไม่มีผมเพียงคนเดียวที่ทำแบบนี้ และไม่ว่าจะมีใครทำแบบนี้สักกี่คนก็ตาม คงไม่มีใครจะเจอแบบที่ผมกำลังเจออยู่เป็นแน่

    โดยปราศจากสัญญาณเตือนใดๆ และไม่ทันคาดคิด  ผนังราบเรียบสีขาวปรากฏรอยแตกแยกเป็นทางราวต้นไม้แตกกิ่งก้านสาขาในชั่วพริบตา ก่อนผนังจะถล่มทลายลง ท่ามกลางเศษอิฐฝุ่นผงและเศษหินกระจัดกระจาย มือสองข้างไขว่คว้าออกมาจากช่องขนาดคนจะลอดออกมาได้สูงจากผนังไม่ถึงเมตร

    มือนั้นราวกับจะดิ้นรนออกมาจากห้วงแห่งความทุกข์ทรมานซึ่งอยู่เบื้องหลัง ตะกุยตะกายอย่างเอาเป็นเอาตายและไม่คิดชีวิต  ก่อนที่ศีรษะของเจ่าของมือจะโผล่ออกมาท่ามกลางฝุ่นคละคลุ้ง

    ผมนั่งตะลึงตัวแข็งทื่อ

    แน่นอนว่าไม่ได้ลุกขึ้นวิ่งหนี เพราะไม่รู้ว่าจะหนีออกจากห้องนี้ได้อย่างไร และที่สำคัญผมไม่ได้กลัวขนาดนั้น ความตกใจกับความกลัวสามารถแยกออกจากกันได้ในระยะที่ปลอดภัยพอสมควร

    เมื่อโผล่ออกมาได้หน่อยหนึ่ง ร่างนั้นก็หยุดตะกาย มือห้อยลงอย่างปราศจากความหมาย  ตามนิ้วมือมีรอยบาดแผลและเลือดไหลเป็นทาง อันเป็นผลจากการตะกายผนัง หากใบหน้าที่กำลังหันมองไปมาอย่างสำรวจตรวจตรานั้นกลับมีรอยยิ้มชนิดหนึ่งที่ดูแล้วไม่ชอบใจเอาเสียเลย มันดูเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและประสงค์ร้าย

    ชายคนนี้รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

    ใช่แล้ว..เขาเป็นผู้ชาย  แทนที่จะเป็นผู้หญิงอย่างที่หวัง

    ก็ไม่ทราบว่าทำไมต้องคาดหวังว่าจะเป็นผู้หญิง แต่อย่างน้อยหากเป็นผู้หญิง บรรยากาศแรกพบคงน่าจะดีกว่านี้

    “ผิดหวังล่ะสิ..”

    เขาแสยะยิ้มอย่างพยายามให้มองดูเป็นมิตรแต่ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แววตายังดูมุ่งร้ายเช่นเดิน น้ำเสียงของเขากึ่งเยาะเย้ยกึ่งสมน้ำหน้า การที่เขาหยุดชะงักอยู่ในรูโหว่และในสภาพแบบนั้น ดูไปแล้วคล้ายกับเป็นหนอนยักษ์ที่น่าสะอิดสะเอียนน่าพรั่นพรึงตัวหนึ่ง

    “คุณเป็นใคร”

    ผมร้องถาม ขยับตัวออกมาหน่อยหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ มือความหาอะไรก็ได้ที่พอจะป้องกันตัวได้

    “ทำหน้าตาให้ดีใจหน่อยสิ ที่ได้เจอเพื่อนเก่า”

    “เพื่อนเก่า..”

    “ใช่.....”
    เขาลากเสียงเหยียดยาว ใบหน้าแสยะยิ้มนั้นตัดกันอย่างรุนแรงกับรอยบาดแผลและเลือดซึ่งเปรอะเปื้อนตามมือ นิ้วบางนิ้วบิดเบี้ยวหักผิดรูป เหมือนวางนิ้วมือลงบนพื้นแล้วให้ทุบด้วยค้อน

    “คุณมาทำไมที่นี่” ผมถาม

    “ก็เป็นคำตอบและเหตุผลเดียวกับที่คุณทำไมอยากออกไปข้างนอกนั่นล่ะ”

    “คุณเป็นใคร”

    “สำคัญขนาดไหนว่าผมต้องเป็นใคร หรือทำไม”

    “อย่ากวนสิโว๊ย...”  
    ผมเริ่มพูดไม่สุภาพตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แต่ชายคนนั้นกลับหัวเราะอย่างพึงพอใจและสนุกสนาน และยังไม่มีท่าทีจะออกมาให้พ้นช่องนั้นเลยสักนิด ดูท่าทางจะสบายอกสบายใจเสียด้วยซ้ำที่ได้ “คารู” อยู่แบบนั้น

