จ้าวสมุทร ตอนที่ 30 เรื่องที่น่าปวดหัว

    จ้าวสมุทร ตอนที่ 30                    -เรื่องที่น่าปวดหัว-

    อูวดลทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอน.. มือกุมขมับ.. พลางคิดถึงเรื่องที่เขากำลังประสบ.. เกิดอะไรขึ้น.. ขโมย.. ความจริงอูวดลไม่อยากจะปฏิเสธเลยว่าเขาจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าหากเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไปนี้เป็นเพียงแค่ขโมยขึ้นบ้าน..

    แต่สมองของอูวดลกลับต่อต้าน.. ไม่มีทางที่ขโมยจะรื้อบ้านจนเละแบบนี้.. เปิดประตูบ้านค้างเอาไว้.. อูวดลเพ่งมองไปที่ตู้เสื้อผ้าของที่เปิดอ้าออก.. เพชรสีครามยังคงส่องประกายเจิดจ้าอยู่เหนือกองผ้าที่ถูกรื้อจนเละ..

     ไม่ใช่ขโมย..

     อูวดลรีบลุกขึ้น.. ความคิดต่างเริ่มมาบรรจบกันจนเข้ารูปเข้ารอย.. เมื่อตอนกลางวันกุญแจบ้านของเขาหาย.. เขาไม่นึกเลยว่า.. มันจะเป็นแบบนี้.. อูวดลกล่าวโทษตัวเองในใจ.. บางทีถ้าเขากลับมาที่บ้านเร็วกว่านี้.. ก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้.. แต่ก็นั่นแหละ.. เรื่องแบบนี้ไม่มีใครคาดคิดจะให้เกิดขึ้น.. อูวดลยอมรับว่ากุญแจบ้านที่หายไปมันไม่ใช่เรื่องที่ปกตินัก.. แต่เขาก็พยายามที่จะปฏิเสธ.. พยายามที่จะหนีความจริงที่ว่าคนที่เอากุญแจไปต้องมีจุดประสงค์อื่น ๆ และนี่ก็คือจุดประสงค์ของเขา.. ตลอดทั้งวันเขาพยายามหลอกตัวเองว่าจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. และเขาโกหกตัวเองตลอดว่าบางทีเขาอาจจะลืมทิ้งกุญแจเอาไว้ที่ไหนสักแห่งทั้ง ๆ ที่มั่นใจว่าตัวเองเก็บกุญแจบ้านในกระเป๋าจริง ๆ .. เขาไม่อยากจะให้เป็นแบบนี้.. เขาเจอเรื่องราวแปลก ๆ มามากในโลกใต้น้ำ.. เขาต้องการจะให้โลกบนพื้นเป็นสถานที่ที่เขาจะอยู่อย่างปกติสุข.. แต่.. แต่ตอนนี้เรื่องแปลก ๆ ก็กลับขึ้นมาหาเขาที่นี่อีก.. มันเรื่องอะไร.. และต้องการอะไรจากเขากันแน่

     อูวดลเริ่มปวดศีรษะอีกครั้ง.. เขารีบเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่าง.. มาลาตีดูกระวนกระวายมาก เธอปรี่ไปที่โทรศัพท์ คว้าหูขึ้นมาแล้วทำท่าจะกดหมายเลข

     “เธอจะทำอะไรน่ะ มาลาตี..” อูวดลถามเสียงแผ่วเบา

     “ตำรวจ..” มาลาตีตอบอย่างลุกลี้ลุกลน มือที่ถือหูโทรศัพท์สั่นเครือ “เราจะต้องโทรแจ้งตำรวจ.. เดี๋ยวนะ.. ฉันจำเบอร์โรงพักได้.. เบอร์อะไรนะ ศูนย์สามสอง.. ศูนย์สามสอง โธ่เอ๊ย.. ได้แค่รหัสจังหวัดหรือยังไง..”

