+ + ความหมายซุกซ่อนเอาไว้….ในดวงตาหวาน (2ตอนจบ)+ + (ตอนที่1)




    + +pinkrose+pinkrose+ ร้านเปปเปอร์มูน……pinkrose+pinkrose++


                 

    เธอเคยรู้ไหมว่าใคร      เฝ้ามองตามเธอไปทุกแห่ง


    เก็บเธอเป็นแรงให้ใจทุกวัน     เก็บไว้มานาน..นนน



                      ขณะที่โอกรีเดินย่างกรายเข้ามาในร้าน  เปปเปอร์มูน  ร้านอาหารไทยๆที่ดูไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป  แต่มากมายไปด้วยบรรยากาศยามเย็นสบายๆ   สำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศยามพลบค่ำของธรรมชาติตอนเย็นย่ำ  มากกว่าแสงสีของหลอดไฟนีออน  บรรยากาศเรียบง่ายสบายๆแบบนี้พบได้ที่ร้านเปปเปอร์มูนแห่งนี้  วันนี้โอกรีนัดเจอเพื่อนสนิทสาวให้มาพบกันที่ร้านแห่งนี้   ในขณะที่กำลังนั่งรอเพื่อนสาวอยู่นั้น  เพลงเก่าๆช้าๆเพลงนี้ก็แว่วขึ้นมา….  

                     เพลงนี้กี่ปีมาแล้วนะ  หาฟังเพลงเก่าๆแบบนี้ไม่ค่อยได้แล้ว   เพราะความเก่าของมันนะเอง    ดาราสาวคนที่ร้องเพลงเพลงนี้ป่านนี้ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้   โตเป็นสาวขนาดไหนก็ไม่รู้ได้    แต่ได้ยินเพลงนี้ทีไรอดใจที่จะนึกถึงคราวแรกๆที่เธอได้ยินเพลงนี้ไม่ได้   เมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้น    ใครคนหนึ่งที่ร้องเพลงๆนี้เอาไว้  ในค่ำคืนวันเฟรชชี่ไนท์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1เมื่อหลายปีก่อนโน้น   คนที่ร้องเพลงนี้ในค่ำคืนนั้นก็คือ “ พี่ท็อพ”   ชายหนุ่มเจ้าของ " ดวงตาช่างฝัน " คนที่เธอไม่ได้เจอเขานานมากแล้วคนนั้นนะ…    

     

    @@@ หลายปีก่อน…….



                      นั่นยังไงล่ะ  เอาอีกแล้ว  เอาอีกแล้ว  ก็จะอะไรอีกล่ะ  ก็โอกรีเจอะเจอเข้ากับแววตาหวานซึ้งปนเศร้าๆ  แกมชวนฝันหน่อยๆของเจ้าของเสียงเพลงนั่นอีกแล้วล่ะสิ   ใครคนที่ครั้งหนึ่งโอกรีแอบเรียกเขาว่า  “  เจ้าของดวงตาชวนฝัน ”   โอกรีเคยเรียกเขาว่าอย่างนั่นนะ  ก็เรียกเขาแบบนั้นมาตั้งแต่ตอนที่โอกรีมีโอกาสเข้าไปเรียนที่สถาบันการศึกษาแห่งนั้นครั้งแรกนะละ

                     และครั้งแรกที่พบเขา  เจ้าของดวงตาชวนฝันคู่นั้น  ก็ที่งานเฟรชชี่ไนท์ เมื่อตอนต้นเทอมของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ยังไงล่ะ   ตอนนั้นเขาคนนั้นเป็นรุ่นชั้นปีที่ 2  เอกดนตรี   ซึ่งเอกดนตรีที่ว่านั้นรับผิดชอบเป็นแม่งานใหญ่ในค่ำคืนเฟรชชี่ไนท์ คืนนั้น  และเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มนักดนตรีที่ขึ้นไปให้ความบันเทิงในค่ำคืนของวันนั้น…

