เงารักบังใจ บทที่ 30

    บทที่ ๓๐
              วัชรินทร์เตะเก้าอี้  พลางปัดข้าวของที่อยู่ใกล้ตัวให้หล่นลงไปบนพื้น   คว้าอะไรที่พอจะแตกได้เขวี้ยงไปรอบๆอย่างคนวิกลจริต  ทำเอาใบหน้าของเอื้องคำที่แต่งจนเข้มนั้นซีดเผือดลงได้
               มีเศษแก้วเล็กๆเศษหนึ่งกระเด็นเขาไปบาดเป็นทางเล็กที่มือของลมหนาว  หญิงสาวมองมือสลับกับมองอาการของชายหนุ่ม อย่างนิ่งเฉย หล่อนรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนที่เข้มแข็งที่โหดเหี้ยมแน่ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภและอิจฉาริษยาในตัวของภูวัต
               ไม่น่าเลยทั้งที่เป็นคนมีการศึกษาดี   บ้านก็ร่ำรวยด้วยทรัพย์เงินทองมีหน้ามีตาทางสังคม แค่เพียงความละโมบโลภมากอย่างไม่สิ้นสุดและความริษยาจะสามารถทำให้คนเราดูน่ารังเกียจได้มากถึงขนาดนี้เชียวหรือ
              “ ใจเย็นก่อนเถอะคะ   คุณวัช   เอื้องว่าเอาอย่างงี้ดีไหมคะ   เราปล่อยแม่นี้ไปแล้วเราก็รีบเดินทางไปอเมริกากัน ” น้ำเสียงของเอื้องคำแหลมเล็กเสนอแนะอย่างเอาใจ    มือไปเกาะพลางลูบไปบนแขนของวัชรินทร์พยายามทำให้เขาใจเย็นขึ้นมา
             แต่มันก็ยังไม่ได้ผล  วัชรินทร์ที่ตอนนี้ราวกับสัตว์ป่าที่กำลังคลั่ง หันไปตบเอื้องคำจนหน้าหันทรุดลงไปกองไม่แพ้คราวอย่างหล่อน
             หลังจากการกระทำนั้นก็ทำให้เขาหยุด  หันไปตะโกนสั่งไอ้มืดให้ไปเตรียมปืนและลูกน้องไว้ให้พร้อมตั้งรับกำลังตำรวจ
              “  ลมหนาวไอ้พี่ชายสารเลวของเธอทำฉันแสบนักนะ   คอยดูเถอะฉันจะจับเธอส่งไปขายกับพวกฝรั่งเพื่อธุรกิจของฉัน     ส่วนเธอนะเอื้องคำจับลมหนาวโยนเข้าไปในห้องนั้น   แล้วก็ช่วยเฝ้าลมหนาวไว้ด้วย เดี๋ยวผมกลับมา ” เขาหันมาบอกเอื้องคำอย่างมีสติขึ้นมาอีกครั้ง
             เอื้องคำลุกขึ้นจากพื้น  หยิบทิชชู่ขึ้นมาซับเลือดอย่างไม่สบอารมณ์มองตามหล่อนคนที่ออกจากประตูไปพลางเดินไปหยิบทิชชู่มาซับเลือดพูพดอะไรบางอย่างกับตัวเองอย่างโกรธแค้น  แล้วจึงหันกลับมามองไปยังลมหนาวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ด้วยใบหน้าที่ไม่สิ้นหวัง
             เสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนที่เอื้องคำจะไปลากเก้าอี้ที่หน้าห้องมานั่งไม่ห่างจากหญิงสาว พร้อมกับหยิบเอาซองบุหรี่มาโบโลออกมาจุดสูบ
             กลิ่นของมันทำเอาหญิงสาวจามถี่ๆ ปัดควันที่เอื้องคำพ้นออกมาใส่หน้าให้จางหายไป