    “มาลาตี..” อูวดลเรียกเตือนสติเพื่อนสาวที่สติแตกกระเจิงไปหมดแล้ว

     “อย่าเพิ่งขัดฉันสิ อู ฉันกำลังนึกเบอร์โรงพักอยู่..” มาลาตีพูด แล้วพึมพำอย่างประสาท ๆ “ศูนย์สามสอง ห้าเก้า.. บ้าไม่มีเบอร์ที่ไหนนำหน้าด้วยห้าหรอกน่า.. คิดสิ คิดสิ..”

     อูวดลส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แล้วเดินไปดึงหูโทรศัพท์ออกจากมือมาลาตีแล้ววางลงที่เครื่องโทรศัพท์ตามเดิม

     “ไม่ต้องโทรหรอก..”

     “ทำไมล่ะ..” มาลาตีพูดเสียงดัง ดูเหมือนเธอยังตื่นตกใจอยู่ “นี่มันขโมยชัด ๆ นะอู..”

     อูวดลสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพูดอย่างชัดถ้อนชัดคำ “ไม่ใช่หรอก.. ไม่ใช่ขโมย..”

     “อะไรนะ.. นายหมายความว่าไง..” มาลาตีพูดเสียงเบาลง ความตื่นตระหนกเริ่งจางหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยความสงสัยแทน

     “ไม่มีของมีค่าหายไปเลยสักชิ้นเดียว..” อูวดลชี้ให้มาลาตีดูโทรทัศน์ที่ยังคงวางอยู่ที่เดิม เตาไมโครเวฟในห้องครัวที่ไม่ขยับเขยื้อน หรือแม้แต่กระเป๋าราคาแพงที่อารดาลืมทิ้งไว้ที่โซฟาก็ไม่มีแม้แต่รอยนิ้วมือ

     “เธอตามฉันขึ้นมานี่สิ มาลาตี..” อูวดลพูด แล้วเดินนำมาลาตีขึ้นบันไดไปที่ห้องของเขา อูวดลชี้ให้มาลาตีดูตู้เสื้อผ้าที่มีร่องรอยถูกรื้อค้น

     “ตู้เสื้อผ้าของฉันถูกรื้อ.. แต่แปลก..” อูวดลหยิบเพชรสีคราม ซึ่งเป็นเพชรประจำตำแหน่งนักรบรัชทายาทขึ้นมาจากกองผ้า “เพชรประจำตำแหน่งของฉันไม่ยักจะหาย..”

     มาลาตียืนนิ่งเงียบ มือของเธอลูบคางเหมือนกำลังจะใช้ความคิด อูวดลไม่เห็นเธอพูดอะไร เขาจึงพูดต่อ

     “ข้าวของกระจัดกระจาย ฉันว่าถ้าเป็นขโมยมืออาชีพมันคงไม่รื้อแม้กระทั่งลิ้นชักเอกสารจนเละแล้วปล่อยให้เป็นหลักฐานแบบนั้นแน่ แล้วอีกอย่างประตูบ้านและประตูรั้วเปิดอ้า.. ถ้าเป็นขโมยทั่วไป มันก็น่าจะมีร่องรอยถูกงัดแงะ แต่นี่ไม่ใช่.. เหมือนกับว่า คนที่เข้ามาในบ้านฉัน ใช้กุญแจเปิดเข้ามา..” อูวดลเน้นเสียงที่คำสุดท้าย

     มาลาตีตาลุกวาว เธอมีท่าทีตกใจสุดขีด “เมื่อตอนกลางวันกุญแจบ้านของนายหายนี่..คนที่ขโมยกุญแจบ้านก็ต้องเป็นคน ๆ เดียวกันกับที่เข้ามาค้นบ้านของนายน่ะสิ”

     “ใช่.. ฉันคิดว่างั้น.. นี่เป็นการวางแผนอย่างดีเลยทีเดียว..” อูวดลพูด

     มาลาตีถอนใจ แล้วพูดขึ้น “ฉันไม่นึกเลยนะ ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้.. จริง ๆ แล้วพวงกุญแจที่ฉันซื้อให้นายน่ะ ทำมาจากปะการัง มันมีราคาสูงพอสมควรเลยล่ะ ตอนที่กุญแจบ้านของนายหายฉันก็เลยคิดแต่ว่าคนที่ขโมยต้องการแค่พวงกุญแจเท่านั้น.. ฉันไม่นึกเลยว่าจะเป็นแบบนี้..”