                      นอกจากเสียงครวญเพลงด้วยสำเนียงอันนุ่มหู   พอๆกับเสียงเปียโนที่พริ้วไหวแล้ว  เขาก็ยังมีดวงตาชวนฝันคู่นี้แหละที่ทำเอาโอกรีหลงใหลเขาเสียมากมาย   คืนนั้นเธอเผลอนั่งจ้องเขาเสียนาน  นานจน  จนกระทั่งเขาร้องเพลงเพลงนั้นจบไปแล้วตั้งนาน  โอกรีก็ยังไม่ยอมละสายตาจากดวงตาคู่ชวนฝันนั้นของเขา  ไม่รู้ละ  ใครจะว่ายังไงก็ช่าง  จะว่าโอกรีใจง่าย  รักคนง่าย  ชอบคนง่ายก็ช่าง   ก็โอกรีหลงเสน่ห์ของดวงตาชวนฝันของดวงตาคู่นั้นของเขาเข้าแล้วนี่นา  ในเมื่อโอกรีไม่ยอมละสายตาจากใบหน้าของเขา   เขาก็เลยรู้ตัวว่า  มีสายตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองของใครบางคน   ที่จ้องมองมาทางเขาอย่างไม่วางตา   พอเขารู้ตัวเขาก็เลย..ส่งยิ้มหวาน..ลอยละลิ่วมาจากบนเวทีมาที่โอกรีซึ่งเป็นน้องใหม่ยังไม่ครบหนึ่งเดือนดี  ที่นั่งฟังเพลงบนเก้าอี้แถวหน้าสุดของงาน  ก่อนที่เขาจะเดินลงจากเวทีเพื่อไปพักดื่มน้ำและอาหาร   ปล่อยให้นักดนตรีอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นทำหน้าที่ขับกล่อมน้องๆในงานแทน  

                     โอกรีมีโอกาสได้รู้จักพี่เขาก็ตอนนี้แหละ  ก็แม่เพื่อนสาวของเธอนะสิ  ยายณัฐสุดาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งมารู้จักสนิทสนมกันที่คณะวิทยาการจัดการ เอกการเงินและการธนาคารคณะเดียวกันกับเธอ   ยายณัฐสุดาหรือณัฐ   ยายณัฐเธอเป็นคนช่างพูด   พูดเป็นต่อยหอยเลยเชียว  แถมยังแอบกรี๊ดพี่ดวงตาช่างฝันคนนี้พอๆกับเธอ   เพียงแต่เธอไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเองว่า " ชอบ " อย่างออกนอกหน้าเช่นยายณัฐสุดา  และแล้วแม่เพื่อนสนิทสาวก็สืบสาวหาข่าวคราวของพี่นักดนตรีดวงตาชวนฝันคนนั้นมาเล่าให้เธอฟัง   ในระยะเวลาไม่นานแค่เพียงพี่คนนั้นเค้าก้าวลงมาจากเวที แม่เพื่อนสนิทสาวก็ได้เรื่องราวของพี่ดวงตาชวนฝันคนนั้นมาเล่าเรียบร้อย เชื่อเค้าเลยว่าสืบเร็วจริงๆ ทั้งที่ยายณัฐเองก็เพิ่งจะรู้จักพี่คนนั้นพร้อมๆกับเธอ   ณัฐสุดาเล่าว่า

                      “  พี่เขาชื่อว่า  “  พี่ท็อพ” เรียนเอกดนตรีปีที่ 2 เป็นหนุ่มเชียงใหม่ที่ย้ายตามครอบครัว  ก็คุณพ่อพี่เค้านะแหละ   พ่อเค้าย้ายมารับตำแหน่งใหม่จังหวัดเรา  เห็นเค้าบอกว่านิสัยดีนะ  เหล้า ยา  ปลาปิ้งไม่แตะ บุหรี่ไม่สูบ  เป็นหนุ่มไร้สารตะกั่ว  อือ..ดีนะเธอหายากๆๆนะผู้ชายแบบนี้   และที่สำคัญมากๆก็คือ...โสด….ดดด ด้วยนะ  แซวๆกันว่าดูๆใจกันอยู่กับพี่อันนา  รุ่นพี่ปี2 เอกการตลาดคณะเรานะ  ไม่มีใครยอมรับใคร   มีแต่เสียงแซวๆกันในหมู่เพื่อนฝูงว่าดูๆกันอยู่อะนะ  “  โอกรีนั่งฟังเพื่อนสนิทสาวที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงเดือนเล่าให้ฟังอย่างเงียบๆ  ก็จะไม่เงียบได้ยังไงกันละ ก็ยายณัฐเปิดปากคุยอยู่คนเดียว  ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรเลย  ทั้งที่เสียงที่ณัฐสุดาเพื่อนสาวกำลังเล่านั้นดังไม่ใช่น้อย  เธอเองก็พยายามห้ามปรามเพื่อนสาวว่าให้ลดๆเสียงลงมาหน่อย  เพราะใครๆเริ่มที่จะมองมาที่เธอและณัฐสุดากันแล้วแต่เพื่อนสาวก็หาฟังไม่  เธอยังคงเล่าเรื่องพี่ท๊อปหนุ่มนักดนตรีดวงตาชวนฝันคนนั้นต่อไป

