เงารักบังใจ บทที่ 25

    *** จริงๆแล้วเรื่องนี้เขียนจบแล้วก็ลงจนจบแล้วด้วยและตอนนี้กำลังขึ้นเรื่องใหม่ดุจตะวันไม่สิ้นแสงไปบทที่ 11แล้วนะคะ แต่ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน****
    บทที่ ๒๕
            ลมหนาวตื่นขึ้นมาในย่ำรุ่งของเช้าวันใหม่ด้วยความสดใสเบิกบานเนื่องจากเมื่อวานสามารถ
    หลับได้เป็นสุข  และยังได้ไปเที่ยวในวัดรวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารริมทางในมื้อกลางวัน   ดวงหน้าในวันนี้ขาวและใสกระจ่างโดยมิต้องเต่งแตะอันใดก็สวยงามมากพอ
               ผิดกับท้องฟ้าในวันนี้ที่ไม่สดใส นอกจากจะมีหมอกหนาปกคลุมแล้ว ไม่นานนักท้องฟ้าที่มีแสงอ่อนแห่งรุ่งอรุณสาดส่องกลับกลายเป็นยังอึมครึ้มเนื่องจากถูกบดบังโดยหมู่เมฆสีเทาปนดำ  เสียงฟ้าคำรามลั่นจนน่าตกใจ
                เหมือนจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบ้างอย่าง
                ซึ่งหญิงสาวก็ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย
                จะเกี่ยวกับวัชรินทร์หรือไม่
               หล่อนไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้ววัชรินทร์เป็นคนร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ
                เขาหลอกคนที่บ้านหล่อนมาตลอด
               บิดาของเขาก็หลอกลวงด้วยงั้นหรือ
               และคนเหล่านี้เป็นพวกกลุ่มพญาอินทรีด้วยหรือไม่
               แต่ภูวัตไม่ได้บอกชื่อของชายผู้นั้นว่าเป็นวัชรินทร์แน่หรือไม่
               บางทีอาจจะแค่ใบหน้าละม้ายคล้ายกันแต่ชื่ออาจจะต่าง
               ไม่รู้  บางทีหล่อนจะโทรไปถามพี่ชายว่าวัชรินทร์ยังอยู่ที่กรุงเทพหรือเปล่า
                หากยังอยู่ก็แสดงว่าเป็นคนละคนกัน
               และถ้าหากไม่ใช่เรื่องนี้ก็อาจจะต้องเป็นเรื่องของพี่ชายหล่อน
              ไม่แน่ว่าวันนี้พี่ชายของหล่อนจะมารับหล่อนกลับไปที่บ้าน
               หญิงสาวถอนลมหายใจพลางคิดในเรื่องอื่นเพื่อจะไม่ให้พาลคิดอะไรที่ไม่สบายใจเข้าไปอาบน้ำพลางฟังเสียงหยาดฝนที่กระเซ็นร่วงหล่นบนหลังคาจนหล่อนต้องรีบ
              หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ  หญิงสาวก็ยังคงอยู่ในห้องนอนเตรียมปิดหน้าต่างเอาไว้กันสายฝนหากตกลงมาไม่ให้มีละอองกระเซ็นเข้ามาเปียกในห้อง
               แล้วจึงเริ่มทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อให้เวลาและสายฝนที่เริ่มกระหนำลงมาผ่านพ้นไป
               น่าแปลกทั้งที่ยังอยู่ในช่วงหน้าหนาว  เหตุใดฝนจึงตกได้รุนแรงขนาดนี้
               มันช่างเหมือนวันที่หล่อนได้พบศพของน้องสาวหล่อนซะเหลือเกิน
               หญิงสาวคิดแล้วก็หนาวสะท้านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
               ก่อนจะเรียกสติให้กลับมาเริ่มเขียนแบบต่อไป
