+ +
+
+ ร้านเปปเปอร์มูน
+
++
เธอเคยรู้ไหมว่าใคร เฝ้ามองตามเธอไปทุกแห่ง
เก็บเธอเป็นแรงให้ใจทุกวัน เก็บไว้มานาน..นนน
ขณะที่โอกรีเดินย่างกรายเข้ามาในร้าน เปปเปอร์มูน ร้านอาหารไทยๆที่ดูไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป แต่มากมายไปด้วยบรรยากาศยามเย็นสบายๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศยามพลบค่ำของธรรมชาติตอนเย็นย่ำ มากกว่าแสงสีของหลอดไฟนีออน บรรยากาศเรียบง่ายสบายๆแบบนี้พบได้ที่ร้านเปปเปอร์มูนแห่งนี้ วันนี้โอกรีนัดเจอเพื่อนสนิทสาวให้มาพบกันที่ร้านแห่งนี้ ในขณะที่กำลังนั่งรอเพื่อนสาวอยู่นั้น เพลงเก่าๆช้าๆเพลงนี้ก็แว่วขึ้นมา
.
เพลงนี้กี่ปีมาแล้วนะ หาฟังเพลงเก่าๆแบบนี้ไม่ค่อยได้แล้ว เพราะความเก่าของมันนะเอง ดาราสาวคนที่ร้องเพลงเพลงนี้ป่านนี้ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ โตเป็นสาวขนาดไหนก็ไม่รู้ได้ แต่ได้ยินเพลงนี้ทีไรอดใจที่จะนึกถึงคราวแรกๆที่เธอได้ยินเพลงนี้ไม่ได้ เมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้น ใครคนหนึ่งที่ร้องเพลงๆนี้เอาไว้ ในค่ำคืนวันเฟรชชี่ไนท์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1เมื่อหลายปีก่อนโน้น คนที่ร้องเพลงนี้ในค่ำคืนนั้นก็คือ พี่ท็อพ ชายหนุ่มเจ้าของ " ดวงตาช่างฝัน " คนที่เธอไม่ได้เจอเขานานมากแล้วคนนั้นนะ
@@@ หลายปีก่อน
.
นั่นยังไงล่ะ เอาอีกแล้ว เอาอีกแล้ว ก็จะอะไรอีกล่ะ ก็โอกรีเจอะเจอเข้ากับแววตาหวานซึ้งปนเศร้าๆ แกมชวนฝันหน่อยๆของเจ้าของเสียงเพลงนั่นอีกแล้วล่ะสิ ใครคนที่ครั้งหนึ่งโอกรีแอบเรียกเขาว่า เจ้าของดวงตาชวนฝัน โอกรีเคยเรียกเขาว่าอย่างนั่นนะ ก็เรียกเขาแบบนั้นมาตั้งแต่ตอนที่โอกรีมีโอกาสเข้าไปเรียนที่สถาบันการศึกษาแห่งนั้นครั้งแรกนะละ
และครั้งแรกที่พบเขา เจ้าของดวงตาชวนฝันคู่นั้น ก็ที่งานเฟรชชี่ไนท์ เมื่อตอนต้นเทอมของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ยังไงล่ะ ตอนนั้นเขาคนนั้นเป็นรุ่นชั้นปีที่ 2 เอกดนตรี ซึ่งเอกดนตรีที่ว่านั้นรับผิดชอบเป็นแม่งานใหญ่ในค่ำคืนเฟรชชี่ไนท์ คืนนั้น และเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มนักดนตรีที่ขึ้นไปให้ความบันเทิงในค่ำคืนของวันนั้น