             “ อะไรกันนี้เธอ   เป็นคุณหนูขนาดทนกลิ่นบุหรี่ไม่ได้เชียวหรือไง   กระแดะนักนะ เหมือนกับอีน้องแกไม่มีผิดแต่พอไม่นานเดี๋ยวก็จะกลายร่างเป็นนางร่านผู้ชายเองแถมยังดูดบุหรี่ใส่กัญชาต่อแน่  ” เอื้องคำว่าด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
             หญิงสาวไม่ตอบนั่งอยู่นิ่งจนฝ่ามือของเอื้องคำตบไปบนใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง  จนหญิงสาวหน้าหันแต่ไม่ได้ทำให้มีอะไรเกิดขึ้น
              “ โอ๊ย   อดทนนักนะแก   เดี๋ยวเถอะถ้าคุณวัชรินทร์กลับมาเมื่อไรแกโดนยำเละแน่ ” เอื้องคำไม่ยอมหยุดขู่   หากแต่หล่อนไม่ได้กลัวเลย
              สมองของหล่อนกำลังครุ่นคิดหาวิธีอะไรก็ตามที่จะหนีออกไปจากที่นี้
              ขณะที่เอื้องคำเห็นว่าจะทำอะไรหญิงสาวอีกก็คงไม่มีประโยชน์จึงจับข้อมือข้างที่เห็นว่าเป็นวงคล้ำลากเปิดประตูโยนเข้าไปในห้องนั้นแล้วจึงเดินเข้ามาบ้าง
              “ เธอคิดหรือเอื้องคำว่าจะหนีรอด ” หญิงสาวเอ่ยถามเอื้องคำที่ยังคงพ่นควันบุหรี่ให้กระจายไปทั่วห้องอย่างจงใจแกล้งหล่อน
             เอื้องคำไม่ตอบเอาแต่หัวเราะ  หยิบบุหรี่ไปขยี้ตรงที่เขียบุหรี่วางทิ้งไว้
             “ โอ๊ะ   นึกว่าจะเป็นใบ้ไปแล้วซะอีกนะ ”
         “  เธอเชื่อฉันเถอะว่าเธอกับวัชรินทร์จะหนีไปเมืองนอกไม่รอดหรอก   ยังไงต้องโดนจับที่สนามบินไหนสักแห่งแน่ ” หญิงสาวเอ่ย   พยายามที่จะทำให้เอื้องคำรู้สึกรู้สาอะไรขึ้นมาบ้าง
           อย่างน้อยตอนนี้ปากหล่อนยังขยับได้อยู่  หล่อนจะต้องพยามยามทำอะไรสักอย่างเพื่อโนมน้าวจิตใจเอื้องคำให้ได้
           ถึงแม้ว่าหล่อนจะรู้ดีว่าเองคำยังอาฆาตแค้นหล่อนอยู่แน่
           “ ไม่มีทางที่ไอ้ตำรวจโง่หรือภูวัตเขาจะตามจับคุณวัชรินทร์ได้หรอก   ไม่มีอำนาจหรือน้ำเงินยังไงก็ตามไม่ทันหรอก ” น้ำเสียงนั้นยังมั่นใจอยู่
           “ มีสิ   คนที่จะต่อกรกับวัชรินทร์ได้   และไม่ได้ไกลจากที่ไหนเลย   ครอบครัวของฉันเอง ยังไงพี่ชายฉันก็เป็นทหารยศพลโทใกล้จะเอกเต็มที    ส่วนคุณพ่อฉันก็เป็นถึงนักธุรกิจส่งออกอัญมณี   ไหนจะแม่ฉันอีกก็มีเส้นสายสนิทกับภรรยารัฐมนตรีอีกหลายคน   แล้วเธอก็อย่าคิดเลยว่าวัชรินทร์เขาจะพาเธอไปด้วย   ฉันรู้ดีว่าคนอย่างเขาอย่างมากก็คงพาเธอไปถึงแค่สนามบินแล้วก็ยิงทิ้งให้กลายเป็นแพะรับบาปไป  ” หญิงสาวบอกด้วยท่าทางเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านใดออกจะมั่นใจ
           ดูเหมือนว่าหล่อนจะใช้ฝีปากของหล่อนให้เป็นประโยชน์ได้ผล  เพราะใบหน้าของเอื้องคำเริ่มซีดลงอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน
           หากแต่ใช้ฝ่ามือนั้นลงไปบนใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้งเพื่อกลบความกลัวที่แทรกขึ้นมาเป็นริ้วในหัวใจที่มี
           นั้นยิ่งทำให้หญิงสาวเหยียดริมฝีปากออกอย่างเยาะ   หล่อนรู้ดีว่ามันได้ผลแล้วสำหรับสิ่งที่หล่อน
    กระทำ
           ถ้ามิใช่เสียงหัวเราะที่ลอดออกมาละก็หล่อนคงจะไม่วิตก
           “ เขาไม่กล้าทำอย่างงั้นหรอกนะ   เพราะฉันนะ มีเอกสารอะไรเยอะแยะที่เกี่ยวกับความผิดของคุณวัชรินทร์    ตอนนี้มันอยู่ในกำมือของแม่ฉัน   ถ้าหากฉันไม่โทรไปหาแม่ในวันสองวันแม่ฉันก็จะส่งหลักฐานพวกนี้ให้ตำรวจ ”
        “ ถึงตอนนั้น   วัชรินทร์ก็ยิงเธอแล้วให้ลูกน้องไปลากแม่เธอมาฆ่าตาม แล้วก็หนีไปได้ไกล   ออกนอกประเทศไปแล้ว ” หญิงสาวลองอีกสักรอบ
           ถึงแม้เอื้องคำจะเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจมากเพียงใด  หล่อนก็ไม่เชื่อหรอกว่าเอื้องคำจะฉลาดพอที่จะนึกเฉลียวใจเก็บหลักฐานไว้กับใครอื่นอีก
            ดวงตาของเอื้องคำหรี่แสงลงอย่างคิดหนัก   รู้สึกจะเริ่มคล้อยตามอย่างที่ลมหนาวว่า
            เอื้องคำถึงจะไม่ฉลาดมากแต่ก็พอจะรู้ว่าวัชรินทร์เป็นประเภทฆ่าใครทิ้งก็ยอมทำได้ทั้งนั้นเพื่อให้ตัวเองหลุดลอดจากความผิด และเรื่องที่ลมหนาวว่ามานั้นก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง
            “  เชื่อฉันเถอะ    เธอกับฉันน่าจะคิดหาทางเอาตัวให้รอดจากที่นี้กันดีกว่า   อย่างน้อยฉันว่ามันน่าจะปลอดภัยกว่าที่เธอจะเชื่อวัชรินทร์เต็มร้อย ”
           “ เธอก็น่าจะรู้ดี   เมื่อกี้นี้เขายังกล้าตบเธอ ทั้งๆที่เธอเข้าไปทำให้เขาอารมณ์เย็นขึ้นแท้ๆหรือจะเอาอย่างน้องสาวฉันเป็นอุทาหรณ์   แค่นี้ก็น่าจะรู้ว่าเขานะเอาแต่ตัวเองแน่ ”
        ลมหนาวยกอะไรมากมายร้อยแปดอย่างที่พอจะนึกออกมาโน้มน้าวใจคนตรงหน้า  หวังแค่ว่าเอื้องคำจะคล้อยตามหล่อนไปเรื่อยๆจนเริ่มตกลง
           เอื้องคำเดินไปมารอบห้องอย่างครุ่นคิด  กัดริมฝีปากไปด้วยอย่างไม่มั่นใจก่อนจะหันมายิ้มหวานแสบไส้ให้กับหญิงสาว
           “ ตกลงก็ได้   ฉันจะเปลี่ยนใจไม่ยอมให้วัชรินทร์มาฆ่าทั้งฉันและแม่ทิ้งก็ได้   แต่เราสองคนจะหนีออกไปได้ยังไงล่ะ   หรือว่าเธอจะพกปืนเอาไว้ ”
          พูดยังกับหนัง  ลมหนาวไม่มีปัญญาจะไปเก็บปืนที่ไหนมาหรอก  ถึงหล่อนจะมีกระบอกหนึ่งมันก็อยู่ที่บ้าน  ตอนนี้ในตัวหล่อนมีแค่คัตเตอร์ใหม่ๆคมๆเพียงอันเดียวยังไงก็ไปต่อกรกับกระบอกปืนและลูกกระสุนนับไม่ถ้วนไม่ไหวแน่