               ตราบจนเสียงน้ำที่กระทบนั้นจางหายไปสิ้น  หญิงสาวจึงเลิกจากการทำงานหันมาบิดตัวไปมาอย่างเมื่อยล้า พร้อมกับยิ้มกว้าง
               ตอนนี้งานของหล่อนเสร็จแล้วอย่างเรียบร้อย
              อานิสงค์จากการที่ภูวัตเรียกให้หล่อนมาทำงานต่อหน้าเขา วันนี้หล่อนจึงสามารถเขียนแบบได้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์
              ต้องขอบใจเขาอยู่ไม่ใช่น้อยทีเดียว
              หญิงสาวม้วนเก็บงานของตนก่อนจะเปลี่ยนมาเริ่มลงมือทำเอกสารหลายอย่างจนเห็นว่าใกล้จะแล้วเสร็จเหลือแต่เพียงปริ้นท์งานจึงยอมออกจากห้อง  
              ซึ่งขณะนี้สายมากแล้วและเลยเวลาอาหารเช้าเลยเข้าสู่ใกล้เวลาอาหารเที่ยง
             แต่หล่อนก็ไม่สนใจงานเสร็จซักอย่างหล่อนก็พอใจแล้ว
             ความรู้สึกว่าบ้านทั้งหลังช่างเงียบสงัดเข้าครอบคลุมหญิงสาวทันทีที่ก้าวเดินออกมาจากประตู
    ห้องนอน
            ไม่รู้ว่าเมื่อวานมีเหตุการณ์อะไรอีกหรือไม่
            อาจจะเป็นพวกกลุ่มเดิมที่มาวุ่นวาย
            หากเป็นจริง มันคงจะเกิดขึ้นในยามดึกมากหรือไม่ก็เป็นตอนเกือบจะย่ำรุ่ง เพราะเมื่อวานหล่อนและภูวัตเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
               ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ความเงียบก็ยิ่งทวีเพิ่มขึ้น  จนเมื่อหล่อนเดินเข้ามาในห้องโถงหล่อนจึงแปลกใจที่ได้เห็นฟรานซิสกำลังนั่งอยู่เงียบๆที่เก้าอี้ไม่แม้แต่จะเปิดไฟให้สว่างไสว
               “ ทำอะไรอยู่คะ ” หล่อนเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปจนถึงตัวของผู้ที่นั่งอยู่
               ฟรานซิสหันมามองทางต้นเสียงเมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็ส่งรอยยิ้มให้อย่างอิดโรย
               “ ผมรอคุณอยู่ครับ   จะพาคุณไปหาคุณย่ากับภูวัตที่ข้างล่าง ” เขาไม่พล่ามมากก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินพรวดพราดลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
              หญิงสาวจึงต้องรีบเดินตามไปให้ทัน
              และหล่อนจึงรู้ว่าฟรานซิสพาหล่อนมายังที่เดินซึ่งเป็นที่พักของคุณย่าและภูวัตก็เพิ่งจะพา
    หล่อนมาที่นี้เมื่อไม่วานซืน
              หากแต่วันนี้ต่างจากวันวาร
              ที่ซึ่งมีอุปกรณ์แปรรูปถูกตั้งทิ้งไว้  กลุ่มแม่บ้านหายไป จะเหลือก็เพียงพวกคนงานที่นั่งอยู่กับพื้นหญ้าฟังภูวัตยืนพูดอยู่ด้วยใบหน้าแค้นเคืองและคุณย่าที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆบนเก้าอี้ไม้ไผ่ด้วยใบหน้า
    ค่อนข้างซีด
              เมี่ยงก็นั่งอยู่ในนั้นเช่นเดียวกัน  หากแต่วันนี้ไม่มีอาการกลัวหญิงชราแล้วแต่อย่างใด
               สงสัยว่าคงจะไม่โดนว่าแล้วกระมั้ง
              เมื่อภูวัตเงยหน้าขึ้นมาพบว่าหญิงสาวกำลังยืนมอง เขาก็ชะงักไปชั่วครู่หันไปกระซิบบอกหญิงชราผู้เป็นย่าจากนั้นก็กลับไปพูดเรื่องแผนการณ์อะไรบางอย่างซึ่งหล่อนไม่เข้าใจนัก