นอกจากเสียงครวญเพลงด้วยสำเนียงอันนุ่มหู พอๆกับเสียงเปียโนที่พริ้วไหวแล้ว เขาก็ยังมีดวงตาชวนฝันคู่นี้แหละที่ทำเอาโอกรีหลงใหลเขาเสียมากมาย คืนนั้นเธอเผลอนั่งจ้องเขาเสียนาน นานจน จนกระทั่งเขาร้องเพลงเพลงนั้นจบไปแล้วตั้งนาน โอกรีก็ยังไม่ยอมละสายตาจากดวงตาคู่ชวนฝันนั้นของเขา ไม่รู้ละ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง จะว่าโอกรีใจง่าย รักคนง่าย ชอบคนง่ายก็ช่าง ก็โอกรีหลงเสน่ห์ของดวงตาชวนฝันของดวงตาคู่นั้นของเขาเข้าแล้วนี่นา ในเมื่อโอกรีไม่ยอมละสายตาจากใบหน้าของเขา เขาก็เลยรู้ตัวว่า มีสายตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองของใครบางคน ที่จ้องมองมาทางเขาอย่างไม่วางตา พอเขารู้ตัวเขาก็เลย..ส่งยิ้มหวาน..ลอยละลิ่วมาจากบนเวทีมาที่โอกรีซึ่งเป็นน้องใหม่ยังไม่ครบหนึ่งเดือนดี ที่นั่งฟังเพลงบนเก้าอี้แถวหน้าสุดของงาน ก่อนที่เขาจะเดินลงจากเวทีเพื่อไปพักดื่มน้ำและอาหาร ปล่อยให้นักดนตรีอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นทำหน้าที่ขับกล่อมน้องๆในงานแทน
โอกรีมีโอกาสได้รู้จักพี่เขาก็ตอนนี้แหละ ก็แม่เพื่อนสาวของเธอนะสิ ยายณัฐสุดาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งมารู้จักสนิทสนมกันที่คณะวิทยาการจัดการ เอกการเงินและการธนาคารคณะเดียวกันกับเธอ ยายณัฐสุดาหรือณัฐ ยายณัฐเธอเป็นคนช่างพูด พูดเป็นต่อยหอยเลยเชียว แถมยังแอบกรี๊ดพี่ดวงตาช่างฝันคนนี้พอๆกับเธอ เพียงแต่เธอไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเองว่า " ชอบ " อย่างออกนอกหน้าเช่นยายณัฐสุดา และแล้วแม่เพื่อนสนิทสาวก็สืบสาวหาข่าวคราวของพี่นักดนตรีดวงตาชวนฝันคนนั้นมาเล่าให้เธอฟัง ในระยะเวลาไม่นานแค่เพียงพี่คนนั้นเค้าก้าวลงมาจากเวที แม่เพื่อนสนิทสาวก็ได้เรื่องราวของพี่ดวงตาชวนฝันคนนั้นมาเล่าเรียบร้อย เชื่อเค้าเลยว่าสืบเร็วจริงๆ ทั้งที่ยายณัฐเองก็เพิ่งจะรู้จักพี่คนนั้นพร้อมๆกับเธอ ณัฐสุดาเล่าว่า
พี่เขาชื่อว่า พี่ท็อพ เรียนเอกดนตรีปีที่ 2 เป็นหนุ่มเชียงใหม่ที่ย้ายตามครอบครัว ก็คุณพ่อพี่เค้านะแหละ พ่อเค้าย้ายมารับตำแหน่งใหม่จังหวัดเรา เห็นเค้าบอกว่านิสัยดีนะ เหล้า ยา ปลาปิ้งไม่แตะ บุหรี่ไม่สูบ เป็นหนุ่มไร้สารตะกั่ว อือ..ดีนะเธอหายากๆๆนะผู้ชายแบบนี้ และที่สำคัญมากๆก็คือ...โสด
.ดดด ด้วยนะ แซวๆกันว่าดูๆใจกันอยู่กับพี่อันนา รุ่นพี่ปี2 เอกการตลาดคณะเรานะ ไม่มีใครยอมรับใคร มีแต่เสียงแซวๆกันในหมู่เพื่อนฝูงว่าดูๆกันอยู่อะนะ โอกรีนั่งฟังเพื่อนสนิทสาวที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงเดือนเล่าให้ฟังอย่างเงียบๆ ก็จะไม่เงียบได้ยังไงกันละ ก็ยายณัฐเปิดปากคุยอยู่คนเดียว ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรเลย ทั้งที่เสียงที่ณัฐสุดาเพื่อนสาวกำลังเล่านั้นดังไม่ใช่น้อย เธอเองก็พยายามห้ามปรามเพื่อนสาวว่าให้ลดๆเสียงลงมาหน่อย เพราะใครๆเริ่มที่จะมองมาที่เธอและณัฐสุดากันแล้วแต่เพื่อนสาวก็หาฟังไม่ เธอยังคงเล่าเรื่องพี่ท๊อปหนุ่มนักดนตรีดวงตาชวนฝันคนนั้นต่อไป
