คุณคิดเหมือนผมบ้างไหมครับ ว่าในการทำงานแต่ละชนิดแล้วนำ ถ้ามีตัวเงินเข้ามานั้น ก็จะถือว่าเป็นการลงทุน ซึ่งในการลงทุนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เราได้วางเอาไว้ และถ้าเราตัดสินใจที่จะทำการลงทุนแล้วนั้น สิ่งที่ตามมาต่อไปคือผลกำไรหรือถ้าโชคร้ายหน่อยก็อาจจะขาดทุนก็เท่านั้นเอง
ในการส่งประกวดนางงามก็เหมือนกับการทำธุรกิจครับ เพราะจะมีค่าใช้จ่ายมากมาย จิปาถะ ยาวออกมาเหมือนหางว่าว ถ้าสาวงามของเราประกวดนางงามได้รางวัลแล้วนั้น นั้นถือว่าธุรกิจที่เราลงทุนไปนั้นประสบผลสำเร็จ หรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่เจ๊ง ไม่ขาดทุนเท่านั้นเอง แต่ถ้าเราไม่มีสปอนเซอร์มาคอยลงทุนให้เราก่อน ผลออกมาก็ขาดทุนอยู่ดี ดังนั้นสปอนเซอร์ที่เข้ามาช่วยเหลือ ถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งปลา กันครับ
หน้าที่ในการหาสปอนเซอร์ จะเป็นหน้าที่ของบรรดาพี่เลี้ยงนางงาม ที่ต้องเป็นผู้เลือกสรรสปอนเซอร์ให้นางงามของตน สปอนเซอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้สาวงามประสบความสำเร็จในการขึ้นเวทีประกวด เคยมีเรื่องเล่ากันต่อๆ มาถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสปอนเซอร์ว่า มีสาวงามนางหนึ่งมาประกวดนางงามในตัวจังหวัดแห่งหนึ่ง พอเธอมารายงานตัวก่อนการประกวดแล้วนั้น เหล่าบรรดานางงามคนอื่นแทบจะไม่อยากที่จะประกวดแล้ว เพราะเธอเป็นนางงามเดินสาย หรือนางงามล่ารางวัล ไม่ว่าไปเวทีไหนไม่เคยพลาดรางวัลกลับมา เรียกว่าเป็นนางงามเต็งหนึ่งมาแบบม้วนเดียวจบ แต่พอผลการตัดสินใจออกมาแบบพลิกล็อคเธอพลาดรางวัลที่ 1 แต่เธอกลับได้เพียงรองอันดับ 1 สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ชมที่มาร่วมงานต่างโห่ร้อง แต่ที่สำคัญเธอทำใจไม่ได้กับคำตัดสินของคณะกรรมการอย่างแน่นอน ความพ่ายแพ้ไม่น่ามาเกิดขึ้นกับเธอ ทำให้เธอตัดสินใจโดนทิ้งถ้วยรางวัลพร้อมช่อดอกไม้ เหลียวซ้ายแลขวาแล้วหันไปอุ้มก้อนหินใหญ่ประมาณน้องๆ ลูกแตงโมจินตหราทุ่มใส่ขึ้นไปบนเวทีแทน เล่นเอาคณะกรรมการ ช่างภาพ นางงามที่ได้รับรางวัล และประชาชนที่มาชมการประกวด วงแตกหนีกันกระเจิง จนพี่เลี้ยงนางงามต้องวิ่งมาหยุดความคั่งแค้น พร้อมทั้งชี้หน้าด่า นางที่ทำตัวไม่งามด้วยเสียงดั่งสนั่นปานเสียงตีฆ้องร้องกล่าวฝ่าความเงียบในช่วงวิกฤต ให้เธอได้สำนึกเสียบ้างว่าสาวที่ไม่งามแต่กลับซิวตำแหน่งไปได้นั้นน่ะ คาดสายสะพายผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่ แล้วเธอลองก้มมาดูสายสะพายของตนเองดูบ้างสิ มีแค่กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นสปอนเซอร์ ไฉนจะใหญ่โตคับจังหวัดไปสู้รบตบมือกับเขาได้ ได้แค่ดีก็ดีถมไป แต่ถ้าจะให้สะใจกว่านี้ เอาถ้วยรางวัล ช่อดอกไม้ และคาดสายสะพายให้ผู้ว่าราชการไปเลยเห็นจะดีกว่า บางเวทีการแจกรางวัลเหมือนซื้อ 2 แถม 1 ประมาณนั้น คือมีหน่วยงานหนึ่งประกวดได้ทั้งรถขบวนแห่ โคมประดิษฐ์ กระทงประดิษฐ์ และอีกหลายๆ อย่างเรียกว่ามาแบบเหมานั้นแหละ กรรมการเลยให้สาวงามที่มาจากหน่วยงานนั้นได้ตำแหน่งเป็นนางงามไปอีก ถ้าสาวงามผู้นี้สวยก็คงไม่มีใครว่าอะไรหรอก นี่เล่นเขี่ยสาวงามที่สวยๆ ทิ้งหมด สาวงามเหล่านั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากนั่งร้องไห้ แต่เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงก็พากันร่วมใจโนรองเท้าขว้างขึ้นบนเวทีแทน กรณีนี้ก็มีให้เห็นกันมาแล้ว
ค่าสปอนเซอร์นั้นจะแตกต่างกันไปแล้วแต่งานประกวดงานนั้นว่ามีความใหญ่โตมากเพียงใด ส่วนมากค่าสปอนเซอร์จะอยู่ที่ประมาณ 3000 ถึง 10000 บาท ในส่วนของเงินสปอนเซอร์นี้เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงนางงามจะไม่แบ่งให้สาวงาม แต่อาจจะเจียดเงินมาแบ่งให้สาวงามเป็นค่าจ้างมาประกวดนอกเหนือจากเงินรางวัลบ้าง ที่เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงไม่แบ่งเงินจำนวนนี้แก่สาวงามเพราะพี่เลี้ยงถือว่านำมาหักเป็นค่าชุด ค่าแต่งหน้าทำผม ค่าถ่ายรูป ค่าข้าว ค่ารถ และอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่พี่เลี้ยงจะสารยายให้ฟัง
รายได้อีกส่วนหนึ่งที่สาวงามเมื่อประกวดได้รับรางวัลจากการประกวดก็คือเงินรางวัล ส่วนมากการแบ่งเงินรายได้จากการประกวดจะอยู่ที่ 50 ต่อ 50 แต่ถ้าสาวงามสวยและถือแต้มสูงกว่าพี่เลี้ยง เพราะพี่เลี่ยงต้องง้องอนให้มาประกวดก็อาจจะอยู่ที่ 60 ต่อ 40 หรือ 70 ต่อ 30 ส่วนของรางวัลอื่นๆ ที่เป็นถ้วยรางวัล สายสะพาย ช่อดอกไม้ เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงนางงามจะยกให้สาวงามของตนหมด
แต่ถึงเป็นอย่างที่กล่าว มีสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก็ยังปรากฏข่าวให้เห็นหลายคน หลายหนว่าเหล่าบรรดาสาวงามที่มาเป็นนางงามโกงพี่เลี้ยงบ้าง หรือพี่เลี้ยงอมเงินไปก็บ่อย ข่าวเหล่านี้มักจะจบที่ความเสียหายของบรรดาสาวงามที่พลิกผันตนเองมาเป็นนางงามเดินสาย เพราะพี่เลี้ยงคือผู้อยู่เบื้องหลังความงามเหมือนการปั้นดินให้เป็นดาว และตราบใดที่การประกวดยังมีอยู่ ข่าว (คาว) เหล่านี้ก็ยังมีคุณพบเห็นกันอย่างแน่นอน
จากคุณ :
ปลาการ์ตูน eang2546@thailmail
- [
19 มี.ค. 47 15:57:10
A:203.113.40.84 X:
]