               นางบุบผายิ้มขึ้นมาเล็ก น้อยก่อนจะเดินตรงมาที่หญิงสาว
               “ มีอะไรเกิดขึ้นหรือคะ   ทำไมพวกกลุ่มแม่บ้านหายไปหมด แล้วทำไมคนงานถึงมาประชุมกันที่นี้ล่ะคะ ”
               หญิงชรานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบ
               “ ในเมืองมีสถานที่ที่ย่าไว้แปรรูปอีก   ย่าก็เลยให้เขาไปทำกันที่นั้น   ส่วน... ” หล่อนหยุดเมื่อเห็นเหล่าคนงานพากันลุกขึ้นจากพื้นเดินแยกย้ายกันไปทำงาน
              โดยที่หล่อนสังเกตเห็นว่า  คนงานผู้ชายต่างก็เหน็บปืนไว้ที่เอว ผู้ชายคนหนึ่งจะเดินนำพร้อม
    กับดูแลพวกคนงานหญิงอีกสี่คนร่วมกันไปทำงาน
               ส่วนชายหนุ่มก็ทรุดลงไปนั่งที่เก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อนในดวงตาอย่างชัดเจนก่อนจะเลือนหายไปทีละน้อยทีละน้อย
               “ วันนี้คุณจะไปไหนไหม ” เขาเอ่ยถาม
               คิ้วของหญิงสาวเลิกขึ้นไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาถามว่าต้องการอะไรกันแน่
               หล่อนอยากไปไหนเขาจะยอมพาไปงั้นหรือ
               “ ไม่คะ   เอ้อ   ดิฉันมีเรื่องงานจะคุยกับคุณคะ ” หล่อนตอบเขา   ไม่อยากจะรบกวนให้เขาพาไปที่ไหนในเมื่อหล่อนคิดว่าเขาดูอ่อนเพลียมาก...มากกว่าทุกครั้ง
               “ งั้นย่าว่าหนูคุยกับภูวัตตามลำพังไปก่อนนะ   เดี๋ยวย่าจะให้เมี่ยงกับฟรานซิสพาไปที่ไร่ดอกกุหลาบก่อน ” หญิงชราบอกกับหญิงสาวก่อนจะให้เมี่ยงมาพยุงให้ไปโดยมีฟรานซิสเดินตามหลังไป
               ส่วนหญิงสาวก็เดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่มโดยที่ไม่ต้องให้เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้
               “  คุณไม่ได้ออกมาทานข้าวเช้านี้   ตื่นสายเพราะท้องเสียหรือว่ายังอิ่มกับก๋วยเตี๋ยวสูตรไม่อนามัยอยู่ ” เขากระเซ้าหล่อนเล่นจนใบหน้าของหญิงสาวบึ้ง
              ไม่อย่างจะเชื่อว่าเขายังจะมาล้อหล่อนเล่นได้ในเมื่อดูเหมือนตอนนี้เขากำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับพวกคนร้ายที่กำลังคุกคามไร่แห่งนี้อยู่อย่างหนัก
               “ ดิฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่ามาแม้แต่นิดเดียว   เพียงแต่ดิฉันกำลังทำงานอยู่ในห้องนอน แล้วดิฉันก็อยากจะบอกคุณว่างานออกแบบแปลนของดิฉันเสร็จสิ้นแล้วด้วย ” หล่อนบอกกับเขา
               สีหน้าของชายหนุ่มดูแปลกๆไปเล็กน้อยก่อนจะกลับเป็นปกติ
               “ เหลือแค่เอกสาร คิดว่าคงอีกประมาณสองสามวันก็คงแล้วเสร็จ ” หล่อนต่ออีกน้ำเสียงค่อน
    ข้างหม่น
              ด้วยความรู้สึกที่นึกเสียดายที่เกิดขึ้นมาภายในใจ
              หล่อนยังไม่รู้สึกอยากจะจากที่นี้ไปสักเท่าใดนัก
              ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีเรื่องร้ายมาคุกคามไร่แห่งนี้และหล่อนก็ไม่ได้มาที่นี้เพื่อจะค้นหาคนร้ายที่นี้อีกแล้วก็ตาม