พี่เค้าชอบเล่นเปียโนพอๆกับเป่าแซคโซโฟน เค้าเล่าอีกนะว่าท่าเป่าแซคโซโฟนของพี่แกโคตะระเท่ห์มากๆ ว่างๆ ฉันต้องขอลงมานั่งฟังพี่แกเป่าแซคซะหน่อยแล้ว แต่ที่แย่คือ พี่แกไม่ค่อยพูด เอาแต่ยิ้มๆอะนะ เฮ้อ..แบบนี้..สงสัยฉันจะได้เป็นฝ่ายคุยให้พี่แกฟังข้างเดียวแน่ๆ แต่ก็ดีเนอะ มีคนฟังเราพูด รู้มาเท่านี้แหละ และก็ได้เบอร์มือถือพี่แกมาด้วยแหละ แจ๋วมั้ยเธ๊อ..อออ ณัฐสุดาเล่าเรื่องที่เธอไปสืบเสาะมานั้นให้โอกรีฟัง
นั่นเป็นครั้งแรกที่โอกรีรู้จักเขา จากนั้นโอกรีเจอกับพี่ท็อพบ่อยๆเพราะว่า พี่ท็อพชอบแวะเวียนมาที่คณะวิทยาการจัดการที่โอกรีเรียนอยู่บ่อยๆ เธอเลยได้เจอเขาแทบทุกวัน และทุกเช้าก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะว่า ห้องเรียนส่วนใหญ่ของเอกดนตรีอยู่ที่ตึกวิทยาการจัดการของเธอนี่เองกระมัง โอกรีก็เลยมีโอกาสเจอพี่ท็อพบ่อยๆ พี่ท็อพ เป็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด ผิวสีขาว แลดูไม่สูงมากมายนัก เมื่อเทียบกับนายเสาไฟฟ้าเพื่อนร่วมคณะ นายคนนั้นสูงเกิน 180 เซ็นติเมตรไปแล้ว แต่พี่ท็อพคงสูงราวๆ 170 กว่าๆได้กระมัง มองผิวเผินก็คล้ายๆ
ผู้ชายอย่างว่าเหมือนกันนะ มองอีกทีก็แนวๆเด็กญี่ปุ่น แนวๆ ทักกี้ หรือแนวเกาหลีอย่าง วอน บิน ได้เหมือนกันนะเนี่ย อันนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจในการมอง แต่โอกรีชอบมองว่า พี่ท็อพของเธอคล้ายๆ วอน บินอะ แนวๆนั้น
โอกรีชอบนั่งมองพี่ท็อพ โดยเฉพาะตอนที่พี่ท็อพเล่นเปียโนอยู่บนเวที นอกจากใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาชวนฝัน เสียงครวญเพลงอันนุ่มละไมหู แล้วก็มีเสียงเปียโนของเขาเนี่ยแหละที่มัดใจเธอได้ดีขนาด..ดดด เธอบอกตัวเองว่า เสียงเปียโนของเขามันช่างตราตรึงเธอเอาไว้ จนบางครั้ง โอกรีก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ที่เธอหลงใหลเขานั้น เพราะอะไรกันแน่ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาชวนฝัน เสียงเพลงอันนุ่มหู หรือเสียงเปียโนอันพริ้วไหวอันนี้ หรือว่า เธอหลงใหลทุกอย่างที่รวมตัวเป็นเขากันแน่
.