           เสียงรถเปิดหวอดังมาแต่ไกล   หล่อนคาดเดาได้ไม่ยากว่ามันคือรถตำรวจ   ตำรวจกำลังบุกมาที่นี้แน่  ดวงใจของหญิงสาวใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
           แผนการณ์ก็ผุดขึ้นมาในหัวสมอง
           “ เอายังนี้   เธอพอจะรู้บ้างไหมว่าวัชรินทร์เก็บปืนอยู่ที่ไหน  ”
           ใบหน้าของเอื้องคำขยับแต่ยังไม่หยุดยิ้มจนหล่อนรู้สึกว่ามันดูจริงใจเกินไป หากแต่หล่อนหาได้เอ๊ะใจเลยไม่ว่านั้นจะเป็นบทเรียนราคาแสนแพงสำหรับหล่อน
           “  เมื่อกี้เธอเข้ามาได้คงจะรู้รหัสสินะ   เธอก็แค่พาฉันออกไปพร้อมกับปืนหลบหลีกสักหน่อย   จนไปถึงข้างล่างแล้วเธอก็วิ่งออกไปทางประตูอย่างเร็ว   ยังไงตอนนี้ตำรวจก็มาแล้ว”
           เอื้องคำเดินออกไปจากห้อง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกระบอกปืนหนึ่งกระบอก แล้วเสียง
    โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นและนั้นทำให้ความหวังและความกล้าที่มีของหล่อนหายลับไปกับตา
           เมื่อเอื้องคำรายงานถึงสิ่งที่หญิงสาวจะกระทำลงไปในโทรศัพท์  พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างชอบอกชอบใจกับสิ่งที่ปลายสายพูดกลับมาแล้วจึงวางสายลง
           “ เธอทำอะไรลงไปนะเอื้องคำ ” ลมหนาวเอ่ยถาม
           เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี  ก่อนจะเอ่ยอะไรบ้างอย่างที่ทำให้หล่อนอยากจะด่าคนตรงหน้าให้หายแค้น
           ไม่คิดเลยว่าจะไปไว้ใจแม่ผู้หญิงที่ถูกอสรพิษครอบงำไว้ทั้งร่างเช่นนี้
            ไม่น่าเลยแท้ๆ
            “  ก็เล่นละครตบตานะสิ   ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ ”
         “ เธอจะบอกฉันว่าทุกอย่างที่เธอทำไปเมื่อครู่นี้   เธอโกหกงั้นหรือ ”
         “ แน่นอนสิ    ยัยแก่นั้นคงไม่มีเวลามาเล่าเรื่องที่พ่อแม่ฉันตายไปตั้งแต่เด็กหรอกใช่ไหม   ดีนะมันทำให้คนอย่างหล่อนที่มั่นใจนักหนาว่าตัวเองเก่งนะ   กลายเป็นอีหน้าโง่   เชื่อซะเหลือเกินว่าฉันจะทำตามที่เธอวางแผน   แล้วเมื่อกี้นี้คุณวัชรินทร์ก็บอกฉันแล้วว่าตำรวจนะไม่รู้ทางที่จะขึ้นมาข้างบนนี้ก็เลยเตรียมตัวจะไปหาที่อื่นแล้วนะสิ   ทีนี้ล่ะฉันก็หนีไปได้ ”    
            เอื้องคำส่งเสียงหัวเราะอย่างเหนือกว่าอีกครั้ง   ในขณะที่หญิงสาวเริ่มสิ้นหวัง  สิ่งที่คิดเอาไว้ในตอนแรกบัดนี้หายไปสิ้น...

    จากคุณ : ม่านหมอก - [ 15 มี.ค. 47 13:26:39 A:203.107.206.173 X: ]