........... ปั ญ จ ก ร ร ม ฐ า น ........... ( ก ร ะ ต่ า ย เ ล่ า นิ ท า น )

    อ่านกันเล่น ๆ นะคะ เรื่องราวต่อไปนี้เป็นการจินตนาการถึงปัญจกรรมฐานในมุมมองของกระต่าย

    ......................................................................................................................

    พระบวชใหม่สามรูปเดินธุดงค์เข้าป่าลึกเพื่อฝึกตน แต่ละคนก็แต่ละใจ พวกท่านปฏิบัติกันคนละ
    แนวทาง แม้ว่าจุดหมายจะตรงกันแต่หนทางที่เลือกเดินกลับแตกต่าง

    ร้อนถึงเทวดาบนสวรรค์ แท่นพระบรรทมของพระอินทร์กลับแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง เห็นทีว่า
    องค์จอมเทพไตรตรึงษ์จักต้องลงมาน้อมถวายปฏิปทาให้แก่พระนวกะทั้งสาม ครั้นตัดสินพระทัย
    แน่วแน่แล้วก็เสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์เบื้องล่าง จำแลงกายเป็นเสือโคร่งใหญ่ดักรอพระธุดงค์อยู่
    ในดงไผ่

    รอจนราตรีเข้ากลืนพนาไพร สรรพสิ่งเงียบสงัดเหลือแต่เสียงหรีดหริ่งจั๊กจั่นและนกแสกกรีดร้อง
    เสือโคร่งลายดำใหญ่ประดุจเสือผีสิงก็ออกหากิน มันแสยะเขี้ยวคำรามลั่นกระชากป่า ภิกษุหนุ่ม
    ในร่มกลดใจหวิววูบตัวอ่อนชา ไม่กล้าเปิดกลดออกมาดูหน้าตาสัตว์ร้าย พระสามรูปต่างนั่งภาวนา
    อยู่ภายในกลดของตน


    ในกลดแรก... พระรูปนั้นนั่งขัดสมาธิเพชรในมือถือบทสวดปัดรังควานขับไล่มารร้ายออกจากตัว
    บทที่ท่านเลือกมาภาวนาคือ "คาถาพาหุงฯ"



    "มารพันมือถืออาวุธสุดพันลึก ขี่ช้างศึกครีเมขละจะห้ำหั่น
    ยกเสนาโห่ก้องฟ้ามาประจัน หมายฟาดฟันภควันต์ให้บรรลัย...

    จอมมุนีประทับระงับจิต นิ่งสนิทพระทัยมั่นไม่หวั่นไหว
    อาศัยทานบารมีฤทธิไกร บันดาลให้พระทรงภพสยบมาร...

    ขอเดชะชัยชนะพุทธองค์ บันดาลมงคลชัยให้ไพศาล
    เป็นยอดยิ่งมิ่งขวัญทุกวันวาร แด่เราท่านถ้วนทั่วทุกตัวตนฯ..."



    เสือโคร่งที่คำรามแยกเขี้ยวอยู่เบื้องหน้า ก็ล้มกลิ้งคลุกฝุ่นปฐพีด้วยแรงฤทธิ์บารมีแห่งพาหุงฯ
    องอัมรินทร์กระอักโลหิตออกมาจากทวารทั้งเจ็ด พระทัยดุจแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ แก้วหูลั่น
    อึงอลด้วยอำนาจแห่งพระคาถา อึดอัดทรมานจนต้องย้ายร่างไปยังกลดที่สอง...


    ในกลดสอง...พระอีกรูปนั่งขัดสมาธิคู้บัลลังค์ในมือถือบทสวดปกปักรักษาคุ้มครองตน เป็นคาถา
    กำแพงแก้วอรหันต์ บทสวดนั้นก็คือ "คาถาชินบัญชร"



    "พระทรงเป็นผู้นำทั้งสามโลก
    ทรงดับทุกข์คลายโศกคนทั่วหล้า
    นับแต่องค์ตัณหังกรเป็นต้นมา
    ยี่สิบแปดมหามุนียง...

    อันตัวข้า ฯ ขอเคารพสักการะ
    เหล่าพระสัมพุทธะผู้สูงส่ง
    อัญเชิญเทอญเชิญรับประทับทรง
    สถิตตรงกลางกระหม่อมน้อมบูชา...

    พุทธะสถิตเสถียรเหนือเศียรเกล้า
    พระธรรมเนาสองเนตรวิเศษหล้า
    อีกพระสงฆ์ทรงสรรพคุณา
    สถิตระหว่างกลางอุราป้องกันภัยฯ..."



    เสือโคร่งที่คำรามแยกเขี้ยวอยู่เบื้องหน้ากระโจนเข้าหมายขย้ำกลดนั้นให้แหลกคาอุ้งเล็บ !...
    ประหนึ่งมีกำแพงแก้วปกคลุมอาณาเขต ตลอดร่างแปดศอกของเสือร้ายร่วงฟาดลงกับพื้น
    ในเสี้ยววินาทีก่อนจะถึงปลายร่มกลด เจ้าโคร่งลุกยืนสี่ตีนเผ่นเข้าใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็
    ไม่อาจผ่านขอบเขตพุทธคุณกำแพงแก้วได้แม้กระทั่งเส้นขน...

    องอัมรินทร์คำรามลั่นแล้วบ่ายทิศมุ่งหน้าสู่กลดที่สาม...


    ในกลดสุดท้าย...พระหนุ่มนั่งขัดสมาธิเท้าขวาซ้อนเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ตัวตรงไม่เกร็ง ในมือ
    ปราศจากบทสวดใด ๆ ท่านทอดสายตาลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง มุมปากยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะอธิษฐานกับ
    พื้นธรณี


    "อาตมาสละเส้นผม ขนคิ้ว ในวันแรกที่ออกผนวช...
    เพราะสิ่งเหล่านั้นคือเครื่องถ่วง เครื่องภาระ
    เล็บ ฟัน และผิวหนังของอาตมา
    จักเหี่ยวย่นและหลุดร่วงไป

    อาตมาสละแล้วซึ่งทุกสิ่ง
    เพื่อค้นหาความจริงอันยิ่งใหญ่
    เลือดเนื้อเอ็นกระดูกในร่างกาย
    อาตมาไม่อาลัยไม่ยินดี

    บัดนี้เสือร้ายอยู่เบื้องหน้า
    อาตมาจักแผ่เมตตาให้
    หากมีหนี้กรรมกันอยู่ไซร้
    มาเอาไปร่างเราไม่สำคัญฯ..."



    เสือโคร่งที่คำรามแยกเขี้ยวอยู่เบื้องหน้า คู้กายหมอบลงอย่างสิ้นฤทธิ์ พระหนุ่มเปิดม่านกลดออกมาดู
    สภาพประหลาดนั้นอย่างแปลกใจ เสือใหญ่คลานเข้ามาเลียที่สองเท้าของพระภิกษุเหมือนเสือเลี้ยง
    ตามสวนสัตว์

    องค์อัมรินทร์คืนพระองค์สู่ร่างทิพย์ดุจเดิม รัศมีเรืองรองไปทั่วราตรี ท้าวไตรตรึงษ์กราบขอขมาพระภิกษุ
    ทั้งสามรูปแล้วเสด็จกลับคืนสู่วิมาน...


    .......................................................................................

    คาถาทั้งสองในเรื่องถอดมาจากเทปเพลงธรรมะนะคะ

    จากคุณ : กระต่าย - [ 16 มี.ค. 47 15:17:59 A:169.210.9.9 X: ]