ถึงขนาดที่ว่า ถ้าวันไหนโอกรีไม่มีเรียน โอกรีจะชวนเพื่อนๆที่สนิทกันในกลุ่มเธอ ไปนั่งดูพี่ท็อพและเพื่อนๆซ้อมดนตรีที่ห้องใต้ถุนตึกวิทยาการจัดการของเธอ แค่..ไปนั่งดูเท่านั้นล่ะ สิทธิ์ของเธอมีเพียงเท่านี้นี่นา แค่ได้ดู แค่ได้มอง แค่ได้ฟัง มันก็เกินพอแล้ว เพราะพี่ท็อพที่เธอหลงใหลได้ปลื้มคนนี้มีหญิงสาวคนรู้ใจไปเรียบร้อยแล้ว คงตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่เข้ามาเรียนที่นี่กระมัง
ส่วนแฟนเพลงที่หลงใหลพี่ท็อพทำนองเดียวกับเธอก็มีเกือบทุกคณะ ที่สำคัญโอกรีไม่อยากอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น คนที่แสดงตัวออกโจ่งแจ้งและพยายามแย่งชิงเขาจากหญิงสาวคนที่เขารักคนนั้น เธอขอดูอยู่ห่างๆดีกว่า สบายใจกว่ากันแยะ วัยอย่างโอกรียังไม่จำเป็นต้องแสวงหาในเรื่องพวกนี้เร็วนักหรอก เรียนก่อนดีกว่า แค่เพียงได้แอบชื่นชม ได้แอบปลาบปลื้มเขาเงียบๆก็คงเพียงพอแล้วละ เธอพอใจแล้ว
ในตอนนั้น พี่น้ำหนึ่งคนที่หัวฟูๆที่เป็นหัวหน้าห้อง หัวหน้าวงดนตรี และเป็นใครอีกคนที่เล่นคีย์บอร์ดใกล้ๆพี่ท๊อป ทำท่าว่าจะชอบพอโอกรีจนออกนอกหน้า ไม่ว่าเขาจะเล่นดนตรีที่ไหน งานอะไร ถ้าเห็นโอกรีนั่งฟังเพลงอยู่แถวๆนั้น เขาเป็นต้องจับไมค์มา แล้วก็เอ่ยมอบเพลงอันดับต่อไปให้เธอแทบจะทันที
เอ่อ
อะแฮ่ม
มมม เพลงนี้ ขอมอบให้น้องโอกรี บัญชีปี 1นะครับ
โห่ หิ้ว
.ววว อะไรว๊า อะไรๆ ทำงี้ได้ยังไงว๊า
ทำอย่างนี้ได้ยังไงคร้าบ..บบบ เพลงของประชาชนนะคร๊าบ ทำไมมอบให้น้องโอกรีคนเดียว ทำงี้ได้ไงไอ้คุณหนึ่ง ทำงี้ได้ไง..งั้นผมเอาบ้าง เพลงนี้ผมก็มอบให้น้องแพรว วิทย์ปี1เช่นกันครับ แฮ่
โห อะไรว๊าๆ ผลจากการกระทำของเขาคือ เสียงโห่ร้อง และผิวปากแซว ติดตามมาอีกนานโข ใครๆก็เลยแซวๆว่า พี่น้ำหนึ่งชอบโอกรี หมายความถึง พี่น้ำหนึ่งจีบโอกรี ทั้งที่ โอกรีไม่เคยคิดกับพี่น้ำหนึ่งอย่างนั้นเลยสักครั้งเดียว
ในตอนเช้าก่อนเข้าเรียนในทุกๆวัน พี่น้ำหนึ่งชอบมานั่งแกะโน้ตเพลงที่ม้าหินอ่อนใต้ถุนตึกวิทยาการจัดการของเธอ ก่อนเดินไปเรียนวิชาในภาคเช้าของอีกตึก เช่นเดียวกับโอกรีที่ชอบมาเรียนแต่เช้าๆ เพราะจะได้มีเวลาทำความเข้าใจกับเรื่องที่จะต้องเข้าเรียนในชั่วโมงต่อไป การเจอกันที่เดิมทุกๆเช้าเลยทำให้โอกรีและพี่น้ำหนึ่งค่อนข้างสนิทกันมากเป็นพิเศษ บ่อยครั้งที่พี่น้ำหนึ่งร้องเพลงแล้วชอบส่งสายตาหวานซึ้ง แล้วเมียงมองมาที่โอกรีบ่อยๆ