    “ใจเย็นๆสิ คุณอยากออกจากห้องนี้ไม่ใช่เหรอ ผมเองก็อยากเข้าไปในห้องนี้  เรามาเปลี่ยนกัน ผมเข้าไปคุณออกมา คิดว่าคุณน่าจะพอใจข้อเสนอนี้นะ”

    นี่จะมาไม้ไหนกัน ผมคิดในใจ
    หน้าตาหมอนี่ดูคุ้นๆ และคุ้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    แน่ล่ะ...ความคิดบางอย่างพุ่งวูบเข้ามาในสมอง ทำไมจะไม่คุ้นล่ะ ในเมื่อรูปร่างหน้าตาแบบนี้มันเป็นรูปร่างหน้าตาของผมเอง

    “เฮ้ย.......”

    ผมร้องเสียงหลงเหมือนโดนผีหลอก อ้าปากค้างไม่มีใครจะไม่ตกใจหรอกที่จู่ๆเห็นตัวเองได้แจ่มชัดขนาดนั้น นี่ความทรงจำผมเป็นอะไรไปแล้วนะ ทำไมถึงจำไม่ได้ตั้งแต่แรก หรือว่าสายธารแห่งกาลเวลาและความทรงจำบิดเบี้ยวโค้งลงสู่หลุมดำไปแล้ว...

    “ไม่ต้องแปลกใจหรอกน่า คุณก็คือผม ผมก็คือคุณ ในเมื่อผมอยากเข้าไป คุณอยากออกมา แต่ในเมื่อเราเป็นคนๆเดียวกัน เข้าหรือออก จะมีความหมายอะไร..ว่าไหม?”

    เขา หรืออีกนัยหนึ่ง คือผม ว่าต่อไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    “มันก็เหมือนกับการแยกองค์ประกอบของสิ่งหนึ่งออกมานั่นล่ะ ความเป็นคุณหรือความเป็นผม ต่างเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่มีคุณก็ไม่มีผม ไม่มีผมก็ไม่มีคุณ ถ้าไม่มีเราก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีแม้แต่ชีวิต  ไม่มีความทรงจำ ไม่มีตัวตน ไม่มีประวัติศาสตร์ ไม่มีแม้แต่จักรวาล พระผู้เป็นเจ้าหรือซาตาน ไม่มีอะไรทั้งนั้น ถ้าเราไม่มี แต่เพราะเรามีมันจึงมี”

    เอาเข้าไป.. ผมทำไมบ้าอย่างนี้ ชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นตัวตนที่แท้จริงกันแน่ แล้วที่มาพล่ามปรัชญาพิลึกพิลั่นอยู่นี่มันด้วยเหตุผลกลใด

    “นายไม่ใช่ฉัน” ผมตะโกน

    “ใช่น่า..”

    “ไม่ใช่”

    “อย่าปฏิเสธตัวเองดีกว่า”

    “ไม่ใช่โว๊ย..!!!!!นายกลับไปในรูของนายซะ”

    ความไม่สุภาพกลับมาเยือนอีกครั้ง  ผมลุกขึ้นโถมทั้งตัวกระแทกเขาเต็มแรง จนร่างนั้นหายเข้าไปในช่องผนัง ทันใดนั้นมีเสียงระเบิดครืนใหญ่ แรงสะเทือนส่งให้ผมล้มก้นกระแทก ผนังทั้งสี่สะท้านสะเทือนเหมือนถูกมือยักษ์เขย่า เปลวไฟประทุแลบเลียออกมาจากผนังพร้อมกับร่างตะกายติดไฟลุกท่วมออกมาไขว่คว้าความว่างเปล่า กลิ่นเหม็นไหม้ ควันและเปลวไฟตลบอบอวลทั่วห้อง

    ร่างนั้นเผาไหม้ชักดิ้นชักงอไปมาเหมือนไส้เดือนย่างไฟครู่หนึ่งก่อนห้อยพับ คาช่องบนผนัง มือห้อยร่องแร่งดำเกรียม บิดพับผิดรูป แต่ใบหน้านั้นยังหันมามองแสยะยิ้มอย่างน่าขนลุก และมันยิ่งน่าขนลุกหลายเท่าพันทวีนึกว่า กำลังเมื่อเห็น “ตัวเอง” ตกอยู่ในสภาพแบบนั้นเต็มหน้าเต็มตา


    ********

    โปรดติดตามตอนต่อไป

    จากคุณ : Psycho man - [ 7 มี.ค. 47 22:28:42 ]