                     “ พี่เค้าชอบเล่นเปียโนพอๆกับเป่าแซคโซโฟน   เค้าเล่าอีกนะว่าท่าเป่าแซคโซโฟนของพี่แกโคตะระเท่ห์มากๆ   ว่างๆ  ฉันต้องขอลงมานั่งฟังพี่แกเป่าแซคซะหน่อยแล้ว   แต่ที่แย่คือ  พี่แกไม่ค่อยพูด  เอาแต่ยิ้มๆอะนะ   เฮ้อ..แบบนี้..สงสัยฉันจะได้เป็นฝ่ายคุยให้พี่แกฟังข้างเดียวแน่ๆ   แต่ก็ดีเนอะ  มีคนฟังเราพูด  รู้มาเท่านี้แหละ   และก็ได้เบอร์มือถือพี่แกมาด้วยแหละ  แจ๋วมั้ยเธ๊อ..อออ  “  ณัฐสุดาเล่าเรื่องที่เธอไปสืบเสาะมานั้นให้โอกรีฟัง  

                     นั่นเป็นครั้งแรกที่โอกรีรู้จักเขา  จากนั้นโอกรีเจอกับพี่ท็อพบ่อยๆเพราะว่า  พี่ท็อพชอบแวะเวียนมาที่คณะวิทยาการจัดการที่โอกรีเรียนอยู่บ่อยๆ   เธอเลยได้เจอเขาแทบทุกวัน   และทุกเช้าก็ว่าได้   อาจจะเป็นเพราะว่า  ห้องเรียนส่วนใหญ่ของเอกดนตรีอยู่ที่ตึกวิทยาการจัดการของเธอนี่เองกระมัง  โอกรีก็เลยมีโอกาสเจอพี่ท็อพบ่อยๆ    “ พี่ท็อพ ”  เป็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด  ผิวสีขาว  แลดูไม่สูงมากมายนัก  เมื่อเทียบกับนายเสาไฟฟ้าเพื่อนร่วมคณะ  นายคนนั้นสูงเกิน 180 เซ็นติเมตรไปแล้ว  แต่พี่ท็อพคงสูงราวๆ 170 กว่าๆได้กระมัง  มองผิวเผินก็คล้ายๆ…ผู้ชายอย่างว่าเหมือนกันนะ  มองอีกทีก็แนวๆเด็กญี่ปุ่น แนวๆ ทักกี้  หรือแนวเกาหลีอย่าง วอน บิน ได้เหมือนกันนะเนี่ย  อันนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจในการมอง  แต่โอกรีชอบมองว่า  พี่ท็อพของเธอคล้ายๆ  วอน  บินอะ  แนวๆนั้น

                     โอกรีชอบนั่งมองพี่ท็อพ  โดยเฉพาะตอนที่พี่ท็อพเล่นเปียโนอยู่บนเวที  นอกจากใบหน้าหล่อเหลา  ดวงตาชวนฝัน  เสียงครวญเพลงอันนุ่มละไมหู  แล้วก็มีเสียงเปียโนของเขาเนี่ยแหละที่มัดใจเธอได้ดีขนาด..ดดด  เธอบอกตัวเองว่า  เสียงเปียโนของเขามันช่างตราตรึงเธอเอาไว้  จนบางครั้ง  โอกรีก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า  ที่เธอหลงใหลเขานั้น  เพราะอะไรกันแน่  ใบหน้าหล่อเหลา  ดวงตาชวนฝัน  เสียงเพลงอันนุ่มหู  หรือเสียงเปียโนอันพริ้วไหวอันนี้  หรือว่า  เธอหลงใหลทุกอย่างที่รวมตัวเป็นเขากันแน่….