โอกรีไม่ชอบสายตาแบบนั้นของพี่เค้าเลย ไม่ยักกะหมือนพี่ท็อพ ที่โอกรีต้องหาโอกาสมองเวลาที่เขาเงยหน้าจากแป้น มาร้องเพลง โอกรีชอบมองดวงตาชวนฝันคู่นั้น มอง มอง และไม่เคยสักครั้งที่โอกรีจะหลบสายตาคู่นั้นของเขา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาร้องเพลง หรือแม้กระทั่งตอนที่เขาและเธอเดินสวนทางกัน และในครั้งนี้ ก็เช่นกัน ต่างคนต่างไม่มีใครหลบใคร ต่างคนต่างมอง นานครั้งเข้า เขาก็เล่นเปียโนผิดๆถูกๆ หนักเข้าก็เจอเหล่าบรรดาสาวๆแซวเอาจากหน้าเวที ที่ท็อพให้เหตุผลว่า
คอนแทคเลนส์มันไม่เข้าที่ครับ ผมเลยมองโน้ตไม่ชัด จะเป็นไปได้ยังไงกัน พี่ท็อพแทบจะหลับตาท่องโน๊ตเพลงได้คนนั้น่นะนะ ที่จะลืมโน้ตเพลง ทำให้เล่นดนตรีผิดๆถูกๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย
นับจากวันเวลาเหล่านั้น มันก็ผ่านมานานนับแล้ว ไม่เจอกันตั้ง 4 ปี อันเนื่องจากที่โอกรีเอ็นทร้านส์ใหม่แล้วไปติดที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในคณะที่โอกรีใฝ่ฝันอยากจะเรียนนักหนา แต่อีกเหตุผลหนึ่งของการตัดสินใจไปเรียนทั้งที่เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้ได้เพียงปีเดียวนั้น โอกรีไม่ได้บอกใครว่าตัวเธอเองต้องไปเรียนต่ออีกที่ใหม่ ไปทั้งที่โอกรีกำลังสนุกสนานกับการเรียนที่นี่ ไม่แม้แต่จะร่ำลาเพื่อนสนิทหรือใครคนที่โอกรีรู้จัก เพราะว่า โอกรีไม่อยากจะให้สิ่งเหล่านั้นมาขัดขวางความตั้งใจของโอกรี เหตุผลสำคัญในช่วงเวลานั้นก็คือ
.โอกรีไปเพื่อลืม
..
+ + 
+ +พรุ่งนี้มาต่อตอนจบให้นะคะ+ นะคะ+ + 
+ +
+ +
+ + ปล.+ + 
+ + วันนี้ได้ฟังเพลงเก่าๆเพลงนี้ เลยคิดถึงเรื่องราวใสๆ สมัยเรียนวิทยาลัยขึ้นมาแว้บ..บบๆนะคะ หุหุ ( หัวเราะ พยาบาลเกเรแอบ..ช่างฝันกะชาวบ้านเค้าเป็นเหมือนกันด้วยเหรอ เหอๆ เรามีหลายเวอร์ชั่นนะคะ อย่าตกใจไปๆ) สมัยนั้นแอบกรี๊ด..ดด รุ่นพี่นักดนตรี " รูปหล่อและตาหวาน..นน " (เอ่อ..แบบว่า...เมื่อก่อนเราแพ้ลูกะตาหวานๆนะคะ) วันนี้พอได้ยินเพลง " สบตา " เพลงนี้ขึ้นมา แล้วคิดถึงเรื่องราวสมัยเป็นสาวน้อยๆนะคะ หุหุ + + 
+ +
แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 47 01:24:07
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 47 02:14:54
จากคุณ :
พยาบาลเกเร
- [
17 มี.ค. 47 01:56:44
]