     “ฉันก็คิดเหมือนกับเธอนั่นแหละ.. ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแบบนี้..” อูวดลพูด

     “ว่าแต่ว่า นายแน่ใจนะว่าจะไม่แจ้งตำรวจ..” มาลาตีถาม น้ำเสียงแฝงด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

     “อือ..” อูวดลพยักหน้า “แจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์.. ไม่มีของหาย.. ฉันไม่อยากให้แม่คิดมากด้วย.. ท่านเพิ่งไปบำบัด.. ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันจะต้องรีบเก็บของที่กระจัดกระจายให้หมด..”

     “เดี๋ยวฉันก็ช่วยแล้วกัน..” มาลาตีพูด

     อูวดลและมาลาตีรีบเก็บของซึ่งส่วนจะเป็นเอกสารที่ถูกรื้อออกมา เก็บใส่ลิ้นชักและตู้ต่าง ๆ ให้หมด ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะเสร็จ

    “โอ๊ย.. กว่าจะเสร็จ ปาเข้าไปทุ่มครึ่ง..” มาลาตีพูด พร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน

     “เอ้า.. น้ำ..” อูวดลเดินถือแก้วน้ำยื่นให้มาลาตีแล้วนั่งลงข้าง ๆ เธอ

     “ขอบใจ..” มาลาตีรับแก้วน้ำจากมืออูวดลแล้วดื่มอึกใหญ่ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสงสัย “อู.. เท่าที่สังเกตนะ.. เหมือนคนที่เข้ามาในบ้านนาบ จะรื้อเฉพาะลิ้นชักแล้วก็พวกตู้ต่าง ๆ เหมือนกับว่า กำลังหาเอกสารอะไรบางอย่างเลยนะ..”

     “นั่นน่ะสิ.. ใช่.. เหมือนกับหาเอกสารอะไรสักอย่าง.. แต่ที่ดู ๆ ก็ไม่มีเอกสารอะไรหายไปเลยนะ..” อูวดลพูดแล้วคว้าแก้วน้ำจากมือมาลาตีมาดื่มต่อ

     “ไม่รังเกียจเหรอ.. ฉันเกือบถุยน้ำลายลงไปแล้วด้วยนะ..” มาลาตีพูด

     อูวดลยักไหล่ “ทำไม.. เธอก็ไม่ได้เป็นโรคเรื้อนสักหน่อย.. นี่.. ฉันว่านะ.. คนที่เข้ามาในบ้านฉัน น่าจะเป็นคนที่อยู่ในโรงเรียน..”

     “ทำไมนายถึงคิดแบบนั้น..”

     “แน่นอน.. คนที่คนกระเป๋าฉันกับคนที่ค้นบ้านฉัน น่าจะเป็นคน ๆ เดียวกันใช่มั๊ย.. แล้วกุญแจบ้านฉันก็หายที่โรงเรียนด้วยน่ะสิ..”

     “ก็เป็นไปได้.. แล้วคนที่ค้นบ้านนาย.. ต้องการอะไรกันล่ะ..” มาลาตีถามอย่างสงสัย

     อูวดลถอนใจ “เฮ้อ.. เธอเล่นถามฉันแบบนี้แล้วฉันจะไปถามใครล่ะ..”

     “แล้ว.. นายคิดว่า.. มันเกี่ยวกับ.. เรื่องของนายที่โลกใต้น้ำด้วยหรือเปล่า..”

     อูวดลตวัดสายตามาที่มาลาตี “ฉันคิดว่าใช่ร้อยเปอร์เซ็นต้ลยล่ะ..”

     ความเงียบเกือบห้านาทีเกิดขึ้นหลังจากนั้น.. อูวดลและมาลาตีไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย ต่างคนต่างคิดกันอยู่ในใจเงียบ ๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเวลานี้เขาทั้งสองกำลังคิดในเรื่องเดียวกัน

    จากคุณ : Waasuthep - [ 11 มี.ค. 47 11:00:36 A:203.113.81.9 X: ]