                     ถึงขนาดที่ว่า  ถ้าวันไหนโอกรีไม่มีเรียน  โอกรีจะชวนเพื่อนๆที่สนิทกันในกลุ่มเธอ ไปนั่งดูพี่ท็อพและเพื่อนๆซ้อมดนตรีที่ห้องใต้ถุนตึกวิทยาการจัดการของเธอ  แค่..ไปนั่งดูเท่านั้นล่ะ  สิทธิ์ของเธอมีเพียงเท่านี้นี่นา  แค่ได้ดู  แค่ได้มอง  แค่ได้ฟัง  มันก็เกินพอแล้ว  เพราะพี่ท็อพที่เธอหลงใหลได้ปลื้มคนนี้มีหญิงสาวคนรู้ใจไปเรียบร้อยแล้ว  คงตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่เข้ามาเรียนที่นี่กระมัง  

                     ส่วนแฟนเพลงที่หลงใหลพี่ท็อพทำนองเดียวกับเธอก็มีเกือบทุกคณะ  ที่สำคัญโอกรีไม่อยากอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น  คนที่แสดงตัวออกโจ่งแจ้งและพยายามแย่งชิงเขาจากหญิงสาวคนที่เขารักคนนั้น  เธอขอดูอยู่ห่างๆดีกว่า  สบายใจกว่ากันแยะ   วัยอย่างโอกรียังไม่จำเป็นต้องแสวงหาในเรื่องพวกนี้เร็วนักหรอก  เรียนก่อนดีกว่า  แค่เพียงได้แอบชื่นชม  ได้แอบปลาบปลื้มเขาเงียบๆก็คงเพียงพอแล้วละ  เธอพอใจแล้ว…

                     ในตอนนั้น  พี่น้ำหนึ่งคนที่หัวฟูๆที่เป็นหัวหน้าห้อง  หัวหน้าวงดนตรี  และเป็นใครอีกคนที่เล่นคีย์บอร์ดใกล้ๆพี่ท๊อป  ทำท่าว่าจะชอบพอโอกรีจนออกนอกหน้า  ไม่ว่าเขาจะเล่นดนตรีที่ไหน  งานอะไร  ถ้าเห็นโอกรีนั่งฟังเพลงอยู่แถวๆนั้น  เขาเป็นต้องจับไมค์มา  แล้วก็เอ่ยมอบเพลงอันดับต่อไปให้เธอแทบจะทันที

                      “เอ่อ…อะแฮ่ม…มมม  เพลงนี้  ขอมอบให้น้องโอกรี  บัญชีปี 1นะครับ  “

                     “ โห่   หิ้ว….ววว  อะไรว๊า  อะไรๆ ทำงี้ได้ยังไงว๊า  “

                     “  ทำอย่างนี้ได้ยังไงคร้าบ..บบบ  เพลงของประชาชนนะคร๊าบ  ทำไมมอบให้น้องโอกรีคนเดียว   ทำงี้ได้ไงไอ้คุณหนึ่ง  ทำงี้ได้ไง..งั้นผมเอาบ้าง   เพลงนี้ผมก็มอบให้น้องแพรว  วิทย์ปี1เช่นกันครับ แฮ่… ”

                     “  โห   อะไรว๊าๆ   “   ผลจากการกระทำของเขาคือ  เสียงโห่ร้อง  และผิวปากแซว  ติดตามมาอีกนานโข  ใครๆก็เลยแซวๆว่า “ พี่น้ำหนึ่งชอบโอกรี”  หมายความถึง  พี่น้ำหนึ่งจีบโอกรี  ทั้งที่  โอกรีไม่เคยคิดกับพี่น้ำหนึ่งอย่างนั้นเลยสักครั้งเดียว

                     ในตอนเช้าก่อนเข้าเรียนในทุกๆวัน  พี่น้ำหนึ่งชอบมานั่งแกะโน้ตเพลงที่ม้าหินอ่อนใต้ถุนตึกวิทยาการจัดการของเธอ  ก่อนเดินไปเรียนวิชาในภาคเช้าของอีกตึก  เช่นเดียวกับโอกรีที่ชอบมาเรียนแต่เช้าๆ  เพราะจะได้มีเวลาทำความเข้าใจกับเรื่องที่จะต้องเข้าเรียนในชั่วโมงต่อไป   การเจอกันที่เดิมทุกๆเช้าเลยทำให้โอกรีและพี่น้ำหนึ่งค่อนข้างสนิทกันมากเป็นพิเศษ  บ่อยครั้งที่พี่น้ำหนึ่งร้องเพลงแล้วชอบส่งสายตาหวานซึ้ง  แล้วเมียงมองมาที่โอกรีบ่อยๆ  