              ทำไมกันหนอ  
              คงมิใช่แค่เพียงสถานที่แสนสวยงามและบรรยากาศผ่อนคลายน่าพักผ่อนเท่านั้นหรอกกระมั้งที่หล่อนยังไม่อยากจะจากไป
              ยังมีผู้คนที่หล่อนไม่คิดว่าช่างเป็นมิตรเสียเหลือเกิน
              รวมทั้งตอนนี้หล่อนยังสามารถเป็นเพื่อนกับชายหนุ่มที่หล่อนไม่เคยคิดว่าจะดีกันได้
              และหล่อนยังได้พบแง่มุมและความรู้สึกอะไรที่หลากหลายในตัวเขา
              แม้กระทั่งความรู้สึกส่วนลึกบางอย่างที่รู้หล่อนสึกถึงความอบอุ่นแสนนุ่มนวลของเขา
               “ คุณอยากออกกำลังกายด้วยการเดินลงไปดูดอกพิทูเนียไหม ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหล่อนก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว
              ใบหน้าของหญิงสาวพยักตอบตกลงก่อนจะยอมเดินไปพร้อมกับเขา โดยการอยู่ด้านข้างมิใช่ตามหลังเหมือนยังครั้งก่อนๆ
               และเขาก็ยังลดฝีเท้าที่ก้าวเดินนั้นลงให้ช้าลงเพื่อจะสามารถเดินไปพร้อมกับหญิงสาวเผื่อหญิงสาวจะอยากเอ่ยถามอะไรเขา
               หากแต่ในการเดินกันไปครั้งนี้ช่างเต็มไปด้วยความเงียบ  ไร้ซึ่งเสียงทะเลาะเบาะแว้งหรือพูดคุยซักถามกันอย่างเป็นมิตร
               คนทั้งคู่ไม่มีใครคิดจะยอมปริปาก
               จึงทำให้ทันเต็มไปด้วยความน่าอึดอัดใจ
               เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่หล่อนกลับคิดว่ามันช้า และไม่รู้ว่าเมื่อใดที่จะถึงเสียที
               ได้แต่เดินกันไปจนกระทั่งถึงสถานที่ที่เขาบอกว่าจะพาหล่อนไปดูดอกพิทูเนียซึ่งอยู่เกือบจะปลายทางขึ้นเขา  มองเห็นถนนที่ตัดผ่านลงไปด้านล่างซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
               ชายหนุ่มเดินนำหญิงสาวเข้าไปข้างในและทำให้หล่อนทราบว่าดอกพิทูเนียนั้นเป็นดอกไม้พุ่มต้นเตี้ยและค่อนข้างไปทางเลื้อยเป็นไม้เนื้ออ่อนลำต้น สูงโดยคะเนประมาณ 30 ซม. ไม่ใช่ดอกไม้ที่ใส่ในกระถาง
                “  พิทูเนียมีถิ่นกำเนิดที่ อเมริกาใต้ เป็นไม้หลายฤดู มีความทนทาน มีชีวิตยืนยาวสามารถออกดอกได้หลายชุด   เป็นไม้ดอกหลาย ฤดู แต่ในขณะนี้ส่วนมากนิยมปลูกพิทูเนียให้เป็นไม้ฤดูเดียวใบ”  
                หล่อนจ้องมองไปยังใบของต้นพิทูเนียซึ่งดูแล้วคล้ายใบยาสูบที่หล่อนเคยเห็นในหนังสือ แต่มี
    ขนาดเล็กกว่า  มีขนอยู่ทั่วใบตามใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ
                ดอกสีแดงและชมพูนั้นก็มีรูปร่างเป็นรูปกรวย ดอกมีทั้งชนิดดอกเดี่ยวหรือ ดอกซ้อน กลีบ
    รองดอก แยกเป็น 5 แฉก มีคอดอก ยาว
            “  การขยายพันธุ์ของดอกพิทูเนีย   จะใช้การปักชำและเมล็ดจะออกดอกภายใน 38 วันนับจากวันเพาะเมล็ดดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนซุย อากาศถ่ายเทได้ดี ระบายน้ำดี และเก็บความชื้นได้ดี มีความ

    จากคุณ : ม่านหมอก - [ 12 มี.ค. 47 14:11:22 A:203.107.195.117 X: ]