                    โอกรีไม่ชอบสายตาแบบนั้นของพี่เค้าเลย  ไม่ยักกะหมือนพี่ท็อพ  ที่โอกรีต้องหาโอกาสมองเวลาที่เขาเงยหน้าจากแป้น  มาร้องเพลง  โอกรีชอบมองดวงตาชวนฝันคู่นั้น  มอง  มอง และไม่เคยสักครั้งที่โอกรีจะหลบสายตาคู่นั้นของเขา  ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาร้องเพลง หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาและเธอเดินสวนทางกัน  และในครั้งนี้  ก็เช่นกัน  ต่างคนต่างไม่มีใครหลบใคร  ต่างคนต่างมอง  นานครั้งเข้า  เขาก็เล่นเปียโนผิดๆถูกๆ     หนักเข้าก็เจอเหล่าบรรดาสาวๆแซวเอาจากหน้าเวที  ที่ท็อพให้เหตุผลว่า

                     “ คอนแทคเลนส์มันไม่เข้าที่ครับ  ผมเลยมองโน้ตไม่ชัด “   จะเป็นไปได้ยังไงกัน  พี่ท็อพแทบจะหลับตาท่องโน๊ตเพลงได้คนนั้น่นะนะ  ที่จะลืมโน้ตเพลง  ทำให้เล่นดนตรีผิดๆถูกๆ  เธอไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย  

                     นับจากวันเวลาเหล่านั้น  มันก็ผ่านมานานนับแล้ว  ไม่เจอกันตั้ง 4 ปี อันเนื่องจากที่โอกรีเอ็นทร้านส์ใหม่แล้วไปติดที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ในคณะที่โอกรีใฝ่ฝันอยากจะเรียนนักหนา  แต่อีกเหตุผลหนึ่งของการตัดสินใจไปเรียนทั้งที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้ได้เพียงปีเดียวนั้น  โอกรีไม่ได้บอกใครว่าตัวเธอเองต้องไปเรียนต่ออีกที่ใหม่  ไปทั้งที่โอกรีกำลังสนุกสนานกับการเรียนที่นี่  ไม่แม้แต่จะร่ำลาเพื่อนสนิทหรือใครคนที่โอกรีรู้จัก  เพราะว่า โอกรีไม่อยากจะให้สิ่งเหล่านั้นมาขัดขวางความตั้งใจของโอกรี เหตุผลสำคัญในช่วงเวลานั้นก็คือ….โอกรีไปเพื่อลืม…..


    + + มอบรักมอบรัก+ +พรุ่งนี้มาต่อตอนจบให้นะคะ+  นะคะ+ +  มอบรักมอบรัก+ +


    + +แต่งงานแต่งงาน+ + ปล.+ + แต่งงานแต่งงาน+ +   วันนี้ได้ฟังเพลงเก่าๆเพลงนี้  เลยคิดถึงเรื่องราวใสๆ  สมัยเรียนวิทยาลัยขึ้นมาแว้บ..บบๆนะคะ  หุหุ  ( หัวเราะ  พยาบาลเกเรแอบ..ช่างฝันกะชาวบ้านเค้าเป็นเหมือนกันด้วยเหรอ เหอๆ    เรามีหลายเวอร์ชั่นนะคะ  อย่าตกใจไปๆ) สมัยนั้นแอบกรี๊ด..ดด  รุ่นพี่นักดนตรี  " รูปหล่อและตาหวาน..นน " (เอ่อ..แบบว่า...เมื่อก่อนเราแพ้ลูกะตาหวานๆนะคะ)  วันนี้พอได้ยินเพลง  " สบตา " เพลงนี้ขึ้นมา  แล้วคิดถึงเรื่องราวสมัยเป็นสาวน้อยๆนะคะ    หุหุ + + แต่งงานแต่งงาน+ +  

    แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 47 01:24:07

    แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 47 02:14:54

    จากคุณ : พยาบาลเกเร - [ 17 มี.ค. 47 01:56:44 ]